บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 471 การเปลี่ยนแปลงอันผิดปกติของสายฟ้าลงทัณฑ์
บทที่ 471 การเปลี่ยนแปลงอันผิดปกติของสายฟ้าลงทัณฑ์
บทที่ 471 การเปลี่ยนแปลงอันผิดปกติของสายฟ้าลงทัณฑ์
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ทั่วทั้งร่างกายของเฉินซีถูกปกคลุมไปด้วยมวลอากาศแผดเผาและลุกโชติช่วง รอบแกนทองคำที่อยู่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณกำลังพลุ่งพล่าน แล้วควบแน่นด้วยเปลวไฟแห่งทัณฑ์สวรรค์ ลมและไฟร้องครวญ แกนทองคำของเขาเปล่งแสงแพรวพราวออกมา ทั้งยังทำท่าจะหลอมละลายอีกด้วย
เมฆดำบนท้องฟ้าสั่นสะเทือน สายฟ้าสีแดงเข้มซัดไปมาอย่างรุนแรง แกนทองคำภายในร่างโชติช่วงด้วยเปลวเพลิงราวกับถูกเผาไหม้
ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าทัณฑ์สวรรค์กำลังจะมาถึง!
หากมีคำกล่าวว่าการบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางทำให้สามารถครอง ‘รากฐานฟ้าดิน’ และยืนหยัดบนเส้นทางเต๋าแล้ว เช่นนั้นการได้สัมผัสกับทัณฑ์แห่งการจุติก็เป็นความก้าวหน้าของแก่นแท้แห่งชีวิต ทำให้จิตวิญญาณแปรผัน ควบแน่นจนกลายเป็นแก่นวิญญาณ และตราบใดที่แก่นวิญญาณยังคงอยู่ ผู้บ่มเพาะก็จะไม่มีวันเลือนหาย แม้ร่างถูกทำลาย ก็ถือกำเนิดร่างใหม่ขึ้นมาได้!
แต่การเอาชนะทัณฑ์แห่งการจุตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทัณฑ์แห่งการจุตินั้นอันตรายเป็นยิ่งนัก ประมาทเพียงนิดอาจทำให้รากฐานแห่งเต๋าและจิตวิญญาณถูกเพลิงลงทัณฑ์แผดเผาได้ ส่วนร่างก็ถูกสายฟ้าลงทัณฑ์ซัดใส่ นับว่าสุดแสนจะอันตราย
พูดง่าย ๆ ก็คือเมื่อพยายามเอาชนะทัณฑ์แห่งการจุติ ก็จะได้เกิดใหม่และได้รับการเปลี่ยนแปลง ไม่ก็ถูกทำลายหายไปเสีย ไร้ซึ่งตัวเลือกที่สาม
เฉินซีย่อมเข้าใจอันตรายทั้งหลายของทัณฑ์แห่งการจุติดี แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจ เพราะผู้เยี่ยมยุทธ์นับไม่ถ้วนที่ปิดล้อมไว้นั้น กำลังซัดพลังใส่เขาอยู่
…
ครืน!
กระบวนยุทธ์ สมบัติวิเศษ และพลังอิทธิฤทธิ์ดั่งพายุคลั่งซัดข้ามผ่านฟ้า ผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นตาข่ายแสง พุ่งเข้าหาเฉินซี
การโจมตีในครั้งนี้ได้รวมความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของยอดฝีมืออัจฉริยะหลายสิบคนเอาไว้ ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าศรหมื่นดอกที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมกันทีเดียว พลังเท่านี้มากพอจะทำลายเมืองหรือฐานที่มั่นได้ ทลายขุนเขา ฉีกกระชากลำธาร แรงกดดันสูงจนถึงขีดสุด
“ฉีกร่าง!” ทั่วร่างของเฉินซีร้อนรุ่มดั่งไฟสุม เป็นเหมือนเตาหลอมที่มีเพลิงลุกโชน เขากวาดพัดนกยูงเพลิงในมือออกไป ระเบิดพลังเพลิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ชายหนุ่มครอบครองกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม ราวกับสามารถฆ่าสังหารคนมากหลายแม้เผชิญหน้ากับกองทัพที่ทรงพลัง จิตสังหารพุ่งขึ้นฟ้า
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเอาชนะบทลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ขณะทำการต่อสู้ไปด้วย แล้วจะมากลัวกับเรื่องแค่นี้ให้เสียสมาธิไปไย? การฆ่าคือการกำเนิดขึ้นใหม่ หากทัณฑ์สวรรค์ไม่จบลง การสังหารก็จะไม่จบเช่นกัน!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
สมบัติวิเศษนับไม่ถ้วนระเบิดออกกลางอากาศกลายเป็นผุยผง กระบวนยุทธ์และพลังอิทธิฤทธิ์มากมายถูกหินหลอมเหลวสาดใส่จนหายไปสิ้น
มันเป็นภาพที่น่ากลัวอยู่บ้าง เพราะสมบัติวิเศษขั้นสุดยอดหรือระดับสวรรค์ กระบวนยุทธ์และพลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหลายนั้นล้วนเป็นของระดับสูง ไม่เช่นนั้นจะแกร่งพอจะทำลายเมืองและฐานที่มั่น ทลายขุนเขา ฉีกกระชากแม่น้ำได้หรือ? ทว่าตอนนี้มันกลับถูกสกัดไว้ได้ ทั้งยังสลายเป็นผุยผงด้วยเพลิงสมุทรสายนี้
ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายที่มองอยู่ไกล ๆ พลันตกตะลึง เฉินซีน่าตกใจมากจริง ๆ แม้จะเผชิญกับบทลงทัณฑ์แห่งสวรรค์และทัณฑ์แห่งการจุตติ เขากลับยังสามารถระเบิดพลังที่น่ากลัวเช่นนั้นออกมาได้ หากเอาชนะทัณฑ์ทั้งสองได้สำเร็จ แล้วเขาจะน่าสะพรึงกลัวแค่ไหนกัน?
“ปล่อยให้มันทำสำเร็จไม่ได้แน่!” เผยอวี่ร้องลั่นราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว เขาเสียประกาศิตเซียนสวรรค์ไป แต่กลับไม่อาจสังหารเฉินซีได้ หากชายหนุ่มยังสามารถเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ เช่นนั้นพวกเขาก็คงได้ตกอยู่ในฝันร้ายไปตลอดกาล!!
เขาจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นแน่ ทั้งยังไม่อาจยอมรับเรื่องนั้นได้ เพราะเพียงคิดก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
ตู้ม!
ภูเขาขนาดมหึมาถูกถอนขึ้นจากพื้น ลอยเข้าไปหาเฉินซี ก่อนทุ่มลงมาหมายบดขยี้ นี่คือผนึก ซึ่งเป็นสมบัติกึ่งอมตะของฉินเซียวที่เรียกว่าผนึกก่อขุนเขา ตอนนี้ผนึกได้ก่อตัวขึ้นเป็นภูเขาที่มีอักขระยันต์พวยพุ่ง ก้อนเมฆสีแดงกุหลาบลอยคว้าง มีต้นไม้โบราณที่อุดมสมบูรณ์และเถาวัลย์ยักษ์ยืนต้นสูงอยู่บนนั้น ทั้งยังมีสัตว์ร้ายนานาชนิดที่บินและเคลื่อนไหวอยู่บนนั้นด้วย มันเต็มไปด้วยพลังชีวิตและเผยลมปราณกว้างใหญ่ของสมบัติกึ่งอมตะออกมา
ผนึกขนาดมหึมาชิ้นนี้ถูกทุ่มลงมา มันเต็มไปด้วยพลังชีวิต ดูเหมือนภูเขาจริงลูกหนึ่งกำลังทุ่มลงมาก็มิปาน ขณะปลดปล่อยลมปราณน่าสะพรึงและแสงศักดิ์สิทธิ์มากมายออกมาด้วย
เห็นได้ชัดว่าฉินเซียวก็รู้เช่นกันว่าหากพวกเขาไม่ทำลายเฉินซีเสียตอนนี้ อนาคตจะไม่มีโอกาสอีก ดังนั้นจึงใช้สมบัติกึ่งอมตะผนึกก่อขุนเขาทันทีโดยไร้ซึ่งความลังเล หวังจะหยุดอีกฝ่ายไม่ให้บรรลุขอบเขตจุติไปได้
“ฉีกร่าง!” เฉินซีกวาดตามองดั่งสายฟ้าฟาด เขาคำรามเสียงลั่น ก่อนที่ผมสีดำสนิทบนศีรษะจะลอยสูง พลังชีวิตทั่วร่างพวยพุ่ง ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าเกรงขามและทรงพลังออกมา ซึ่งให้ความรู้สึกราวกับอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง
ตู้ม!
ทะเลเพลิงลุกโชนพลันกวาดไปทั่วชั้นฟ้า เข้าปะทะกับขุนเขาลูกนั้น ภูเขาและก้อนหินกลายเป็นผุยผง ขณะที่ต้นไม้โบราณทั้งหลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ทุกอย่างระเบิดออกจากกัน
พัดนกยูงเพลิงเองก็เป็นสมบัติกึ่งอมตะเช่นกัน เมื่อเฉินซีเป็นคนใช้งาน พลังที่แสดงออกมาจึงมากกว่าตอนที่ซวีเหลิ่งเยี่ยใช้หลายเท่าตัว มันส่งผนึกก่อขุนเขาของฉินเซียวกระเด็นไปทันที และบนพื้นผิวของผนึกก่อขุนเขาก็หม่นแสงลง ราวกับอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินซี
ทุกคนตกใจยิ่ง เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ทั้งที่สมบัติกึ่งอมตะสองชิ้นปะทะกัน ทว่าฉินเซียวกลับตกที่นั่งลำบากอย่างเห็นได้ชัด ถึงขั้นไม่อาจต้านหนึ่งกระบวนท่าจากเฉินซีได้!
หืม?
เฉินซีกำลังจะฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าสังหาร แต่พลันรู้สึกผิดปกติขึ้นมา แกนทองคำในร่างปลดปล่อยเสียงลั่นเปรี๊ยะและสะเทือนอย่างแรง มันถูกเพลิงลงทัณฑ์แผดเผาจนใกล้ละลายและระเหยไปแล้ว
เดิมทีเขาตั้งใจที่จะรอให้ทัณฑ์ทั้งสองซัดลงมาก่อน เพื่อพึ่งพลังสังหารในการต้านเพลิงลงทัณฑ์ ทว่าสายฟ้าลงทัณฑ์บนฟ้ากลับยังไม่ผ่าลงมา ทว่ากลับเป็นเพลิงลงทัณฑ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นแทน เหตุการณ์ผันเปลี่ยนทำให้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากเบี่ยงเบนความสนใจไประงับเพลิงลงทัณฑ์ด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ดังนั้นทุกคนจึงเห็นภาพแปลกตาหนึ่งขึ้น คือร่างเฉินซีเต็มไปด้วยเพลิงลงทัณฑ์ ทั้งที่ท้องฟ้าเหนือหัวปกคลุมไปด้วยเมฆดำและมีสายฟ้าสีแดงเข้มร้องครืนอยู่ภายใน แต่กลับไร้สายฟ้าลงทัณฑ์ฟาดลงมาสักเส้น
“แปลกจริง ดูสิ สายฟ้าลงทัณฑ์ที่เฉินซีดึงมากลับกลายเป็นสายฟ้าที่มีรูปทรงของศัสตราวุธเสียได้ เป็นหอก เป็นกระบี่ เป็นง้าวสายฟ้า…”
“สวรรค์! เป็นไปไม่ได้กระมัง? ข้าได้ยินมาว่ายิ่งมีความแข็งแกร่งยามก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์เท่าไร สายฟ้าลงทัณฑ์ก็จะน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น สายฟ้าลงทัณฑ์ที่คนผู้นี้ได้รับแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธมากมายเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าแกร่งขนาดที่สามารถดูถูกทุกคนได้เลยหรือ ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดภัยน่าสะพรึงเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว สายฟ้าลงทัณฑ์รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะได้ ก่อนจะส่งสายฟ้าลงทัณฑ์ที่แรงพอจะสังหารคนผู้นั้นลงมาได้ ตอนนี้สายฟ้าลงทัณฑ์มีมากมายมหาศาล เห็นได้ชัดว่าความแกร่งของเฉินซีนั้นเหลือเชื่อจนสามารถทำให้เกิดภาพเช่นนั้นได้!!”
จิตใจของคนยืนชมที่อยู่ไกล ๆ พลันสะท้านเมื่อเห็นภาพดังกล่าว จากนั้นจึงรีบล่าถอยไปทันใด ด้วยกลัวว่ากลิ่นอายทัณฑ์สวรรค์ของเฉินซีจะมากระทบ เพราะหากถูกตัวเข้าคงทำอะไรไม่ได้เป็นแน่!
“เร็วเข้า! โจมตีเขาด้วยพลังทั้งหมดเลย! เพลิงลงทัณฑ์เริ่มเผาผลาญแกนทองคำเขาแล้ว เราจะคว้าโอกาสนี้ปลิดชีวิตเขาเสีย!”
กลุ่มคนตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ซัดพลังทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารเฉินซี
ตู้ม!
พัดนกยูงเพลิงเริงระบำ ทะเลเพลิงกวาดออกมา ทำให้หลายคนถูกเปลวเพลิงโถมใส่ ร่างระเบิดจนเศษเนื้อกระจายเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะถูกเผาไหม้จนเหลือแต่เถ้า
แม้ว่าจะตกอยู่ในอันตรายหนักทั้งภายในและภายนอก แต่การโจมตีของเฉินซีก็ยังคงโหดเหี้ยมและเด็ดเดี่ยว ราวกับอสูรกวาดล้างใต้หล้า ร่างอาบเลือดศัตรู สองขามุ่งหน้าต่อ ไม่มีใครกล้ายับยั้งได้
ตอนนี้เมฆทัณฑ์สวรรค์บนฟ้ายิ่งเพิ่มจำนวน สายฟ้าสีแดงคำรามและยิ่งเห็นเด่นชัดขึ้น เหมือนกระบี่สมบัติกำลังลอยคว้างอยู่เหนือศีรษะ แม้ว่ามันจะไม่ได้ลงมานาน แต่พลังทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมาก็มากพอจะดับใจคิดสู้และทำให้เกราะคุ้มกันจิตใจแตกสลายได้
เฉินซีย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน ยิ่งสัมผัสถึงอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าเขายั้งมันไว้และดึงใจกับร่างให้อยู่กับการต่อสู้
แม้เพลิงลงทัณฑ์จะเผาผลาญร่าง ทว่ากลับไม่อาจหยุดฝีเท้าเขาลงได้
สายฟ้าลงทัณฑ์ลอยอยู่บนฟ้า ทว่าไม่สามารถล่ามวิญญาณของเขาไว้ได้
เขาเหมือนลืมการมีอยู่ของทัณฑ์แห่งการจุติไปสิ้น หรือไม่ก็เพราะรู้ว่าสถานการณ์อันตรายนัก จึงลงมือเด็ดขาดเช่นนี้
ใช่แล้ว!!
ตอนนี้ภายนอกมีศัตรูนับไม่ถ้วนอยู่ตรงหน้า ในขณะที่ภายในมีทัณฑ์สวรรค์กำลังฟาดฟันเขาอยู่ หากจิตใจปั่นป่วน เขาจะรอดพ้นได้หรือ?
เขาอยากจะล่าสังหารละเลงเลือดไปถึงชั้นฟ้า สังหารจนกระทั่งไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวางได้อีก ส่วนจะเอาชนะทัณฑ์สวรรค์ได้หรือไม่ ฆ่าพวกมันแล้วค่อยคิดก็ยังไม่สาย!
เฉินซีจึงลงมือสังหารทั่วทิศ พร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดไม่ธรรมดาจากเพลิงลงทัณฑ์ที่แผดเผาอยู่ภายในร่าง แกนทองคำเขากำลังจะถูกทำลาย รากฐานแห่งเต๋าใกล้จะล่มสลาย ทว่าชายหนุ่มก็ดูจะไม่ได้สังเกตสักนิด สีหน้ายังสงบนิ่งและเรียบเฉย สองขายังก้าวต่อ
เว่ยมู่อวิ๋นตายอย่างน่าสมเพช
เหลิ่งเชี่ยนชิวตายอย่างน่าอนาถ
ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะทั้งหลายจากราชวงศ์ตงเซี่ยและราชวงศ์เทียนหลางที่เข้ามาสู่เกาะสมบัติที่ร่วงหล่นถูกทำลายสิ้น
นี่คือเส้นทางเลือดที่การฆ่าสังหารและทัณฑ์สวรรค์เข้ามาพร้อมกัน ผลคือมันได้กลายเป็นความวิบัติใหญ่ ทำเอาทุกคนที่เห็นภาพรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเย็นเฉียบราวกับร่วงลงไปในบ่อน้ำเย็น คนคนนี้ทั้งไม่เกรงทัณฑ์สวรรค์และไม่เกรงกลัวว่าจะอยู่หรือตาย คนเช่นนี้…ยังเรียกมนุษย์ได้อีกหรือ?
ทันใดนั้น ลมปราณแก่กล้าก็ลอบโจมตีเขาจากเงามืด เฉินซีสะบัดมือโต้ ส่งแรงเข้าปะทะกับการโจมตีนั้น ราวกับภูเขาไฟปะทุ แสงจ้าพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงกระหึ่มไปทั่วทั้งชั้นฟ้า เกิดเป็นเส้นอากาศจำนวนมากกระจายตัวออก
“อันใดนะ?! มีคนหยุดเฉินซีได้!” ทุกคนที่อยู่ไกล ๆ พลันตกใจ เบิกตามองกว้างขึ้นทันที ทันใดนั้นก็เห็นชัดเจนว่าคนที่ลงมือคือทายาทอสูรบินกระเรียนโลกันตร์ ปี้หลิงอวิ้นแห่งราชวงศ์ไป่เจ๋อนั่นเอง
ตอนนี้นางกลายร่างเป็นกระเรียนโลกันตร์ ปีกสีเขียวของนางใสเหมือนแก้ว ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายเจิดจ้า ทำให้ดูเหมือนราชินีแห่งอสูรบินที่หมายสังหารเฉินซี
“เจ้านี่เอง!” ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่ไยดี ผู้หญิงคนนี้ไม่ลงมือเลยตั้งแต่ต้น แต่กลับเลือกลงมือจังหวะนี้แทน เห็นได้ชัดว่านางรู้ว่าเขาใกล้จะรับมือกับทัณฑ์สวรรค์แล้ว จึงหมายจะสังหารเขาให้สิ้นไป
“ส่งพัดนกยูงเพลิงมาแล้วไปเสีย” ดวงตากระจ่างใสของปี้หลิงอวิ้นดูสงบนิ่ง ปีกและขนทั่วร่างส่องแสงสีเขียวเรืองรอง เผยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งออกมา
“ฉวยโอกาสจากสถานการณ์หรือ?” เฉินซีหัวเราะ ไม่คิดจะใส่ใจนางอีก เขาหันกลับไปฆ่าคนที่อยู่อีกด้านต่อ
การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ในสนามรบเหลือคนไม่ถึงสิบคน แต่ทั้งหมดล้วนมีฝีมือฉกาจ เช่นปี้หลิงอวิ้น ฉินเซียว เผยอวี่ เหวยคง เฉิงเฟิง และผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะที่มาจากราชวงศ์ระดับสูง ราชวงศ์ต้าเสวียน และราชวงศ์ต้าเฉียน!
ตู้ม!
ทันใดนั้นท้องฟ้าพลันสั่นสะเทือน ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาราวกับสายฟ้าฟาด ขวางทางเฉินซีไว้ ขณะที่พุ่งเข้ามาก็ปล่อยลมปราณอันรุนแรงออกมา จิตสังหารหนาแน่น
ที่น่าตกใจคือฉินเซียว เขาสวมเกราะรบสีทองที่ปล่อยรัศมีทองคำออกมา มันแปรเปลี่ยนเป็นเก้ามังกรทอง ลอยวนเวียนอยู่รอบกาย เหมือนเขาเป็นเซียนผู้บัญชามังกรในสนามรบ
ตู้ม!
ฉินเซียวกับเฉินซีเข้าปะทะกัน เกิดคลื่นอากาศอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกรอบกาย สะท้านสวรรค์สะเทือนดิน การโจมตีครั้งนี้น่ากลัวมาก เหมือนสามารถฉีกกระชากฟ้าดินออกจากกันได้
ทุกคนที่อยู่ระยะไกลพลันตกใจ พลังบ่มเพาะของฉินเซียวเหมือนจู่ ๆ ก็พุ่งพรวดขึ้นหลายเท่า ทำให้เทียบขั้นกับเฉินซียามปะทะกันซึ่งหน้าได้ ไม่ด้อยกว่าอย่างเคย!!