บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 548 ราชวงศ์ซ่งตกตะลึง
บทที่ 548 ราชวงศ์ซ่งตกตะลึง
บทที่ 548 ราชวงศ์ซ่งตกตะลึง
ราชวงศ์ซ่ง นครหลวงธารสายไหม
ในฐานะเมืองหลวง นครหลวงธารสายไหมยังคงรุ่งเรืองและเฟื่องฟูเช่นที่ผ่านมา ผู้เยี่ยมยุทธ์นับไม่ถ้วนจากทั่วทุกสารทิศที่มารวมตัวกันที่นี่ ทำให้มันคลาคล่ำไปด้วยผู้คน หยาดเหงื่อ เสียงจอแจ และความอึกทึกครึกโครม
เมืองหลวงกินพื้นที่ขนาดใหญ่มากและเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ ถนนภายในเมืองทอดยาวออกไปทั้งทางตรงและทางขวาง ซึ่งกว้างและเรียบเสมอกัน นำไปสู่ทุกทิศทางและมากพอให้รถม้าล้ำค่าจำนวนมากได้เคลื่อนที่ขนาบเคียงข้างกัน
ขณะที่พวกสัตว์อสูรลากรถม้าอันล้ำค่าที่ดูเก่าแก่ไม่ธรรมดาเหล่านั้น พวกมันก็ส่งเสียงร้องคำรามตามท้องถนนไปด้วยบ่อยครั้ง
ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับสิ่งนี้นานแล้ว การเหาะเหินภายในนครหลวงธารสายไหมนับเป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นเมื่อเหล่าคนจากตระกูลชั้นสูงหรือผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีตัวตนเป็นที่เคารพนับถือต้องการเดินทางไปไหนมาไหน พวกเขาก็จะเปิดทางถนนด้วยรถม้าอันล้ำค่าที่อบอวลไปด้วยปราณวิญญาณ ประดับประดาด้วยแสงหลากสีและงดงาม
ถึงขนาดที่มีการถกเถียงกันด้วยเหตุนี้เลยทีเดียว อาทิเช่น รถม้าสมบัติของใครมีรูปลักษณ์ที่ดีกว่า หรือรถม้าสมบัติของใครมีสัตว์อสูรที่ดุร้ายกว่ากัน จนมันกลายเป็นหัวข้อที่ทุกคนพูดถึงด้วยความยินดี
วันนี้ทั้งเมืองต่างดูคึกคักเป็นพิเศษ
ล้อของรถม้าสมบัติล้ำค่าหลายคันที่ดูหรูหราอย่างยิ่ง ส่งเสียงดังก้องขณะแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วบนถนนอันกว้างขวาง มุ่งหน้าตรงไปยังพระราชวังธารสายไหม ทำให้ผู้เดินถนนตกใจจนต้องหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลัวว่าจะทำให้คนเหล่านี้ขุ่นเคือง
“ดูนั่นสิ นั่นคือราชรถทองคำของตำหนักจ้าวขุนศึกนี่! ที่นั่งอยู่ข้างในคงจะไม่ใช่ท่านขุนศึกหรอกหรือ?”
“สวรรค์! รถสมบัติของราชาทั้งสี่เองก็เคลื่อนตัวแล้ว หรือจะมีเรื่องสำคัญบางอย่างเกิดขึ้นกัน!”
“เดี๋ยวก่อน พวกเจ้าทุกคนดูสิ รถม้าสมบัติเหล่านั้นไม่ได้มีแค่ที่มาจากนครหลวงธารสายไหมเท่านั้น แต่ยังมีรถม้าสมบัติจากแดนเถื่อนทางตอนเหนือ ทะเลตะวันออกกับดินแดนทางใต้ด้วย คงไม่ใช่ว่าคนสำคัญทั้งหมดของราชวงศ์ซ่งกำลังมารวมตัวที่นี่กันหรอกนะ?”
“รถม้าสมบัติเหล่านี้ตามปกติแล้วไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นนักหรอก ทว่าการที่พวกเขาพากันมุ่งหน้าไปยังพระราชวังธารสายไหมเช่นนี้ มันจะต้องมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”
ขณะที่ผู้คนบนท้องถนนพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาและโกลาหลอยู่ในที ใจของพวกเขาก็มีความสงสัยใคร่รู้ยิ่ง
…
ณ พระราชวังธารสายไหม
กลุ่มคนมากมายรวมตัวกันอยู่ภายในห้องโถงที่กว้างขวาง ทางด้านซ้ายมีนักรบชุดเกราะสีดำเรียงต่อกันเป็นแถวยาว ส่วนทางด้านขวาก็เป็นแถวของเจ้าหน้าที่ในชุดคลุมหรูหรา พวกเขาทั้งหมดยืนนิ่งอยู่อย่างสงบและเคร่งขรึม
ที่ตำแหน่งหน้าสุดของแถวเป็นชายวัยกลางคนสองคน คนหนึ่งสวมชุดเกราะสีดำ เขามีสีหน้าเยือกเย็นและเฉยเมย ในขณะที่อีกคนสวมเสื้อคลุมบัณฑิตและมีท่าทางสง่างามดุจได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกเขาคือแม่ทัพใหญ่หลัวหุนและมหาเสนาบดีเจียงฉง
ด้านข้างพวกเขายังมีพระญาติของจักรพรรดิ อย่างราชันผู้ปรีชาหวงฝู่จิ่งเทียน จ้าวขุนศึกหวงฝู่ไท่อู่ จ้าวปกครองหวงฝู่ไท่ไหล จ้าวทรงธรรมหวงฝู่เจิ้งหง
ถัดลงไปอีกคือเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่เดินทางมาจากทั่วทั้งแผ่นดินซ่ง
ตัวตนที่น่าตกใจกว่าคือกลุ่มของนักพรตเต๋าหลงเหอ ผู้ไร้ขอบเขตชงซวี่ จ้าวจื๋อเหม่ย โม่หลานไห่ ประมุขหลิวเสี่ยว และผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ จากที่ราบตอนกลาง แดนเถื่อนทางตอนเหนือ และทะเลตะวันออกก็รวมอยู่ด้วย
ส่วนผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่เป็นตัวแทนของดินแดนทางใต้ยังคงมีเพียงเป่ยเหิงเท่านั้น
หากมองจากระยะไกลจะเห็นว่าภายในโถงแห่งนี้ได้รวมผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี ขุนนาง นักรบ และเหล่าพระญาติที่ชิดเชื้อของจักรพรรดิ กองกำลังหลักของราชวงศ์ซ่งทั้งเอาไว้แล้ว จำนวนเพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้วที่จะทำให้ใครต่อใครหวาดกลัว
ตอนนี้สายตาของทุกคนในห้องโถงกำลังจับจ้องไปยังบัลลังก์ตรงกลางที่มีมังกรเก้าตัวแกะสลักเอาไว้
ร่างกายแข็งแรงนั่งหลังตรงอย่างสง่างามอยู่บนนั้น ผมสีดำสนิทของอีกฝ่ายปลิวสยายไปด้านหลัง ใบหน้าดูเรียบง่ายและหล่อเหลา ดวงตาลึกล้ำและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ด้วยมีตะวันและจันทราโคจรสลับกันอยู่ภายในพร้อมสายฟ้าที่วาบผ่านไปมา เผยให้เห็นรัศมีอันยิ่งใหญ่อย่างไม่มีใครเทียบได้
แต่ในขณะนี้ ใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่งของเขากำลังปรากฏร่องรอยความสับสน ตัวคนจ้องมองไปยังเบื้องหน้าอย่างว่างเปล่าและนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่
“ฝ่าบาท” เมื่อเห็นองค์จักรพรรดิในสภาพเช่นนี้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมือขวาของจักรพรรดิ มหาเสนาบดีเจียงฉงจึงเอ่ยเตือนพระองค์ด้วยเสียงแผ่วเบา
อันที่จริง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงสับสนและไม่เข้าใจว่า เหตุใดจักรพรรดิซ่งผู้อยู่ในระหว่างการปิดประตูฝึกตนจึงปรากฏตัวออกมาก่อนเวลา และออกคำสั่งให้ขุนนางและนักรบทั้งหมดของวัง เหล่าพระญาติ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจากทั่วทุกมุมของแผ่นดินมารวมตัวกันที่นี่เช่นนี้
อย่างไรเสีย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำสั่งรวมพลจากทั่วแผ่นดินซ่งเช่นนี้จะมีก็ต่อเมื่อชุมนุมดาวรุ่งถูกจัดขึ้นเท่านั้น ปกติแล้วจักรพรรดิจะไม่เรียกระดมคนจำนวนมากบ่อยนัก
เป็นไปได้หรือไม่ว่าโลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่ง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และเหตุที่คาดไม่ถึงขึ้น?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้สีหน้าของทุกคนในห้องโถงก็เคร่งขรึมขึ้นในทันที
เรื่องสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นคือเรื่องใดกัน? มันคงไม่ใช่เรื่องการกลับมาของนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตใช่หรือไม่?
หลังจากได้รับการเตือนจากมหาเสนาบดี จักรพรรดิซ่งก็ได้สติจากอาการงุนงงในทันที สายตาของเขากวาดสายตาไปยังทุกคนที่อยู่รอบ ๆ อย่างช้า ๆ ทำให้ทุกคนต่างกลั้นหายใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนบรรยากาศดูเงียบสนิทมากยิ่ง
“ฮ่า ๆ!” ทันใดนั้น รอยยิ้มเล็กน้อยก็ถูกระบายขึ้นที่มุมปากของจักรพรรดิซ่ง จากนั้นเสียงหัวเราะของเขาก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าฟาดที่ลงมาจากสวรรค์ทั้งเก้า ดังก้องและสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งภายในและนอกห้องโถง
ความสุขและความปีติยินดียิ่งของจิตวิญญาณวีรบุรุษ แฝงอยู่ภายในเสียงหัวเราะนี้
ทุกคนในห้องโถงตะลึง เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญและน่ายินดี?
แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร เสียงหัวเราะของจักรพรรดิซ่งก็ส่งผลต่อทุกคนที่นี่ และทำให้พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นข้อบ่งชี้ว่าไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น
ในไม่ช้า เสียงหัวเราะของจักรพรรดิซ่งก็ค่อย ๆ หยุดลง สายตาที่ลึกล้ำของเขาจ้องมองไปรอบ ๆ ขณะที่พูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “ทุกท่าน ที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่เพราะมีเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งจะประกาศให้ได้รับรู้กัน! ข้าต้องการจัดงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ทั่วทั้งดินแดนราชวงศ์ซ่งเป็นเวลาร้อยวัน!”
“เอ๊ะ?” หัวใจของทุกคนในห้องโถงสั่นไหวและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
จัดงานฉลองยิ่งใหญ่ทั่วทั้งดินแดนราชวงศ์ซ่งร้อยวัน!? เหตุการณ์น่ายินดีอะไรกันแน่ที่ทำให้ฝ่าบาททรงตัดสินใจอย่างกล้าหาญเช่นนี้ได้?
เพราะไม่ว่าอย่างไร การเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ซ่ง!
“การทดสอบในสมรภูมิบรรพกาลได้สิ้นสุดลงแล้ว…” พระองค์กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาพร้อมกับร่องรอยความตกใจและความชื่นชมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในดวงตาของเขา
ทุกคนในห้องโถงต่างตกตะลึง ก่อนจะพากันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจโดยไม่ได้ตั้งใจ “เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนจากราชวงศ์ซ่งของเราสามารถเข้าไปยังแดนภวังค์ทมิฬได้สำเร็จ?”
จักรพรรดิซ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ครืน!
บรรยากาศในห้องโถงพลันระเบิด พร้อมกับเสียงอุทานด้วยความชื่นชมดังก้องขึ้น
ด้วยสถานะของพวกเขา ทุกคนจึงรู้ดีว่าการจะเข้าไปยังแดนภวังค์ทมิฬได้อย่างราบรื่นในฐานะศิษย์จากราชวงศ์ธรรมดา มันยากมากเพียงใด …อันที่จริง เรื่องเช่นนั้นอาจกล่าวได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!
แม้ว่าจะมีศิษย์กลุ่มหนึ่งจากราชวงศ์ซ่งเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาลไปทุก ๆ ร้อยปี แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นที่น่าพอใจนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพันปีที่ผ่านมา เหล่าศิษย์ทั้งหมดของราชวงศ์ซ่งที่เข้าสู่สมรภูมิบรรพกาลถูกกวาดล้างเสมอมา และมันก็เป็นผลลัพธ์ที่น่าหดหู่ใจยิ่ง
ทว่ายามนี้ ใครบางคนในหมู่ศิษย์ที่เข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล กลับสามารถเข้าไปยังแดนภวังค์ทมิฬได้สำเร็จ เห็นได้ชัดว่ามันทำให้พวกเขาตกใจและดีใจมากแค่ไหน
“ฝ่าบาท เป็นเฉินซีใช่หรือไม่?” มหาเสนาบดีสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะถามขึ้น
“เขาเข้าร่วมนิกายเซียนหนึ่งในสิบอันดับแรกของแดนภวังค์ทมิฬ นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง” จักรพรรดิซ่งพยักหน้าในขณะที่กล่าวช้า ๆ เสียงของเขาดังก้องไปทั่วและกลบเสียงอึกทึกในห้องโถงทั้งหมด
“นิกายเซียนหนึ่งในสิบอันดับแรกของแดนภวังค์ทมิฬ นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง!?” ทุกคนตกตะลึงจนแทบจะอ้าปากค้าง นิกายดังกล่าวนับเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินตัวสำหรับพวกเขา แต่ที่น่าตกใจที่สุดสำหรับพวกเขาคือ เฉินซีไม่เพียงเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬได้อย่างราบรื่นเท่านั้น แต่ชายหนุ่มยังได้รับเลือกจากหนึ่งในสิบนิกายเซียนของแดนภวังค์ทมิฬอีกด้วย!
“บนศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงคราม ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเขาเหนือกว่าศิษย์ของราชวงศ์ระดับสูงสุดและตระกูลอันทรงเกียรติของอาณาจักรโบราณเหล่านั้นเสียอีก เขาได้ขึ้นสู่ตำแหน่งที่หนึ่งและยืนหยัดอยู่เหนือสิ่งอื่นใด” เสียงของจักรพรรดิซ่งที่ดูเหมือนพึมพำดังขึ้นช้า ๆ
อันดับหนึ่ง!
ห้องโถงเงียบสนิทในทันที เพราะทุกคนล้วนตกตะลึงจนพูดไม่ออกแล้ว
ที่หนึ่งบนศิลาจารึกวิญญาณแห่งการต่อสู้ของจักรพรรดิสงคราม? กำราบศิษย์ของราชวงศ์ระดับสูงสุดและตระกูลอันทรงเกียรติของอาณาจักรโบราณทั้งหมด? เกียรติยศสูงสุดที่ไม่มีใครในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ซ่งเคยได้รับมาก่อน!
เป่ยเหิงเองตกตะลึงมากไม่แพ้กัน เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าน้องชายร่วมสาบานของตนจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ข่าวครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกมึนงงอย่างมาก มันดูไม่สมจริงเลยแม้แต่น้อยราวกับว่ากำลังฟังเทพนิยายในตำนานอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่ใช่แค่เฉินซี ชิงซิ่วอี้เองก็ได้รับเลือกจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ เจิ้นหลิวชิงได้รับเลือกจากมหาปราชญ์ย่ำสวรรค์ ส่วนลูกสาวคนสุดท้องของข้าและนายน้อยโจวเองได้รับเลือกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก… ” จักรพรรดิซ่งกล่าวเสริมอีกครั้ง
เสียงของเขาทั้งสงบและเชื่องช้า ทุกชื่อและนิกายที่ถูกเอ่ยออกมาเป็นดั่งเสียงฟ้าร้องที่ทำลายหัวใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ สั่นสะท้านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาไม่สามารถรักษาความสงบอย่างทุกคราได้อีกต่อไป
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงจอกเหล้าแตกละเอียดเป็นผงทีละใบ เหล่าผู้เข้าร่วมชุมนุมคนแล้วคนเล่าต่างก็ตัวเปียกด้วยเหล้าและตกอยู่ในสภาพน่าอาย ทว่ากลับไม่มีใครรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขายังคงสับสนและตกตะลึงไม่หาย
มหาปราชญ์ย่ำสวรรค์จากแดนไร้นาม!
หวงเหมยเวิงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนก!
หลวงจีนฉผัสสะจากวัดป่าธยานะ!
ฟางจ่านเหมยจากนิกายอสูรสวรรค์แรกกำเนิด!
นามเหล่านี้ล้วนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ และนิกายที่ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของแดนภวังค์ทมิฬได้เลือกรับศิษย์ทั้งหมดของราชวงศ์ซ่งของพวกเขาไป!
ลมหายใจของทุกคนหนักหน่วงขึ้น สีหน้าของพวกเขาแข็งทื่อและสับสนมึนงงอย่างมาก บางคนก็ถึงกับตื่นเต้นจนร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน
เกินคาด!
นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว!
มีใครบ้างที่จะกล้าจินตนาการว่าโชคลาภมหาศาลเช่นนี้จะตกอยู่กับราชวงศ์ซ่งทั้งหมด?
หลังจากผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่มีใครทราบ ราวกับว่าพวกเขาได้ตื่นจากความฝันและค่อย ๆ ฟื้นจากอาการตกใจ แต่หัวใจของพวกเขายังคงบีบตัวถี่ด้วยความตื่นเต้นที่ไม่สามารถสลัดออกได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
เวลานี้ พวกเขาทั้งหมดก็เข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดจักรพรรดิซ่งจึงต้องการจัดงานฉลองยิ่งใหญ่ทั่วทั้งดินแดนซ่งเป็นเวลาร้อยวัน!
“น่าเสียดาย ด้วยพรสวรรค์ของเฉินซี เขาทำได้เพียงเข้าสู่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในนิกายเซียนสิบอันดับแรก แต่ก็ยังนับว่าต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับนิกายที่เหล่าศิษย์คนอื่น ๆ ได้เข้าร่วม” หวงฝู่จิ่งเทียนถอนหายใจแล้วกล่าวขึ้นมาในทันใด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เริ่มแปลกไป พวกเขาทุกคนรู้ดีว่า ราชันผู้ปรีชานั้นเรียกได้ว่าเกลียดเฉินซีเข้ากระดูกดำ คำพูดเหล่านี้อาจมองดูเหมือนว่ารู้สึกสงสารอีกฝ่าย ทว่าไม่ใช่ว่ามีเจตนาเยาะเย้ยแฝงอยู่หรอกหรือ?
จักรพรรดิซ่งกวาดสายตาไปทางคนพูด เขาส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้ากล่าวผิดแล้วราชันผู้ปรีชา ทรัพยากรและสมบัติสำรองที่ซ่อนอยู่ของนิกายเซียนสิบอันดับแรกนั้น ไม่อาจได้คำนวณได้ง่ายอย่างที่เห็นตรงหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าความแข็งแกร่งของนิกาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะตัดสินความก้าวหน้าในเส้นทางการบ่มเพาะมหาเต๋าของแต่ละคน หากไม่พยายามอย่างหนัก แม้ว่าใครจะถูกส่งไปยังภพเซียน คนผู้นั้นก็จะเป็นได้เพียงแค่ขยะอยู่ดี”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ความปรารถนาแห่งอารมณ์ท่วมท้นฉายวาบในดวงตาของพระองค์ ขณะพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “นอกจากนั้น ไม่ต้องพูดถึงพวกเจ้าทั้งหมด แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยเข้าใจอย่างแท้จริงว่าศักยภาพของเฉินซีนั้นยอดเยี่ยมมากเพียงใด”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบในทันใด
ใช่แล้ว เฉินซีนั้นมาจากสถานที่ห่างไกลของดินแดนทางใต้ เส้นทางของเขาถูกปกคลุมด้วยขวากหนาม แต่ชายหนุ่มก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญมาตลอด มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นรอบตัวเขามากมายเพียงใดกัน? อาจไม่มีใครสามารถนับปาฏิหาริย์ที่ว่าได้ทั้งหมดด้วยซ้ำ!
“ท่านพี่ แล้วลูกของข้าล่ะ? เขาได้รับเลือกจากนิกายใดกัน?” หลังจากที่เขาได้ยินชื่อของเฉินซีและคนอื่น ๆ แต่ยังไม่ได้ยินข่าวใด ๆ เกี่ยวกับลูกของตนเอง หวงฝู่จิ่งเทียนก็ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่สามารถทนต่อความอยากรู้อยากเห็นในหัวใจได้ และถามเรื่องนี้ออกไป
ทุกคนชะงักและเริ่มนึกขึ้นได้ ใช่แล้ว ชื่อของหวงฝู่ฉางเทียนไม่ได้อยู่ในชื่อที่พระองค์ตรัสถึงเลย แม้แต่ชื่อของอวี๋เซวียนเฉินกับเสวียนซวิ่นเองก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึงเช่นกัน
ทันใดนั้น สายตาของจักรพรรดิซ่งย้ายไปหาราชันผู้ปรีชาอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่พระองค์กล่าวตอบเผยให้เห็นเพียงความเย็นชาและจิตสังหาร… “ตาย!”