บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 535 พลังเทวะของหม้อใบจิ๋ว
บทที่ 535 พลังเทวะของหม้อใบจิ๋ว
บทที่ 535 พลังเทวะของหม้อใบจิ๋ว
ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าของเฉินซีหนักแน่นและเป็นจังหวะขณะที่ก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งมันดังก็ก้องไปทั้งสวรรค์และโลกดุจเสียงกลองศึก ยิ่งไปกว่านั้น มันเหมือนกับมีอำนาจวิเศษที่ทำให้ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบงัน
กองทัพมรณะที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่งล้วนตกอยู่ในสภาพตื่นตะลึง จนลืมแม้แต่จะโจมตี เช่นเดียวกับหัวใจของเหล่าผู้บ่มเพาะที่เคยรู้สึกเศร้าโศก ก็พลันสงบลง… พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังกึกก้องของเฉินซี
ยิ่งไปกว่านั้น สายตาของจักรพรรดิภูตผีหลีหวง ลั่วชวน หมิงจื่อและหลูกังก็จริงจังขึ้นมาในบัดดล
ท่ามกลางความเงียบงัน เฉินซีถือหม้อหยกไว้ในมือขณะที่ทะยานขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้า ร่างสูงตระหง่านเปี่ยมด้วยความสูงส่งและมั่นคงราวกับว่าเขาเป็นราชาผู้สร้างโลกที่ทุกสรรพสิ่งจะต้องยอมศิโรราบ
“เจ้าเป็นใคร?” จักรพรรดิภูตผีหลีหวงตะคอกเสียงดัง ดวงตาสีเงินของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและงุนงง เนื่องจากในสายตาของเขา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเฉินซีผู้ถือหม้อหยกไว้ในมือนั้น ดูคล้ายกับผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวในสมัยบรรพกาล ที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขาต้องประสบกับฝันร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน
ในขณะนี้ คนอื่น ๆ ก็สะดุ้งตื่นจากความเงียบงัน จากนั้นจึงจ้องมองไปที่ร่างสูงตระหง่านที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า
“เฉินซีหรือ!?” เฟิงเจี้ยนไป๋ ซูชิงเยียน เซวียหรานเฉินและคนอื่น ๆ ในเมืองล้วนตกตะลึง จากนั้นความรู้สึกที่อยากจะไม่เชื่อก็วาบขึ้นมาในดวงตาของพวกเขา
“เหตุใดถึงเป็นชายคนนี้?”
“ไม่ว่าเขาจะทรงพลังถึงเพียงใด แต่ฐานการบ่มเพาะของเขาก็แค่ขอบเขตจุติเท่านั้น! แล้วเขาจะบรรลุสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
“ช้าก่อน เขาไม่ใช่เฉินซี” ชิงซิ่วอี้ เจิ้นหลิวชิง หวงฝู่ฉิงอิงและศิษย์คนอื่น ๆ ของราชวงศ์ซ่งต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจและงุนงง หลังจากตกตะลึง
รูปลักษณ์ของร่างนั้นเป็นเฉินซีอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าท่าทางของเขาแตกต่างกับชายหนุ่มอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมีกลิ่นอายที่เกรียงไกรและสูงส่งของจักรพรรดิแฝงอยู่
สายตาของชายหนุ่มสงบนิ่ง ซึ่งทุกที่ที่เขาจ้องมองไป ดูราวกับฟ้าดินจะตกอยู่ในความเงียบสงัด และทั้งโลกก็หวนคืนสู่ความสงบ
ราวกับตราบเท่าที่เขาอยู่ที่นั่น ทุกสรรพสิ่งในโลกต้องพึ่งพาและฝากความหวังไว้ที่เขา ซึ่งกลิ่นอาย
ของการปกครองโลกอย่างอลังการเช่นนี้ ก็เป็นของราชาสูงสุดที่ครองโลกเท่านั้น!
เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
ทุกคนไม่สามารถคาดเดาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ในทางกลับกัน เมื่อปิงซื่อเทียนเห็นเฉินซี ความเกลียดชังที่ฝังรากลึกก็พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของเขา และเปลวไฟแห่งความอิจฉาที่แต่เดิมถูกระงับไว้ภายในหัวใจก็กลับมาลุกโชนขึ้นอย่างช้า ๆ อีกครั้งหนึ่ง ทำให้เขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากอยากทำลายเจ้าเด็กบัดซบที่อยู่ตรงหน้า
ตัวตนที่เหมือนมดปลวกกลับได้หัวใจของชิงซิ่วอี้ไปครอบครอง และนางยังให้กำเนิดบุตรชายให้แก่มันอีกด้วย!
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ปิงซื่อเทียนไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง และเขาก็ไม่สามารถทนไหว!
ภายในหัวใจของชายผู้นี้ ชิงซิ่วอี้เป็นตัวตนที่ไม่อาจล่วงเกิน… เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งนอกจากตนแล้ว ก็ไม่มีใครในโลกที่สามารถครอบครองนางได้!
ดังนั้นปิงซื่อเทียนจึงมีเจตนาฆ่าต่อเฉินซีมาเนิ่นนาน แต่เขาก็อดกลั้นมาโดยตลอดและตั้งใจที่จะหาโอกาสอันเหมาะสมเพื่อสังหารอีกฝ่ายในคราเดียว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดคิดว่า เฉินซีจะปรากฏตัวในเวลาเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังปรากฏตัวพร้อมกับกลิ่นอายที่มั่นคงและยิ่งใหญ่ จึงทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตา
“มดตัวเล็ก ๆ จะมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามได้อย่างไร? มัน… แข็งแกร่งกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ!?”
ความรู้สึกนี้ทำให้ปิงซื่อเทียนรู้สึกอึดอัดและเกลียดชังเป็นอย่างมาก เนื่องจากตอนนี้เขาถูกรุมทุบตีจนเลือดอาบ ทั้งได้รับบาดเจ็บสาหัส จนอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้และไม่มีพลังพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้
แต่ทันทีที่เฉินซีปรากฏตัว เขาก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงและแม้แต่ฟ้าดินก็ยังสั่นสะเทือน ดังนั้นปิงซื่อเทียนผู้มักอวดโอ้ตัวตนของเขาในฐานะเซียนสวรรค์จะยอมรับความห่างชั้นเช่นนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังทนได้ในที่สุด และต้องการจะดูว่าชายคนนี้กำลังอวดโอ้ความแข็งแกร่งจอมปลอมหรือไม่? หรืออาจได้กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เขาไม่เชื่ออย่างที่สุดว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปของเฉินซีจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได่
“ต้นเหตุคือหม้อหยกในมือเขา!” วิปลาสหลิ่วขมวดคิ้ว ดวงตาขุ่นมัวของเขาจับจ้องไปที่หม้อหยกในมือของเฉินซี และยิ่งเขาจ้องมองมันนานขึ้นเท่าใด ความตกตะลึงในใจเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
มันเป็นหม้อหยกที่เป็นมีผลึกสมบูรณ์และเรียบเนียนดุจหยกชั้นเลิศ แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลเอ่อราวกับพลังเทวะที่ส่องประกาย รอบ ๆ หม้อหยกก็มีแสงนับพันและกระแสปราณมงคลที่หมุนวนรอบตัวอยู่นับไม่ถ้วน นอกจากนั้น อักขระยันต์ก็เพิ่มขึ้นเมื่อเสียงสวดมนต์ของทวยเทพแว่วออกมาจากมันอย่างแผ่วเบา ซึ่งมีกลิ่นอายแผ่ออกไปไพศาล สูงส่ง และเหนือกว่าทุกสรรพสิ่งทั้งมวล
ทว่าน่าเสียดายที่มีช่องว่างบริเวณปากหม้อ ทำให้ความไร้ที่ติของมันมีข้อบกพร่อง แต่ถึงกระนั้น หม้อหยกใบนี้ก็ยังคงน่าเกรงขาม ซึ่งทำให้คนอื่นไม่อาจประเมินได้แน่ชัดว่ามันเป็นสมบัติระดับใด
ไม่ใช่แค่วิปลาสหลิ่วเท่านั้น แต่ผู้แข็งแกร่งคนอื่นก็สังเกตเห็นหม้อหยกในมือของเฉินซี และพวกเขาทั้งหมดตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อรู้สึกว่าสมบัติชิ้นนี้ดูทรงพลังยิ่งกว่าศัสตราของเหล่าทวยเทพ!
“หม้อต้มใบนี้…” จักรพรรดิภูตผีหลีหวงเผยให้เห็นถึงความทรงจำผ่านดวงตาสีเงินของเขา และดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงอะไรบางอย่างออก แต่ก็ไม่กล้าเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
“เจ้ากำลังลังเลอะไรอยู่? รีบฆ่ามันก่อน! ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราสี่คน แม้ว่าเทพเจ้าจะฟื้นขึ้นมา แล้วพวกมันจะทำอะไรพวกเราได้บ้าง” ลั่วชวนระเบิดเสียงตะโกนออกไป ในขณะที่เขาเริ่มโจมตีก่อน ปีกสีขาวบริสุทธิ์ของเขากระพือไปมา ทำให้ร่างนั้นดูเหมือนกลายเป็นลำแสงที่เปล่งออกมาอย่างมหาศาล ก่อนจะควบแน่นเป็นกรรไกรที่พุ่งเข้าชายหนุ่มอย่างดุเดือด
“การฟื้นคืนชีพของเหล่าทวยเทพ…” ทันใดนั้นเฉินซีก็พึมพำด้วยน้ำเสียงที่เผยให้เห็นถึงความเก่าแก่ความเศร้าโศก และความรวดร้าว
หลังจากนั้น สายตาของเขาก็กวาดไปยังการโจมตีของลั่วชวนที่พุ่งเข้ามา และเขา
พ่นคำสามสองคำออกมาเบา ๆ ว่า“ไสหัวไปซะ!”
เปรี้ยง!
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อหม้อหยกในมือของเฉินซีได้พุ่งออกไปและทำให้กรรไกรสีเงินแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในทันที ทำให้แสงสีเงินกระจายไปบนท้องฟ้าและสลายไปในความว่างเปล่า!
ยิ่งกว่านั้น… หม้อใบนั้นกลับไม่สูญเสียแรงเคลื่อนตัวเลยแม้แต่น้อย และดูราวกับว่ามันจะฉีกชั้นบรรยากาศออกเป็นชิ้น ๆ จนมันมาถึงตรงหน้าลั่วชวนอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
มันกระแทกเข้ากับลั่วชวนจนเกิดเสียงแตกดังก้องออกมา จากนั้น…ปีกสีขาวบริสุทธิ์ของลั่วชวนก็หัก ทำให้เลือดสีเงินข้นไหลทะลักออกมาอย่างแรง ขณะที่ร่างกายของเขาก็กระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือด
ไม่มีใครคาดคิดว่าเฉินซีจะทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ การโจมตีเพียงครั้งเดียวกลับทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพซึ่งบุกลงมายังสมรภูมิบรรพกาลต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
ความแข็งแกร่งเช่นนี้มันคือสิ่งใดกัน? นี่มันพลังอาถรรพ์ประเภทใดกัน?
โดยไม่รู้ตัว ประกายแห่งความหวังได้ลุกโชนในหัวใจที่แต่เดิมสิ้นหวังของทุกคนในเมืองอีกครั้งและทุกคนรู้สึกได้ราง ๆ ว่า การปรากฏตัวของเฉินซีจะสามารถพลิกสถานการณ์ทั้งหมดได้!
ปิงซื่อเทียนขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกกังวลและสงสัย ในขณะที่เปลวไฟแห่งความอิจฉาและความโกรธก็ยิ่งลุกโชนในใจของเขา
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เจ้าเด็กบัดซบคนนี้จะทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“ไม่สิ หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของหม้อหยกใบนั้น! มันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าของเทพเจ้าอย่างแน่นอน! หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสมบัติชิ้นนี้ แล้วเจ้าเด็กนั่นจะบรรลุพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ลั่วชวนกลับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้หลีหวง หมิงจื่อและหลูกัง ตกตะลึงอยู่ในใจ เพราะคนอื่น ๆ ต่างไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของลั่วชวน แต่พวกเขาล่วงรู้อย่างชัดเจน และแม้ว่าเซียนสวรรค์ที่แท้จริงจะลงมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่สามารถทำร้ายลั่วชวนให้บาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้!
โอม!
แสงสีเงินกะพริบขณะที่ลั่วชวนเริ่มฟื้นฟูร่างกาย พลังชีวิตของเขาสมบูรณ์พร้อมดุจมหาสมุทร เว้นแต่ชีวิตของเขาจะถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อาการบาดเจ็บใด ๆ ก็จะสามารถฟื้นคืนสู่สภาพเดิมในไม่ช้า
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสมาชิกของพิภพปักขีถึงทรงพลังนัก
“ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าทำร้ายข้าจริง ๆ มาต่อสู้กับข้าอีกครั้ง!” ลั่วชวนคำรามด้วยโทสะ เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ และแม้ว่าจะหายจากบาดเจ็บแล้ว แต่มันก็ยังเป็นความอัปยศอดสูอย่างมากสำหรับเขา
ปีกสีขาวบริสุทธิ์กระพืออย่างรุนแรง ก่อนจะแผ่ขยายออกไปกว่าหกลี้และปกคลุมท้องฟ้า
มันอยู่ในรูปของดาบสองคมที่ชูขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นมันก็ฟันลงมาที่เฉินซีจากทั้งสองด้านอย่างดุเดือด
ในอีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิภูตผีหลีหวง หมิงจื่อและหลูกังก็เคลื่อนไหวติดต่อกัน เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ดีว่า อีกฝ่ายนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงรวมพลังเพื่อที่จะทำลายชายผู้นั้น
ครืนนนน!
เหนือสวรรค์ทั้งเก้า แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดขึ้นมาในขณะที่คลื่นอากาศสั่นสะเทือน ซึ่งท้องฟ้าในระยะนับหมื่นลี้ก็จมอยู่ในห้วงบรรยากาศที่บิดเบี้ยวและน่าสะพรึงกลัว
“มันเป็นไปไม่ได้ เหล่าทวยเทพไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีกต่อไป…” เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งนี้ เฉินซีดูจะไม่รู้สึกตัว จากนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะส่ายหัวอย่างแรง เขากู่ร้องอย่างโศกเศร้าและอ่อนแรง ในขณะที่เส้นผมยาวปลิวไสว
เฉินซียืนอยู่ ณ จุดนั้น จมดิ่งสู่ความโศกเศร้า แต่ไม่ว่าจะถูกโจมตีด้วยวิธีใดก็ตาม ร่างกายก็ดูคล้ายกับภูผาที่ยืนหยัดผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน และจะมั่นคงไปชั่วนิรันดร์
ตู้ม!!
เปรี้ยง!!
การโจมตีนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาโดยไม่พลาดเลยสักครั้ง แต่ก็ไม่สามารถกรีดผิวหนังของเขาให้เป็นแผลได้เลยสักนิด เพราะภายใต้การปกคลุมจากแสงศักดิ์สิทธิ์ของหม้อหยก ทำให้เขาดูราวกับเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจล่วงเกิน
การโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของหลีหวงและคนอื่น ๆ สามารถบดขยี้เซียนสวรรค์ให้ดับสูญได้ แต่เมื่อพวกเขาโจมตีใส่เฉินซี มันก็เหมือนกับสายฝนที่กระทบใบตองและเขาไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
เมื่อหลีหวงกับคนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ ทุกคนที่แต่เดิมรู้สึกหัวใจจุกอกต่างก็ตกตะลึง “การบ่มเพาะที่ทรงพลังนี่มันอะไรกัน? มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะมีได้!”
“แม้เหล่าทวยเทพจะจากไปแล้ว แต่การทำลายล้างพวกเจ้าทั้งหมดนั้นยังง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ!” ทันใดนั้นเฉินซีก็เงยหน้าขึ้น ทำให้เส้นผมยาวสลวยปลิวไปตามสายลม และเขารู้สึกเศร้าโศกในใจ เนื่องจากเหล่าทวยเทพไม่มีทางจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่ตอนนี้กลับมีเศษซากของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพมารุกราน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังและมีเจตนาฆ่าเป็นอย่างมาก
เขามองไปที่ท้องฟ้า และทันใดนั้น… ท้องฟ้าก็มืดลง ดวงดาวสว่างไสวนับไม่ถ้วนกะพริบไหว สายธารดวงดาราที่ทอดยาวพลันปรากฏขึ้น และมันส่องแสงทาบทับบนร่างกาย ในขณะที่กายาเผยให้เห็นจุดชีพจรที่สอดคล้องกับสายธารดวงดารา …เขากับฟ้าดินต่างเชื่อมถึงกัน
เขาในตอนนี้ได้ละทิ้งความเศร้าโศกในอดีตและหมายมั่นที่จะครองโลก
ตึก! ตึก! ตึก!
ฝีเท้าของชายหนุ่มดุจเสียงกลองรบที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งฟ้าดิน หม้อหยกก็ปล่อยแสงเจิดจรัสมากมายออกมาราวกับพุ่งไปข้างหน้า แม้สวรรค์และโลกในขณะนี้ก็ยังต้องตกตะลึงและสั่นสะท้านเพราะมัน
พรวดด!
เลือดสาดกระเซ็น ดวงตาของเฉินซีมีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ในขณะที่หม้อหยกดูเหมือนแสงสุริยันอันศักดิ์สิทธิ์ อักขระยันต์โบราณก็พวยพุ่งออกมาอย่างแรงและกระแทกไปทางซ้ายและขวา โจมตีลั่วชวน หมิงจื่อและหลูกังติดต่อกันจนต้องถอยกลับไปและกระอักเลือดออกมา ในตอนนี้ร่างกายของพวกเขาอาบไปด้วยโลหิตสีแดงสด!
มีเพียงหลีหวงเท่านั้นที่รู้ว่าชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งและสามารถต้านทานการโจมตีเอาไว้ได้ ทำให้เขาหลีกเลี่ยงจากการบาดเจ็บในครั้งนี้
ทุกคนต่างตกตะลึง และแม้แต่ใบหน้าของปิงซื่อเทียนก็เต็มไปด้วยความตกใจ “เฉินซีแข็งแกร่งยิ่งนัก! พลังดังกล่าวเทียบได้กับเทพเจ้าในยุคบรรพกาลเสียด้วยซ้ำ!”
ในที่สุด ภายใต้การร่วมมือของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสี่แห่ง แม้แต่เซียนสวรรค์อย่างปิงซื่อเทียนก็ไม่สามารถต่อต้านได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกเฉินซีโจมตีจนไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว พลังดังกล่าวจึงเกินจินตนาการของทั้งสามไปแล้ว
“เจ้าเป็นใครกันแน่!” หลีหวงคำรามลั่น
สีหน้าของลั่วชวน หมิงจื่อ และหลูกังก็เปลี่ยนไปเช่นกัน จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็สามารถคาดเดาบางสิ่งได้อย่างคลุมเครือ… ด้วยพลังที่หม้อหยกแสดงออกมา แต่ไม่อยากปักใจเชื่อ เพราะความจริงนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป
“ข้าเป็นใครน่ะหรือ?” เฉินซีพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่แววตาไม่สะท้อนอารมณ์ใด ๆ ก่อนจะเบิกตากว้างฉับพลัน ทำให้ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมาจากตาทั้งสองข้าง และทำให้ชั้นบรรยากาศตรงหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นจึงกล่าวว่า “เมืองบรรพกาลนี้ก่อตัวขึ้นจากร่างกายของข้า สมรภูมิบรรพกาลนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของข้า และข้าคือผู้กำหนดกฎแห่งฟ้าดิน!”