บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 474 ความหมายที่แท้จริงของการจุติ
บทที่ 474 ความหมายที่แท้จริงของการจุติ
บทที่ 474 ความหมายที่แท้จริงของการจุติ
อาณาเขตภายในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นนั้นกว้างใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับทวีปที่ลอยอยู่เหนือทะเลบรรพกาล มันเต็มไปด้วยซากปรักหักพังและดินสีแดงเข้มที่แห้งแล้งอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติที่ส่องประกายเจิดจ้าจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและคอยดึงดูดเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเป็นครั้งคราว
สมบัติเหล่านี้เป็นสมบัติที่ถูกทวยเทพทิ้งไว้หลังจากล้มตายจากการต่อสู้ในสมัยโบราณ และตราบใดที่สามารถสยบชิ้นใดชิ้นหนึ่งได้ มันก็เพียงพอที่จะส่งเสริมผู้บ่มเพาะอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่เฉินซีไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาใช้ปีกนภาดารกะด้วยพลังทั้งหมดและทะยานไปยังฟ้าดินที่ไร้ขอบเขตด้วยความเร็วสูงสุด ราวกับสายฟ้าที่พุ่งผ่านความว่างเปล่า
ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือดและเต็มไปด้วยบาดแผล อีกทั้งยังเจ็บปวดสาหัสจากการที่ร่างกายถูกเผาไหม้ แต่สีหน้าของเขากลับแข็งทื่อและเย็นชาสุดขีด ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด
ลมเย็นยะเยือกพัดใส่ใบหน้าของเขาและรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกใบมีดกำลังเชือดเฉือน ซึ่งได้พัดกระหน่ำใส่เสื้อผ้าและเผ้าผมที่เปื้อนเลือดจนปลิวไสวไปตามสายลม แต่มันก็ไม่อาจพัดพาความดื้อรั้นและจิตใจมุ่งมั่นที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาของเฉินซีออกไปได้
มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์บนท้องฟ้ากำลังโอบล้อมรอบและไล่ตามเขาไปในระหว่างที่ชายหนุ่มทะยานไปยังท้องฟ้า และสายฟ้าพร่างพราวสีแดงเข้มกำลังกลายเป็นโลกใบเล็ก ๆ ที่แผ่กลิ่นอายแห่งการทำลายซึ่งปรารถนาจะบดขยี้ฟ้าดิน
มันคือพลังแห่งสวรรค์และการลงทัณฑ์ ซึ่งไม่อาจหยั่งถึงและคาดเดาได้
ในขณะนี้ มันลอยอยู่เหนือท้องฟ้าและสายฟ้าก็ไม่ได้ผ่าลงมานานแล้ว ทำให้มันดูเหมือนกับกระบี่แหลมที่กำลังจ่ออยู่ที่คอและห้อยมาจากท้องฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังและอึดอัดใจ
“ความลับของสวรรค์ เต๋าแห่งสวรรค์ เจตจำนงของสวรรค์ การลงทัณฑ์ของสวรรค์… ฮ่า ๆ” สายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้าสะท้อนอยู่ในดวงตาของเฉินซี ขณะที่ริมฝีปากของเขาก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ซึ่งดูราวกับชายหนุ่มกำลังเยาะเย้ยเต๋าแห่งสวรรค์ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขากำลังเยาะเย้ยตัวเองเช่นกัน แต่ในไม่ช้า การเยาะเย้ยก็แปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยวและความเหี้ยมโหด
ถึงแม้ต้องตาย เขาก็จะไม่ยอมแพ้!
…
เฉินซีได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้จะตาย อีกทั้งยังมีภัยคุกคามจากทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้าและศัตรูอันทรงพลังก็กำลังไล่ตามอยู่ทางด้านหลัง การไล่ล่าที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนได้เริ่มต้นขึ้น ทำให้ทั้งเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วสมรภูมิบรรพกาล ซึ่งได้ก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในทันทีเมื่อทุกคนได้ทราบข่าว
ประการแรก ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะทั้งหมดของราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลาง และราชวงศ์ตงเซี่ยที่เข้ามาในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นในครั้งนี้ ล้วนถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ซึ่งข่าวนี้น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่ผู้ทำให้เกิดสิ่งนี้กลับเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ต่อสู้กับศัตรูมากมายและทำการเข่นฆ่าทุกคนด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
ยิ่งกว่านั้น เขายังทำลายประกาศิตเซียนสวรรค์ของเผยอวี่ลงเช่นกัน ซึ่งความสามารถที่ท้าทายสวรรค์อันร้ายกาจเช่นนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกงุนงงสับสนและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
เรื่องนี้ได้กลายเป็นหัวข้อโต้เถียงครั้งใหญ่ไปทั่วทั้งสมรภูมิบรรพกาล และทุกคนต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะแห่งราชวงศ์ต้าจิ้นที่ไม่ได้เข้าไปในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นรู้สึกละอายใจจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้
นอกจากนั้น เฉินซียังได้ชักนำทัณฑ์สวรรค์ในขณะที่ถูกผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากปิดล้อม และตั้งใจที่จะบรรลุสู่ขอบเขตจุติในระหว่างการต่อสู้ ซึ่งเขาก็เกือบจะทำสำเร็จเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าจะล้มเหลวในท้ายที่สุด แต่ก็น่าตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน
ในวันนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เป็นอัจฉริยะจากราชวงศ์ต่าง ๆ ในสมรภูมิบรรพกาลทั้งหมดล้วนได้ยินถึงเรื่องนี้ และทุกคนกำลังกล่าวคุยกันอย่างอึกทึกครึกโครม
“จงมุ่งหน้าไปยังเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น เพื่อสังหารเฉินซีซะ!”
คำสั่งนี้ได้ปรากฏขึ้นในราชวงศ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ราชวงศ์ระดับสูงอย่างราชวงศ์ต้าฉิน ราชวงศ์ต้าจิ้น ราชวงศ์ต้าเสวียน และราชวงศ์ต้าเฉียน ส่วนราชวงศ์ระดับกลางอื่น ๆ ก็ได้แก่ราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลาง และราชวงศ์ตงเซี่ย ท้ายที่สุด ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ล้มตายด้วยน้ำมือของเฉินซีต่างก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดจากราชวงศ์เหล่านี้ เมื่อได้ยินว่าสหายของพวกเขากำลังประสบปัญหาในขณะนี้ พวกเขาก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้
ที่เกาะสมบัติที่ร่วงหล่นเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทางเข้าสู่ทะเลบรรพกาลและเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นได้ถูกปิดตาย
หลายราชวงศ์ได้ร่วมมือกันเพื่อค้นหาและไล่ล่าเฉินซี เพราะพวกเขาตั้งใจที่จะฆ่าเขาบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่น โดยไม่ให้โอกาสชายหนุ่มรอดชีวิต
พวกเขาสาบานว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะฆ่าเฉินซีได้ มิฉะนั้นคงจะไม่อาจกินหรือนอนได้อย่างสงบ
นี่เป็นเหตุนองเลือดและกลียุคครั้งใหญ่ ทำให้พื้นที่ซากปรักหักพังทั้งหมดของเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นตกอยู่ในความโกลาหล
อีกด้าน เฉินซีไม่ได้นอนหรือพักผ่อนมาติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากเขาต้องหลบหนีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะไปที่ใด ศัตรูของเขาก็จะไล่ล่ามาอย่างรวดเร็ว เพราะมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์มักจะปกคลุมท้องฟ้าเหนือศีรษะและตามติดดั่งเงาอยู่เสมอ ซึ่งสะดุดตาเป็นอย่างมาก
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เขาได้เผชิญกับการปิดล้อมนับครั้งไม่ถ้วนและต่อสู้โดยไม่หยุดหย่อน ทำให้ร่างกายอาบไปด้วยเลือด และในระหว่างการเผชิญหน้าที่รุนแรงที่สุด เขาได้พบกับฉินเซียวและปี้หลิงอวิ้นอีกครั้ง!
ในการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าได้ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสและร้ายแรงยิ่งขึ้น อีกทั้งพลังชีวิตในร่างกายก็ใกล้จะเสื่อมถอย
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ทางออกของเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นได้ถูกปิดตาย และได้รับการปกป้องจากผู้เยี่ยมยุทธ์มากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางหนีออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง
สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาครึ่งเดือน ซึ่งในช่วงเวลานี้ ปราณจ้าววิญญาณของเฉินซีใกล้จะเหือดแห้งหมดแล้ว และเขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายไหว ดังนั้นร่างกายของชายหนุ่มจึงมีสภาพย่ำแย่และเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บนับไม่ถ้วนในตอนนี้ ทำให้เขาสามารถตายได้ทุกเมื่อ และได้แต่พึ่งพาลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพื่อประคองตัวเอง
ในที่สุดเขาก็หนีการตามล่าอีกครั้งและซ่อนตัวอยู่ในถ้ำบนเทือกเขาก่อนที่จะรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเงียบ ๆ เนื่องจากเวลาของเขามีจำกัดและต้องใช้เวลาให้ดีที่สุด มิฉะนั้น ศัตรูของเขาจะไล่ตามมาถึงอีกครั้ง
รูปลักษณ์ของชายหนุ่มในตอนนี้ ดูคล้ายกับหมาป่าเดียวดายที่ได้รับบาดเจ็บและกำลังเลียบาดแผลของตัวเองอยู่ ซึ่งแสดงถึงความดุร้าย ไม่ยอมใคร และจะไม่ละทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตรอด
เทือกเขาแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยหมอก ท้องฟ้ามีพายุฝนฟ้าคะนองตลอดทั้งปี ดังนั้นการซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำจะทำให้เขาสามารถปกปิดตัวตนจากมวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่ชักนำมาด้วยได้ในระดับหนึ่ง
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เขามักจะครุ่นคิดอยู่เสมอว่าเหตุใดสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ถึงไม่ผ่าลงมาตลอดเวลา ชายหนุ่มคาดเดาและไตร่ตรองอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่อาจหาข้อสรุปได้ และถึงขั้นที่เริ่มสงสัยว่าทัณฑ์สวรรค์นั้นจงใจต่อต้านเขา มิฉะนั้นทำไมมันถึงไม่ผ่าลงมาจนถึงตอนนี้?
หากเป็นคนอื่น ๆ ก็คงจะได้รับการทดสอบจากสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์และเกิดการเปลี่ยนแปลงในวันนั้นไปแล้วใช่หรือไม่? แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็น่าแปลกเกินไป
เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตน อาการบาดเจ็บที่ร่างกายของชายหนุ่มได้รับนั้นรุนแรงถึงขีดสุดและแทบจะรักษาไม่ได้ ร่างกายของเขาจึงทรุดโทรม กอปรกับการต่อสู้เสี่ยงตายนับไม่ถ้วนที่ได้พบเจอในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ จึงทำให้พลังชีวิตในร่างกายของเขานั้นอ่อนแอลงจนเกือบเหือดแห้ง
“ข้าไม่มีวันยอมแพ้ต่อชะตากรรมเช่นนี้” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง เนื่องจากเขาไม่เชื่อว่าตนเองจะถูกฆ่า และแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้และยังคงรักษาอาการบาดเจ็บของตน พร้อมกับวิเคราะห์เกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์ไปด้วย
ตู้ม!
การต่อสู้ได้เกิดขึ้นอีกครั้งในอีกหนึ่งชั่วยามต่อมา ศัตรูของเขาไล่ตามทันแล้ว เฉินซีจึงต้องต่อสู้อย่างสิ้นหวังจนร่างกายอาบไปด้วยเลือด จากนั้นเขาก็หลบหนีไปอีกครั้ง
หลังจากที่ชายหนุ่มหนีไปในคราวนี้ เขาได้มาถึงหนองน้ำที่เต็มไปด้วยแมลงมีพิษในที่สุด ร่างกายของเขาฉีกขาดเหมือนใยฝ้าย และดูเหมือนว่าลมกระโชกจะสามารถพัดเขาออกจากกันได้
เลือดสดได้ไหลออกมาและถูกกลืนกินโดยหนองน้ำที่มีกลิ่นเหม็นข้างใต้ และร่างกายทั้งหมดของชายหนุ่มก็ดูเหมือนกำลังใกล้จะถูกฝังอยู่ในหนองน้ำ
เฉินซีนอนหงายอยู่ในหนองน้ำ เขาจ้องมองไปที่มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ที่แผ่ขยายออกไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงร้องหวีดหวิวออกมาอย่างแน่วแน่ สายฟ้าได้สั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทาง เสมือนกับเป็นการเยาะเย้ยและถากถางจากเต๋าแห่งสวรรค์ จึงทำให้เขาโกรธเกรี้ยวและสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก
“เจ้าคิดจะฆ่าข้าเหรอ? ไม่มีวันเสียหรอก!” เฉินซีเปล่งเสียงคำรามแหบแห้งออกมาจากลำคอ ราวกับสัตว์ร้ายใกล้ตายที่ติดกับดัก เขาได้ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อต่อสู้ดิ้นรนและพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง!
ตราบใดที่ชีวิตยังคงอยู่ การต่อสู้จะไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้ายังไม่อาจจุติได้ แล้วเขาจะยอมตายได้อย่างไร?
เขาเปิดใจอย่างสมบูรณ์และไม่สนใจว่าศัตรูจะเข้ามาใกล้หรือไม่ เขาไม่สนใจต่อภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นในหนองน้ำซึ่งมีกลิ่นเหม็นที่ตนเองอยู่ในขณะนี้ จิตใจของชายหนุ่มกลายเป็นว่างเปล่า และดูจะลืมเลือนทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวไป
ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงอย่างมาก จิตวิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้ของเขาแทบหมดสิ้น ของเหลวสีทองภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขานั้นหมองคล้ำ มีรอยด่างและไม่มีพลังชีวิตแม้แต่น้อย อีกทั้งปราณจ้าววิญญาณภายในร่างกายก็เหือดแห้งจนแทบหมดสิ้น
ทั้งหมดนี้ทำให้เขาดูเหมือนกับตะเกียงที่เปลวไฟใกล้มอด
เป็นเพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้การบรรลุขอบเขตจุติของเขานั้นยากเย็นแสนเข็ญ และความพยายามของเขาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะพินาศลงกลางทาง
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป เฉินซียังคงพยายามต่อไป เนื่องจากความพากเพียรและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของเขาเป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่คอยชี้นำทาง จึงทำให้เขาไม่มีทางยอมแพ้
แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ ชายหนุ่มได้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายและหมดสิ้นพลังทั้งหมด ทำให้พลังชีวิตในร่างกายเหือดแห้งและไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่นิดเดียว
ในขณะนี้ เขาไม่ต่างอะไรกับซากศพที่มีเพียงสติสัมปชัญญะ แต่ร่างกายกลับอ่อนแรง และถ้าไม่มีพลังชีวิตคอยหล่อเลี้ยง เขาก็จะพินาศในบั้นปลายและสลายหายไปในฟ้าดิน!
ตู้ม!!
ทันใดนั้น เมื่อเขาหมดสิ้นทุกสิ่ง กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังได้แผ่ซ่านออกมา พลังที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายได้ถูกปลดปล่อยออกมา และถาโถมออกมาราวกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร!!!
ร่างกายของชายหนุ่มเปล่งประกาย ในขณะที่อาการบาดเจ็บอันน่าสะพรึงกลัวของเขากำลังได้รับรักษาอย่างรวดเร็ว ลำแสงพร่างพรายกำลังสาดส่องและปกคลุมพื้นที่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาอย่างหนาแน่น
ครืน!
ลำแสงสายนั้นได้ควบแน่นกับของเหลวสีทองของเขา ซึ่งได้กลายเป็นกงล้อสังสารวัฏสีแดงเลือดหมูที่พร่างพราวและเจิดจรัสเป็นอย่างยิ่ง
ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณ ปราณหยินและหยางพรั่งพรูออกมาเหมือนกับปราณมงคล และพัฒนาความล้ำลึกอย่างไร้ขอบเขต ในขณะที่แสงสีแดงเข้มสาดส่องไปรอบ ๆ ราวกับภูตอัคคีที่กำลังเต้นรำอย่างสง่างาม ซึ่งทำให้กงล้อสังสารวัฏดูเหมือนกับพระอาทิตย์!
“ต้องเฉียดตายเสียก่อนจึงจะได้จุติ ร่างกายของข้านั้นพังทลายและพลังชีวิตของข้าก็เหือดแห้ง ตอนนี้ข้าได้ฟื้นคืนจากความตาย นี่คือความลึกซึ้งที่แท้จริงของการจุติ! มันคือการเกิดใหม่ มันคือชีวิตใหม่ มันคือการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง!”
เฉินซีในขณะนี้ได้รู้แจ้งอย่างถ่องแท้แล้ว
ผู้บ่มเพาะทุกคนจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ในลักษณะที่แตกต่างกัน และสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะพลิกชีวิตและความตายเพื่อพัฒนากงล้อสังสารวัฏเช่นเฉินซี
“ใหม่แทนที่เก่า หากไม่สูญเสียพลัง ก็จะไม่สามารถประสบกับความทุกข์ยากได้ และแนวคิดเกี่ยวกับการเกิดใหม่ก็น่าจะเป็นเช่นนี้” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง
กงล้อสังสารวัฏภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาพลันเปล่งแสงสีแดงเข้มมากมายที่ลุกโชนราวกับกงล้อแห่งเปลวเพลิงและหล่อเลี้ยงพลังชีวิตในร่างกายทั้งหมด
อาการบาดเจ็บของเขาในครั้งนี้มาถึงจุดที่เกือบจะตาย ซึ่งหากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ชายหนุ่มคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชีวิตรอด แต่ในทันทีที่เขากำลังจะตาย พลังชีวิตกลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้งและสถานการณ์ก็พลิกผัน ทำให้สามารถดำเนินกระบวนการเกิดใหม่ได้อย่างสมบูรณ์และสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตที่ทำให้เขามีชีวิตรอด!
กงล้อสังสารวัฏหมุนวนอยู่ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาและสาดส่องแสงสีแดงเข้มจำนวนมากออกมา ลำแสงทุกสายทำให้พลังแฝงในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทำให้ร่างกายที่ดูเหมือนกับดินแดนรกร้างได้รับการหล่อเลี้ยงและเจริญงอกงามอย่างสมบูรณ์
ร่างที่ทรุดโทรมของเขาเองก็ได้รับฟื้นฟูเช่นเดียวกัน ซึ่งมันดูเหมือนกับผืนดินที่แตกระแหงและได้รับน้ำฝนหลังจากผ่านความแห้งแล้ง ทำให้มันเปล่งประกายด้วยพละกำลังและพลังชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น จิตวิญญาณและปราณแท้ของชายหนุ่มก็พวยพุ่งราวกับสายรุ้งและส่องประกายพร่างพราวราวกับเป็นเทพผู้สูงส่ง
ครืนนน!
พลังแฝงภายในร่างกายของเฉินซีที่เกิดจากการประสบกับความตายและการได้ชีวิตใหม่ ได้ถาโถมราวกับแม่น้ำสายใหญ่ก่อนที่จะพุ่งเข้าสู่กงล้อสังสารวัฏ ทำให้มันเปล่งแสงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเขาก็ได้ฟื้นคืนสู่สภาพสูงสุดด้วยการหายใจเพียงไม่กี่ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขาได้ปล่อยพลังดาราจักรอันร้ายกาจซึ่งทำให้โลกสั่นสะเทือน!
ทันใดนั้น เขาก็ลุกยืนขึ้นและเอามือไพล่หลังในขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า มวลเมฆทัณฑ์สวรรค์ขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าและส่งเสียงโครมครามด้วยสายฟ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่พลุ่งพล่าน ซึ่งในขณะนี้มันได้กลายเป็นโลกแห่งสายฟ้าไปแล้ว!!!