บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 233 บททดสอบทั้งสาม
บทที่ 233 บททดสอบทั้งสาม
บทที่ 233 บททดสอบทั้งสาม
ในขณะที่กลุ่มของหวงฝู่ฉงหมิงกำลังไล่ตามเฉินซี ผู้บ่มเพาะบางคนก็ได้ค้นพบเส้นทางมงคลของค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำอีกเส้นทางหนึ่ง
เส้นทางแห่งชีวิต เส้นทางแห่งความงดงาม และเส้นทางแห่งการเริ่มต้นของค่ายกลแปดวิถีผนึกทองคำล้วนเป็นเส้นทางมงคล ส่วนเส้นทางแห่งการเจ็บป่วย เส้นทางแห่งความกลัว และเส้นทางแห่งความมั่งคั่งล้วนเป็นเส้นทางที่อาจทำให้เกิดอันตราย เส้นทางแห่งความตายและเส้นทางแห่งการหลีกเลี่ยงล้วนเป็นเส้นทางที่อาจทำให้ถึงตาย แต่หลังจากที่เจ้าของขุมสมบัติได้ทวนทิศของหยินหยางแล้ว เส้นทางแห่งความตายและเส้นทางแห่งการหลีกเลี่ยงจะกลายเป็นเส้นทางมงคลแทน
ในบรรดาเส้นทางมงคลทั้งสองนี้ เส้นทางแห่งความตายเป็นเส้นทางมหามงคล และเป็นเส้นทางที่เฉินซีและหวงฝู่ฉงหมิงได้เข้าไป
ส่วนเส้นทางแห่งการหลีกเลี่ยงนั้น เป็นเส้นทางมงคลเล็ก และเป็นเส้นทางที่ผู้บ่มเพาะคนอื่นได้พบแทน
ในบรรดาผู้บ่มเพาะที่เข้าสู่เส้นทางแห่งการหลีกเลี่ยงนั้น เป็นกลุ่มของผู้บ่มเพาะชายสองคนและผู้บ่มเพาะหญิงหนึ่งคนซึ่งเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เข้าไป และพวกเขาก็คือ อันเชี่ยนอวี้จากนิกายกระบี่สะบั้นนภา หวังเต้าซวี่จากนิกายแสงจรัส และเจิ้นหลิวชิงจากหอวารีหมอก
ทั้งสามคนนี้เป็นผู้มีอิทธิพลและมีชื่อเสียงในหมู่ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางรุ่นเยาว์ ในแง่ของความแข็งแกร่ง สถานะ และอัตลักษณ์ พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่น่าเกรงขาม ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่ากลุ่มของหวงฝู่ฉงหมิงเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเหนือกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ
ดินแดนของราชวงศ์ซ่งนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และนอกจากดินแดนทางใต้ที่ตกต่ำลงอย่างมากแล้ว ผู้ที่มีความโดดเด่นก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในที่ราบตอนกลาง ทะเลตะวันออก และแดนเถื่อนทางตอนเหนือ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับดอกเห็ดที่เกิดขึ้นหลังฝนโปรย ทำให้ดินแดนเหล่านี้เจริญเฟื่องฟูเป็นอย่างยิ่ง
อันเชี่ยนอวี้ หวังเต้าซวี่และเจิ้นหลิวชิง เป็นบุคคลอัจฉริยะที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับอันเชี่ยนอวี้ที่มีอายุเพียงสิบเก้าปี แต่กลับบรรลุถึงขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูง และมีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาได้บุกไปที่หุบเขาจอมโจรหยก และได้ทำลายล้างกลุ่มจอมโจรเหยี่ยวเก้าจันทราที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ด้วยกระบี่เพียงลำพัง ดังนั้นชื่อของเขาจึงกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะ
กลุ่มจอมโจรเหยี่ยวเก้าจันทรานั้น ทุกคนต่างก็มีฐานการบ่มเพาะที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง นอกจากนี้ พวกมันยังได้ท่องไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะนับหลายปีและมีประสบการณ์การต่อสู้ที่ล้นเหลือ ถึงกระนั้น พวกมันล้วนล้มตายภายในถ้ำของตัวเองด้วยน้ำมือของอันเชี่ยนอวี้เพียงผู้เดียว ความสำเร็จในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้อย่างไร?
ส่วนหวังเต้าซวี่นั้น เป็นยอดอัจฉริยะที่ได้รับการสนับสนุนจากนิกายแสงจรัสในที่ราบตอนกลาง และเขาเกิดมาพร้อมกับกายาดวงจิตวายุโดยกำเนิด เมื่อตอนอายุสิบเจ็ดปี เขามีชื่อเสียงไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะ โดยอาศัยเขตแดนเต๋าแห่งสายลมที่สมบูรณ์แบบของเขา ทำให้เขากลายเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น ซึ่งเป็นศิษย์สายหลักของนิกายแสงจรัส และเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอันเชี่ยนอวี้เช่นกัน
และเจิ้นหลิวชิงนั้น ก็ไม่อาจประเมินนางต่ำเกินไป เพราะนางมาจากหอวารีหมอกที่ลึกลับและทรงพลังที่สุดในทะเลตะวันออก และนางมักเก็บตัวเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ แต่เหตุผลที่หญิงสาวคนนี้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ เป็นเพราะถ้อยคำที่จักรพรรดิซ่งคนปัจจุบันได้กล่าวไว้ว่า “ในบรรดาหญิงสาวที่มีพรสวรรค์ในโลกนี้ หากกล่าวถึงผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาแล้ว มีสามคนที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย คนแรกคือชิงซิ่วอี้จากนิกายกระเรียนพิสุทธิ์ ส่วนคนที่สองคือหวงฝู่ฉิงอิงผู้เป็นลูกสาวของข้า และคนที่สามก็คือเจิ้นหลิวชิงจากหอวารีหมอก”
ซึ่งความหมายของถ้อยคำเหล่านี้ชัดเจนมาก ในบรรดาผู้บ่มเพาะหญิงรุ่นเยาว์ของราชวงศ์ซ่งนั้น ชิงซิ่วอี้ หวงฝู่ฉิงอิง และเจิ้นหลิวชิงเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุด
และจักรพรรดิซ่งนั้นเป็นคนเช่นไหนนะ?
เขาเป็นจักรพรรดิเก้ามังกรของราชวงศ์ซ่งที่ยิ่งใหญ่ ผู้ครอบครองอำนาจมหาศาลและควบคุมโลก และทุกคำที่เขากล่าวนั้นมีน้ำหนัก ดังนั้นคนที่เขายกย่องจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร? เป็นเพราะถ้อยคำเหล่านี้เองที่ทำให้เจิ้นหลิวชิงผู้มักจะเก็บตัวและลึกลับ กลายเป็นที่รู้จักของเหล่าผู้บ่มเพาะในโลกแห่งการบ่มเพาะ
ในขณะนี้ คนรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นทั้งสามนี้ได้รวมตัวกัน และเป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าสู่เส้นทางแห่งการหลีกเลี่ยง ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับสมบัติมากมายจากขุมสมบัติ เช่น โอสถ วัตถุดิบ สมบัติล้ำค่า… แต่เส้นทางแห่งการหลีกเลี่ยงนั้นเป็นเส้นทางมงคลเล็ก จึงไม่สามารถเทียบได้กับเส้นทางแห่งความตายที่เฉินซีเข้าไป ดังนั้นสมบัติที่พวกเขาได้รับจึงด้อยกว่าสมบัติล้ำค่าที่เฉินซีได้รับไปโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเทียบกับกลุ่มของหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ ผลประโยชน์ของพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำให้คนคนหนึ่งต้องตาเขียวด้วยความอิจฉา
“ช่างน่าเสียดาย! หากพวกเราสามารถเข้าสู่เส้นทางแห่งความตายได้ก่อนหน้านี้ สมบัติที่เราจะได้รับก็น่าจะมากกว่าสิบเท่าของที่เราได้รับในตอนนี้ แต่ในตอนนี้ มันกลับเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มของหวงฝู่ฉงหมิงไปเสียแล้ว” หวังเต้าซวี่ถอนหายใจ เขาสวมหมวกทรงสูงและเสื้อคลุมปักลาย รูปร่างหน้าตาของเขาหล่อเหลาและไม่ธรรมดา และทุกการเคลื่อนไหวที่เขาทำ เผยให้เห็นถึงความสง่างามและมีอารยะที่ทำให้เขาดูไม่ธรรมดา
“ช่างมันเถอะ กลุ่มของหวงฝู่ฉงหมิงมีทั้งหมดมากกว่าสิบคน ดังนั้นแม้ว่าพวกมันจะได้รับสมบัติมากมาย แต่เมื่อแบ่งแล้ว มันก็เกือบจะเหมือนกับที่เราสามคนได้รับ” อันเชี่ยนอวี้กล่าวพร้อมกับแย้มยิ้ม เขาสวมเสื้อผ้าสีดำและมีรูปลักษณ์ที่สวยงามเหมือนผู้หญิง และร่างกายของเขาก็ดูอ้อนแอ้น แต่ทุกย่างก้าวของเขากลับมีกลิ่นอายเย็นยะเยือกและน่ากลัวเสมือนคมมีด ที่ทำให้คนอื่นไม่สามารถประเมินเขาต่ำไป
“ศิษย์พี่อันกล่าวได้ถูกต้องแล้ว อันที่จริง สมบัติที่สำคัญที่สุดน่าจะอยู่ที่โถงกลางของขุมสมบัติเฉียนหยวน และอยู่ที่ส่วนท้ายของเส้นทางทั้งหนึ่งพันแปดสิบบานนี้ ตามข้อมูลที่ข้าได้รับมา ที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่เจ้าของขุมสมบัติเฉียนหยวนได้เก็บสมบัติที่มีค่าที่สุดไว้จริง ๆ” เจิ้นหลิวชิงที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้นก็กล่าวออกมาทันที และน้ำเสียงของนางก็ไพเราะราวกับเสียงร้องของนกขมิ้นที่อยู่ในช่องเขาอันเงียบสงบ ซึ่งให้ความรู้สึกอันน่ารื่นรมย์และทำให้ใจหวั่นไหว
นางงดงามและอรชรยิ่งนัก มีดวงตาใสกระจ่างและผิวพรรณผ่องขาว และนางมีรูปร่างที่สง่างาม เส้นผมสีดำสนิทของนางถูกม้วนเป็นมวยสูงสง่างาม ซึ่งขับเน้นรูปลักษณ์ของนางให้ดูงดงามมากยิ่งขึ้น
“มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ข้าเองก็ได้ยินมาว่า ห้องโถงหลักของขุมสมบัติเฉียนหยวนมีโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าอยู่เก้าเม็ด กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าอยู่สิบสองวิชา และสมบัติล้ำค่าที่ลึกลับและทรงพลังอยู่ด้วย” หวังเต้าซวี่ถอนหายใจด้วยอารมณ์ “เฮ้อ โอสถทิพย์กำเนิดเต๋าเม็ดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องฆ่าฟันแย่งชิงเพื่อให้ได้มันมา แต่ขุมสมบัติเฉียนหยวนนี้กลับมีโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าถึงเก้าเม็ด และมันเป็นความฟุ่มเฟือยอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าทั้งสิบสองวิชานี้ มีสองวิชาที่เกี่ยวข้องกับการใช้มหาเต๋า และมันไม่ใช่สิ่งที่กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าทั่วไปจะเปรียบเทียบได้ หากนิกายใดสามารถได้มันมาครอบครอบเพียงแค่วิชาเดียว มันก็เพียงพอที่จะเป็นสมบัติประจำนิกาย”
อันเชี่ยนอวี้และเจิ้นหลิวชิงต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ และพวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากกับความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าของขุมสมบัติเฉียนหยวน
ไม่ว่าจะเป็นโอสถทิพย์กำเนิดเต๋า หรือกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า พวกมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถประเมิน ซึ่งมีเพียงการประสบด้วยความบังเอิญเท่านั้นจึงจะได้มันมาครอบครอง ยิ่งไปกว่านั้น หากมันปรากฏขึ้นที่โลกภายนอก ย่อมทำให้เกิดการนองเลือดไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะอย่างแน่แท้
“ว่าแต่สมบัติล้ำค่าที่ลึกลับและทรงพลังนั้นคือสิ่งใดหรือ?” อันเชี่ยนอวี้ถาม
“มันยากที่จะบอก เจ้าของขุมสมบัติเฉียนหยวนนี้เป็นเซียนสวรรค์ที่ไร้เทียมทาน และเขาน่าจะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในหมู่เซียนสวรรค์อยู่เช่นกัน ดังนั้นสมบัติล้ำค่าที่เขาเหลือทิ้งไว้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ส่วนมันจะเป็นสิ่งใดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถคาดเดาได้” หวังเต้าซวี่ส่ายศีรษะ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเราต้องการได้รับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋า กระบวนยุทธ์ระดับเต๋า และสมบัติล้ำค่าลึกลับ พวกเราล้วนต้องเผชิญกับบททดสอบทั้งสามที่เจ้าของขุมสมบัติเหลือทิ้งไว้ และข้าก็เข้าใจในบททดสอบทั้งสามนี้เป็นอย่างดี” เจิ้นหลิวชิงกล่าวช้า ๆ
ดวงตาของอันเชี่ยนอวี้และหวังเต้าซวี่เป็นประกายขณะที่พวกเขาเอ่ยถามอย่างต่อเนื่อง
เจิ้นหลิวชิงไม่ได้คิดที่จะปิดบังใด ๆ นางจึงอธิบายข้อมูลทั้งหมดที่ได้มา “บททดสอบแรก ‘สังหารตนเอง’ หลังจากที่เราเข้าสู่พื้นที่หลักของขุมสมบัติแล้ว ผู้บ่มเพาะทุกคนจะถูกส่งไปยังดินแดนมายา ภายในดินแดนมายาจะปรากฏร่างที่เหมือนกับตนเองขึ้นมา จากนั้นจะต้องเอาชนะร่างนี้ จึงจะสามารถผ่านบททดสอบแรกและได้รับกระบวนยุทธ์ระดับเต๋ามา อ้อ! โปรดระลึกไว้เสมอว่า ร่างที่มีลักษณะเหมือนตนเองนี้ จะมีความแข็งแกร่งเท่ากับเราทุกประการ นอกจากนี้ ถ้าใครล้มเหลวในบททดสอบแรก คนผู้นั้นจะถูกส่งออกจากขุมสมบัติ ยิ่งไปกว่านั้น บททดสอบแรกมีเพียงกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าอยู่สิบสองวิชาเท่านั้น จึงสรุปได้ว่า มีเพียงสิบสองคนแรกที่ผ่านบททดสอบเท่านั้นจึงจะได้รับมันไป ดังนั้น เมื่อเรามาถึงโถงหลักแล้ว เราต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อผ่านบททดสอบ”
อันเชี่ยนอวี้กับหวังเต้าซวี่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ สังหารตนเองนั้นคือการเอาชนะตนเอง บททดสอบนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวข้องกับการแข่งขันของจิตใจ ภูมิปัญญา และดวงจิตแห่งเต๋า จึงไม่สามารถประเมินมันต่ำเกินไปได้
“บททดสอบที่สอง ‘การหยั่งรู้ถึงเต๋า’ บททดสอบนี้เกี่ยวกับความเข้าใจ และโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าทั้งเก้านั้นเป็นตัวแทนของมหาเต๋าทั้งเก้าแห่งสวรรค์และโลก ตราบใดที่ครอบครองเต๋ารู้แจ้งมากกว่าเก้าชนิดแล้ว คนผู้นั้นย่อมมีโอกาสที่จะได้รับหนึ่งในโอสถทิพย์กำเนิดเต๋า ยิ่งไปกว่านั้น หากคนผู้นั้นครอบครองเต๋ารู้แจ้งมากกว่าเก้าชนิด คนผู้นั้นก็จะผ่านบททดสอบเร็วยิ่งขึ้น และคุณภาพของโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าที่ได้รับก็จะยิ่งใหญ่กว่า”
เจิ้นหลิวชิงกล่าวต่อ “บอกตามตรง ตัวข้านั้นครอบครองเต๋ารู้แจ้งอยู่สิบสามชนิด เป็นเต๋ารองอยู่เก้าชนิดและมหาเต๋าอีกสี่ชนิด ข้าคิดว่าศิษย์พี่อันและศิษย์พี่หวังก็คงจะไม่แตกต่างกันมากนัก จากการสังเกตของข้า ในบรรดาผู้บ่มเพาะที่เข้าสู่ขุมสมบัติเฉียนหยวนในครั้งนี้ มีเพียงหวงฝู่ฉงหมิง หลิวเฟิ่งฉือ หม่านหง หลินโม่เซวียน เซียวหลิงเอ๋อร์ และอีกสองสามคนเท่านั้นที่มีฝีมือทัดเทียมกับเรา และหากยึดตามนี้ เราย่อมมีโอกาสที่จะได้รับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋าอย่างแน่นอน”
“หากครอบครองเต๋ารู้แจ้งมากกว่าเก้าแบบ ก็ย่อมมีโอกาสได้รับโอสถทิพย์กำเนิดเต๋า?”
อันเชี่ยนอวี้และหวังเต้าซวี่ต่างก็ตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็จ้องมองกันและกันด้วยความประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลใด ๆ เหมือนที่เจิ้นหลิวชิงกล่าวไว้ เพราะพวกเขาทั้งคู่ได้หยั่งรู้เต๋ารู้แจ้งถึงสิบสามชนิดเช่นกัน แต่ความแตกต่างของพวกเขาอยู่ที่จำนวนมหาเต๋าและจำนวนเต๋ารอง
เช่นเดียวกับที่เจิ้นหลิวชิงกล่าว ในบรรดาเต๋ารู้แจ้งทั้งสิบสามชนิดของนาง มีเพียงสี่ชนิดเท่านั้นที่เป็นมหาเต๋าและอีกเก้าชนิดเป็นเต๋ารอง ส่วนอันเชี่ยนอวี้และหวังเต้าซวี่ก็เกือบจะเหมือนกัน
“บททดสอบที่สามคืออะไรหรือ?” อันเชี่ยนอวี้เอ่ยถาม
เจิ้นหลิวชิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่กล่าวว่า “อันที่จริง บททดสอบที่สามนั้นง่ายมาก มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหนีคอยปกป้องสมบัติล้ำค่าอันลึกลับชิ้นสุดท้าย แม้ว่าซวนหนีจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของมัน แต่ความแข็งแกร่งของมันก็เทียบได้กับผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี หากเราต้องการได้รับสมบัติลึกลับเช่นนั้น เราต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากมัน”
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหนี! รูม่านตาของอันเชี่ยนอวี้และหวังเต้าซวี่หดตัวทันทีพร้อมกับอุทานด้วยความตื่นตระหนก ในยุคบรรพกาล ซวนหนีเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก มันมีพลังที่สามารถยึดครองสวรรค์ และมีอำนาจที่จะเหยียบย่ำบนผืนดิน มันดุร้าย โหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และเอาแต่ใจ มันเชี่ยวชาญเต๋าแห่งสวรรค์อันลึกซึ้งมากมายโดยกำเนิด และแม้แต่เส้นขน กระดูก และผิวหนังของมันก็มีอักขระเต๋าที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง และซวนหนีที่โตเต็มวัย ก็สามารถตบเซียนสวรรค์ให้ตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของมัน!
ข้างในขุมสมบัติของเฉียนหยวนนี้ แท้จริงแล้ว กลับมีซวนหนีคอยเฝ้าสมบัติอยู่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหนี แต่มันก็มีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวเทียบได้กับขอบเขตเซียนปฐพี ดังนั้นจะมีผู้ใดในหมู่พวกเขาบ้างที่ไม่กลัวตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้?
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดมีฐานการบ่มเพาะที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี พวกเขาก็ยังคงด้อยกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติและขอบเขตสถิตกายาอยู่ดี และความแตกต่างเพียงขอบเขตเดียวก็สามารถทำให้คนสิ้นหวังได้แล้ว นับประสาอะไรกับสองขอบเขต? มันคงเป็นระยะทางที่เหมือนเหวลึก ความแตกต่างอย่างกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับโลก!
เจิ้นหลิวชิงเข้าใจความรู้สึกของสองคนนี้เป็นอย่างดี เมื่อนางเห็นท่าทางของพวกเขาเปลี่ยนไป นายจึงยิ้มพร้อมกับปลอบใจพวกเขา “เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตกับซวนหนี แค่คอยหลีกเลี่ยงมันและหาโอากาสแย่งชิงสมบัติมาก็พอแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดให้ต้องกลัว”
“ใช่แล้ว มีผู้บ่มเพาะมากมายที่เข้ามาในขุมสมบัติในครั้งนี้ และแน่นอนว่า ย่อมมีคนที่ประมาทเลินเล่อและเราจะใช้มันเป็นเหยื่อล่อ จากนั้นจึงฉวยเอาโอกาสนี้ไว้ ดังนั้นเราย่อมมีโอกาสที่จะได้สมบัตินี้มา”
อันเชี่ยนอวี้หายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง
“ไว้เราค่อยมาคุยกันหลังจากที่เราผ่านบททดสอบทั้งสองแล้วเถอะ” หวังเต้าซวี่ส่ายศีรษะแทน เนื่องจากเขาไม่มีความหวังที่จะได้รับสมบัติชิ้นสุดท้ายมาแต่อย่างใด และตราบใดที่เขาได้รับกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าและโอสถทิพย์กำเนิดเต๋า แค่นั้นเขาก็พึงพอใจแล้ว
อันเชี่ยนอวี้อ้าปากของเขาราวกับกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับมีเสียงดังเกิดขึ้นในขณะนี้ และมันก็ดังก้องไปทั่วทั้งขุมสมบัติเฉียนหยวนอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้น ฟ้าดินก็สั่นสะเทือน และเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ปะทุขึ้น!