บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 468 หายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
บทที่ 468 หายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
บทที่ 468 หายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
เฉินซีได้ต่อสู้กับกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะมาเป็นเวลานานก่อนหน้านี้ และตอนนี้กำลังต่อสู้กับประกาศิตเซียนสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง เขาฟาดฟันไปยังประกาศิตเซียนสวรรค์อย่างยากลำบาก จนทำให้มันสั่นสะท้านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และกำลังจะเปิดฉากโต้กลับ ทว่าปราณแท้ภายในร่างกายของเขาในขณะนี้ได้เหือดแห้งไปแล้วจริง ๆ!
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ บางคนถอนหายใจด้วยความเสียใจ ในขณะที่คนอื่น ๆ มีความสุขกับความโชคร้ายของเฉินซี ซึ่งโดยปกติแล้ว ตราบใดที่ผู้บ่มเพาะมีโอสถวิญญาณเพียงพอ เขาย่อมไม่ต้องกังวลกับสภาวะปราณแท้แห้งเหือด
ซึ่งชายหนุ่มก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่พลังของประกาศิตเซียนสวรรค์นั้นมีขอบเขตที่กว้างเกินไปและครอบคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน มันกดดันจนเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะกินโอสถวิญญาณ ดังนั้นสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้จึงเกิดขึ้น
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจก็คือ เมื่อพวกเขาคิดว่าเฉินซีไม่มีพลังที่จะต่อสู้อีกต่อไป เขากลับเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ของตนทันที ปราณจ้าววิญญาณพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ในขณะที่ชายหนุ่มได้ใช้ร่างแปลงสวรรค์ อวตารเทพและก่ออัสนีผสานดารา จากนั้นจึงต่อสู้กับประกาศิตเซียนสวรรค์ต่อไป
ตู้ม!
รอยฝ่ามือขนาดมหึมาที่ปกคลุมพื้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบจั้งได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และถูกล้อมรอบด้วยแสงดาวที่สุกใส ยิ่งไปกว่านั้น ธาตุทั้งห้า หยินและหยางก็หมุนเวียนอยู่ภายในขณะที่ฟาดลงมา
พลังอิทธิฤทธิ์ …ฝ่ามือมหาดารา
พลังอิทธิฤทธิ์นี้ได้มาจากปรมาจารย์แห่งเคหาบ่มเพาะ มันมีดวงดาวและเต๋ารู้แจ้งที่ไร้ขอบเขต ทำให้พลังของมันไร้ขอบเขตเช่นกัน อีกทั้งยังเหนือกว่าก่ออัสนีผสานดาราที่ศิษย์พี่สามของเขาบัญญัติขึ้น
และเฉินซีก็ทุ่มเทฝึกฝนกับพลังอิทธิฤทธิ์นี้เป็นส่วนใหญ่ หากเทียบกับก่อนหน้านี้ พลังของฝ่ามือมหาดารานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม นอกจากธาตุทั้งห้า หยิน หยาง สายฟ้า วายุ ดวงดาวและเต๋ารู้แจ้งอื่น ๆ ที่มีจำนวนมากกว่าสิบประเภท มันยังมีมหาเต๋าแห่งการกลืนกินและมหาเต๋าแห่งการสังหารที่หาได้ยาก ทันทีที่มันปรากฏขึ้น มันก็เหมือนมือที่สามารถปิดท้องฟ้าและทำให้ท้องฟ้าต้องมืดสลัวลง
เพียงคลื่นผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากปราณฝ่ามือ ก็สามารถทำลายมิติและบดขยี้พื้นดินจนมันระเบิดออกทีละนิด ทำให้เกิดรอยแตกที่เหมือนใยแมงมุมออกมานับไม่ถ้วน
พร้อมกับดวงดาวที่กำลังหมุนเวียนอยู่บนฝ่ามือนับไม่ถ้วน พลังงาน เต๋ารู้แจ้งชนิดต่าง ๆ ก็สั่นสะเทือนและดูจะสกัดกั้นแสง กระแสอากาศและปราณวิญญาณในระยะพันลี้ได้ถูกควบแน่นอยู่ในฝ่ามือนี้ ทำให้เกิดแรงกดดันที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจจนดวงตาต้องหรี่ลง
ครืนนนน! ครืนนนน!
คลื่นเสียงที่เหมือนฟ้าร้องดังขึ้นจากภายในฝ่ามือมหาดาราและสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อพบว่า บนปราณฝ่ามือที่มีขนาดมหึมานั้น มีมวลเมฆขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ปกคลุมท้องฟ้าอย่างหนาแน่น อีกทั้งยังมีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราพฤกษาที่สอง สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราทองคำที่เจ็ด สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราปฐพีที่ห้า สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราอัคคีที่สาม สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราวารีที่เก้าที่ได้เชื่อมต่อและพลุ่งพล่านอยู่ภายใน สายฟ้าหลากสีส่งเสียงดังก้องราวกับเสียงคำรามของมังกรขนาดมหึมาและสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณโดยรอบ
ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในไพ่ตายของเฉินซี และเขาไม่ได้ใช้มันเลยตั้งแต่เข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล แต่ในขณะนี้ มันกลับทำให้ทุกคนต้องตกใจทันทีที่ปรากฏขึ้นมาบนโลก
“นี่คือพลังอิทธิฤทธิ์อะไรกัน? ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!”
“เต๋ารู้แจ้งสอดประสานกันและกัน อีกทั้งยังทำให้เกิดสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุทั้งห้าอยู่ในปราณฝ่ามือ! สวรรค์! นี่อาจเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรกของเทียบพลังอิทธิฤทธิ์ทองคำของสามภพหรือไม่”
“การบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ของเขาได้บรรลุถึงแนวทางใจหลอมรวมกระบี่ ซึ่งก็น่าตกตะลึงพอแล้ว แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าการขัดเกลากายาของคนผู้นี้จะน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?”
ทุกคนที่อยู่ในระยะไกลต่างจ้องมองไปยังยักษ์ที่มีความสูงถึงยี่สิบสี่จั้ง อีกทั้งยังมีสามเศียรหกกร ด้วยเหตุนี้เอง อารมณ์ที่ปั่นป่วนดั่งพายุที่โหมกระหน่ำก็เกิดขึ้นในใจของพวกเขา
เนื่องจากเฉินซีมีไพ่ตายอยู่มากมาย ซึ่งมากเกินไปจนทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว และพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทบทวนการประเมินอีกฝ่ายของตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีก จากการคาดเดาในปัจจุบัน พวกเขายังคงรู้สึกสงสัยว่า แม้เฉินซีจะยังไม่ได้บรรลุสู่ขอบเขตจุติ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ได้รับการทดสอบขั้นสุดท้ายของสมรภูมิบรรพกาลแล้ว
ใบหน้าของฉินเซียวกับปี้หลิงอวิ้นที่อยู่อีกด้านหนึ่งต่างหนักอึ้งขึ้นทันที ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความสามารถที่เฉินซีได้เปิดเผยออกมา ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากเช่นกัน
ส่วนเผยอวี่นั้น เนื่องจากความแข็งแกร่งอันทรงพลังของเฉินซี ทำให้เจตนาฆ่าในใจของเขายิ่งลุกโชนขึ้น ด้วยตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าหากไม่กำจัดเฉินซีในตอนนี้ ชายหนุ่มจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับเขาในอนาคตแน่นอน!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุทั้งห้าได้ซัดลงมาราวกับพายุลูกเห็บ
สายฟ้าสีเขียว สีเหลือง สีแดงเข้ม สีทอง และสีน้ำเงินก็เปลี่ยนเป็นทะเลสายฟ้าหลากสี ซึ่งโหมกระหน่ำใส่ประกาศิตเซียนสวรรค์
ตู้ม!
ประกาศิตเซียนสวรรค์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในขณะที่แสงของมันริบหรี่ลงทันที ก่อนที่มันจะถูกพัดปลิวหายไปโดยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของธาตุทั้งห้าอันน่าสะพรึงกลัว
ตู้ม!
สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุทั้งห้าระเบิดลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ประกาศิตเซียนสวรรค์ถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง แสงของมันสลัวและหรี่ลงเมื่อถูกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งแสงที่ปกคลุมพื้นผิวของมันก็ดูเหมือนจะใกล้ดับลงเช่นกัน
ทุกคนต่างรู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขาชาด้าน พลังอิทธิฤทธิ์นี้น่ากลัวเกินไปและแสดงให้เห็นว่ามันต้องการบดขยี้ประกาศิตเซียนสวรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากเหลือเชื่อ
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เผยอวี่รู้สึกโกรธเมื่อเห็นสิ่งนี้ เนื่องจากไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากที่เผยไพ่ตายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเอาชนะเฉินซีได้ แต่อีกฝ่ายกลับกำลังจะทำลายประกาศิตเซียนสวรรค์ของตนด้วย!!
“ด้วยโลหิตของข้า ข้าขอถวายเครื่องสังเวยแด่เหล่าทวยเทพ ตราบใดที่ศัตรูของข้ายังคงอยู่ การเข่นฆ่าจะไม่มีวันสิ้นสุด!”
ในช่วงเวลาต่อมา เผยอวี่นั่งขัดสมาธิบนพื้น และร่างของเขาก็มีแสงสีเลือดระเบิดออกมา จากนั้นแสงสีเลือดก็พุ่งเข้าสู่ประกาศิตเซียนสวรรค์ ในขณะที่รูปร่างหน้าตาและผิวพรรณของเจ้าตัวโรยราลงอย่างมากทันที แม้แต่ผมเผ้าของเขาก็กลายเป็นสีเทา
ทุกคนล้วนตกตะลึงอย่างสุดขีด เฉินซีสามารถบังคับให้เผยอวี่สละอายุขัยและแก่นโลหิตของเขาได้!?
โอม!
ตัวอักษร ‘戮’ ในประกาศประกาศิตเซียนสวรรค์นั้นเต็มไปด้วยแสงสีเลือดที่เป็นสีแดงเข้ม และดังก้องออกมาด้วยเสียงที่ชัดเจนพร้อมกับเปล่งรัศมีแห่งนิรันดร์ ยิ่งไปกว่านั้น เจตนาฆ่าของมันก็พุ่งสูงขึ้น ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งดูราวกับการตื่นขึ้นจากการหลับใหล และมันกำลังส่งเสียงดังก้องในขณะที่กลายร่างเป็นอีกาสีทองที่พร่างพราว
ในเวลาเดียวกัน ลำแสงสีทองก็ระเบิดออกมาราวกับสายฝนที่โปรยปราย นี่คือความลึกล้ำของกฎที่ถูกควบคุมโดยเซียนสวรรค์ ซึ่งเป็นการโจมตีอย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากได้แก่นแท้ พลังงานและวิญญาณกลับคืนมา
เซียนสวรรค์ยืนหยัดอย่างภาคภูมิเหนือท้องฟ้า และเจตจำนงของพวกเขานั้นสูงสุดและไม่อาจล่วงเกิน แม้ว่าจะเป็นเพียงลายลักษณ์ของเซียนสวรรค์ แต่ก็มีศักดิ์ศรีในตัวเอง เมื่อเฉินซีทำให้มันต้องขุ่นเคืองใจ มันจึงระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมาทันที
ในเวลาเพียงพริบตาเดียว ฝ่ามือมหาดาราก็ถูกลำแสงสีทองที่ไร้ขอบเขตเจาะทะลวง ทำให้มันถูกทำลาย ยิ่งไปกว่านั้น ลำแสงสีทองสายนั้นก็ไม่สูญเสียพลังและยังพุ่งตรงไปทางเฉินซีอย่างรวดเร็ว
“มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว…” เฉินซีเม้มริมฝีปากแน่นและต้องยอมรับในใจว่า ประกาศิตเซียนสวรรค์นี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปจริง ๆ และเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบเลี่ยงมันเท่านั้น
แต่ลำแสงสีทองมีความรุนแรงดั่งคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรและปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง มันได้ปกคลุมลงมาที่เขาและกดดันจนแทบจะจมหายไป ทำให้เขาไม่อาจหลบเลี่ยงพวกมันได้เลย
ปุ้! ปุ้! ปุ้!
ทั่วทั้งร่างของเฉินซีถูกเจาะจนเกิดรูเลือดหนาแน่นขึ้นในทันที ทำให้ร่างของเขาพรุนไปด้วยรูและอาบไปด้วยเลือด จนชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างมาก และหากไม่ใช่เพราะเขาปกป้องศีรษะและหัวใจได้ทันเวลา เฉินซีคงถูกฆ่าตายภายใต้การโจมตีครั้งนี้
ในการต่อสู้ตลอดสองสามปีมานี้ เฉินซีไม่เคยมีประสบการณ์การต่อสู้ที่น่าสลดใจจนเกือบถูกฆ่าตายเลยสักครั้ง เจตจำนงที่มีอยู่ในประกาศิตเซียนสวรรค์นั้นแข็งแกร่งและน่ากลัวเกินไป จนทำให้เขาต้องอยู่ในสภาวะจนตรอกอย่างมาก
ครืนนนน!
เมื่อเห็นว่าเฉินซีรอดชีวิตมาได้ ประกาศิตเซียนสวรรค์ก็ขุ่นเคืองมากขึ้น ทำให้ลำแสงสีทองถาโถมลงมาดั่งสายน้ำและซัดใส่เฉินซีอีกครั้ง
เฉินซีฝืนกัดฟันแน่น เขาไม่มีทางให้ล่าถอยและถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ไม่มีใครให้เขาพึ่งพาหรือทางให้หลบหนี เขาทำได้เพียงต่อสู้อย่างสุดกำลังด้วยตัวคนเดียวเท่านั้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ในขณะนี้ เฉินซีโคจรปราณจ้าววิญญาณทั้งหมดในร่าง เพื่อใช้ฝ่ามือมหาดาราออกไปห้าครั้งในเวลาเดียวกัน ซึ่งพวกมันได้ทำลายท้องฟ้าและบดขยี้ลำแสงสีทองที่ปกคลุมท้องฟ้าอยู่อย่างรุนแรง
การโจมตีทั้งสองปะทะกันและระเบิดแสงเจิดจ้าอันไร้ขอบเขตออกมา ราวกับภูเขาไฟปะทุหรือกลุ่มดาวตกลงมาจากท้องฟ้า เกิดเป็นฉากที่รุนแรงมากจนทำให้ฟ้าดินตกอยู่ในความโกลาหล
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง และดวงตาของพวกเขาก็ถูกแสงเจิดจ้าเหล่านี้ทิ่มแทงจนแทบลืมขึ้นไม่ได้
ในทางกลับกัน ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะของราชวงศ์ต้าฉิน ต้าจิ้น ไป่เจ๋อ และศิษย์อัจฉริยะของราชวงศ์อื่น ๆ เช่นราชวงศ์เทียนหลางต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ พลังของเฉินซีนั้นแข็งแกร่งเกินไปและสามารถต้านทานการโจมตีอันบ้าคลั่งของประกาศประกาศิตเซียนสวรรค์ได้ ซึ่งเกินความคาดหมายของพวกเขาอย่างมาก
พวกเขารู้สึกหวาดวิตกอยู่ในใจและจ้องมองไปที่สนามรบอย่างกระวนกระวาย หากไม่ใช่เพราะศึกในสนามรบนั้นน่ากลัวเกินไป อีกทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อพวกตน พวกเขาคงจะเคลื่อนไหวไปนานแล้ว ทว่าตอนนี้พวกเขาเพียงได้แต่หวังว่า ประกาศิตเซียนสวรรค์จะสามารถทำลายล้างเฉินซีได้!
ตู้ม!!
ร่างหนึ่งถูกระเบิดออกมาจากแสงเจิดจ้า และร่างนั้นก็เซไปมาขณะที่เลือดไหลออกมา ก่อนจะเผยให้เห็นร่างซึ่งไร้ผิวหนัง จะมีเพียงเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ทำให้รูปลักษณ์ของเขาน่าสมเพชยิ่งนัก
ซึ่งร่างนั้นก็คือเฉินซี
แม้ว่าชายหนุ่มจะยับยั้งการโจมตีของประกาศประกาศิตเซียนสวรรค์ได้ในที่สุด แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บหนักปางตาย และหากไม่ได้บ่มเพาะวิชาขัดเกลากายาจนถึงจุดที่สามารถทะลวงขอบเขตได้อีกครั้ง เขาก็คงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เต็มที่
“สักวันหนึ่ง ข้าจะมุ่งหน้าไปยังภพเซียนเพื่อสังหารเจ้าให้จงได้!” เฉินซีกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาแปดเปื้อนไปด้วยเลือด ทำให้รูปลักษณ์ของชายหนุ่มดูไม่ชัดเจน มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งของเขาเท่านั้นที่แสดงความเกลียดชัง ดื้อรั้นและแน่วแน่
แม้ว่าจะเป็นตอนนี้ เขายังคงยืนหยัดและไม่มีวันยอมแพ้ เพราะหากยอมแพ้ในตอนนี้ เมื่อนั้นเขาจะต้องตายอย่างไร้ที่ฝังอย่างแน่นอน!
เมื่อพวกเขามองไปยังร่างสูงและดื้อรั้น หัวใจของทุกคนก็เหน็บหนาวโดยไม่มีเหตุผล
“ช่างเป็นจิตวิญญาณที่แน่วแน่เสียจริง ๆ!”
“ช่างเป็นการต่อสู้ที่น่าตกใจ!”
“หากเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้ เขาอาจสามารถเข้าสู่ภพเซียนและสังหารเจ้าของกฎแห่งเซียนสวรรค์ได้จริง ๆ…”
ทันใดนั้น ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับความคิดอันไร้สาระของพวกเขา จากนั้นก็ส่ายหัวไปมา
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ไม่ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีจะน่ากลัวเพียงใด หรือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาจะสูงส่งแค่ไหน เขาก็กำลังจะล้มลงต่อหน้าประกาศิตเซียนสวรรค์ เขาจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่และไม่อาจเห็นแสงอรุณในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาจะเข้าสู่ภพเซียนได้อย่างไร?”
“เอ๊ะ ประกาศิตเซียนสวรรค์นั้นกำลังสลัวลงแล้ว!” ในขณะนี้ มีคนสังเกตเห็นสถานะที่ผิดปกติของประกาศิตเซียนสวรรค์
“หรือว่าทั้งเฉินซีและประกาศิตเซียนสวรรค์จะได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันก่อนหน้านี้?” ทุกคนเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นความผิดปกติในประกาศิตเซียนสวรรค์ ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ
สีหน้าของเผยอวี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นซีดเซียวลง และไม่มีร่องรอยของชีวิตชีวาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะภาคภูมิและมั่นใจสักแค่ไหน เขาก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวในขณะนี้
“เหตุใดมันถึงเป็นเช่นนี้? ข้าได้ทุ่มเททุกสิ่งจนหมดสิ้นแล้ว แต่ข้ากลับไม่สามารถสังหารเฉินซีได้?”
“ไม่มีทาง! เจ้าต้องตายเท่านั้น! วันนี้จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้!” เผยอวี่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่แสงสีเลือดก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้ผมยาวของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับหิมะอย่างกะทันหัน และรูปร่างหน้าตาที่อ่อนเยาว์ก็แก่ลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากพลังชีวิตของเขากำลังเหือดแห้ง
ตู้ม!
ประกาศิตเซียนสวรรค์เปล่งประกายอีกครั้งและเริ่มเผาไหม้ มีเพียงตัวอักษร ‘戮’ ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและเปล่งเสียงสังหารที่เขย่าสวรรค์ เสียงนั้นดังก้องเหมือนเสียงสวดมนต์ของเทพเจ้า จากนั้นมันเปลี่ยนเป็นสายฟ้าที่พุ่งตรงไปยังเฉินซี
“นี่มัน… เขาฝืนใช้พลังงานทั้งหมดในประกาศิตเซียนสวรรค์เพื่อทำลายล้างครั้งสุดท้าย!” ขณะที่มองไปยังตัวอักษร ‘戮’ ที่ลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับปล่อยจิตสังหารอันเย็นยะเยือกอย่างไร้ขอบเขต ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่อัดแน่นอยู่ในนั้น จนหายใจไม่ออกและราวกับว่าพวกเขาตกลงไปในบ่อน้ำแข็งอันเย็นเยียบ
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังรู้สึกได้ว่า เฉินซีอาจจะไม่สามารถหลีกหนีหายนะในครั้งนี้ได้!