บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 396 สังเวียนปีศาจสังหาร
บทที่ 396 สังเวียนปีศาจสังหาร
บทที่ 396 สังเวียนปีศาจสังหาร
เวลาหนึ่งปีในแผนภาพขุนเขาธารสายไหม แต่เวลาในโลกภายนอกได้ผ่านไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
สำหรับผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ในนครหลวงธารสายไหม เห็นได้ชัดว่าเวลาเล็กน้อยเช่นนี้ไม่ส่งผลอะไรต่อพวกเขาเลยสักนิด อีกทั้งยังผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับการรับประทานอาหารและทำสมาธิเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น และคงไม่มีใครหมดความอดทนเพราะต้องรอคอยอย่างขมขื่น
ในทางกลับกัน เพื่อที่จะได้รับชมการต่อสู้ของผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยคนที่จะประลองเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในการชุมนุมดาวรุ่งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้คนจึงต่างมุ่งครอบครองจุดรับชมที่ดีที่สุดและแหงนหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าอย่างตั้งตารอ
“เจ้าได้ยินมาบ้างหรือไม่? ผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิซ่งเท่านั้น แม้แต่รางวัลที่ได้รับก็มากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นกัน”
“ถูกต้อง พวกเขาจะได้โอสถกลั่นแรกเริ่มห้าล้านเม็ด สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ยี่สิบสี่ชิ้น โอสถทิพย์กำเนิดเต๋าสิบสองเม็ด …และยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถติดอันดับหนึ่งในสาม ก็จะสามารถเลือกกระบวนยุทธ์์หรือพลังอิทธิฤทธิ์วิชาใดก็ได้ที่อยู่ในขุมสมบัติของราชวงศ์ซ่ง! รางวัลเช่นนี้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี และมีเพียงจักรพรรดิซ่งที่จะมีปณิธานเช่นนี้! ท่านช่างใจกว้างเสียนี่กระไร!”
“ฮึ่ม! ข้อมูลที่เจ้าได้รับมานั้นมันเก่าไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเพื่อการประลองชิงหนึ่งร้อยอันดับแรก จักรพรรดิซ่งกำลังจะเปิดสังเวียนปีศาจสังหาร และเมื่อถึงเวลานั้น ทุกซอกทุกมุมของนครหลวงธารสายไหมจะสามารถรับชมการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน”
“สังเวียนปีศาจสังหารหรือ? ว่ากันว่าจักรพรรดิซ่งเป็นคนสร้างมันขึ้นมา โดยรวบรวมกลิ่นอายจิตสังหารมาจากสนามรบโบราณ และมันก็เป็นสมบัติวิเศษที่น่าอัศจรรย์ ยามใดทำการต่อสู้ในสังเวียนปีศาจสังหาร ก็จะสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในระดับที่สูงขึ้นได้ อีกทั้งยังส่งผลต่อการขัดเกลาความแข็งแกร่งได้เช่นกัน!”
“จริงหรือ?”
มีเสียงพูดคุยอยู่ทุกหนทุกแห่งของนครหลวงธารสายไหม ทุกคนล้วนสนทนาถึงการประลองเพื่อชิงหนึ่งร้อยอันดับแรกที่กำลังจะเริ่มขึ้น และการสนทนาเกี่ยวกับสังเวียนปีศาจสังหารได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุด
ครืน!
ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมนี้ จักรพรรดิซ่งผู้สวมชุดคลุมสีดำและปล่อยผมประบ่าหลวม ๆ ได้ทะยานขึ้นไปบนฟ้า และมาถึงกลางอากาศเหนือใจกลางนครหลวงธารสายไหมในทันใด
ร่างอันสง่าผ่าเผยของเขา เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองออกมามหาศาล ซึ่งส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าและผืนดิน เสมือนกับเขาเป็นดั่งเทพเจ้าที่จุติมายังโลก ทำให้หัวใจของเหล่าผู้บ่มเพาะที่อยู่ในนครหลวงธารสายไหมต้องสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึง เสียงอึกทึกในเมืองทั้งหมดได้หายไปทันที และเงียบสนิทจนได้ยินแม้แต่เสียงของเข็มหล่น
เมื่อพวกเขามองไปยังร่างอันสง่าผ่าเผยที่ยืนตระหง่านอยู่กลางเวหา ซึ่งเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่พร่างพราว ทุกคนแสดงความเคารพ อีกทั้งความชื่นชมก็พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของพวกเขา
ด้วยการยกมือขึ้น จักรพรรดิซ่งได้โยนสมบัติวิเศษที่ดูเหมือนแท่นหยกออกไป จากนั้นมันก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่กลางอากาศและกลายเป็นแท่นขนาดใหญ่สีดำสนิท
ครืนนน ! ครืนนนน!
แท่นพาดผ่านท้องฟ้าและทำให้มิติต้องสั่นสะเทือน พื้นผิวสีดำสนิทของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่กะดำกะด่าง ขณะปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้และการเข่นฆ่าที่รุนแรงออกมามากมาย ราวกับว่ามีกองทัพที่ทรงพลังกำลังสู้รบอยู่ภายในนั้น ทำให้แม้แต่ท้องฟ้าและผืนดินต้องหม่นหมองลงเพราะการปรากฏตัวของมัน
นี่คือสังเวียนปีศาจสังหาร! สังเวียนที่ลอยอยู่กลางอากาศและกว้างใหญ่ราวกับผืนดิน จะเป็นสนามรบที่ผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยคนต้องต่อสู้เพื่อชิงอันดับทั้งหนึ่งร้อยของการชุมนุมดาวรุ่ง
ภายในพระราชวังธารสายไหม
หลังจากที่จักรพรรดิซ่งได้จากไป เหล่าผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีได้เรียกศิษย์ในกองกำลังของพวกเขาให้มาอยู่ที่ข้างกาย
“ฉางเทียน ในการทดสอบครั้งสุดท้ายนี้ เจ้าต้องดึงศักยภาพทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่ และต้องฝ่าฟันเพื่อให้ได้สามอันดับแรก! หากเจ้าสามารถรับเคล็ดวิชาต่อสู้จากขุมสมบัติของราชวงศ์ได้ เจ้าก็จะได้ทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตำหนักจ้าวปัญญาของข้าและตำแหน่งผู้สืบทอดของตำหนักจ้าวปัญญาจะเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน!” ดวงตาของหวงฝู่จิ่งเทียนเบิกโพลง สายตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรงและคลุ้มคลั่ง ในขณะที่เขากล่าวผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว “ที่สำคัญ เจ้าอย่าได้ลืมแก้แค้นให้แก่น้องชายของเจ้า หากเจ้าสบโอกาสที่จะฆ่าเฉินซีได้ละก็ อย่าได้ลังเลแม้แต่น้อย!”
หวงฝู่ฉางเทียนสัมผัสได้ถึงความปรารถนาอันร้อนแรงของบิดา เขาก็พยักหน้าและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าได้กังวลไปเลยท่านพ่อ ครั้งนี้ข้าจะทุ่มสุดตัวอย่างแน่นอน และข้าขอสาบานว่าจะไม่หยุดยั้งจนกว่าจะฆ่าเจ้าเฉินซีให้ได้!”
“ซิ่วอี้ ความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงพอที่จะเอาชนะศัตรูได้ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดันและอย่าได้ลังเลหากใครคิดขวางทาง จงฆ่าพวกมันซะถ้าจำเป็น ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด หากไม่มีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้จะต้องตกเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน!”
“ชิงเหอ ข้าได้ให้แก่นโลหิตของเทพอสูรโบราณแก่เจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องไม่ทำให้ข้าผิดหวัง เข้าใจหรือไม่? ข้าจะไม่ขออะไรอีก แค่เจ้าสามารถคว้าอันดับในสามอันแรกให้ได้ก็พอ และถ้าเจ้าสามารถได้ที่หนึ่งละก็… ฮ่า ๆ ข้าจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ และข้าจะไม่คืนคำพูดอย่างแน่นอน!”
“ไอ้เจ้าเด็กตัวเหม็น! จริงจังกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ! การชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่มีแนวโน้มในตระกูลโจวของเรา ดังนั้นเจ้าต้องติดหนึ่งในสิบอันดับแรกให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม! เจ้าได้ยินไหม?”
การทดสอบครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น รางวัลของการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ก็มากมายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเช่นกัน และพวกเขาก็เรียกศิษย์ในนิกายมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะตักเตือนอย่างจริงจัง
เฉินซีถูกเป่ยเหิงเรียกให้มาที่ด้านข้างเช่นกัน พวกเขาพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เป่ยเหิงไม่ได้วางตัวเหมือนผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ที่กล่าวถึงข้อกำหนดที่เฉินซีต้องได้รับ เพราะอีกฝ่ายเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเขาและไม่ได้เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆาพเนจร ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับเขาที่จะกล่าวอะไร
เขาแค่ให้กำลังใจแก่เฉินซี เพื่อให้อีกฝ่ายได้สงบสติอารมณ์ สามารถทุ่มเทต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับที่ดี และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่เฉินซีได้ทำดีที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเสียใจ
เฉินซียิ้มอย่างเป็นธรรมชาติและเห็นด้วยกับเรื่องนี้
“เหล่าสหายเต๋า สังเวียนปีศาจสังหารได้เปิดขึ้นแล้ว จงนำศิษย์ทั้งหมดของพวกเจ้ามาโดยเร็วเถิด” ทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีอันสูงสุดของจักรพรรดิซ่งก็ดังออกมาจากนอกพระราชวัง
ในที่สุดการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น!
ขณะนี้ ไม่เพียงแต่หัวใจของเฉินซีและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ที่สั่นไหว แม้แต่หัวใจของผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี และผู้บ่มเพาะทุกคนในนครหลวงธารสายไหมก็สั่นคลอนเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ในเวลาไม่นาน ทุกคนก็ได้มารวมกันที่ด้านนอกของสังเวียนปีศาจสังหารแล้ว
“การต่อสู้รอบแรก พวกเจ้าทั้งเก้าสิบหกคนจะต้องจับคู่ต่อสู้ จนกว่าจะเหลือผู้ชนะทั้งสี่สิบแปดคน
และผู้ชนะจะได้เข้าสู่รอบต่อไปของการประลอง ส่วนผู้แพ้จะถูกคัดออก!” จักรพรรดิซ่งยืนเอามือไพล่หลังกวาดสายตาผ่านเฉินซีและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเสียงฟ้าร้องดังก้องอยู่ในท้องฟ้าและผืนดิน ทำให้ทั้งนครหลวงธารสายไหมสามารถได้ยินคำพูดเขาอย่างชัดเจน
“จงจำไว้ว่า ยันต์อักขระ หุ่นเชิด และพลังภายนอกอื่น ๆ เป็นสิ่งต้องห้ามในสังเวียนปีศาจสังหาร! ความแข็งแกร่ง เต๋ารู้แจ้ง และเคล็ดวิชาต่อสู้ของเจ้ากำลังถูกทดสอบในครั้งนี้ ทุกการเคลื่อนไหวที่พวกเจ้าทำล้วนอยู่ในสายตาของทุกคน และถ้าใครกล้าละเมิดกฎเหล่านี้ ข้าจะลงมือฆ่าพวกมันด้วยตัวเองอย่างไร้ความปรานี!”
ทันทีที่จักรพรรดิซ่งได้กล่าวคำสุดท้ายออกไป ท้องฟ้าและผืนดินก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าทันที ซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่นสั่นสะท้าน
“เอาล่ะ มหาเสนาบดี เจ้าจงประกาศรายชื่อสำหรับผู้ประลองในรอบแรกได้แล้ว” จักรพรรดิซ่งโบกมือออกไป จากนั้นร่างของเขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และบัลลังก์ที่มีมังกรเก้าตัวก็ได้ปรากฏกายขึ้นที่นั่น
เห็นได้ชัดว่า จักรพรรดิซ่งต้องการเข้าร่วมและเป็นกรรมการในการแข่งขันด้วยตัวเอง!
“ม้วนคัมภีร์นี้ได้บรรจุชื่อของพวกเจ้าทั้งเก้าสิบหกคน ซึ่งพวกเจ้าจะต้องจับคู่เพื่อต่อสู้ หลังจากที่พวกเจ้าได้เห็นชื่อของคู่ต่อสู้แล้ว ก็เข้าสู่สังเวียนปีศาจสังหารซะ!” มหาเสนาบดีทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและประสานมือเข้าหาจักรพรรดิซ่งจากระยะไกล ก่อนที่จะหยิบม้วนคัมภีร์สีทองออกมา และเปิดมันออกที่กลางอากาศ ในม้วนคัมภีร์มีรายชื่อของผู้เข้าร่วมทั้งเจ้าสิบหกคนที่ถูกจับคู่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ฟุ่บ!
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ม้วนคัมภีร์สีทองทันที
“ชิงซิ่วอี้ประลองกับเหอหลิ่วชิง”
“จ้าวชิงเหอประลองกับต๋งเหลิ่ง”
“หวงฝู่ฉางเทียนประลองกับอวี่เหวินเฟย
…
ม้วนคัมภีร์มีรายชื่อของผู้เข้าร่วมทุกคน ซึ่งได้เขียนรายชื่อของคู่ต่อสู้ที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน
เฉินซีสังเกตเห็นว่าผู้บ่มเพาะชั้นยอดอย่างชิงซิ่วอี้ จ้าวชิงเหอ และคนอื่น ๆ ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของกันและกัน แต่คู่ต่อสู้ของพวกเขากลับเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น เฉินซีก็ตระหนักได้ว่า จักรพรรดิซ่งอาจกำหนดรายการประลองนี้ขึ้นโดยเจตนา ท้ายที่สุด หากชิงซิ่วอี้และจ้าวชิงเหอได้ต่อสู้กันในรอบแรก หรือหวงฝู่ฉางเทียนต่อสู้กับหวงฝู่ฉิงอิงในรอบแรก ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หลังจากที่พวกเขายืนยันคู่ต่อสู้ได้แล้ว ร่างจำนวนมากก็พุ่งไปที่สังเวียนปีศาจสังหารโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“หานเจิ้นตง?” เฉินซีสังเกตว่าคู่ต่อสู้ของเขาเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคยอย่างมาก ซึ่งตัวเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย และพุ่งเข้าสู่สังเวียนปีศาจสังหารทันที
โอม!
ทันทีที่สังเวียนปีศาจสังหารสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเฉินซี แสงศักดิ์สิทธิ์ก็สาดส่องไปที่ร่างกายของเขา จากนั้นก็เคลื่อนย้ายเขาไปยังลานประลองขนาดมหึมาทันที
“ช่างเป็นกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา!“ ทันทีที่เฉินซีเข้าสู่สังเวียน เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า สังเวียนปีศาจสังหารนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้และการเข่นฆ่าที่กว้างใหญ่ เหมือนกับกองทัพทรงพลังที่กำลังควบม้าและกู่ร้องด้วยอำนาจที่เขย่าไปทั้งฟ้าดินต่อเนื่องเสมือนกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ซึ่งกระตุ้นจนเลือดในร่างกายของพวกเขาพลุ่งพล่านและทำให้ร่องรอยของการต่อสู้ไม่อาจยับยั้งไม่ให้พรั่งพรูออกมาจากใจได้
“เฉินซี นี่เจ้าเหม่อลอยในระหว่างการต่อสู้จริง ๆ หรือ? หรือว่าเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้า?” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูของชายหนุ่ม
เขาหันไปมองและเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของสังเวียน ผู้บ่มเพาะคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลา สวมเสื้อผ้าสีดำที่พลิ้วไหวไปตามแรงลม และท่าทางของเขาก็ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
ชายคนนี้คือ หานเจิ้นตง เขาไม่ได้มีท่าทางที่หยิ่งยโสหรือหุนหันพลันแล่น แต่ดูเหมือนไร้ความรู้สึกและกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “แม้ว่าเจ้าจะทำได้ดีในการทดสอบที่ผ่านมา แต่ข้าก็ยังมีความมั่นใจอย่างมากที่จะเอาชนะเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเจ้าเป็นอะไรในสายตาของข้า”
“ข้าเป็นอะไรในสายตาของเจ้าหรือ?” เฉินซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอสถกลั่นแรกเริ่มห้าล้านเม็ด!” ทันทีที่หานเจิ้นตงกล่าวจบ เขาก็โจมตีอย่างโจ่งแจ้งด้วยความโหดเหี้ยมและเด็ดขาด
เขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับลูกศรที่ยิงออกจากคันธนูที่แฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าที่หนาแน่น
เขาเปล่งแสงสีเงินเจิดจ้าออกมา ทำให้ดูเหมือนกับมีสายฟ้าพราวฟาดใส่เฉินซี
แกร๊ก!
สายฟ้าที่แหลมคมและคดเคี้ยวไปมาพุ่งออกมาจากระหว่างฝ่ามือของเขา มันบดขยี้ความว่างเปล่าราวกับหอกของเทพเจ้าสายฟ้า ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เร็วสุดขีด และมีรัศมีที่สง่างามราวกับสายฟ้าฟาด เห็นได้ชัดว่าเขาใช้กระบวนยุทธ์์ระดับเต๋าที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งกว่านั้นมันยังแฝงไปด้วยมหาเต๋าแห่งสายฟ้า!
สายฟ้าเชี่ยวชาญในเข่นฆ่า มันดุร้ายและอันตรายถึงตายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พลังของมันก็รุนแรงและเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด ในขณะนี้ ฝ่ามือของหานเจิ้นตงได้ร่ายรำไปพร้อมกับสายฟ้าที่ระเบิดออกมา พวกมันประสานเข้าด้วยกันทันที กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่คลุมลงไปที่เฉินซี
เฉินซีไม่แม้แต่จะเหลือบมอง แต่เกร็งพลังไว้ที่ปลายนิ้วให้กลายเป็นดัชนีกระบี่ จากนั้นจึงแทงออกไป
เพียงปลายนิ้วของเขา
แม้จะธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่ทันทีที่ดัชนีกระบี่แทงออกไป มันถูกขดด้วยพลังสายฟ้าที่แพรวพราว เจิดจ้า ซึ่งเหมือนกับสายฟ้าที่แท้จริงที่ฟาดลงมาจากสวรรค์และแทงทะลุทะลวงออกไป
หานเจิ้นตงใช้กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่แฝงด้วยมหาเต๋าแห่งสายฟ้า ในขณะที่เฉินซีได้ใช้กระบวนท่ากระบี่เจิ้นแห่งสายฟ้าซึ่งแฝงไปด้วยมหาเต๋าแห่งสายฟ้าในทำนองเดียวกัน แต่เขาเพียงใช้นิ้วแทนกระบี่และไม่ได้ใช้ยันต์ศัสตราของเขาออกไป
เปรี้ยง!
ปลายนิ้วที่คมกริบดั่งกระบี่ได้ฟันตาข่ายสายฟ้าออกจากกัน จากนั้นมันก็กลายเป็นกำปั้นที่พุ่งเข้าใส่แขนของหานเจิ้นตงจนแขนของเขาหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนจะกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขา ทำให้เขาปลิวกระเด็นไปดั่งว่าวที่ป่านขาด จากนั้นหานเจิ้นตงได้กระแทกเข้ากับม่านพลังป้องกันที่อยู่บริเวณโดยรอบของสังเวียนอย่างรุนแรง และทำให้ม่านพลังปล่อยคลื่นความผันผวนอย่างรุนแรงออกมา
“นี่… ข้าพ่ายแพ้ภายใต้กระบวนท่าเดียวเองหรือ? และเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าที่ข้าภาคภูมิใจที่สุดก็ยังพ่ายแพ้อีกเช่นกัน?” ดวงตาของหานเจิ้นตงเต็มไปด้วยความประหลาดใจดูจะไม่เชื่อ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขาได้ย้ำเตือนว่านี่คือความจริง เต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าและเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เฉินซีครอบครองอยู่เหนือล้ำกว่าเขาเป็นอย่างมาก!