บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 475 การรอคอย
บทที่ 475 การรอคอย
บทที่ 475 การรอคอย
หนองน้ำเต็มไปด้วยโคลน มีกระดูกบางส่วนที่ลอยอยู่และจมลงสู่ก้นบึง อีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นอันน่าสะอิดสะเอียนออกมา แมลงมีพิษและนกที่น่ารังเกียจหลายชนิดก็อาศัยอยู่ภายในนั้น พวกมันคอยกลืนกินสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ตกลงไปในหนองน้ำ ทำให้มันเป็นสถานที่โหดร้ายและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม แมลงมีพิษและนกที่น่ารังเกียจเหล่านี้กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นในขณะนี้ เนื่องจากพวกมันรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจ ดังนั้นจึงหมอบกราบราวกับกำลังบูชา
ภายในก้นหนองน้ำ โคลนได้ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด ร่างกำยำของเฉินซีกำลังยืนอย่างภาคภูมิพร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นและแปดเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ก็มีแสงอันมงคลและศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ลำแสงเหล่านี้ได้หล่อเลี้ยงร่างกายและรักษาอาการบาดเจ็บของชายหนุ่ม
ในทางกลับกัน พลังแฝงอันไร้ขอบเขตกำลังเพิ่มพูนอย่างล้นเหลืออยู่ภายในร่างกาย ซึ่งก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างผ่านกงล้อสังสารวัฏที่พร่างพรายราวกับพระอาทิตย์ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นภายในร่างกายของเฉินซี
อย่างไรก็ตาม การที่จะมาถึงจุดนี้ได้นั้นก็ยากเย็นแสนเข็ญ เขาต้องประสบกับการต่อสู้ที่ดุเดือดและสิ้นหวังมานับครั้งไม่ถ้วนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้ร่างกายของเขาทรุดโทรมและเกือบจะถูกแยกออกจากกัน แม้แต่พลังชีวิตก็เหือดแห้งจนแทบหมดสิ้น ดังนั้นจึงถือว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว
ซึ่งอาจถือได้ว่าเขาประสบกับความตายที่แท้จริง เพราะชายหนุ่มได้สูญเสียพละกำลังและพลังชีวิตภายในร่างกายไปจนหมด อีกทั้งยังสูญเสียความแข็งแกร่งเพื่อให้ได้มาซึ่งบททดสอบจากทัณฑ์สวรรค์และเขาสามารถพิชิตทัณฑ์สวรรค์ในท้ายที่สุด ซึ่งก็เทียบได้กับเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง …มันจึงเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง!
จากเป็นสู่ตาย จากตายสู่เป็น แล้วคนธรรมดาจะอดทนต่อภยันตรายและภัยพิบัติของกระบวนการนี้ได้อย่างไร?
เส้นทางของการพิชิตทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้หาได้ยากมากและยังยากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ในโลกก็คงไม่คิดที่จะลิ้มลองมันอย่างแน่นอน แม้ว่าคนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะพังพินาศเมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เฉินซีได้ถูกทรมานอย่างแสนสาหัสก่อนที่จะได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขามีจิตใจที่แน่วแน่ชั่วนิรันดร์ ถึงแม้จะต้องเผชิญกับความคับข้องใจ ความปวดร้าว และความยากลำบาก อีกทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานเสมือนอยู่ในนรก แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุดและกำลังเปล่งประกายด้วยชีวิตใหม่ที่ได้รับมา!!
อย่างไรก็ตาม เขาถือว่าตนเองประสบความสำเร็จเพียงบางส่วนเท่านั้น
เนื่องจาก…
เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า สายฟ้าลงทัณฑ์ได้ปกคลุมพื้นที่กว้างใหญ่เหนือเขาและเปล่งรัศมีแห่งการทำลายล้างที่ไร้ขอบเขตออกมา มันคือสายฟ้าลงทัณฑ์ของการจุติ ดังนั้นจึงต้องพิชิตมันเท่านั้น จึงจะทำให้วิญญาณของเขาได้เปลี่ยนเป็นแก่นวิญญาณและถือได้ว่าบรรลุสู่ขอบเขตจุติอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ทำไมสายฟ้าลงทัณฑ์ของเขาถึงพัฒนาเป็นโลกแห่งสายฟ้าและดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก เพราะการขัดเกลากายาและการบ่มเพาะปราณแท้ของเขากำลังจะทะลวง ซึ่งมันกำลังจะบรรลุอยู่ในขณะนี้!
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันว่าการบ่มเพาะปราณแท้และการขัดเกลากายานั้นเป็นสองวิถีที่แตกต่างกัน
หลังจากที่ผู้บ่มเพาะปราณแท้บรรลุไปสู่ขอบเขตจุติ กงล้อสังสารวัฏจะถูกรวมเข้าด้วยกันภายในท้องทะเลแห่งลมปราณ ซึ่งจะถูกใช้เพื่อหล่อเลี้ยงแก่นวิญญาณ ตราบใดที่แก่นวิญญาณยังคงอยู่ เมื่อร่างกายของผู้บ่มเพาะปราณแท้ถูกทำลาย คนผู้นั้นจะสามารถยึดร่างของคนอื่นเพื่อคืนสู่ชีวิตใหม่ได้อีกครา
ในทางกลับกัน เมื่อผู้ขัดเกลากายาบรรลุไปสู่ขอบเขตจุติ ร่างกายจะมีความก้าวหน้าและกลายเป็นร่างเซียนจุติ ซึ่งร่างกายจะถูกใช้เพื่อหล่อเลี้ยงแก่นวิญญาณ ตราบใดที่แก่นวิญญาณยังคงอยู่ ร่างกายจะไม่มีวันถูกทำลาย เพราะในยามนั้น ผู้ขัดเกลากายาจะสามารถสร้างร่างกายที่สมบูรณ์ขึ้นมาใหม่ได้ดั่งใจนึก
และถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ยังคงเป็นผู้ขัดเกลากายาที่ทรงพลังกว่าเล็กน้อย เพราะหลังจากที่ผู้บ่มเพาะปราณแท้ได้ยึดร่างกายของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็จะตกอยู่ในช่วงที่วิกฤตเป็นอย่างมาก ในขณะที่ผู้ขัดเกลากายาไม่จำเป็นต้องกังวลกับอันตรายที่เกิดขึ้นเลย
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อผู้ขัดเกลากายากับผู้บ่มเพาะปราณแท้ได้บรรลุไปสู่ขอบเขตจุติ สายฟ้าลงทัณฑ์จึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ในขณะนี้ สายฟ้าลงทัณฑ์ที่เฉินซีกำลังเผชิญอยู่นั้น เป็นการผสมผสานระหว่างการขัดเกลากายาและการบ่มเพาะปราณแท้ของเขา อานุภาพของพวกมันจึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวของสายฟ้าลงทัณฑ์ที่ก่อตัวขึ้นตรงหน้าเขาก็ได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้ว
วูบ!
ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา กงล้อสังสารวัฏที่เป็นเหมือนพระอาทิตย์ได้หยุดเคลื่อนไหว จากนั้นมันก็ควบแน่นเป็นรูปเป็นร่างที่แท้จริง รูปร่างของมันเหมือนพระจันทร์เต็มดวงที่แสดงถึงความสมบูรณ์ แล้วมันก็เปล่งแสงสีแดงเข้มขณะที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนพระอาทิตย์และส่องแสงไปทั่วทั้งท้องทะเลแห่งลมปราณ
กงล้อสังสารวัฏของเฉินซีดูจะทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง มันกว้างใหญ่ งดงาม อีกทั้งยังเปล่งกลิ่นอายอันสูงส่งและยิ่งใหญ่ ปราณแท้หลั่งไหลและซัดสาดราวกับน้ำตกภายในตัวมัน นอกจากนี้ คุณภาพของมันก็เปลี่ยนไป ทำให้มันแสดงร่องรอยของกลิ่นอายอันเป็นนิรันดร์ออกมา
ในเวลาเดียวกัน ปราณจ้าววิญญาณภายในร่างกายของเขาก็พลุ่งพล่านจนเกิดเสียงหวีดหวิว ส่วนอักขระจ้าววิญญาณทั้งเก้าบนแผ่นหลังของเขาก็ส่งเสริมกันและกันพร้อมกับเปล่งแสงแวววาวออกมา มันได้หล่อเลี้ยงไปยังทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนัง กระดูก เส้นเอ็นและอวัยวะภายใน ทำให้พลังชีวิตและเลือดของเขาพลุ่งพล่านยิ่งขึ้น อีกทั้งเลือดทุกหยดก็ดูจะเต็มไปด้วยพลัง
โอม!
เสียงที่กำลังดังกึกก้องอยู่ภายในร่างกายของเขานั้นเหมือนเสียงของธรรมชาติ อีกทั้งยังเหมือนกับจังหวะของเต๋า ทำให้เลือดเนื้อ ผิวหนัง และอวัยวะภายในต่างสั่นสะเทือนพร้อมกัน มันได้ปะทุออกมาพร้อมกับประกายแห่งสวรรค์อันแพรวพราว!
นี่คือร่างเซียนจุติ ร่างที่เปลวไฟและน้ำไม่อาจทำร้ายได้ คมดาบและหอกไม่อาจแทงทะลุผ่าน อีกทั้งยังไม่มีวันแปดเปื้อน ตราบใดที่แก่นวิญญาณยังคงอยู่ ร่างกายก็จะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์!
ตู้ม!
ทันทีที่ร่างกายของเฉินซีได้กลายเป็นร่างเซียนจุติอย่างสมบูรณ์ คลื่นพลังก็แผ่กระจายออกไปอย่างโครมครามและมันก็เหมือนกับพายุที่พัดผ่านหนองน้ำ ทำให้แม้แต่บึงยังสั่นสะเทือนและเกิดระลอกคลื่นเหมือนกับมหาสมุทรที่เกรี้ยวกราด
ฝูงแมลงมีพิษและนกที่น่ารังเกียจยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น พวกมันจึงหมอบราบกับพื้นพร้อมกับร่างที่สั่นเทา
หมอกหนาทึบได้ปกคลุมโดยรอบ ทำให้หนองน้ำแห่งนี้ดูลึกลับยิ่ง
ร่างกายของเฉินซีเต็มไปด้วยพลังชีวิตอันไร้ขอบเขต ซึ่งเป็นแก่นแท้ของพลังชีวิตของเขาหลังจากที่ได้จุติ เนื่องจากการปรากฏของแก่นแท้แห่งพลังชีวิต อากาศอันไม่บริสุทธ์ในหนองน้ำจึงถูกคลื่นพลังซัดกระจายออกไป ทำให้กลิ่นเหม็นที่เคยมีอยู่หายไป เหลือเพียงพลังชีวิตที่อุดมไปด้วยความหวังและให้ความรู้สึกถึงการเกิดใหม่เท่านั้น
แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าในหนองน้ำก็เติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน มันแตกหน่อแผ่กิ่งก้านสาขา ราวกับพลังชีวิตที่แห้งเหือดของที่นี่ก็ผ่านกระบวนการเกิดใหม่เช่นเดียวกับเฉินซี
“กงล้อสังสารวัฏและร่างเซียนจุติของข้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว ต่อไปคือการพิชิตสายฟ้าลงทัณฑ์และทำให้แก่นวิญญาณของข้าควบแน่น…” เฉินซีจ้องไปที่มวลเมฆแห่งทัณฑ์สวรรค์ที่มืดมิดบนท้องฟ้า เขาพึมพำกับตัวเองราวกับกำลังรอคอย
ในตอนนี้ พลังชีวิตได้เติมเต็มร่างกายของเขาราวกับคลื่นยักษ์ที่เชี่ยวกราก มันแข็งแกร่งจนทำให้แมลงมีพิษและนกอัปลักษณ์ที่อยู่บนพื้นดินสั่นสะท้านไม่หยุด อีกทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อก่อนตั้งไม่รู้กี่เท่า
ตราบใดที่เขาพิชิตสายฟ้าลงทัณฑ์ได้ ชายหนุ่มจะสามารถยืนอย่างภาคภูมิอยู่ในฐานะผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติ อีกทั้งยังสามารถดูแคลนเหล่าอัจฉริยะส่วนใหญ่และบดขยี้ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้!
เพราะสายฟ้าลงทัณฑ์ที่เขากำลังจะพิชิตนั้น เป็นทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกผสานถึงสองวิถี ทั้งการขัดเกลากายาและการบ่มเพาะปราณแท้! การพิชิตทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ จึงทำให้สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่แตกต่างจากคนอื่น ๆ
ทว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ สายฟ้าลงทัณฑ์ยังคงไม่ผ่าลงมาและยังคงสะสมกำลังอยู่ สายฟ้าสีแดงเข้มวูบไหวและก่อตัวเป็นอาวุธต่าง ๆ พระราชวัง ภูเขา แม่น้ำ และเจดีย์ ทำให้มันดูเหมือนโลกของสายฟ้า
ถึงขั้นที่สามารถสังเกตได้อย่างคลุมเครือว่า มีสายฟ้าบางส่วนได้ก่อเป็นรูปร่างเหมือนมนุษย์อยู่ภายในสายฟ้าลงทัณฑ์ และแม้ว่าจะดูพร่ามัว แต่พลังที่พวกมันปล่อยออกมานั้นก็น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
แต่สิ่งนี้ไม่อาจส่งผลกระทบต่อเฉินซีได้ เขาเลือกหนึ่งในภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ในหนองน้ำเพื่อนั่งขัดสมาธิพร้อมกับรอคอยอย่างเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าที่สงบ ดวงตาที่สดใส ลึกล้ำและสงบนิ่ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและพลัง ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์และปราณมงคลรอบกายก็ถูกยับยั้งไว้
เขามองไปที่ท้องฟ้าพร้อมกับกลิ่นอายที่เหมือนกับได้กลับคืนสู่ธรรมชาติและความเรียบง่าย
เมื่อกลิ่นอายของเฉินซีถูกยับยั้ง คลื่นผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวภายในหนองน้ำก็หายไปเหมือนกระแสน้ำที่ลดลง และมันก็ค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ ทำให้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงกดดันหายไป มีเพียงความสงบเท่านั้นยังคงเหลืออยู่
ถึงแม้ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลง แต่แท้จริงแล้วมันกลับเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
แมลงมีพิษและนกที่น่ารังเกียจในหนองน้ำหยุดสั่นเทาแล้ว ก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อหลบหนี ราวกับว่าพวกมันเพิ่งได้รับการปลดปล่อย พวกมันล้วนรีบไปจากสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
…
พื้นที่รอบนอกของหนองน้ำในขณะนี้มีเสียงดังมาก เนื่องจากกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ ได้ออกค้นหาเฉินซีด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าชายหนุ่ม
ในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นหรือสมรภูมิบรรพกาลทั้งหมด ต่างตกอยู่ในความโกลาหลอย่างสมบูรณ์ ผู้คนต่างก็คุยกันถึงเรื่องนี้อย่างมีชีวิตชีวา ในขณะที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ก็เริ่มเคลื่อนไหว และทุกคนก็กำลังดำเนินการ
“เฉินซีผู้นี้น่ากลัวจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บสาหัสจนใกล้จะตาย แต่ก็ยังคงหลบหนีไปได้ นอกจากนี้เขายังไม่ถูกฆ่า เขาช่างดื้อรั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ”
“เขาน่าเกรงขามจริง ๆ แต่เขาก็แสดงอาการว่าไม่อาจหลบหนีไปได้อีกต่อไป หากไม่มีเหตุคาดฝันเกิดขึ้น เขาจะต้องถูกฆ่าในอีกสองวันข้างหน้า เพราะข้าได้ยินมาว่าร่างกายของเขาแทบจะพังทลาย และพลังชีวิตก็ใกล้จะเหือดแห้ง”
การกระทำที่ได้สังหารผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะจำนวนมากจากราชวงศ์ต่าง ๆ และสามารถหลบหนีเอาชีวิตรอดของเฉินซี ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของทุกคน พวกเขาในตอนนี้ล้วนตระหนักได้แล้วว่าพลังแฝงของชายหนุ่มนั้นน่ากลัวถึงขีดสุด และนี่คือสิ่งที่สามารถรับรู้ได้จากสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวที่อีกฝ่ายได้ชักนำมา
หากเมื่อใดที่คนคนนี้พิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ เมื่อนั้นจะเป็นการประกาศถึงการผงาดขึ้นของคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างแน่นอน!
ราชวงศ์ต้าฉิน ราชวงศ์ต้าจิ้น ราชวงศ์ไป่เจ๋อ ราชวงศ์ต้าเฉียน ราชวงศ์ต้าเสวียน และราชวงศ์อื่น ๆ อีกสิบราชวงศ์ย่อมไม่สามารถทนต่อสถานการณ์ดังกล่าวได้
ทำลายล้างประกาศิตเซียนสวรรค์ เข่นฆ่าสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะของราชวงศ์ต่าง ๆ ไปมากมายด้วยมือของเขา และพิชิตทัณฑ์สวรรค์ในขณะต่อสู้… ทุกเหตุการณ์ล้วนน่าสะพรึงกลัว และแม้ว่าเฉินซีจะล้มเหลวในตอนนี้ แต่ก็ยังทำให้พวกเขาไม่สามารถวางใจได้
แม้ว่าจะเป็นราชวงศ์ต่าง ๆ ที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับเฉินซี แต่พวกเขายังต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
“อย่าได้กังวล ตามข่าวที่เพิ่งได้รับ เฉินซีเพิ่งจะถูกซุ่มโจมตี แม้ว่าจะหลบหนีไปได้ แต่พลังชีวิตของมันก็ถูกทำลายจนเหมือนตะเกียงที่น้ำมันแห้งเหือด มันจะมีชีวิตรอดอยู่อีกไม่กี่วันเท่านั้น!”
ในวันนี้ ราชวงศ์ต้าฉินและราชวงศ์ต้าจิ้นได้กระจายข่าวนี้ออกไป ทำให้ผู้คนที่ให้ความสนใจกับการต่อสู้ในครั้งนี้ต้องตกใจเป็นอย่างมาก และแม้แต่สมรภูมิบรรพกาลก็ยังตกอยู่ในความโกลาหล
มีบางคนถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกสงสารเฉินซี หากบุคคลที่มีพรสวรรค์อันไร้เทียมทานเช่นเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้ ชายหนุ่มอาจจะกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแดนภวังค์ทมิฬ!
แต่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็พากันทอดถอนใจ เนื่องจากข่าวนี้โหดร้ายและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“ฮ่า ๆๆ…” ผู้เยี่ยมยุทธ์ของราชวงศ์ต้าฉินและราชวงศ์ต้าจิ้นกลับหัวเราะอย่างไม่รู้จบ หากพิจารณาจากมุมมองของพวกเขา เฉินซีจะต้องถูกกำจัดเท่านั้น เพราะถ้าอีกฝ่ายสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่อันตรายที่สุดสำหรับพวกเขา!
“มันหนีไปได้ครึ่งเดือนแล้ว คราวนี้พวกเราต้องสังหารมันให้จงได้!” ผู้เยี่ยมยุทธ์บางคนของราชวงศ์เสวี่ยหง ราชวงศ์เทียนหลาง และราชวงศ์ตงเซี่ย ต่างแสดงสีหน้าเย็นชาเมื่อพวกเขากล่าวเช่นนี้
ครั้งนี้พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากเหล่าสหายที่เข้ามาบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นล้วนถูกเฉินซีสังหาร ทำให้พวกเขาแทบไม่อาจเงยหน้าขึ้นเดินได้อย่างภาคภูมิในสมรภูมิบรรพกาล และทำให้พวกเขารู้สึกอัปยศอดสู
“ลงมือกันเถอะ เราควรไปกำจัดไอ้สารเลวคนนี้ซะ!” กองกำลังจำนวนมากออกค้นหาหนองน้ำเป็นกลุ่ม ๆ
อันที่จริง นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีกองกำลังจากหลายราชวงศ์ที่ไล่ล่าเฉินซีและเข้าใกล้หนองน้ำแห่งนี้
“ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา เราเกือบจะจับมันได้อยู่แล้ว ครั้งนี้เราต้องไม่ปล่อยให้มันหลบหนีไปได้เป็นอันขาด!” ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมขนนกกระเรียน กล่าวอย่างเย็นชาด้วยสายตาที่เหมือนกับสายฟ้าฟาด
ที่ด้านข้างของเขา มีชายหนุ่มที่ดูสง่าและสวมชุดคลุมสีเงินคนหนึ่ง ซึ่งได้กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หลานสวินอย่าได้มีโทสะ ข้าและสหายเต๋าคนอื่น ๆ ได้ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสและแทบจะผ่ามันเป็นสองส่วน แต่น่าเสียดายที่มันยังสามารถหลบหนีไปได้”
“ฮึ่ม! แล้วมาดูกันว่าใครจะปลิดหัวของมันได้ก่อนกัน!” หลานสวินคำรามอย่างเย็นชา
“ไว้มาดูกัน!” เจตนาฆ่าของชายหนุ่มในชุดคลุมสีเงินก็ถูกกระตุ้นเช่นกัน และเขาหัวเราะเสียงดังขณะกล่าวขึ้น
ชายหนุ่มทั้งสองไม่กล่าวอะไรอีก ก่อนจะเดินนำคนอื่น ๆ เข้าไปในหนองน้ำ