บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 309 ชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกัน
บทที่ 309 ชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกัน
บทที่ 309 ชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกัน
ณ ขณะนั้น เกาเตี้ยนอวี่คิดว่าตนเองได้ตายไปแล้ว
ฟิ้ว!
‘กระบี่ของเขานั้นรวดเร็วเกินไป เส้นผมบนหน้าผากของข้ากลับถูกฟันขาดด้วยปราณกระบี่ของเขา แต่ข้ากลับไม่รู้สึกถึงมันเลยสักนิด หากนี่เป็นการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจริง ๆ ข้าจะไม่ตายไปตั้งนานแล้วหรือ?’
เกาเตี้ยนอวี่จ้องมองไปยังเฉินซีซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม และสีหน้าของเขาก็ซีดลงอย่างมาก หลังจากที่เขาต่อสู้กับเฉินซีแล้ว ชายหนุ่มก็ตระหนักว่าความแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด และการป้องกันที่เขาภาคภูมิใจนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินซีผู้มีความเร็วอย่างยิ่งยวด ก็เป็นเพียงการละเล่นของเด็กน้อยเท่านั้น!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และผสานกำปั้นของเขาพร้อมกับกล่าวว่า “ฝีมือของพี่เฉินนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งและข้ายอมรับความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง แต่ข้ายังมีคำถามอยู่ในใจ จึงขอเรียนถามพี่เฉินว่า กระบวนท่าเมื่อครู่นี้ พี่เฉินใช้พลังไปกี่ส่วน?”
เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและลังเลเล็กน้อยว่าจะตอบเขาอย่างไรดี เพราะเขารู้สึกว่าเกาเตี้ยนอวี่อาจจะไม่เชื่อในคำพูดของเขา แต่ถ้าหากเขาเชื่อในคำพูด บางที เกาเตี้ยนอวี่อาจจะคิดว่าเฉินซีกำลังเย้ยหยันเขาหลังจากที่ได้รับชัยชนะ
“พี่เฉิน มิต้องลำบากท่านแล้ว ข้าเข้าใจทุกสิ่งแล้ว” เกาเตี้ยนอวี่ หัวเราะอย่างขมขื่น เขาไม่ใช่คนโง่เขลา ดังนั้นเขาจะมองไม่เห็นความลำบากใจของเฉินซี ได้อย่างไร หลังจากที่เขากล่าวจบ เขาก็กระโดดออกจากสังเวียนประลองและหายไปในฝูงชนในพริบตา
“เกิดเหตุใดขึ้น? เหตุใดเกาเตี้ยนอวี่ถึงยอมรับความพ่ายแพ้” ผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ สังเวียนซึ่งได้เห็นการต่อสู้ในครั้งนี้ ต่างก็รู้สึกงุนงงสับสน และพวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
มีเพียงบางคนที่มีสายตาเฉียบแหลมเท่านั้น จึงจะมองเห็นได้อย่างราง ๆ ว่า ตอนที่เกาเตี้ยนอวี่โจมตีก่อนหน้านี้ เฉินซีได้ตัดผมที่หน้าหน้าผากของเกาเตี้ยนอวี่ออกไป ทำให้ผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้รับการตัดสินแล้ว หากเกาเตี้ยนอวี่ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เขาก็คงน่าละอายเกินไป
จากหานคุนเมื่อครู่จนถึงเกาเตี้ยนอวี่ในตอนนี้ ทั้งคู่ต่างก็พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังพ่ายแพ้ให้กับความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ของเฉินซี และสิ่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้บ่มเพาะที่อยู่ในพื้นที่รับชมอย่างรวดเร็ว
“สังเวียนประลองหมายเลขหนึ่งถูกยึดครองโดยจี้เยว่จากนิกายเหนือเศียร สังเวียนประลองหมายเลขสองถูกครอบครองโดยฮวาโม่เป่ยแห่งเกาะบ่อหยกสวรรค์ และในขณะนี้ สังเวียนประลองหมายเลขสามก็ถูกยึดโดยเฉินซี ข้าอยากรู้นักว่าเขาจะสามารถได้รับชัยชนะติดต่อกันกี่ครั้ง?”
“ข้าไม่อาจบอกได้ในตอนนี้ แต่ทักษะการเคลื่อนไหวของเขานั้นน่าเกรงขามอย่างแน่นอน และมันประกอบด้วยมหาเต๋าถึงสองประเภท ความเร็วของเต๋ารู้แจ้งแห่งสายลมนั้นไม่มีสิ่งใดเทียบได้และแผ่ซ่านไปทั่ว ส่วนเต๋ารู้แจ้งแห่งนภานั้นเป็นภาพลวงตาและเข้าใจได้ยาก มหาเต๋าทั้งสองนี้ยังผสมผสานกันได้อย่างไร้ที่ติ ถ้าใครไม่มีการบ่มเพาะที่ทรงพลังเพียงพอ มันก็ยากที่จะตอบโต้ทักษะการเคลื่อนไหวของเขาได้”
“ซึ่งนี่เป็นเพียงทักษะการเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น และเคล็ดวิชากระบี่ของเขายังไม่เผยออกมาจนถึงตอนนี้ นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้เผยร่องรอยใด ๆ ออกมาเลยสักนิด ข้าอยากรู้นัก ว่าผู้ใดจะสามารถบีบให้เขาใช้เคล็ดวิชากระบี่ได้”
ในระหว่างการถกเถียงของผู้คน เฉินซีได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า และพวกเขาทั้งหมดก็พ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว ฉากนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ และทุกคนต่างก็คาดเดา ว่าใครจะสามารถทำลายสถานการณ์ที่เฉินซีเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในกระบวนท่าเดียว
ผ่านไปเพียงไม่นาน เฉินซีก็ได้รับชัยชนะเก้าครั้งติดต่อกัน และหากเขาชนะการต่อสู้อีกครั้ง เขาจะได้รับรางวัลสำหรับชัยชนะสิบครั้งติดต่อกัน ซึ่งคือโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนเม็ด
ในขณะเดียวกัน แม้แต่ชุยซาน ซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่เป็นผู้ดูแลในการต่อสู้บนสังเวียนประลองหมายเลขสาม ก็ยังต้องขจัดความดูถูกที่มีต่อเฉินซีในใจของเขาออกไป หลังจากได้เห็นการต่อสู้เก้าครั้งติดต่อกันของเฉินซี นอกจากการแสดงสีหน้าตกใจแล้ว ใบหน้าของเขายังมีร่องรอยของความจริงจังอยู่เล็กน้อย
ในระหว่างการต่อสู้ทั้งเก้าครั้ง ผู้บ่มเพาะทุกคนที่ขึ้นสังเวียนเพื่อท้าประลองกับเฉินซีนั้น แข็งแกร่งยิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ นอกจากนี้ พวกเขาก็มีความสามารถที่หลากหลายและทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาล้วนพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว และมันก็เหมือนกับคำสาปที่ไม่มีใครสามารถทำลายได้
ปรากฏการณ์เช่นนี้กระตุ้นความสนใจเป็นอย่างมาก
ความแข็งแกร่งแบบใดที่ทำให้เฉินซีทรงพลังขนาดนี้ได้? ในแง่ของการบ่มเพาะ เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้น และเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ การบ่มเพาะของเขาก็ด้อยมากกว่าหนึ่งขั้น ในแง่ของทักษะ ทักษะการเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และป้องกันได้ยาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะโต้กลับไม่ได้เสียทีเดียว อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?
ในฐานะผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างโชกโชน ชุยซานจจึงรับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ใช่แค่การบ่มเพาะเท่านั้นที่จะตัดสินผลลัพธ์ของการต่อสู้ และยังมีระดับของการบ่มเพาะในเต๋าแห่งการต่อสู้ ความแข็งแกร่งของสมบัติวิเศษ คุณภาพของเคล็ดวิชาการต่อสู้ คุณภาพของกลยุทธ์การต่อสู้ ความสามารถที่แท้จริงในการต่อสู้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
แม้ว่าวิธีการอาจแตกต่างกันไป แต่หลักการก็เหมือนกัน ทั้งหมดนี้สามารถสรุปได้ด้วยคำว่าความแข็งแกร่ง และการกำหนดความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะก็สามารถตัดสินได้จากแง่มุมเหล่านี้
แต่จนกระทั่งตอนนี้และหลังจากประสบกับการต่อสู้ทั้งเก้าครั้ง ชุยซานก็ยังไม่สามารถแยกแยะความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเฉินซีได้ และนี่ก็ได้บ่งบอกถึงปัญหา เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงอย่างเต็มที่!
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ชุยซานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ เขามีความรู้สึกที่รุนแรงว่า ความเร็วที่เฉินซีเผยออกมาในตอนนี้อาจไม่ใช่ระดับความเร็วที่แท้จริงของเขา
‘น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!’
“ชายหนุ่มที่ทำตัวต่ำต้อยเช่นนี้ไปปรากฏตัวในดินแดนทางใต้ตั้งแต่เมื่อใด และบางที การชุมนุมธารทองครั้งนี้ เขาจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์คนแรกของดินแดนทางใต้ ที่ได้รับชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ก็ได้?”
…
ด้วยความคืบหน้าของการชุมนุมธารทอง บรรยากาศในบริเวณทั้งหมดก็ร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงให้กำลังใจที่ดังกึกก้องเหมือนฟ้าร้องก็ดังอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บรรยากาศดูเหมือนจะถูกย้อมด้วยเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
พื้นที่ด้านนอกของการชุมนุมธารทองต่างก็คึกคักเช่นเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้าภายในเมืองเริ่มวางเดิมพันอยู่เคียงข้างกัน และพวกเขาล้อมรอบบริเวณนั้นอย่างแน่นหนา ราวกับบ่อนขนาดเล็กมากมายที่ดึงดูดนักพนันจำนวนนับไม่ถ้วนให้มาอยู่ที่นี่
“ห้าหมื่น! ข้าพนันได้เลยว่าจี้เยว่จะได้รับชัยชนะห้าสิบครั้งติดต่อกัน!”
“โอ้ สวรรค์ ฮวาโม่เป่ย เจ้าต้องได้รับชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกัน! มิฉะนั้นข้าจะสูญทรัพย์สมบัติทั้งหมด!”
“อะไรนะ? ข้าพนันได้เลยว่านายน้อยโจวจะได้ชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกัน? มารดามัน! ข้าจะวางเดิมพันนั้น!”
เสียงของการเดิมพันสามารถได้ยินจากพื้นที่เดิมพันทั้งหมด และพร้อมกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนักพนันเหล่านี้กลายเป็นสีแดง และบางคนถึงกับเอาทรัพย์สินทั้งหมดไปวางเดิมพันอย่างเด็ดเดี่ยว
มู่ขุยรีบมาอย่างตื่นเต้นเช่นกัน โอสถกลั่นแรกเริ่มแปดหมื่นเม็ดที่เขาวางเดิมพันกับนายท่านของเขา เฉินซีมีอัตราส่วนหนึ่งต่อสอง ตราบเท่าที่เฉินซีได้รับชัยชนะติดต่อกันสิบครั้ง นอกจากทุนของเขาแล้ว เขาจะได้รับโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนหกหมื่นเม็ด
ในขณะนี้ เฉินซีได้รับชัยชนะติดต่อกันถึงเก้าครั้ง ดังนั้นมู่ขุยจึงมาทีนี่เพื่อมากอบโกยรายได้ของเขา
“เอ๊ะ เหตุใดพวกเจ้าสองคนถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ” เมื่อมู่ขุยมาถึงหน้าพื้นที่เดิมพัน เขาก็เห็นจงเหลียวและเว่ยเฟิงที่อยู่ด้านข้าง และเขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย เท่าที่เขาทราบมา ในพื้นที่การเดิมพันใกล้เคียง เมื่อเทียบกับนายน้อยโจว อันเชี่ยนอวี้ หวังเต้าซวี่ ตระกูลซู และผู้สมัครตัวเต็งคนอื่น ๆ ได้มีการเปิดวางเดิมพันฝั่งนายท่านของเขาน้อยมาก และพื้นที่เดิมพันที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นพื้นที่ที่เขาพบด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง
“เรา… เราวางเดิมพันว่าผู้อาวุโสเฉินซีจะชนะเช่นกัน” ท่าทางของเว่ยเฟิงและจงเหลียวรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมู่ขุยปรากฏตัว
“โอ้ เจ้าทั้งคู่วางเดิมพันกันเท่าไรน่ะ?” มู่ขุยถามด้วยความสนใจ
“ข้าวางเดิมพันสามหมื่น จงเหลียววางเดิมพันห้าหมื่น” เว่ยเฟิงกล่าว
มู่ขุยยกนิ้วให้พวกเขาและชมเชย “เจ้าทั้งคู่มีวิสัยทัศน์ที่ดี ตอนนี้ เพียงแค่รอเก็บเงินเท่านั้น”
“โอ้ ดูเหมือนว่าเจ้าสามคนจะมั่นใจในตัวเฉินซีเป็นอย่างมาก ถ้าอย่างนั้นข้าขอให้ความปรารถนาของพวกเจ้าเป็นจริงและได้รับทรัพย์มากมาย” เจ้ามือของพื้นที่เดิมพันยิ้มเสแสร้ง และสีหน้าของเขาค่อนข้างไม่เห็นด้วย
ในขณะนี้ ข้ารับใช้ชายคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและไม่สนใจเหงื่อที่ไหลลงบนใบหน้า ก่อนที่จะมอบแผ่นหยกที่บันทึกสถานการณ์ในสังเวียนประลองทั้งสิบแปดสังเวียนในช่วงเวลานี้
เจ้ามือหยิบมันขึ้นมาอ่านและก็ตกตะลึงทันที “เขาได้รับชัยชนะติดต่อกันสิบครั้งจริง ๆ หรือ?” หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์และผสานมือของเขา “ยินดีด้วย พวกเจ้าทุกคนจะวางเติมต่อ หรือว่าจะ…?”
มู่ขุยโบกมือแล้วกล่าวว่า “ข้าจะวางเติมพันต่อ พวกเขาก็เช่นกัน”
เว่ยเฟิงกล่าวอย่างลังเล “เราจะ…”
“อะไร? พวกเจ้าไม่เชื่อของฝีมือของนายท่านข้าหรือ” มู่ขุยจ้องเขม็งไปที่เว่ยเฟิงและจงเหลียวอย่างดุเดือด
“เราไม่กล้า เราไม่กล้า” เว่ยเฟิงและจงเหลียวรีบกล่าวในขณะที่โบกมือ และพวกเขาก็คร่ำครวญอยู่ในใจแทน ‘เหตุใดเราถึงต้องเจอคนไร้เหตุผลเช่นนี้?’
กล่าวตามจริงแล้ว พวกเขาก็เชื่อในฝีมือของเฉินซี แต่ก็จำกัดเพียงการได้รับชัยชนะติดต่อกันสิบครั้งเท่านั้น เพราะผู้บ่มเพาะในการชุมนุมธารทองมีจำนวนมากมายเหมือนก้อนเมฆ ผลงานของเฉินซีนั้นไม่สามารถจัดได้ว่าโดดเด่น ทำให้พวกเขากังวลมากว่า เฉินซีจะสามารถได้รับชัยชนะติดต่อกันยี่สิบครั้งได้หรือไม่ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าจะคอยดูสักพักก่อนที่จะเดิมพัน แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า สถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
‘ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เราจะถือว่าเป็นการใช้เงินเพื่อกำจัดภัยพิบัติ…’ จงเหลียวและเว่ยเฟิงทำได้เพียงปลอบใจตัวเองเช่นนี้
“เอาล่ะ อัตราส่วนสำหรับการได้รับชัยชนะติดต่อกันยี่สิบครั้ง ถัดไปคือหนึ่งต่อสี่ ข้าบันทึกให้เจ้าแล้ว” เจ้ามือเขียนคำลงบนกระดาษด้วยการแกว่งมือ
หลังจากนั้นไม่นาน ข้ารับใช้ชายก็กลับมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ใบหน้าของเจ้ามือกระตุกทันทีเมื่อเขากวาดสายตาผ่านแผ่นหยก จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาแห้ง ๆ “โชคของพวกเจ้าดีมาก เฉินซีได้รับชัยชนะยี่สิบครั้งติดต่อกันแล้ว ตามอัตราส่วนแล้ว พวกเจ้าทั้งสามจะได้รับตามลำดับ…” มู่ขุยขัดจังหวะด้วยการโบกมือ “หยุดพูดจาไร้สาระ เดิมพันต่อไป”
เดิมที เว่ยเฟิงและจงเหลียวมีความยินดีอยู่ในใจ และใบหน้าของพวกเขาก็เปล่งประกาย แต่เมื่อมู่ขุยกล่าวออกมา ทั้งสองคนก็สลดใจทันที และหัวใจของพวกเขาก็แทบแหลกสลาย
‘ชัยชนะยี่สิบครั้งติดต่อกันก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่เจ้ายังพนันว่าเขาจะได้รับชัยชนะสามสิบครั้งติดต่อกัน นี่ นี่… มันเป็นไปไม่ได้เลย!’
พวกเขารู้สึกราวกับว่านั่งอยู่บนเตียงเข็ม พวกเขาทั้งคู่หวังว่าเฉินซีจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ และก็วิตกกังวลเพราะหากมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น การเดิมพันของพวกเขาจะสูญสิ้นโดยสิ้นเชิง ทำให้อารมณ์ของพวกเขาซับซ้อนถึงขีดสุด
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ทำให้พวกเขาต้องตกตะลึงและแทบไม่อยากเชื่อว่า เฉินซีจะได้รับชัยชนะสามสิบครั้งติดต่อกัน!
ไม่ใช่แค่พวกเขาสองคน แม้แต่เจ้ามือเองก็ยังตกตะลึงจนอ้าปากค้าง และมีสีหน้าราวกับเห็นภูตผี ‘น่าแปลกยิ่งนัก ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นจากดินแดนทางใต้จะมีความแข็งแกร่งที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร’
“เจ้าทำเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? รีบวางเดิมพันซะ” มู่ขุยขมวดคิ้ว เขาเกลียดที่สุดเมื่อผู้คนแสดงท่าทีสงสัยต่อนายท่านของเขา
“เจ้าสามารถวางเดิมพันได้ แต่ต้องเปลี่ยนอัตราส่วน ตอนนี้เฉินซีกลายเป็นผู้สมัครที่กำลังมาแรง และบางทีพื้นที่เดิมพันใกล้เคียงทั้งหมดได้เริ่มวางเดิมพันโดยเฉพาะสำหรับเขา ดังนั้น…” ดวงตาของเจ้ามือเป็นประกายก่อนที่เขาจะยื่นนิ้วออกมา “อัตราส่วนคือหนึ่งต่อหนึ่ง ตกลงไหม”
“บัดซบ! เจ้ากำลังล้อเล่นกับข้าหรือไร? แต่ว่าอัตราส่วนสำหรับชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกันควรอยู่ที่หนึ่งต่อสี่ เจ้ามันหน้าเลือดเกินไป รีบเอาเงินเดิมพันมาซะ เราจะไม่เดิมพนันอีกต่อไป” เว่ยเฟิงจ้องมองและก่นด่า
“ใช่ เราจะไม่เดิมพันอีกต่อไป!” จงเหลียวเริ่มตะโกนเสียงดังเช่นกัน
มู่ขุยเหลือบมองสองคนนี้อย่างเย็นชา เขาจะมองไม่เห็นสิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่ได้อย่างไร และเขากล่าวทันทีว่า “แล้วถ้าอย่างนี้ล่ะ? ให้ข้ายืมเงินที่เจ้าทั้งคู่ชนะ และข้าจะวางเดิมในครั้งนี้ แต่ถ้าข้าแพ้การเดิมพัน ข้าจะชดใช้ให้พวกเจ้าไม่น้อยอย่างแน่นอน
คนทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นเว่ยเฟิงก็กัดฟันกล่าวว่า “เอาล่ะ พี่มู่เป็นคนที่ไม่เคยกลับคำพูด เมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ พวกเราพี่น้องจะฟังท่าน”
มู่ขุยคำรามอย่างเย็นชาและไม่ใส่ใจกับตัวตลกคู่นี้ หลังจากที่เขาต่อสรุปอัตราส่วนและวางเดิมพันกับเจ้ามือแล้ว เขาก็หลับตาและเริ่มทำสมาธิ
ในขณะนี้ เสียงอุทานตกใจดังก้องออกมาจากบริเวณที่จัดการชุมนุมธารทอง และเสียงนี้ก็เหมือนกับกระแสน้ำที่สามารถได้ยินได้ทั้งใกล้และไกล
“คัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ! ใช่แล้ว มันคือคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบอย่างแน่นอน! เคล็ดวิชากระบี่นี้ขึ้นชื่อว่าบ่มเพาะได้ยากที่สุดในโลกและมันปรากฏอยู่ในมือของเฉินซีแล้ว!”
“ว่ากันว่า คัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบมีกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยมแปดกระบวนท่า ทุกท่วงท่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ไร้ขอบเขตเช่นเดียวกับเม็ดทรายในแม่น้ำ มันซับซ้อนและลึกล้ำเป็นอย่างมาก แม้แต่ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่ทรงพลังบางคน ก็ยังพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสรุปการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่อยู่ภายในนั้น ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่า เฉินซีจะฝึกฝนมันได้สำเร็จ นี่สามารถกล่าวได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”
“การเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุก ๆ กระบวนท่าของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ ต่างก็แฝงด้วยเต๋ารู้แจ้งประเภทหนึ่ง แม้ว่าจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของมัน แต่ถ้าไม่สามารถหยั่งรู้เต๋ารู้แจ้งทั้งแปดประเภทนี้ ก็จะครอบครองเพียงแค่เปลือกของมันเท่านั้น ตามกระบวนที่เฉินซี ใช้นั้น เห็นได้ชัดว่ามันแฝงด้วยพลังของเต๋ารู้แจ้งอยู่แล้ว และไม่ใช่แค่กรอบเปล่า ๆ สมควรแก่การชื่นชมจริงๆ”
…
คัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบ
เมื่อพวกเขาได้ยินการสนทนาเสียงดังจากข้างนอก หัวใจของเว่ยเฟิงและจงเหลียวก็กระตุกวูบ และพวกเขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบมาเช่นกัน
ในเวลาไม่นาน สถานการณ์การต่อสู้ก็ปรากฏออกมา เฉินซีได้อาศัยคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบเพื่อรับชัยชนะสี่สิบครั้งติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย!
ในขณะนี้ ลำไส้ของจงเหลียวและเว่ยเฟิงกลายเป็นสีเขียวด้วยความเสียใจ ‘หากเรารู้เร็วกว่านี้ แล้วเราจะถอนเดิมพันกลับทำไม ตอนนี้ กลายเป็นว่ามู่ขุยได้ประโยชน์จากมันแล้ว และเขาใช้ทุนของเราที่เขายืมมา เพื่อกอบโกยโชคลาภก้อนโต…’
“วางเดิมพันต่อไป วางเดิมพันต่อไป ฮ่า ๆๆ” มู่ขุยหัวเราะอย่างเต็มที่และมีความสุขเป็นอย่างมาก ในขณะที่เขากล่าว แล้วเขาก็ถามทั้งสองคนว่า “เจ้าสองคนอยากเข้าร่วมไหม”
“แน่นอน!” เว่ยเฟิงและจงเหลียวกล่าวพร้อมกัน พวกเขาต่างก็รู้ว่า หากพวกเขาร่วม ย่อมมีโอกาสได้รับโชคก้อนโต และถ้าพวกเขาไม่เข้าร่วมละก็ พวกเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ถ้าพวกเขาแพ้เดิมพัน ทุนของพวกเขาก็แค่สามหมื่นและห้าหมื่นเท่านั้น ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถจ่ายได้ จริงไหม?
“พวกเจ้าแน่ใจนะ?” สีหน้าของเจ้ามือไม่น่าดูอย่างยิ่ง อัตราส่วนคือหนึ่งต่อหนึ่ง และถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องเสียเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ใช่!”
เจ้ามือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบันทึกมันลงไป แต่ในใจของเขากลับร้อนรุ่มไปด้วยความวิตกกังวลและก่นด่าสาปแช่ง ผู้บ่มเพาะเหล่านั้นตายหมดแล้วหรือ? เหตุใดพวกเขาถึงไม่บดขยี้เจ้าคนนี้อย่างดุเดือด?
ดูเหมือนจะได้ยินเสียงจากใจจริงของเจ้ามือ เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากบริเวณที่จัดการชุมนุมธารทองอีกครั้ง “สวรรค์! จี้เยว่จากสังเวียนประลองหมายเลขหนึ่ง ต้องการท้าประลองกับเฉินซี ของสังเวียนประลองหมายเลขสาม!”