บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 56 จงตายซะ
บทที่ 56 จงตายซะ!
บทที่ 56 จงตายซะ!
“หลี่ซ่ง หลี่กัว หลี่หง เจ้าสามคนคอยระวังจากด้านข้าง วันนี้ข้าจะทุบตีไอ้สารเลวผู้นี้ให้เละเป็นเนื้อสับ!” หลี่ไฮว่โบกมือในขณะที่เขาสั่งสมาชิกของตระกูลหลี่ทั้งสามที่ยืนอยู่ใกล้เคียง จากนั้นเขาก็ชักกระบี่สนกระเพื่อมออกมาพร้อมกับจ้องเขม็งด้วยสายตาเกลียดชังไปที่เฉินซี
เฉินซีไม่ได้กล่าวอันใดอีก แต่เขาถีบตัวพุ่งเข้าหาหลี่ไฮว่อย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูออกจากคันศร!
หลังจากขัดเกลากายาจนบรรลุขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ ร่างกายของเฉินซีก็เป็นดั่งกระบี่กล้าที่ถูกหล่อในเตาหลอมโลหะนับล้านครั้ง เมื่อพุ่งทะยานออกไป ร่างกายของเขาเบาราวกับนกนางแอ่นและยามที่ใช้เคล็ดวิชาแปดก้าวมังกรสวรรค์ ความเร็วของเขาก็เร็วกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อยสองในสิบส่วน!
ปัง!
เสียงอากาศระเบิดดังสนั่นเมื่อกำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเฉินซีพุ่งผ่านอากาศเล็งเข้าที่ใบหน้าของหลี่ไฮว่ มันเป็นกระบวนท่าเดียวกับที่เขาใช้ในการต่อสู้กับหลี่ไฮว่ที่นอกเมืองอาบโลหิต
“กระบวนท่านี้อีกแล้ว… ฮึ่ม! เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป! มันมากเกินไปแล้ว!” ขณะที่ตะโกน ปราณแท้ที่หนาแน่นก็หลั่งไหลออกจากร่างของหลี่ไฮว่และร่างของเขาก็ทะยานขึ้นไปกลางอากาศ
ปัง!
หมัดของเฉินซีพลาด และปราณหมัดอันรุนแรงก็กระแทกเข้าใส่ทุ่งเพาะปลูกวิญญาณ จนสร้างความเสียหายเป็นแนวยาวราวกับถูกไถพลิกหน้าดิน
“ฮ่า ๆ! ผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้โว้ยไอ้ลาโง่!” หลี่ไฮว่หัวเราะเยาะเย้ยอยู่บนอากาศ
เฉินซีฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังได้ใจพุ่งตัวเข้าหาชายหนุ่มแซ่หลี่สามคนที่อยู่ใกล้เคียงแทน
ปัง! ปัง! ปัง!
หนึ่งในสมาชิกของตระกูลหลี่ไม่ทันระวังตัว กะโหลกศีรษะของเขาจึงถูกชกแตกละเอียดและตายในทันที ส่วนอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างก็ยกแขนขึ้นป้องกันได้ทัน แต่ก็ยังไม่อาจหนีจากหายนะได้
ราวกับถูกค้อนยักษ์หนักนับแสนจินทุบลงบนแขนของพวกเขา ส่งผลให้กระดูกแขนทั้งหมดแหลกละเอียด พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่พวยพุ่งออกมาจากหมัดของเฉินซีกระแทกพวกเขาสองคนจนร่างลอยละลิ่ว ทั้งสองกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก่อนจะร่วงลงกับพื้นซึ่งห่างออกไปราวสิบสองจั้ง และไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีกต่อไป
ผู้ขัดเกลากายาเทพนั้นน่าสะพรึงกลัวเสมอเพราะสามารถบดขยี้ผู้บ่มเพาะปราณภายในที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ทั้งหมด ในยามนี้ร่างกายของเฉินซีได้รับการขัดเกลาจนถึงขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ ซึ่งเทียบได้กับสมบัติวิเศษระดับล้ำลึก ด้วยพละกำลังระดับนี้จึงทำให้เขาสามารถสังหารสมาชิกตระกูลหลี่ทั้งสามคนที่มีระดับการบ่มเพาะในขอบเขตก่อกำเนิดได้
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” สีหน้าของหลี่ไฮว่ดุร้ายขึ้นในฉับพลัน ขณะที่เขาลอยอยู่บนอากาศ กระบี่สนกระเพื่อมในมือเขาเปล่งแสงสีคราม จากนั้นเขาก็เขวี้ยงมันใส่เฉินซีอย่างรุนแรง มันคือศัสตราวิเศษที่มีเพียงผู้บ่มเพาะระดับขอบเขตตำหนักอินทนิลเท่านั้นถึงจะสามารถควบคุมได้
ฟิ้ว!
กระบี่สนกระเพื่อมนั้นว่องไวราวกับสายฟ้า ยามที่มันฉีกผ่านอากาศก็เกิดเสียงดังสนั่น
เฉินซีตกตะลึงและไม่อาจหลบได้ทันท่วงที เขาจึงชกหมัดออกเพื่อกระแทกกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้าหาเขาอย่างไม่กลัวเกรง ทันใดนั้นกระบี่บินกลับหันเหทิศทางกลางอากาศและอ้อมเป็นเส้นโค้งพุ่งเข้าที่ชายโครงของเฉินซีอย่างรวดเร็ว
เคร้ง!
เสื้อผ้าของเฉินซีถูกฉีกขาด ผิวหนังมีรอยช้ำจาง ๆ ปรากฏขึ้นเพราะความแข็งแกร่งของร่างกาย กระบี่บินจึงไม่อาจทำอันตรายได้มากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้น เฉินซีก็ยังไม่อาจหยุดเหงื่อที่หลั่งจากอาการตกตะลึงได้
“เป็นไปได้อย่างไร!? กระบี่สนกระเพื่อมนี้เป็นศัสตราวิเศษระดับปฐพีขั้นต่ำ! เหตุใดถึงไม่อาจทำร้ายเจ้าได้?” หลี่ไฮว่ตกตะลึงจนสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์
“ลงมาเดี๋ยวนี้!” แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เฉินซีก็ยังคงเดือดดาล เขาชกหมัดออกไปนับสิบครั้ง ในชั่วพริบตาเขาก็ปลดปล่อยปราณหมัดอันรุนแรงพุ่งขึ้นไปหาหลี่ไฮว่ที่อยู่กลางอากาศ!
“ฮึ่ม! เพียงแค่หมัดที่ควบแน่นจากปราณแท้มันไม่อาจทำอะไรตัวข้าผู้นี้ได้หรอก!” หลี่ไฮว่เยาะเย้ย ทันใดนั้นปราณกระบี่อันแหลมคมก็พวยพุ่งออกจากกระบี่สนกระเพื่อม และพุ่งเข้าหาปราณหมัดของเฉินซีที่ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นสมุทร
ปัง ๆๆๆๆๆ!
ปราณหมัดโปร่งแสงทำลายปราณกระบี่แตกสลายเป็นชิ้น ๆ อานุภาพของมันยังคงไม่ถูกลดทอน และยังคงพุ่งเข้าหาหลี่ไฮว่อย่างดุเดือด
“บัดซบ! ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าทักษะหมัดของไอ้สารเลวผู้นี้ได้บรรลุถึงขั้นเอกภาพแล้ว อีกทั้งยังสามารถยืมพลังจากสวรรค์และโลกเพื่อเพิ่มพลังทำลายได้!”
หลี่ไฮว่ตื่นตระหนก ทันใดนั้นเขาก็ระลึกถึงยามที่สู้กับเฉินซี ณ ข้างนอกเมืองอาบโลหิต สีหน้าของเขาก็หม่นหมองในทันที!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
หมัดที่โปร่งแสงนับไม่ถ้วนราวกับแหขนาดใหญ่ของชาวประมง บดขยี้ปราณกระบี่นับพันที่ขวางทาง และปิดล้อมหลี่ไฮว่ที่ยืนอยู่ตรงกลาง!
“บัดซบ!”
การออกกระบวนท่าที่ผิดพลาดทำให้เขาสูญเสียโอกาสชิงความได้เปรียบ หลี่ไฮว่กัดฟันพลางโคจรปราณแท้ภายในร่างกายเพื่อประคองอำนาจของกระบี่สนกระเพื่อม และสร้างการป้องกันรอบ ๆ ตัวเขาอย่างแน่นหนา ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็พยายามถอยห่างออกไปเพื่อทิ้งระยะจากปราณหมัดซึ่งอยู่รอบตัวเขา
ปัง!
หมัดโปร่งแสงกระแทกทำลายปราณกระบี่รอบ ๆ ตัวของหลี่ไฮว่ คลื่นปะทะอันรุนแรงที่กวาดออกมากระแทกหลี่ไฮว่ให้เสียสมดุลในทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
ก่อนที่หลี่ไฮว่จะทันได้พักหายใจ ปราณหมัดอีกสองสามหมัดก็ระเบิดรอบกายของเขาอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบสองจั้ง ร่างกายของเขาซวนเซไปมาจนเกือบจะตกลงไปยังพื้นดิน
เผ้าผมของหลี่ไฮว่กระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น ผิวหนังบางส่วนไหม้เกรียม โดยรวมแล้วรูปลักษณ์ของเขาในยามนี้น่าสังเวชยิ่งนัก เขาไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีโอหังอีกต่อไปหลังจากที่เพิ่งรอดพ้นจากปราณหมัดมหาประลัยนั่น
นี่… นี่ไม่ใช่เรื่องจริงอย่างแน่นอน! การบ่มเพาะของไอ้ชั่วนี่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดเท่านั้น อีกทั้งยังใช้เพียงมือเปล่าอีกด้วย เหตุใดมันถึงได้ทรงพลังเช่นนี้?
หลี่ไฮว่จ้องมองไปยังเฉินซีอย่างไม่อยากเชื่อ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาจริง ๆ ที่จะจินตนาการว่าทุกอย่างที่เกิดก่อนหน้านี้จะมาจากคนที่เขาดูถูกเสมอว่าเป็นเศษสวะ
เขาคิดเสมอว่าการที่เขาแพ้ให้กับเฉินซี ณ นอกเมืองอาบโลหิต มันเป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของเขาถูกจำกัด ทว่าในตอนนี้ที่เขาไม่ถูกยับยั้งการบ่มเพาะอีกแล้ว แต่กลับยังถูกเฉินซีสะกดข่มเหมือนเดิมมันทำให้เขาโมโหจนอยากจะคลั่ง!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้!?
เป็นไปได้หรือว่ามันปกปิดตัวเองประหนึ่งหมาป่าในคราบลูกแกะมามาตลอด?
ในขณะที่จิตใจของหลี่ไฮว่กำลังปั่นป่วน เฉินซีเพิ่งตระหนักได้ว่าสาเหตุที่ตนเองสะกดข่มหลี่ไฮว่ได้อย่างง่ายกว่าที่คาดน่าจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับขอบเขตตำหนักอินทนิลเมื่อไม่นานมานี้ และยังไม่มีประสบการณ์การต่อสู้จริงมากนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถควบคุมทิศทางการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์…
แน่นอนว่า หากเปลี่ยนเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลที่มีประสบการณ์มากกว่านี้ เฉินซีก็คงจะต่อกรได้ไม่ง่ายนัก
หลังจากที่ได้ข้อสรุปแล้ว เฉินซีก็ไม่รอช้าอีกต่อไปและเริ่มโจมตีอีกครั้ง หมัดของเขาราวกับห่าฝนที่ตกลงจากสวรรค์ เขาไม่ให้โอกาสหลี่ไฮว่ที่ใกล้จะตกพื้นอยู่รอมร่อมีโอกาสบินหนีไปได้อีก
สถานการณ์ของหลี่ไฮว่ย่ำแย่สุดขีด ตอนนี้เขาทำได้แต่ปกป้องตัวเองอย่างเดียว
แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่เฉินซีจะสามารถฆ่าหลี่ไฮว่ได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากหลี่ไฮว่ยังคงมีแรงฟาดฟันกระบี่ไปมาปกป้องร่างกายอยู่ คล้ายกับเต่าที่ขดตัวอยู่ในกระดองของมัน
ตุบ! ตุบ!
กล้ามเนื้อของเฉินซีขยายออก เลือดลมสูบฉีดเป็นจังหวะเสียงดัง ขณะนี้หลี่ไฮว่ก็กำลังถูกทุบตีคล้ายกับหุ่นฟางซ้อมสู้ และสิ่งนี้ก็ทำให้เฉินซีคิดแผนการดี ๆ ออก นั่นคือใช้อีกฝ่ายเป็นหนูทดลองว่าร่างกายของเขาทรงพลังเพียงใด ถัดจากนี้เขาจะไม่ใช้ปราณแท้อีกต่อไป แต่เพียงแต่ใช้ความแข็งแกร่งจากร่างกายเท่านั้น
ปัง! ปัง! ปัง!
เฉินซีคาดไว้แล้วว่ากระบี่ในมือของหลี่ไฮว่ไม่อาจทำลายกระดูกและเส้นเอ็นของเขาได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่กังวลใจเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็ใช้วิชาหมัดควบคู่ไปกับประสบการณ์การต่อสู้ที่สั่งสมมา ต้อนหลี่ไฮว่จนมุมยิ่งกว่าเดิม!
หลี่ไฮว่ไม่รู้สึกตัวเลยว่าในตอนนี้เขาได้กลายเป็นหุ่นฟางให้เฉินซีทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย จิตใจของเขาดำดิ่งอยู่แต่กับความหวาดกลัวที่มิอาจอธิบายได้อย่างสิ้นเชิง และขณะที่เขายังคงปัดป้องอย่างดื้อรั้น เขาก็ครุ่นคิดอย่างหนักในการหาโอกาสหลบหนี
ถึงจุดนี้ของการต่อสู้ ความกระหายที่จะสู้ต่อของเขาได้เลือนหายไปแล้ว ชายหนุ่มไม่ต้องการที่จะพัวพันกับเจ้าตัวประหลาดเฉินซีอีกต่อไป ตัวเขายังสงสัยว่าหากดำเนินเช่นนี้อีกต่อไป เขาคงหมดแรงและตกตายด้วยน้ำมือของเฉินซี
ข้าควรทำอย่างไรดี?
ข้าควรจะก้มหัวลงและยอมรับความพ่ายแพ้ดีหรือไม่?
ไม่สิ ทำเช่นนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ข้าก็เกรงว่ามันคงจะไม่ปล่อยข้าไป ปู่ของมันตายด้วยน้ำมือของพวกเราตระกูลหลี่ ความเกลียดชังนี้ไม่อาจประนีประนอมและมันคงไม่มีวันยกโทษให้กับข้าอย่างแน่นอน…
แต่นอกจากยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว มีวิธีการอื่นใดอีกที่จะช่วยให้ข้ารอดชีวิตได้?
หลี่ไฮว่สัมผัสได้ถึงปราณแท้ที่ค่อย ๆ ทยอยลดลงในร่างกายของเขา ภาพเบื้องหน้าแปรเปลี่ยนไปราวกับเขาเห็นเงาของยมทูตคืบคลานใกล้เข้ามาอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ร้อนรุ่มไปด้วยความวิตกกังวลและด้วยสภาวะปั่นป่วนสั้น ๆ นี้มันเผยช่องโหว่ให้แก่เฉินซีทันที!
ในตอนนี้เอง ดวงตาของเฉินซีเป็นประกายวาบ จากนั้นเขาก็ก้าวไปยังเบื้องหน้า และหมัดขวาของเขาก็พุ่งออกไปราวกับลูกศรผ่านช่องโหว่การป้องกันของข่ายปราณกระบี่ กระแทกเข้ากับทรวงอกของหลี่ไฮว่อย่างรุนแรง!
กร๊อบบบ!
เสียงกระดูกหักดังลั่นและทรวงอกของหลี่ไฮว่ก็ยุบตัวลงทันที! พลังอันน่าสะพรึงกลัวของหมัดเฉินซีบดขยี้กระดูกและอวัยวะภายในของหลี่ไฮว่จนแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี
อั่ก!
หลี่ไฮว่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาซีดขาวในทันทีก่อนจะจ้องมองเฉินซีด้วยแววตาตกตะลึง ขุ่นเคือง ผิดหวัง… เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
“ข้า… ไม่เคยคิดเลย… ว่าตัวอัปมงคลอย่างเจ้า… แท้จริงแล้ว… กลับเป็นตัวน่าสะพรึงขนาดนี้ มันช่าง… น่าขบขันเสียจริง ๆ!” หลี่ไฮว่กล่าวอย่างไม่ปะติดปะต่อและทันทีที่เขากล่าวจบ ศีรษะก็พับไปด้านข้างและขาดใจตายในทันที
“เดิมทีข้าตั้งใจจะฆ่าทุกคนของตระกูลหลี่ต่อหน้าเจ้า แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าข้าจำเป็นต้องปล่อยให้เจ้าไปสบายก่อน” เฉินซีบ่นพึมพำ จากนั้นเขาก็หยิบกระบี่สนกระเพื่อมที่หลี่ไฮว่ยังกำอยู่ในมือ
เฉินซีไม่สนใจที่จะมองดูซากศพของคนผู้นี้อีกต่อไป ชายหนุ่มหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำ