บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 653 บรรลุพลังต่อสู้สองเท่า
บทที่ 653 บรรลุพลังต่อสู้สองเท่า
บทที่ 653 บรรลุพลังต่อสู้สองเท่า
แม้พวกเขาจะรู้สึกสงสารเฉินซีจับใจ แต่จิตใจของคนส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็ยังคงยึดติดอยู่กับชิ้นส่วนมหาเต๋า และพวกเขากำลังรอให้ชายร่างกำยำฝ่าแนวป้องกันสุดท้าย ก่อนจะฉวยโอกาสตามสถานการณ์
ถึงอย่างไร มันเป็นสมบัติที่หายากและล้ำค่ามาก ดังนั้น แม้เผ่ากระทิงอัคคีจะมาพร้อมผู้บ่มเพาะมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เกรงกลัว เพราะพวกเขาจะเฝ้าดูอย่างเฉยเมยและปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปได้อย่างไรเล่า?
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นที่สะท้านไปทั้งฟ้าดิน ชายร่างกำยำปัดป่ายมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าและฉีกม่านพลังสุดท้ายออกจากกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ชิ้นส่วนมหาเต๋าอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม!
“ศิษย์พี่เจี่ยงเหวยน่าทึ่งมาก!” ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่ากระทิงอัคคีต่างส่งเสียงโห่ร้องทันที
ทว่าก่อนที่เจี่ยงเหวยจะคว้าชิ้นส่วนมหาเต๋าได้ ผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายต่างพุ่งออกมาจากทุกทิศทางในทันใด พวกเขาต่างทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด
บางคนโจมตีใส่เจี่ยงเหวย ในขณะที่บางคนก็พุ่งตรงไปยังชิ้นส่วนมหาเต๋า ทำให้บริเวณโดยรอบตกอยู่ในอยู่ความโกลาหลทันที
“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! พวกเจ้าทุกคนกำลังรนหาที่ตาย!” เจี่ยงเหวยเดือดดาล เพราะเขาไม่เคยนึกว่าไอ้สารเลวเหล่านี้จะเล็งมาที่ตนเอง
แต่เพราะเห็นแก่ชิ้นส่วนมหาเต๋า ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้จึงไม่ได้สนใจแม้แต่ชีวิตของพวกเขา ดังนั้นมีหรือที่คนพวกนี้จะสนใจคำขู่ของเจี่ยงเหวย?
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มโกรธมากยิ่งขึ้น เสียงคำรามของเขาสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า ในขณะที่เปลวไฟก็ลุกโชนไปทั่วทั้งร่าง และเขาก็ตั้งใจที่จะฆ่าไอ้สารเลวที่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์เหล่านี้
ครืน!
ทันใดนั้น สวรรค์และโลกอันกว้างใหญ่ก็ตกอยู่ในความโกลาหล สมบัติวิเศษปลิวว่อนไปโดยรอบ ในขณะที่ศาสตร์เต๋ากำลังพลุ่งพล่านและลำแสงที่สว่างไสวก็พุ่งออกไปรอบ ๆ เสียงร้องโหยหวนดังก้องออกมาเป็นครั้งคราว ในขณะที่แขนขาขาดและเลือดสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า พวกเขาต่างต่อสู้จนถึงจุดที่ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์หม่นแสง และมันก็เป็นฉากที่น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
นี่คือฉากที่แท้จริงของโลกแห่งการบ่มเพาะที่โหดร้ายและนองไปด้วยเลือด เพราะเห็นแก่สมบัติที่พวกเขาใฝ่ฝัน ทุกคนล้วนเดิมพันด้วยชีวิตและเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง
แต่เมื่อเผชิญกับการล่อลวงนี้ มีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ยังคงสงบนิ่งและยืนจ้องมองอย่างเย็นชาอยู่ที่นอกสนามรบ เพราะพวกเขาตั้งใจที่จะเก็บเกี่ยวรางวัลในตอนท้าย
เฉินซีก็อยู่ในคนกลุ่มนี้
“ทุกคนจงระวังเจ้าเด็กนั่นให้ดี แม้เขาจะดูเหมือนอยู่ลำพัง แต่เขาก็นับเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา” มีคนจ้องมองไปยังชายหนุ่ม ดวงตาของคนพูดกลอกไปมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นกำลังหว่านความบาดหมางระหว่างทุกคนกับเฉินซี ซึ่งแม้แต่คนโง่เขลาก็สามารถแยกแยะได้
แต่สิ่งที่เฉินซีประหลาดใจก็คือ ทันทีที่คนผู้นี้กล่าวจบ คนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ ราวกับว่าชายหนุ่มเป็นศัตรูตัวฉกาจของทุกคน!
“ดูเหมือนว่าการมีอยู่ของข้าจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหัวใจของพวกเขา พวกเขาให้เกียรติข้ามากเกินไปจริง ๆ …”
เฉินซีเพียงลูบจมูก และไม่ใส่ใจแต่อย่างใด
การต่อสู้ในสนามรบได้ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุด ชิ้นส่วนมหาเต๋ายังคงลอยคว้างอยู่ที่นั่น แต่ผู้คนที่เข้าร่วมการต่อสู้ก็ตายตกเกือบหมดสิ้น แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่ากระทิงอัคคีที่มีกองกำลังขนาดใหญ่ก็เหลือเพียงไม่กี่คน และพวกเขายังคงต่อสู้จนร่างกายโชกไปด้วยเลือด
ในขณะนี้ ดวงตาของผู้คนที่อยู่รายล้อมก็ส่องประกายขึ้นอย่างฉับพลัน และพวกเขากลั้นหายใจอย่างจดจ่อในขณะที่สะสมพลัง ทำให้คนเหล่านี้ดูเหมือนสัตว์ป่าที่ซ่อนอยู่ในความมืดซึ่งพร้อมจะโจมตี
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
คลื่นเสียงของอากาศที่ถูกแยกออกจากกันแว่วมาจากที่ไกลสุดขอบฟ้า มันราวกับเสียงของความตายที่ใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนบีบรัดและทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่า ผู้เยี่ยมยุทธ์กำลังจะมาถึงในเวลาอันสั้น!
ทุกคนเริ่มกระวนกระวาย และผู้คนที่กำลังติดพันในการต่อสู้ ต่างเริ่มต่อสู้อย่างสิ้นหวังและใช้พลังทั้งหมดออกไป ส่วนผู้คนที่เฝ้าดูอย่างเย็นชาจากด้านข้างของสนามรบ ก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายและพร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ ส่งผลให้บรรยากาศตึงเครียดและน่าสะพรึงกลัวจนเกือบทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
ในเวลานี้ เฉินซีเองก็ตระหนักได้เช่นกันว่า หากเขายังคงชักช้าต่อไปอีก อาจมีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงลงมือในทันที ทว่าเขายังไม่ได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าหรือขยับจากจุดที่ยืนอยู่ เพียงแค่ยื่นมือออกไปและโบกมือไปยังชิ้นส่วนมหาเต๋าที่ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับกำลังทักทายใครบางคน
ซึ่งในบรรยากาศที่ตึงเครียดและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มันดูแปลกประหลาดและคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ทุกคนที่จับตาดูเฉินซีอยู่ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“ชายคนนี้กำลังทำสิ่งใดกัน?”
บางคนถึงกับคิดว่าชายหนุ่มกำลังเล่นกลเพื่อดึงความสนใจของพวกเขา แต่ในขณะที่พวกเขาท่องไปทั่ว ย่อมเคยเห็นกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้มาหลายครั้งหลายหน ดังนั้นพวกเขาจะหลงกลได้อย่างไร? พวกเขาต่างแสดงท่าทีรังเกียจและมองไปที่อีกฝ่ายราวกับมองดูคนโง่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมา ฉากที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงก็ปรากฏขึ้น
ชิ้นส่วนมหาเต๋าที่ลอยอยู่กลางอากาศมาโดยตลอดนั้น ดูราวกับถูกอัญเชิญและเปลี่ยนเป็นลำแสงสีทองที่พุ่งเข้าหาเฉินซีราวกับสายฟ้าฟาด!
“นี่มัน…”
ดวงตาของทุกคนแทบจะถลนออกมา ราวกับพวกเขาได้เห็นภูตผีตัวเป็น ๆ อย่างไรอย่างนั้น
เนื่องจากมันกะทันหันเกินไป หลังจากที่ชิ้นส่วนมหาเต๋าตกอยู่ในมือของเฉินซี พวกเขาจึงเพิ่งได้สติจากสิ่งที่ดูเหมือนกับความฝันตรงหน้า ทว่าเมื่อร่างกายตอบสนองทันความคิด หลังหันไปดูเฉินซี อีกฝ่ายก็ได้จากไปนานแล้ว! ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าในจุดที่ชายหนุ่มเคยยืนอยู่!
“บัดซบ! นี่มันเกิดบ้าอันใดกัน?” ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
“ไอ้สารเลว! เอาชิ้นส่วนมหาเต๋านั้นคืนมาให้ข้าซะ!” บางคนตกใจและคำรามออกมาโกรธเกรี้ยว ซึ่งมันได้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งท้องฟ้า
“เราถูกหลอก… มารดามันเถอะ! เราถูกหลอกจริง ๆ!”
ณ กลางอากาศ เจี่ยงเหวย ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่ากระทิงอัคคี โกรธจนแทบกระอักเลือด ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่า เฉินซีไม่ได้ยอมแพ้กับชิ้นส่วนมหาเต๋าก่อนหน้านี้ แต่ได้เตรียมการมานานแล้วและกำลังรอที่จะดึงตาข่าย! ยิ่งไปกว่านั้น เหตุผลที่ไอ้สารเลวคนนี้รอที่จะลงมือจนถึงตอนนี้ เพราะต้องการเห็นพวกเขาทั้งหมดฆ่ากันเองและอาศัยความแข็งแกร่งของคนอื่นเพื่อโจมตีเผ่ากระทิงอัคคีอย่างหนักหน่วง!
เมื่อมองไปยังเหล่าสหายที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่คน เจี่ยงเหวยก็โกรธจนดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง! ตัวเขาเสี่ยงชีวิตต่อสู้มานาน แต่สุดท้ายก็กลับมามือเปล่า และสหายมากกว่าครึ่งต่างก็เสียชีวิต ดังนั้นเขาจะยอมรับผลดังกล่าวได้อย่างไร?
“สารเลว! ข้าจะฆ่ามันให้จงได้! ข้าสาบาน!” เจี่ยงเหวยคำรามด้วยความโกรธ ดูเหมือนวัวบ้าที่ใกล้จะคลุ้มคลั่งเต็มที
“ใช่แล้ว มันกล้าหลอกพวกเราทุกคนจริง ๆ เราต้องฆ่าไอ้สารเลวนี่!” คนอื่น ๆ ต่างทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ พวกเขากัดฟันแน่น ในขณะที่ดวงตาก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งความเกลียดชัง
“ข้าเห็นมันหนีไปทางนั้นเมื่อครู่นี้” มีคนกล่าวออกมาทันที
“ไล่ตามมันไป!”
“ไปล่ามันกัน เราไม่อาจปล่อยให้ชิ้นส่วนมหาเต๋าตกอยู่ในมือของเจ้าเด็กบัดซบคนนี้เป็นอันขาด!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จิตวิญญาณของทุกคนก็ลุกโชนขึ้นทันที พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าอาฆาตแค้นและเปลี่ยนความเศร้าโศกเป็นแรงกระตุ้น ร่างของพวกเขากลายเป็นลำแสงมากมายไล่ตามไปยังทิศทางที่เฉินซีจากไป
ถึงแม้คนเหล่านี้มาจากกองกำลังที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังเคยต่อสู้เข่นฆ่ากันเองราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถรวมผนึกกำลังกันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณเฉินซี!
เห็นได้ชัดจากสิ่งนี้ว่า บางครั้งดวงตาของเราก็อาจมืดบอดด้วยความโกรธ และมันอาจทำให้คนทำในสิ่งที่เหนือความเข้าใจได้
ฟุ่บ!
คนเหล่านี้รวมตัวกันโดยมีเจี่ยงเหวยเป็นผู้นำ และพวกเขาไล่ตามอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมฆทมิฬที่ก่อตัวขึ้นจากฝูงตั๊กแตน พวกเขาก่อตัวเป็นทิวแถวที่น่าเกรงขามซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหาร และทุกที่ที่ผ่านไป พวกเขาจะทำให้ผู้บ่มเพาะที่อยู่ระหว่างทางตกใจจนต้องหลีกเลี่ยงและงุนงงสับสนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
…
วูบ!
บนท้องฟ้าที่ไกลออกไป มีลำแสงกะพริบวูบไหว ราวกับมันกำลังเคลื่อนย้ายข้ามมิติอยู่ และมันก็หายลับไปในขอบฟ้าในเวลาไม่กี่อึดใจ
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเศษเสี้ยววิญญาณของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬจะอัศจรรย์ถึงขนาดนี้ แม้แต่ชิ้นส่วนมหาเต๋าก็ยังถูกมันชักนำและมอบตัวมันเองอย่างเชื่อฟัง…”
เฉินซีอุทานด้วยความชื่นชมในใจ เมื่อเขาทะลวงม่านพลังที่อยู่โดยรอบชิ้นส่วนมหาเต๋าก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่า ท่อนไม้ที่ไหม้เกรียมซึ่งหยั่งรากอยู่ในแดนฮุ่นตุ้นของเขานั้น ได้สร้างความผันผวนที่แปลกประหลาดกับชิ้นส่วนมหาเต๋า
เป็นเพราะความผันผวนนี้เองที่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า เพียงความคิดในใจของเขา ชิ้นส่วนมหาเต๋าก็จะพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของเขาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าตนเองได้กลายเป็นบุพการีของชิ้นส่วนมหาเต๋า ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง!
“จริงสิ ชิ้นส่วนมหาเต๋าก่อตัวขึ้นจากกฎของเต๋าแห่งสวรรค์ที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬบรรลุได้ก่อนที่มันจะตายไป และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬมาโดยตลอด ตอนนี้ข้ามีชิ้นส่วนจิตวิญญาณของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ ดังนั้นข้าจึงมีพลังดึงดูดชิ้นส่วนมหาเต๋านี้”
ในเวลาไม่นาน เฉินซีก็เข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
เพราะถ้ามันเป็นเช่นนี้ ด้วยความสามารถที่แตกต่างจากคนอื่น เขาย่อมสามารถใช้มันเพื่อให้ได้ชิ้นส่วนมหาเต๋ามาอย่างง่ายดายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น!
หากลองไตร่ตรองดูแล้ว คนอื่นคงต้องประสบกับปัญหามากมายและยังเผชิญกับการต่อสู้อันน่ากลัว เพื่อให้ได้รับชิ้นส่วนมหาเต๋ามาด้วยความยากลำบาก ในขณะที่เขาไม่ต้องลำบากอะไรมาก เพียงแค่สะบัดมือเบา ๆ ชิ้นส่วนมหาเต๋าก็ยอมเชื่อฟังและตกอยู่ในกำมือของเขาแต่โดยดี มันง่ายยิ่งกว่าดื่มน้ำเสียอีก ดังนั้นผู้ใดจะไม่ตื่นเต้นกับความสามารถพิเศษเช่นนี้?
“หืม? ดูเหมือนมันจะเริ่มขัดเกลาและหลอมรวมแล้ว!” ในช่วงเวลาถัดมา เฉินซีก็รู้สึกตกใจ เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจซึ่งเกิดขึ้นภายในแดนฮุ่นตุ้นของเขา
ชิ้นส่วนมหาเต๋าที่มีตราประทับของมหาเต๋าแห่งทองนั้นไม่มีรูปร่างหรือรูปแบบ และเป็นสิ่งที่ควบแน่นจากเต๋ารู้แจ้ง ทันทีที่มันตกอยู่ในมือของเขา มันก็เจาะเข้าไปในแดนฮุ่นตุ้นภายในร่างกายของเฉินซีและเกาะตัวเองเข้ากับต้นอ่อนของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ
มันเหมือนกับตะวันดวงเล็กที่ห้อยอยู่บนกิ่งไม้ และเปล่งแสงสีทองอันไร้ขอบเขต ซึ่งส่องสว่างไปทั่วทั้งแดนฮุ่นตุ้น ยิ่งไปกว่านั้น ชิ้นส่วนมหาเต๋าในเวลานี้เริ่มแตกสลายและละลายเหมือนสายฝนที่โปรยปรายลงมายังดวงดาว ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขา แม่น้ำ พืชพรรณและดอกไม้… มันหลอมรวมเข้ากับแดนฮุ่นตุ้นทั้งหมดอย่างสมบูรณ์!
ซึ่งความเร็วในการหลอมรวมก็รวดเร็วมาก เหมือนดั่งน้ำแข็งที่หลอมละลายจนกลายเป็นน้ำ
เท่าที่เฉินซีทราบมา เมื่อผู้บ่มเพาะธรรมดาได้รับชิ้นส่วนมหาเต๋า อาจต้องใช้เวลาสามถึงห้าวันหรืออาจมากกว่าหนึ่งปีในในการขัดเกลาและดูดซับมันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งไม่เหมือนกับเขาที่สามารถขัดเกลาและดูดซับมันได้ภายในหนึ่งเค่อ!
“นี่ต้องเป็นผลลัพธ์จากต้นอ่อนของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬแน่นอน!”
เฉินซีมั่นใจมากว่า มีเพียงคำอธิบายเช่นนี้เท่านั้นที่สมเหตุสมผล ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้เช่นกันว่า มหาเต๋าแห่งทองที่เขาครอบครองอยู่ได้บรรลุถึงขอบเขตสมบูรณ์แล้ว และความรู้สึกนั้นไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ มันเต็มไปด้วยความไร้ที่ติราวกับตราบใดที่ปรารถนา เขาก็สามารถเปลี่ยนหินให้กลายเป็นทองคำได้!
ผลจากการบรรลุขอบเขตสมบูรณ์ในมหาเต๋าแห่งทองนั้น มากมายมหาศาล เพราะแม้แต่แดนฮุ่นตุ้นของเขาก็ยังขยายใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าและถูกปกคลุมไปด้วยสีทองอร่ามที่พร่างพราว มันเหมือนกับป้อมปราการที่ทำจากโลหะ อีกทั้งมันยังแผ่กลิ่นอายที่ดุดันและแข็งแกร่งออกมา ซึ่งยิ่งใหญ่และเจิดจรัสอย่างมาก
พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
ในขณะนี้ ความรู้สึกที่แข็งแกร่งก็พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของเฉินซี และเขาก็รู้สึกว่า ไม่ว่าตัวเขาจะใช้ศาสตร์เต๋าหรือพลังอิทธิฤทธิ์ อานุภาพที่ออกมาจากมันจะแข็งแกร่งกว่าเดิมถึงสองเท่าเป็นอย่างแน่นอน!
ซึ่งนี่เป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หลังจากเชี่ยวชาญมหาเต๋าแห่งทองไปสู่ขอบเขตสมบูรณ์
“โอ้ ข้าได้ยินมาว่า ภายในอาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ ไม่เพียงเขตทองเท่านั้นที่มีชิ้นส่วนมหาเต๋าซ่อนอยู่ แต่เมื่ออาศัยความสามารถอันน่าอัศจรรย์ของต้นอ่อนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ ข้าย่อมสามารถได้รับชิ้นส่วนมหาเต๋ามากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของข้าจะทวีคูณและเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!”
หลังจากนั้นไม่นาน ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในใจของเฉินซีโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นเขาก็ไม่สามารถยับยั้งแรงกระตุ้นนี้ได้และเปลี่ยนเป็นลำแสงออกจากเขตทองอย่างรวดเร็ว เพราะชายหนุ่มได้ตัดสินใจที่จะทำการใหญ่บางอย่างแล้ว!