บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 447 จารึกพลังแห่งการทำลายล้าง
บทที่ 447 จารึกพลังแห่งการทำลายล้าง
บทที่ 447 จารึกพลังแห่งการทำลายล้าง
เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ เฉินซีกับคนอื่น ๆ ก็ได้เห็นว่าวานรวารีเพลิงคลั่งเหล่านี้สูงกว่ามนุษย์สี่ถึงห้าเท่า เหมือนเป็นยักษ์ก็ไม่ปาน แขนขาหนาเหมือนเสาเหล็ก ขนดกและหนา ท่าทางป่าเถื่อน มีเขี้ยวแหลมคม และมีดวงตาสีแดงเข้ม
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอักขระเต๋าอยู่บนกระดูกหน้าผากด้วย บางตัวมีเปลวเพลิงลุกโชน บางตัวมีหยดวารีใสกระจ่าง อักขระเต๋าเหล่านี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของเต๋ารู้แจ้งแห่งไฟและน้ำออกมา
เช่นเดียวกับอสูรมัจฉาวิญญาณ ร่างของวานรวารีเพลิงคลั่งเหล่านี้มีไข่มุกต้นกำเนิดที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งน้ำและไฟ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเสียด้วย เนื่องจากน้ำและไฟล้วนต่อต้านกันเอง เป็นสองขั้วของกันและกัน ทว่าตอนนี้พวกมันกลับอยู่ในไข่มุกต้นกำเนิดเม็ดเดียวกัน ดูไม่เหมือนใครและหายากมากเกินพรรณนา ด้วยเหตุนี้ มูลค่าของมันย่อมสูงกว่า
ตู้ม!
กลุ่มวานรวารีเพลิงคลั่งพุ่งเข้าหาเผยอวี่ก่อน กระโดดคราเดียวก็ไปไกลกว่าหกลี้ แขนขนาดใหญ่กวาดขอบฟ้าราวกับเป็นท่อนเหล็กที่สาดแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีและอัคคีออกมา ซัดเข้าหาเผยอวี่ ลมฟ้าสะเทือน การโจมตีรุนแรงบีบอัดเข้ามาอย่างรุนแรง
“สัตว์พวกนี้กล้าโจมตีก่อน รนหาที่ตายจริง หรือมันจะคิดว่าเราเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางธรรมดากัน?” การถูกอสูรทะเลลอบโจมตีทำให้เผยอวี่รู้สึกโกรธขึ้นมา กระบี่หยกขาวในมือถูกคว้าออกมา ราวกับเส้นแสงยาวหกลี้ที่กรีดผ่านท้องฟ้ามาพร้อมกับเจตจำนงกระบี่อันแสนกดดัน
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
วานรวารีเพลิงคลั่งกว่าสิบตัวถูกสังหารทันที แขนขาถูกตัดจนขาด กระเด็นไปทุกทิศ เลือดกระเซ็นเปื้อนท้องฟ้า ละเลงสีแดงไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ทว่าหลังจากถูกท่าสังหารโหดของเผยอวี่ไปแล้ว ไข่มุกต้นกำเนิดของวานรวารีเพลิงคลั่งบางตัวก็ไม่ได้ร่วงออกจากร่าง กลับสลายกลายเป็นผงพร้อม ๆ กับร่างของพวกมัน
ราวกับทันทีที่ถูกแสงกระบี่สังหารลงแล้ว มันก็ใช้วิชายับยั้งบางอย่างทำลายไข่มุกต้นกำเนิดในพลัน
“บัดซบ! สมบัติล้ำค่าหายไปหนึ่งชิ้นแล้ว! แล้วพวกแกจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร? ตายเสียเถอะ!” เผยอวี่คำรามเสียงเย็น
แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่เขาก็ยังไม่คิดยอมแพ้ แสงกระบี่พลันพุ่งออกมา ควบแน่นเป็นตาข่ายกระบี่ที่ร่วงลงมาปกคลุมร่างฝูงวานรไว้ จับได้ราวกว่าสิบตัว ก่อนจะกักขังและบดขยี้พวกมัน ทำให้พวกมันไม่อาจทำลายตัวเองได้
ครั้งนี้เขาสามารถรวบรวมไข่มุกต้นกำเนิดได้มากกว่าสิบเม็ด
‘น้ำและไฟผลักดันกัน ทว่ากลับอยู่ในไข่มุกต้นกำเนิดเพียงเม็ดเดียว นี่มันเหมือนกับกระบวนท่าแรกของเพลงหมัดมหาทำลายล้าง วารีเพลิงพิฆาตเลยไม่ใช่หรือ?’ เฉินซีคิดในใจ ก่อนจะยื่นมือออกไปคว้าร่างวานรวารีเพลิงคลั่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วตบฝ่ามือใส่มัน สังหารในคราวเดียว
ในระหว่างนั้น เขาได้แผ่จิตสัมผัสเทพเข้าไปสำรวจร่างกายของมัน แล้วชายหนุ่มก็พบว่าเมื่อไข่มุกต้นกำเนิดในร่างของมันถูกท่าฝ่ามือเขา สิ่งนั้นก็ส่งเสียงและปล่อยพลังผันผวนประหลาดออกมา ทำให้เต๋ารู้แจ้งแห่งไฟและน้ำที่อยู่ภายในนั้นปะทะกันจนทำลายตัวมันเองในพริบตา
‘นี่… ดูเหมือนจะเป็นพลังแห่งการทำลายล้างเลยนี่?’ เฉินซีตกตะลึง ภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะความผันผวนแปลก ๆ ที่แผ่ออกมาจากไข่มุกต้นกำเนิด ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็ไม่ใช่ เมื่อเขาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะคล้ายกับเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างที่เขาอยากได้มากเหลือเกิน
เต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างนั้นก็เหมือนกับมหาเต๋า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้วิชา คล้ายกับเต๋าแห่งกระบี่ เต๋าแห่งการกลืนกิน และอื่น ๆ เหตุผลที่เพลงหมัดมหาทำลายล้างที่เฉินซีได้มาไม่สมบูรณ์ เป็นเพราะเต๋ารู้แจ้งไม่สมบูรณ์ กระบวนท่าทั้งสามจึงไม่อาจทำให้เขาเข้าถึงแก่นของเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างได้
เฉินซีรู้สึกเสียดายเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะเท่าที่รู้ หากเขาเชี่ยวชาญเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างขั้นสมบูรณ์ได้ พลังของเพลงหมัดมหาทำลายล้างก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า!
ตอนนี้ไข่มุกต้นกำเนิดในร่างของวานรวารีเพลิงคลั่งสามารถสร้างพลังที่เหมือนกับพลังทำลายล้างได้ ทำให้จิตใจของเฉินซีกระจ่างขึ้นมาทันใด และเพื่อยืนยันให้มั่นใจ เขาจึงรุดหน้าเข้าหาฝูงวานรวารีเพลิงคลั่งทันทีโดยไม่ลังเล
ครั้งนี้เขาไม่ได้ฆ่าวานรวารีเพลิงคลั่งทันที แต่ขังมันไว้ สกัดไข่มุกต้นกำเนิดของมันออกมาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน แน่นอนว่าชายหนุ่มเห็นเส้นสายพลังประหลาดเส้นเล็ก ๆ มากมายที่มีความผันผวนและแฝงตัวอยู่ภายในไข่มุกต้นกำเนิด และนี่ก็คือพลังแห่งการทำลายล้างที่ว่า!
ทว่าเฉินซีก็สังเกตเห็นทันทีว่าพลังทำลายล้างนั่นไม่เหมือนกับเต๋ารู้แจ้งแห่งไฟและน้ำภายในไข่มุกต้นกำเนิด และไม่ใช่เต๋าแห่งการรู้แจ้งที่วานรวารีเพลิงคลั่งเข้าใจได้เอง แต่เป็นการบ่มเพาะและได้รับมาในภายหลังต่างหาก
‘หรือว่าเผ่าวานรวารีเพลิงคลั่งจะมีของที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างอยู่ ทำให้มันทำความเข้าใจและบ่มเพาะได้?’ ความคิดเกินคาดหนึ่งแวบเข้ามา
เฉินซีใช้วิชาที่ดึงเอาความทรงจำจากวิญญาณออกมาจากวานรวารีเพลิงคลั่งที่ถูกจับไว้ตัวแล้วตัวเล่า รุกล้ำเข้าสู่ความทรงจำของมันโดยตรง ผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็ตาเป็นประกายขึ้นมา
ข้าเจอแล้ว!
ที่ระดับความลึกใต้ทะเลประมาณสามหมื่นลี้คือรังของเผ่าวานรวารีเพลิงคลั่ง และใจกลางของรังนั่นก็คือแผ่นจารึกโบราณแผ่นหนึ่ง ตามความทรงจำของพวกมันแล้ว จารึกโบราณมีมานานเกินนับ น่าจะได้มาจากศึกระหว่างทวยเทพตั้งแต่เมื่อกาลก่อน
มันเป็นจารึกหน้าตาธรรมดาที่ไม่มีคำหรือภาพใดอยู่ ทว่ากลับแฝงพลังแห่งการทำลายล้างเอาไว้ และเผ่าวานรวารีเพลิงคลั่งก็ทำความเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างมาจากมันและใช้ป้องกันตนเองได้
เหตุผลที่ผู้บ่มเพาะธรรมดาไม่อาจหาไข่มุกต้นกำเนิดมาได้ เป็นเพราะมีพลังนี้อยู่ และหากมันตายก็จะทำลายไข่มุกต้นกำเนิดทันที
ดังนั้นแผ่นจารึกจึงกลายเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการส่งต่อและใช้ปกป้องในเผ่าวานรวารีเพลิงคลั่ง
จารึกจากการต่อสู้ระหว่างทวยเทพที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างอยู่… ทะเลบรรพกาลมีสมบัติอยู่มากมายจริง ๆ!
จิตใจของเฉินซีมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ‘เต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างนับเป็นความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าที่หายาก หากข้าเชี่ยวชาญมันได้ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ไม่สามารถฝึกเพลงหมัดมหาทำลายล้างได้แล้วกระมัง?’
‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องนำมันมาให้ได้เสียแล้ว! แม้ว่ามันจะอันตราย แต่หากใช้ความเร็วของปีกนภาดารกะและความแกร่งของข้าเอง หากไม่พบกับคู่ต่อสู้ฝีมือฉกาจเข้า ข้าก็มั่นใจว่าจะชิงมันมาได้’ เฉินซีครุ่นคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว
“องค์หญิง พี่โจว ข้าจะมุ่งหน้าเข้าสู่พายุเพื่อไปทำบางอย่าง หากไม่มีสิ่งเกินคาดฝัน ข้าจะรีบกลับมาโดยเร็ว” หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็ตัดสินใจได้ เขาออกคำสั่งกับหวงฝู่ฉิงอิงและนายน้อยโจวเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งเข้าสู่ใจกลางกองทัพวานรวารีเพลิงคลั่ง
“เฉินซีคิดจะทำอะไรกัน? หรือเขาอยากเข้าไปล่าสังหารทัพศัตรูเหมือนก่อนหน้านี้หรือ?” นายน้อยโจวชะงักไป จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นชี้ ปรากฏเป็นดัชนีสูญวิญญาณฟ้าขึ้นกลางอากาศ สังหารวานรวารีเพลิงคลั่งกว่าสิบตัวลงทันที
เขาไม่ได้ดุดันเท่าเฉินซีที่ถึงกับสามารถรวบรวมไข่มุกต้นกำเนิดระหว่างสังหารศัตรูได้ แต่ทำเพียงซัดท่าสังหารออกไปฆ่าพวกมันที่พุ่งเข้ามาตรง ๆ เท่านั้น
เมื่อหวงฝู่ฉิงอิงกับเขาต่อสู้เคียงข้างกัน แม้ว่าวานรวารีเพลิงคลั่งจะมีจำนวนมหาศาล แต่พวกมันกลับไม่อาจทำร้ายพวกเขาได้เลย
“ไม่ได้ยินหรือว่าเขาบอกว่าจะไปทำอะไรบางอย่าง? บางทีเขาอาจมีแผนอื่นกระมัง” หวงฝู่ฉิงอิงว่า “เอาเถอะ ไม่ต้องห่วงเฉินซีไปหรอก เราต้องมั่นใจก่อนว่าเราจะรอดศึกนี้ไปได้หรือไม่ เพราะอย่างไร ความแข็งแกร่งของวานรวารีเพลิงคลั่งก็ยังด้อยกว่าอสูรมัจฉาวิญญาณพวกนั้นมาก ยิ่งนาน สถานการณ์ก็ยิ่งย่ำแย่”
นายน้อยโจวที่รู้สึกวิตก พลันพยักหน้า
…
“หืม? องค์รัชทายาท ดูสิพ่ะย่ะค่ะ! เฉินซีพุ่งเข้าหากองทัพวานรวารีเพลิงคลั่งอีกครั้งแล้ว สหายผู้นี้ช่างดุดันเสียจริง” เมื่อเห็นเฉินซีกระโจนเข้ากลางดงอสูรทะเล ชุยซิวหงก็รีบเอ่ยขึ้น แต่เขาไม่ได้บอกว่าครั้งนี้เฉินซีกระทำการหุนหันพลันแล่น อาจเพราะนึกถึงภาพที่เฉินซีเคยพุ่งเข้าใส่สังหารอสูรมัจฉาวิญญาณก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ “เขากล้าหาญมากจริง ๆ! กลางดงพวกนั้นมีพวกระดับสั่งการอยู่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทะลวงเข้าสู่ใจกลางทัพเลย เข้าไปขนาดนั้นย่อมต้องถูกโจมตีรุนแรงขึ้นเป็นแน่ เขาไม่หวงชีวิตตนเลยจริง ๆ”
เผยอวี่ชะงัก จากนั้นก็ส่ายหัวพลางกล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก วานรวารีเพลิงคลั่งเหล่านี้ไม่เหมือนกับอสูรมัจฉาวิญญาณ พวกมันมีพลังน่าเกรงขาม หากคิดจะพุ่งเข้าไปและฝ่าวงล้อมออกมา ด้วยพลังอย่างเราก็นับว่ารนหาที่ตายแล้ว เราจึงทำได้เพียงขวางพวกมันจากวงนอกและรอโอกาสหนีเท่านั้น”
“ใช่แล้ว อสูรพวกนี้ดุร้ายมาก ทั้งยังใจร้อนนัก หากโจมตีนานแล้วไม่สำเร็จ ก็จะหยุดโจมตี จังหวะนั้นล่ะคือจังหวะทองในการหนีของเรา” ชุยซิวหงกะพริบตา แววตาดูหม่นลง “ส่วนเฉินซี เขาจะอยู่หรือตายก็ช่าง หากตายก็นับว่าขจัดปัญหาเราไปได้ หากไม่ตายเราก็จะหลอกใช้เขาจนตายหลังจากเข้าสู่เกาะสมบัติที่ร่วงหล่นได้แล้ว!”
เผยอวี่ยิ้มและไม่พูดอะไรอีก
…
ฟิ้ว!
ตอนนี้ เฉินซีได้กลายร่างเป็นภูตไร้ลักษณ์รุดหน้าเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของดาราที่โคจรอยู่บนปีกนภาดารกะบนหลัง ผสานกับเต๋ารู้แจ้งแห่งนภา ทำให้ร่างเขาล่องลอยไปโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น ในพริบตาเดียว เขาก็รุดหน้าเข้าไปกว่าพันลี้ราวกับหายตัว
ภายใต้ความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ เฉินซีหลบหลีกทัพอสูรทะเลไปได้อย่างปลอดภัย เพราะวานรวารีเพลิงคลั่งเหล่านั้นไม่มีทางตามความเร็วของปีกนภาดารกะได้ทัน
แม้จะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติหรือขอบเขตสถิตกายา ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจเข้าใจการเคลื่อนย้ายมิติ ก็คงไม่อาจติดตามความเร็วของปีกนภาดารกะได้เช่นกัน
ในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ เฉินซีก็มาถึงทะเลที่ห่างออกไปกว่าสามหมื่นลี้ นี่คือใจกลางทัพวานรวารีเพลิงคลั่ง เขาย่อมไม่เผยร่องรอยโดยง่าย ชายหนุ่มดำดิ่งลงไปในทะเลลึกแทน ส่วนปีกนภาดารกะก็โคจรจนถึงขีดสุด ทำให้ร่างเขาวูบไหวหายและปรากฏซ้ำไปมา กระทั่งข้ามความลึกที่ระดับหกสิบลี้ในทันใด
จากความทรงจำของวานรวารีเพลิงคลั่ง รังของพวกมันน่าจะอยู่ที่ความลึกหนึ่งร้อยแปดลี้ใต้ผิวสมุทร มันคือแนวเขาใต้น้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยถ้ำมากมาย พวกวานรวารีเพลิงคลั่งอาศัยอยู่ในนั้น
จารึกที่มีเต๋ารู้แจ้งแห่งการทำลายล้างอยู่ใจกลางรังของพวกมันได้รับการคุ้มกันแน่นหนา จึงย่อมหาได้ยาก
“จารึกพลังแห่งการทำลายล้าง… ข้าต้องทำให้ได้!” เฉินซีจ้องไปที่ก้นทะเล ก่อนร่างจะแวบหายไปอย่างรวดเร็ว