บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 441 วารีเพลิงพิฆาต
บทที่ 441 วารีเพลิงพิฆาต
บทที่ 441 วารีเพลิงพิฆาต
ทันทีที่องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าจิ้นไม่พอใจ บรรยากาศก็หนักอึ้งขึ้นทันที
สายตาของชุยซิวหง เว่ยมู่อวิ๋น และเหลิ่งเชี่ยนชิวเจือแววเย็นยะเยือก ขณะมองเฉินซีและนายน้อยโจวด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“สหายเต๋าเผยอวี่ สองคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะอัจฉริยะของราชวงศ์ซ่งข้า พลังบ่มเพาะลึกล้ำไม่น้อย เราพบอันตรายนับไม่ถ้วนขณะสำรวจเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น หากมีคนเพิ่มย่อมแกร่งขึ้น” ใจหวงฝู่ฉิงอิงกระตุกวูบเมื่อเห็นว่าเผยอวี่ไม่พอใจ และรีบอธิบาย
“โอ้? เช่นนั้นพวกเขาก็คือคนที่เจ้าพามาสินะฉิงอิง เอาล่ะ ข้าจะไม่เอาเรื่องพวกเขาเพราะเห็นแก่เจ้าก็แล้วกัน” สีหน้าของเผยอวี่ผ่อนคลายลง มุมปากประดับรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองเฉินซีและนายน้อยโจวด้วยสายตาสงบซึ่งแฝงแววเตือนจาง ๆ
เฉินซีกับนายน้อยโจวย่อมสัมผัสได้ นอกจากความรู้สึกโกรธในใจแล้ว ก็อดระมัดระวังขึ้นมาไม่ได้
แต่ต้องยอมรับว่าเผยอวี่เป็นบุคคลที่น่าเกรงขามยิ่ง เขาได้แสดงพลังให้ทั้งสองคนเห็นโดยไม่แบ่งถูกผิด จากนั้นก็ใช้หวงฝู่ฉิงอิงลดความตึงเครียดลง ไม่เพียงแต่จะประกาศความแข็งแกร่งที่ตนมี แต่ยังช่วยหวงฝู่ฉิงอิงด้วย อาจกล่าวได้ว่าปาหินทีเดียวได้นกสองตัว ทำให้พวกเขามองเห็นความสามารถในการวางแผนของอีกฝ่ายว่าลึกล้ำและช่ำชองมากเพียงใด
“ก่อนหน้านี้หวงฝู่ฉิงอิงแนะนำพวกเขาและกล่าวว่าพลังบ่มเพาะของเฉินซีเหนือกว่าชิงซิ่วอี้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็มีคุณสมบัติร่วมเดินทางกับเราได้ ไม่เช่นนั้น ให้เขาออกไปโดยเร็วที่สุดจะดีกว่า” ชุยซิวหงในชุดสีเงินพลันพูดขึ้น
“อะไรกัน? จริงหรือ?”
“ไม่ได้ด้อยไปกว่าชิงซิ่วอี้หรือ? เช่นนั้นก็เป็นอัจฉริยะหาใครเปรียบเช่นกันนี่นา? ชิงซิ่วอี้เป็นเซียนสวรรค์กลับมาเกิด มีความสามารถหาใครเทียม ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้าไปกว่าพวกเราทีเดียว”
“เขาน่าเกรงขามขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ทดสอบง่าย ๆ ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไร?”
“ไม่คิดมาก่อนเลยจริง ๆ เดิมทีข้าคิดว่าราชวงศ์ซ่งมีอัจฉริยะหาใครเทียบอย่างชิงซิ่วอี้เพียงผู้เดียว แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครน่ากลัวกว่าชิงซิ่วอี้อีก”
เว่ยมู่อวิ๋นและเหลิ่งเชี่ยนชิวที่มาพร้อมกับเผยอวี่เองก็เป็นยอดอัจฉริยะในหมู่คนเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาสงสัยอยู่บ้างเมื่อได้ยินคำของชุยซิวหง จึงพากันมองเฉินซีด้วยสายตาเคลือบแคลงครุ่นคิดยามเอ่ยคำ
กลับกันแล้ว นัยน์ตาของเผยอวี่กลับเผยเส้นแสงประหลาด แต่กลับไม่พูดอะไร ยังคงท่าทีสง่างามเรียบเฉยดั่งสายธารไว้
“ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะน่ายำเกรงได้เช่นนั้นหรอก เช่นนั้นก็ทดสอบพลังบ่มเพาะหน่อยแล้วกันว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะจริงหรือแค่คุย!” ทันใดนั้น เว่ยมู่อวิ๋นก็ก้าวออกมา พลังปราณเล็งไปยังเฉินซี ฝ่ามือขวาฟาดไปในอากาศ เกิดเป็นภาพฝ่ามือขนาดใหญ่ผสานแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กรีดผ่านฟ้า
คนผู้นี้ไม่ใส่ใจสิ่งใดและลงมือในพลัน เผยให้เห็นความเย่อหยิ่งอหังการชัดเจน!
ครืน!
ฝ่ามือขนาดมหึมาทะยานผ่านฟ้าขณะเปล่งแสงสีทองออกมา เหมือนแท่นสีทองหล่นลงมาจากสวรรค์ ปลดปล่อยลมปราณกว้างใหญ่และเฉียบคม จากนั้นจึงทุ่มลงมาจากเบื้องบน เปลี่ยนให้พื้นที่โดยรอบถูกบดขยี้จนแหลก แรงกดดันของมันน่าตกใจถึงขีดสุด
“ต้องการทดสอบพลังบ่มเพาะของข้าหรือ? ได้ถามความเห็นข้าหรือยัง?!” ในตอนนี้เฉินซีมั่นใจแล้วว่าการผนึกกำลังกับคนเหล่านี้เพื่อสำรวจทะเลบรรพกาลนับเป็นการช่วยเหลือคนที่จะแทงข้างหลังพวกเขาได้ตลอดเวลา ซึ่งดูได้จากทัศนคติของพวกเขา ควบคู่ไปกับการที่คนพวกนี้ยั่วยุเฉินซีและนายน้อยโจวครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นไม่ว่าชายหนุ่มจะมีนิสัยไม่แยแสเพียงใด เขาก็อดโกรธในใจไม่ได้
เมื่อเห็นเว่ยมู่อวิ๋นยั่วยุอย่างไม่อ้อมค้อม เขาก็มองอีกฝ่ายเป็นเหมือนเป้าชกที่ส่งตัวเองมาให้ระบายความโกรธ ดังนั้นมีหรือเฉินซีจะลังเล? เขาก้าวไปข้างหน้าทันที ก่อนซัดหมัดออกมา
มันช้ามาก แต่กลับทำให้รู้สึกไม่อาจหลบหนีได้ ราวกับว่าโลกไร้ขอบเขตและทุกอย่างภายในนั้นถูกปิดล้อมไว้ด้วยหมัดนี้
ตู้ม!
หมัดที่ธรรมดามากหมัดนี้อาจเรียกได้ว่าเรียบง่าย ทุกพื้นที่ที่มันเคลื่อนผ่านราวกับอากาศจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ คลื่นพลังกระจายออกอย่างไร้ทิศทาง
ในเวลาเดียวกันนั้น พลังอันน่าสะพรึงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำลายทุกอย่างก็ระเบิดออกจากกำปั้นของเฉินซี แปรเปลี่ยนเป็นเส้นอากาศสองสาย เส้นหนึ่งกว้างใหญ่และพลุ่งพล่าน มีเต๋ารู้แจ้งแห่งสายน้ำ อีกเส้นหนึ่งรุนแรงและดุดัน มีเต๋ารู้แจ้งแห่งไฟ ทั้งสองเป็นดั่งมังกรสองตัว ตัวหนึ่งไฟตัวหนึ่งน้ำ ปะทะ ห้ำหั่น สั่นสะเทือนส่งเสียงเลื่อนลั่น
เฉินซีซัดพลังออกไปด้วยแรงโกรธ ออกกระบวนท่าแรกของเพลงหมัดมหาทำลายล้าง วารีเพลิงพิฆาต!
เพลงหมัดมหาทำลายล้างของเฉินซีนั้นได้มาจากขุมสมบัติของเฉียนหยวน แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้น แต่พลังของมันก็ยิ่งใหญ่ไม่น้อย การใช้เต๋ารู้แจ้งของมันถึงขั้นสูงเกินหยั่ง แทบไม่อยากเชื่อ แม้แต่ผู้อาวุโสอย่างจี้อวี๋ที่อยู่มานานนับล้านปีได้เห็นยังเอ่ยชมไม่หยุด
วิชาหมัดนี้มีเพียงสามกระบวนท่าเท่านั้น หมัดทลายพิภพ หมัดทลายโกลาหล และหมัดทลายนิรันดร์ แต่ทุกกระบวนท่านั้นแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เฉินซีใช้เวลาศึกษาอยู่หลายปี จนถึงตอนนี้เขาเข้าใจเพียงสองท่าในกระบวนท่าแรกเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดมาจากทักษะความเข้าใจของเขาล้วน ๆ
ความลึกล้ำของตัววิชาจึงเห็นกันเด่นชัดเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เฉินซีใช้เพลงหมัดมหาทำลายล้างต่อหน้าคนอื่น ๆ! ถึงอย่างไรมันก็เป็นไพ่ตายของเขา ขนาดในการชุมนุมดาวรุ่งเขายังไม่ใช้มันออกมาด้วยซ้ำ
ตู้ม!
พลังหมัดกระจายตัวกว้าง ทลายมวลอากาศ เข้าสกัดฝ่ามือยักษ์ที่ซัดเข้าใส่ ฝ่ามือขนาดมหึมาแตกสลายไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ความพลังที่เหลืออยู่ของหมัดเฉินซียังไม่จางหายไป มันทะลวงผ่านการโจมตีนั้นไป ตรงเข้าหาร่างเว่ยมู่อวิ๋น
“เวรล่ะ!” เว่ยมู่อวิ๋นเริ่มวิตกเมื่อเห็นว่าหมัดดังกล่าวทรงพลังเพียงใด เขารีบถอยไม่หยุด แต่ละก้าวยาวถึงหกลี้ พร้อมกันนั้น กงจักรสีทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เหมือนหินโม่ที่มีอักขระยันต์กระจายตัวออกมา ปลดปล่อยแสงสีทองสะเทือนลั่นถึงชั้นฟ้า
“เมื่อกงจักรทองคำลอยคว้าง อิสระจึงบังเกิด บดขยี้ใต้หล้าเสีย!” เขาตะโกนลั่นออกมา สองมือสะบัดไปมาไม่หยุด กงจักรทองคำพลันขยายร่าง กลายเป็นตะวันอร่ามลอยคว้างอยู่บนฟากฟ้า บดบังร่างของเขาเอาไว้
“นี่มัน… กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าขั้นสมบูรณ์ วิชาจักรทองคำแห่งเสรี! ไพ่ตายของพี่เว่ย!”
“ตามข่าวลือแล้ว วิชานี้มีมหาเต๋าแห่งโลหะขั้นสมบูรณ์อยู่ เมื่อใช้แล้วจะบดขยี้ทุกสิ่งรอบทิศ พี่เว่ยใช้วิชานี้กำชัยชนะคว้าที่ห้ามาจากรุ่นเยาว์ของราชวงศ์ต้าจิ้น”
ชุยซิวหงกับเหลิ่งเชี่ยนชิวส่งเสียงร้องตื่นเต้นออกมา น้ำเสียงเจือแววยำเกรงเว่ยมู่อวิ๋น แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ เฉินซีสามารถบีบให้เว่ยมู่อวิ๋นใช้วิชาสังหารออกมาได้ในกระบวนท่าเดียว ทำเอาพวกเขาตกตะลึงยิ่งนัก
“เฉินซีเชี่ยวชาญเต๋าแห่งกระบี่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดวิชาหมัดจึงน่าสะพรึงกลัวเช่นกันเล่า?” หวงฝู่ฉิงอิงรู้จักพลังของเฉินซีดี เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ใช้เต๋าแห่งกระบี่หรือทักษะขัดเกลากายาเทพอสูร ทว่ากลับใช้วิชาหมัดรับการโจมตีของเว่ยมู่อวิ๋นได้อย่างง่ายดายแทน แล้วนางจะไม่ตกใจได้หรือ?
“เฉินซีเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ซ่ง ใครจะรู้ได้ว่าเขามีไพ่ตายซ่อนไว้เท่าไร?” นายน้อยโจวถอนหายใจ แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่เขาก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
“วารีเพลิงพิฆาต หมัดทลายพิภพ! จักรทองคำแห่งเสรีหรือ? ก็หนีหายนะจากไฟและน้ำไปไม่ได้เช่นกัน! ทำลายมันเสีย!” ก่อนจะซัดท่าออกไป เพลงหมัดมหาทำลายล้างของเฉินซีนั้นไม่ได้บริสุทธิ์ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้มันกับศัตรู แต่ตอนนี้ เมื่อซัดออกไปสำเร็จในคราวเดียวจึงเกิดรูปแบบขึ้นมากมาย ทำให้เขายิ่งชำนาญกระบวนท่า ทั้งยังได้ประโยชน์มากมายจากการต่อสู้จริง
เฉินซีก้าวออกมาอีกครั้ง ทั้งร่างและหมัดทำลายกงจักรทองคำดั่งดวงตะวัน เกิดเป็นฝนลำแสงสาดลงมายามเต๋าแห่งการรู้แจ้งกระจายหายไป มันทำลายวิชาของเว่ยมู่อวิ๋นสิ้น สลายไปกลางฟ้า ไม่หลงเหลือสิ่งใด
จักรทองคำแห่งเสรีไม่อาจต้านหนึ่งหมัดจากเพลงหมัดมหาทำลายล้างได้!
“อะไรกัน? นี่มันวิชาหมัดอะไรกันเนี่ย? พลังของมันน่ากลัวนัก!” กระทั่งเผยอวี่ยังหนังตากระตุก เริ่มครุ่นคิดวิเคราะห์และเรียนรู้วิชาหมัดของเฉินซี
แต่กลับไม่พบสิ่งใด วิชาหมัดของเฉินซีนั้นราวกับไม่มีอยู่จริงในใต้หล้า เท่าที่เผยอวี่รู้ เขาไม่อาจรู้ต้นกำเนิดของวิชาหมัดนี้ได้
ตู้ม!
หมัดที่สองของเฉินซียังคงเป็นท่าเดิม แต่พลังไม่ได้แกร่งกล้าเท่ากาลก่อน แรงหมัดฉีกผ่านฟ้า เคล้าไปด้วยความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวที่หมายจะทำลายล้างใต้หล้า ทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่ความสงบ หลังจากทำลายกงจักรทองคำไปแล้ว มันก็พุ่งต่อไป
ครั้งนี้เว่ยมู่อวิ๋นไม่อาจหลบพ้น กัดฟันสู้กับมันหัวชนฝา แต่เห็นได้ชัดว่าเขาประเมินมันต่ำไป
เปรี๊ยะ!
สองแขนหักทันที ร่างกระเด็นไปไกล หน้าซีดเผือด ปากก็พ่นเลือดออกมาจนย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดง
การโจมตีเพียงสองครั้งก็ทำเอาอัจฉริยะหาใครเทียบที่ได้อันดับห้าในราชวงศ์ต้าจิ้นตัวปลิวไปโน่นแล้ว!