บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 480 เจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์
บทที่ 480 เจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์
บทที่ 480 เจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์
ทันใดนั้น สายฟ้าสีแดงเลือดได้ผ่าลงมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งดูคล้ายกับว่าจุดจบของโลกได้มาถึงแล้ว
นี่คือพลังที่แท้จริงของสวรรค์ การลงทัณฑ์จากสวรรค์ซึ่งเป็นตัวแทนของพลังสูงสุดของกฎแห่งฟ้าดิน มันปล่อยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ทำให้ทุกสิ่งที่อาศัยอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้หวาดกลัวและไม่สบายใจ
เพียงชั่วพริบตา บริเวณโดยรอบก็กลายเป็นโลกของสายฟ้าที่มีสีแดงเข้มเหมือนเลือด และสายฟ้าก็ทำให้สวรรค์ทั้งเก้าต้องสั่นสะเทือน!
สายฟ้าสีแดงเลือดที่มีขนาดใหญ่และหนาเหมือนโซ่ได้กลายเป็นอาวุธต่าง ๆ มีทั้งดาบและหอกส่งเสียงเคร้งคร้างขณะที่พวกมันปะทะกัน และกลองสงครามก็ลั่นเสียงดังกึกก้อง นอกจากนี้ยังมีสายฟ้าบางส่วนที่ควบแน่นเป็นวิญญาณสายฟ้าที่มีรูปร่างของมนุษย์มากมาย พวกมันทั้งหมดต่างถือหอกที่เจิดจรัสและควบขี่อยู่บนม้าหุ้มเกราะพร้อมกับกู่ร้องไปทั่วท้องฟ้า ขณะที่สายฟ้าได้ฟาดลงมาและสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลก
ครืนนนน!
เสียงฟ้าร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะที่สายฟ้าฟาดลงมาอย่างโครมคราม การโจมตีและสมบัติวิเศษทั้งหมดที่ผู้บ่มเพาะได้ซัดออกไปล้วนแตกเป็นเสี่ยง ๆ และสลายหายไป มันทำให้พวกเขาตกใจจนหน้าซีด และต้องถอยหนีซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากทัณฑ์สวรรค์
ในทางกลับกัน เฉินซีก็ได้รับผลกระทบจากสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นกัน สายฟ้าขนาดมหึมาได้กลายเป็นหอกสายฟ้าสีเลือดซึ่งปรากฏอยู่เหนือศีรษะของชายหนุ่ม จากนั้นมันก็ระเบิดพลังทำลายออกไปทุกทิศทาง เพื่อแสดงเจตนาที่จะทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่กล้าต่อต้านอำนาจสวรรค์ออกมาอย่างชัดเจน
ฟิ้ว!
ร่างกายของเฉินซีในขณะนี้เปล่งแสงสีแดงเข้ม ในขณะที่ยันต์ศัสตราก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ฟันออกไปด้วยกระบี่ในมือ ส่งเจตจำนงกระบี่อันยิ่งใหญ่ให้กวาดไปทั่วโลกและทำลายหอกสายฟ้าสีเลือดโดยตรง!
แม้ว่าหอกสายฟ้าสีเลือดจะถูกทำลาย แต่ร่องรอยของเจตจำนงเต๋าแห่งสวรรค์ที่บรรจุอยู่ภายในนั้นกลับพุ่งเข้าสู่จิตสำนึกของเฉินซีแทน ทำให้เกิดคลื่นในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาและคลื่นที่ว่าก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!
เจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์ก่อตัวขึ้นจากกฎของเต๋าแห่งสวรรค์ และพลังทำลายของมันก็น่าสะพรึงกลัวอย่างสุดขั้ว หากผู้บ่มเพาะไม่สามารถต้านทานได้ ทะเลแห่งจิตสำนึกของคนผู้นั้นจะถูกทำลายลง และวิญญาณของพวกเขาก็จะหายไป
…ในทางกลับกัน หากวิญญาณของผู้บ่มเพาะสามารถอดทนต่อเจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์ได้ ก็จะส่งผลต่อการขัดเกลาวิญญาณของผู้บ่มเพาะ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับวิญญาณและทำให้วิญญาณนั้นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น หลังจากนั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและก่อกำเนิดแก่นวิญญาณในท้ายที่สุด
ทว่าสายฟ้าลงทัณฑ์ที่เฉินซีชักนำมานั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาเพิ่งทำลายหอกสายฟ้าสีเลือดไป อาวุธสีเลือดนับร้อยชิ้นก็พลันทุบลงมาอีกครั้ง และได้ปะทะกับปราณกระบี่ขนาดใหญ่ที่เขาได้ฟาดฟันออกไป ทำให้ปราณกระบี่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และแทบไม่มีจังหวะให้ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทั้งรู้สึกยินดีและเสียใจเมื่อเห็นภาพนี้ พวกเขายินดีที่เฉินซีจะถูกสายฟ้าฟาดสังหารในเวลาถัดมา ส่วนสิ่งที่ทำให้เสียใจก็คือ หากเฉินซีเสียชีวิต สมบัติที่อีกฝ่ายครอบครองอยู่ก็จะถูกทำลายไปเช่นกัน ซึ่งพวกเขาก็จะไม่มีทางได้ครอบครองสมบัติเหล่านี้…
ครืนนนน!
เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ หลังจากที่ปราณกระบี่ถูกทำลาย อาวุธที่สร้างจากสายฟ้าสีแดงเลือดก็พุ่งเข้าใส่เฉินซีโดยตรง ทำให้เกิดประกายสายฟ้านับไม่ถ้วนกระเด็นออกมา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะได้ประสบกับความสุขนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาต่อมา ก็ทำให้รูม่านตาของพวกเขาหดตัวลงอย่างกะทันหัน เนื่องจากชายหนุ่มไม่เพียงแค่รอดชีวิตเท่านั้น เขายังอดทนต่อการโจมตีของสายฟ้าและกำลังพุ่งเข้าหาพวกตน!
ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วของเฉินซีก็รวดเร็วอย่างยิ่งยวด ในช่วงเวลาต่อมา ร่างของเขาได้พุ่งลงสู่พื้นแล้ว และผู้คนที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุดก็ไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนที่อยู่ภายในบริเวณนั้นถูกสายฟ้าโหมกระหน่ำเข้าใส่! พวกเขาต่างกรีดร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช จากนั้นจึงสลายกลายเป็นฝุ่นผงและเสียชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
สายฟ้าเหล่านี้ส่วนใหญ่พุ่งเข้าหาเฉินซีด้วยความตั้งใจที่จะทำลายล้างชายหนุ่ม อย่างไรก็ตาม ผลที่ตามมาก็เพียงพอที่บดขยี้ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ให้สิ้นซาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาไม่ทันตั้งตัว สายฟ้าที่ฟาดลงมาจึงปลิดชีวิตของผู้บ่มเพาะไปมากกว่าสิบคนอย่างง่ายดายในทันที
“มารดามันเถอะ! ไอ้สารเลวคนนี้ตั้งใจจะใช้พลังของทัณฑ์สวรรค์เพื่อกำจัดพวกเรา!”
“มันเสียสติไปแล้ว! มันไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเองและต้องการลากเราไปตายพร้อมกับมันจริง ๆ!”
“เร็วเข้า! รีบหนีเร็วเข้า!”
ทุกคนล้วนตกตะลึงและต่างคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวโดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะหันหลังกลับและทะยานหลบหนีไปให้ไกลที่สุด ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากเกิดมาพร้อมกับขาอีกคู่หนึ่ง
แต่สิ่งนี้ก็ช่วยไม่ได้ เนื่องจากทัณฑ์สวรรค์นั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก และพวกเขาไม่ต้องการพินาศไปพร้อมกับคนเสียสติเช่นเฉินซี
ในพริบตาเดียว ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงก็พุ่งออกไปไกลและเคลื่อนตัวออกจากบริเวณที่เต็มไปด้วยสายฟ้าลงทัณฑ์ จากนั้นพวกเขาก็หายลับไป ทว่าพวกเขาไม่ได้จากไปโดยสิ้นเชิง แต่ซ่อนตัวอยู่ห่าง ๆ ในขณะที่ตั้งใจเฝ้ารอโอกาสที่จะลงมือ
แน่นอนว่ามันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเต็มใจจากไปจนกว่าจะเห็นเฉินซีถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์!
ในยามปกติ หากผู้บ่มเพาะต้องการพิชิตทัณฑ์สวรรค์ พวกเขาจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก และถึงขั้นเชิญผู้อาวุโสของนิกายมาคอยปกป้อง แต่เฉินซีไม่เพียงแต่ชักนำทัณฑ์สวรรค์ในระหว่างต่อสู้เท่านั้น ชายหนุ่มยังใช้ทัณฑ์สวรรค์เพื่อฆ่าผู้อื่นอีกด้วย การกระทำที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้จะไม่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงได้อย่างไร?
โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาเข้าใจความแข็งแกร่งของเฉินซีไปอีกขั้น และต้องการจะฆ่าเฉินซีมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะจากไปเช่นนี้
ครืนนนน!
เดิมทีเฉินซีตั้งใจจะไล่ตามคนกลุ่มนั้น แต่สายฟ้าสีเลือดนั้นดุร้ายเกินไป และมันก็ได้ฟาดลงมาใส่เขาราวกับพายุฝน แม้ว่าชายหนุ่มจะควบแน่นกงล้อสังสารวัฏได้แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาเมื่อเผชิญหน้ากับสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นนี้
แต่เฉินซีก็ค่อนข้างพอใจ เนื่องจากเขาสามารถกวาดล้างผู้บ่มเพาะไปหลายสิบคนด้วยการช่วยเหลือจากพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ ดังนั้นชายหนุ่มจึงหันกลับมาทันทีและเริ่มต่อสู้กับสายฟ้าลงทัณฑ์ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี!
โอม!
ยันต์ศัสตราร่ายรำอยู่บนท้องฟ้าราวกับแม่น้ำสีเงินที่ไหลริน พระอาทิตย์และพระจันทร์ต่างก็สลับกัน ธาตุทั้งห้าหมุนเวียน และปรากฏการณ์เต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ ก็กำลังก่อตัวขึ้น ประกายกระบี่เย็นยะเยือกและส่องประกายตัดกันขณะที่มันทำลายอาวุธสายฟ้าสีแดงเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างต่อเนื่อง มีเพียงเจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์เท่านั้นที่ยังคงกระหน่ำเข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึกของเฉินซีอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของเฉินซีในตอนนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก มันเทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตสถิตกายา ดังนั้นการต่อต้านการโจมตีดังกล่าวจึงไม่ต่างอะไรจากการกินหรือดื่มและเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทว่าความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของเฉินซีกลับยิ่งละเอียดและบริสุทธิ์มากขึ้น ซึ่งให้ความรู้สึกแผ่วเบาราวกับเมล็ดพืชที่กำลังจะแตกออกมาจากใต้พื้นดิน
“ชายคนนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก! ดูเหมือนว่าสายฟ้าลงทัณฑ์จะไม่อาจทำร้ายเขาได้เลยสักนิด”
“ฮึ่ม! นี่ยังเป็นระลอกแรกของสายฟ้าลงทัณฑ์ และสายฟ้าลงทัณฑ์จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ การพิชิตทัณฑ์สวรรค์จะทำให้มันต้องใช้ปราณแท้อย่างมหาศาล ซึ่งจะทำให้มันอ่อนแอเป็นอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้นเราจะโจมตีมันไปพร้อมกันและการฆ่ามันก็จะง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!”
“ถูกต้อง โดยปกติสายฟ้าลงทัณฑ์จะมีสามระลอก เมื่อผู้บ่มเพาะทั่วไปต่อสู้กับระลอกสุดท้าย มันมักจะสร้างอาวุธสายฟ้าอันน่าตกตะลึงออกมา แล้วเขาก็ต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ในระลอกแรก ซึ่งระลอกต่อไปจะแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน บางทีเราอาจไม่จำเป็นต้องลงมือเลยด้วยซ้ำ เพราะอย่างไรเขาก็ต้องตาย”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะดำเนินการไปตามสถานการณ์ เราไม่อาจปล่อยให้มันหนีรอดไปได้อีก!”
ห่างออกไปในระยะไกล ผู้เยี่ยมยุทธ์ของราชวงศ์ต่าง ๆ ก็ได้รวมตัวและสื่อสารกันอย่างรวดเร็ว สายตาที่พวกเขาจ้องมองไปที่เฉินซีเผยให้เห็นความเกลียดชังที่ไม่มีที่สิ้นสุด และดูพวกเขาจะไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากต้องการให้อีกฝ่ายถูกทำลายล้างในทันทีและหายไปจากสายตาของทุกคนชั่วนิรันดร์
ครืนนน!
หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์สั่นสะเทือน สายฟ้าสีเลือดต่างม้วนตัวไปมาและส่งเสียงคำรามกึกก้อง พร้อมกับย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีแดง มันคือสัญญาณว่าระลอกที่สองของสายฟ้าลงทัณฑ์ว่ากำลังผ่าลงมา อีกทั้งยังมีสายฟ้ารูปร่างมนุษย์ที่ถืออาวุธสายฟ้าอยู่มากมาย พวกมันก่อตัวเป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง จากนั้นก็พุ่งเข้าหาเฉินซีเหมือนกระแสระเบิด
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เสียงกลองศึกและเสียงโห่ร้องดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจากภายในสายฟ้า ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนและโลกก็ถูกบดบังจนมืดครึ้ม
เมื่อทุกคนที่อยู่ในระยะไกลเห็นสิ่งนี้ หนังศีรษะของพวกเขาก็รู้สึกเหน็บชาและต่างก็ถามตัวเองในใจว่า หากพวกตนต้องเผชิญกับสายฟ้าในระหว่างที่พิชิตทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ นับประสาอะไรกับการพิชิตมันได้อย่างปลอดภัย พวกเขาอาจจะถูกบดขยี้และพินาศในทันทีเสียด้วยซ้ำ!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
สายฟ้าที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์พุ่งลงมาราวกับกองทหารม้าขนาดใหญ่และบดขยี้มิติที่เบื้องหน้าพวกเขา มันได้ปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของการอยู่ยงคงกระพันและความตั้งใจที่จะบดขยี้ฟ้าดินอันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสิ้นหวัง
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ เฉินซีรู้สึกกดดันเป็นครั้งแรก เพราะเขาได้โคจรเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบด้วยพละกำลังทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถทำลายพวกมันทั้งหมดลงได้ ทำให้เขาถูกโจมตีโดยสายฟ้ารูปร่างมนุษย์นับไม่ถ้วน
สายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ระเบิดทันทีที่สัมผัสกับร่างกายของเขา อีกทั้งยังมีกระแสสายฟ้านับไม่ถ้วนที่เข้าสู่ร่างกายและอาละวาดไปทั่ว พร้อมกับทำลายร่างกายของเฉินซีจากภายใน
ร่างกายเกือบครึ่งของเฉินซีได้ถูกทำลายในทันที ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้บรรลุร่างเซียนจุติมาก่อนหน้านี้ การโจมตีครั้งนี้ย่อมเพียงพอที่จะบดขยี้ร่างกายของชายหนุ่มให้เป็นผุยผง!
แต่เป็นเพราะเขาได้บรรลุร่างเซียนจุตินั่นเอง ปราณจ้าววิญญาณจึงปรากฏออกมาจากภายในร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาส่วนที่ถูกทำลายในร่างกายอย่างพร้อมเพรียงกัน และร่างกายของเขาก็ฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาหนึ่งอึดใจ
เฉินซีได้คว้าโอกาสนี้เอาไว้ จากนั้นฟันออกไปด้วยพละกำลังทั้งหมด ทำให้ปราณกระบี่พุ่งออกไปเหมือนกระแสน้ำ จากนั้นมันก็ปะทะเข้ากับระลอกคลื่นของสายฟ้าที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ และก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งในเวลาเดียวกัน เจตจำนงของเต๋าแห่งสวรรค์ที่ดูจะปกคลุมฟ้าดินก็พุ่งเข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาอย่างดุเดือด
ราวกับว่าเขาได้ทานยาชูกำลังชั้นเยี่ยม ทำให้เฉินซีรู้สึกว่าจิตวิญญาณ แก่นแท้ และพลังงานของเขาได้รับการฟื้นฟูอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน พลังวิญญาณของเขาเกือบจะพุ่งขึ้นไปราวกับกระสวยโดยไม่หยุดแม้แต่น้อย ชายหนุ่มมีความรู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลังขยายตัวและแตกออกจากเปลือกในไม่ช้า ซึ่งนี่คือสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงและสร้างแก่นวิญญาณขึ้นมา!
“ดีมาก เข้ามาเลย!” เฉินซีชูกระบี่ขึ้นสู่ท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกัน โอสถเหลวหยกนภาจำนวนมากกำลังถูกเผาไหม้อยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างรุนแรง และพวกมันก็ถูกเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำอุ่นที่ไหลอย่างรวดเร็วซึ่งเติมเต็มปราณแท้ที่ร่างกายของเขาได้ใช้ไป
ในชั่วพริบตา เฉินซีได้กินโอสถเหลวหยกนภาไปหลายพันเม็ด อันที่จริง สิ่งนี้เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากหลังบรรลุสู่ขอบเขตจุติแล้ว ยิ่งพลังของเขาแข็งแกร่งมากเท่าใด ปริมาณการใช้ปราณแท้ก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากชายหนุ่มไม่ได้รับความช่วยเหลือจากโอสถวิญญาณ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคงอยู่จนถึงตอนนี้
หมู่เมฆทัณฑ์สวรรค์ดูเหมือนจะโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม ทำให้สายฟ้าที่มีรูปร่างมนุษย์ลั่นกลองศึกและควบขี่ม้ามังกรสายฟ้าในขณะที่สวมชุดเกราะสายฟ้า ซึ่งเหมือนกับกองทัพสายฟ้าที่เกิดจากพายุฝนฟ้าคะนอง พวกมันพุ่งลงมาจากท้องฟ้าขณะถืออาวุธอยู่บนม้าหุ้มเกราะ และกลิ่นอายอันโอ่อ่าของพวกมันก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับสายรุ้งที่ทอดผ่าน
อย่างไรก็ตาม ด้วยการพึ่งพาร่างเซียนจุติ แม้ร่างกายของเฉินซีจะบาดเจ็บสาหัสซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็สามารถฟื้นตัวได้ในทันที และชายหนุ่มก็ได้คว้าโอกาสนี้เพื่อทำลายสายฟ้าอีกนับไม่ถ้วน!!
ในเวลาไม่นาน สายฟ้าระลอกที่สองของทัณฑ์สวรรค์ก็ได้สลายไป
ขณะเดียวกัน จิตวิญญาณของเฉินซีก็ยิ่งควบแน่นมากขึ้น ทำให้หว่างคิ้วของเขานูนขึ้นและเปล่งเสียงเต้นเป็นจังหวะที่เหมือนกับการเต้นของหัวใจ เป็นสัญญาณว่าในไม่ช้า แก่นวิญญาณของเขากำลังจะก่อตัวขึ้นแล้ว!
“นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน! แม้แต่สายฟ้าที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ก็ไม่อาจทำอะไรกับเขาได้?”
“อย่าใจร้อน ยังคงมีสายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สามอีก และนั่นคือระลอกสุดท้าย ผู้บ่มเพาะที่ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจุติ ส่วนใหญ่มักจะล้มตายในระลอกสุดท้ายของสายฟ้าลงทัณฑ์”
“แต่เพื่อเตรียมการรับมือกับสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ทุกคนก็ควรจะเตรียมตัวเอาไว้ แม้ว่าจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ แต่มันก็จะอ่อนแอที่สุดในเวลานั้นอย่างแน่นอน และเราจะลงมือสังหารพร้อมกัน!”
เมื่อเห็นว่าเฉินซีเอาชนะสายฟ้าลงทัณฑ์ระลอกที่สองได้อย่างง่ายดาย ทุกคนที่อยู่ในระยะไกลก็รู้สึกหวาดกลัวและรู้สึกหนาวสั่นไปถึงสันหลัง สีหน้าของพวกเขาต่างเผยความหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นทุกคนจึงวางแผนทุกอย่างเอาไว้ พากันคิดตั้งมั่นว่าจะต้องฆ่าเฉินซีในวันนี้ให้ได้ โดยไม่สนแม้แต่น้อยว่ามันจะต้องแลกด้วยอะไร!!