บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 674 ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเกรี้ยวกราด
บทที่ 674 ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเกรี้ยวกราด
บทที่ 674 ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเกรี้ยวกราด
มดตัวเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ สามารถคงอยู่ได้โดยไม่ได้รับอันตรายจากค่ายกลเหล่านั้นเลย!
ภาพนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป แม้แต่เฉินซีก็ยังพึ่งพาพลังของต้นอ่อนเงาทมิฬเพื่อเข้ามาที่นี่อย่างปลอดภัย มิฉะนั้น หากไม่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ เขาคงถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเขาไม่ทันสังเกตว่า มดตัวนี้โผล่มาเกาะข้างหูตั้งแต่เมื่อไร!
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของจิตสัมผัสเทพของชายหนุ่ม ก็เทียบได้กับของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี และเหนือกว่าขอบเขตสถิตกายามานานแล้ว มันย่อมไม่มีสิ่งใดในรัศมีหมื่นลี้สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของเขาได้
แต่ตอนนี้ จู่ ๆ มดตัวน้อยนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นบนร่างกายของเขา แล้วเฉินซีจะไม่แปลกใจได้อย่างไร?
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ เขาหยิบมดตัวนี้ขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และก็พบว่ามันเหมือนกับมดทั่วไปบนโลกนี้ มันมีขนาดเล็กสีดำเงาเหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างแม้แต่น้อย จึงไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างระหว่างมันกับจักรพรรดิมดทองคำเหล่านั้น เพราะพวกมันทั้งสองตัวไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยด้วยซ้ำ
“แปลกจริง หรือค่ายกลที่นี่จะใช้ไม่ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตธรรมดา?” เฉินซีขมวดคิ้วและรู้สึกงงงวยอย่างมาก ถึงขนาดที่เขาไม่ได้สนใจการต่อสู้อันดุเดือดและน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นอยู่ไม่ไกลนัก
“นำมันไปด้วย มันจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อเจ้าเข้าสู่ด่านแห่งความลึกล้ำ” หม้อใบจิ๋วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบ ราวกับว่ารับรู้ถึงการมีอยู่ของมดตัวนี้มานานแล้ว
“อันใดนะ!?” เฉินซีผงะ มดตัวเล็กนี้จริง ๆ แล้วเกี่ยวข้องกับด่านแห่งความลึกล้ำหรือ?
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็หายจากอาการตกใจ ในเมื่อหม้อใบจิ๋วพูดเช่นนั้น มดตัวนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างที่คิดแน่นอน!
“เอาล่ะ ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าวิเศษแค่ไหน” เฉินซียกมือขึ้นและวางมดไว้บนไหล่ของเขา เมื่อสังเกตเห็นว่าเพื่อนตัวน้อยนิ่งเงียบมากและไม่ขยับเขยื้อนไปมา ชายหนุ่มจึงผ่อนคลายลง
“สหายเต๋า หากเราไม่จัดการกับสัตว์ทั้งสามนี้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพูดถึงมรดกของผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้สูงส่ง ข้าเกรงว่าแม้แต่ด่านแห่งความลึกล้ำก็คงจะอยู่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!”
ในสนามรบ ร่างกำยำที่แผ่กลิ่นอายเซียนอันทรงพลังไปทั่วทั้งกาย ตะโกนขึ้นเสียงดังและดึงดูดความสนใจของเฉินซีไปในทันที
ในตอนนี้ การต่อสู้ได้เข้าสู่จุดเดือดแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บ และมีบาดแผลมากมาย ในขณะที่จักรพรรดิมดทองทั้งสามตัวเองก็สาหัสไม่น้อยเช่นกัน แม้พวกมันจะยังคงดุร้ายเหมือนเดิมก็ตาม
หากเป็นเมื่อก่อน เฉินซีคงไม่กล้าจินตนาการว่า จักรพรรดิมดสามตัวจะสามารถเผชิญหน้ากับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีหลายสิบคนของโลกได้อย่างสูสีเช่นนี้ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นคงน่าตกใจเกินไป!
“สหายเต๋าเฟิงเสวียนจื่อกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ทุกท่าน ข้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องปกปิดความแข็งแกร่งของเราอีกต่อไปแล้ว ใช้ไพ่ตายของเราร่วมกัน และทำลายสัตว์ทั้งสามตัวนี้ในคราวเดียวเป็นอย่างไร?”
“ได้!”
“แผนนี้น่าจะได้ผล”
ในไม่ช้า ข้อเสนอของเฟิงเสวียนจื่อก็ได้รับการยอมรับจากผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ทันใดนั้น กลิ่นอายบนร่างของพวกเขาก็ระเบิดออกมาอย่างไร้ขอบเขต ปราณเซียนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์แผดเผา ในขณะที่รัศมีอันโอ่อ่าของพวกมันดูสูงส่งอย่างมาก
โครม! โครม! โครม!
ศาสตร์เต๋าอันน่าสะพรึงกลัวหลายแขวงปะทุขึ้น ดุจหินหลอมเหลวที่ปะทุและปั่นป่วน พัดพาออกไปในทันทีทันใด พร้อมกับแรงกระตุ้นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง สั่นสะเทือนไปทุกทิศทุกทางราวกับจะฉีกท้องฟ้าออกจากกัน!
“ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!” ม่านตาของเฉินซีหดลงทันที แม้ว่าเขาจะเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกล แต่ชายหนุ่มก็อดที่จะรู้สึกขนลุกไม่ได้
หากอยู่ในโลกภายนอก แค่การโจมตีดังกล่าวก็เพียงพอที่จะทำลายล้างทั้งอาณาจักรทิ้งแล้ว!
ในเวลาเพียงชั่วอึดใจ จักรพรรดิมดทองคำทั้งสามตัวก็ถูกบดขยี้ พวกมันส่งเสียงกรีดร้องก่อนจะสลายหายไปพร้อมกับความไม่เต็มใจ
“อันตรายจริง ๆ! พื้นที่หลักของพระราชวังแห่งการรังสรรค์นี้ สมกับที่ได้รับชื่อว่าสุสานของผู้เยี่ยมยุทธ์ ที่ฝังผู้เยี่ยมยุทธ์ไว้มากมาย แค่การมีอยู่ของสัตว์เหล่านี้ก็ชวนปวดหัวมากแล้ว”
“ฮ่า ๆ พูดถึงสิ่งเหล่านี้ในเวลานี้จะไม่น่าผิดหวังไปหน่อยหรือ? เรื่องสำคัญในตอนนี้คือการค้นหามรดกของผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้สูงส่ง ในขณะที่มุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆ”
“ถูกต้อง ข้ารู้สึกว่าคราวนี้ด่านแห่งความลึกล้ำจะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะไม่สามารถหามรดกของผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้สูงส่งเจอ แต่เราก็ยังสามารถเข้าสู่ด่านแห่งความลึกล้ำเพื่อลองเสี่ยงโชคของเราได้!”
หลังจากกำจัดจักรพรรดิมดทั้งสามตัวลงในคราวเดียวแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนก็หัวเราะร่า เนื่องจากการเข้ามายังสถานที่แห่งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และไม่ใช่ว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้ไปยังด่านถัดไปเสมอ การเผชิญหน้ากับความบังเอิญที่ยิ่งใหญ่นี้ แม้แต่ผู้มีระดับการบ่มเพาะสูงเช่นนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ครืน!
ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้เคลื่อนไหว จู่ ๆ คมแห่งเจตจำนงกระบี่ที่มีขนาดใหญ่ก็มาบรรจบกันอย่างรวดเร็ว ในยามนี้ พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยแสงประหลาดนับไม่ถ้วนพวยพุ่งมาจากทุกทิศทุกทาง
ประหนึ่งแสงดาบนับไม่ถ้วนได้ถูกเรียกกลับไปยังแหล่งกำเนิดของมัน ความผันผวนสั่นสะท้านทุกสิ่งให้แปรปรวนอย่างรุนแรง มันดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง!
ฮึ่ม!
เจตจำนงกระบี่สีทองเสี้ยวหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ในชั่วพริบตา มันก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านั้น ก่อนที่จะฟาดลงเสียงดัง ‘โครม!’ ระเบิดแสงสีทองทำให้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งต้นสั่นสะเทือน
“แย่แล้ว!”
“มันเป็นจักรพรรดิมดอีกตัว!”
“เดี๋ยว นี่อาจเป็นจักรพรรดิมดที่น่ากลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก แค่กลิ่นอายของมันก็ยิ่งกว่าจักรพรรดิมดสามตัวก่อนหน้านี้หลายเท่าแล้ว!”
เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของผู้โจมตีอย่างชัดเจน ท่าทีของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดพลันชะงักไป ก่อนที่ใบหน้าจะมืดมนลง และดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปความเคร่งเครียด
ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนว่า หลังจากฆ่าจักรพรรดิมดทั้งสามตัวไปแล้ว จักรพรรดิมดที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าจะปรากฏตัวออกมา!
เฉินซีเองก็เห็นเหตุการณ์ในตอนนี้อย่างชัดเจนเช่นกัน หัวของจักรพรรดิมดตัวนี้เป็นสีทองเข้ม ตัวของมันยาวกว่าหนึ่งจั้ง แขนขาแข็งแกร่งราวกับว่าทำจากเหล็ก!
กลิ่นอายของจักรพรรดิมดตัวนี้น่ากลัวยิ่งกว่าจักรพรรดิมดที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ ทั่วทั้งร่างกายของมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของศักดิ์ศรีอันสูงส่ง แค่มองจากที่ไกล ๆ ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกใจสั่น ไร้พลัง และไร้อำนาจ
ราวกับว่าตัวเฉินซีเป็นมด ในขณะที่จักรพรรดิมดเป็นเทพเจ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือสวรรค์และโลก ผู้ยืนมองลงมายังโลกเบื้องล่างอย่างภาคภูมิ!
ตู้ม!
การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทว่าไม่เหมือนกับครั้งก่อน แม้ว่าจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีมากกว่าสิบคนร่วมมือกัน ก็ยังมิอาจจัดการกับจักรพรรดิมดตัวเดียวนี้ได้
แม้แต่เฉินซีก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณที่ว่าพวกเขากำลังจะพ่ายแพ้
ช่างน่าสะพรึงกลัว!
จักรพรรดิมดตัวเดียวที่มีเจตจำนงกระบี่อันไร้เทียมทานได้สยบผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีมากกว่าสิบคนด้วยตัวเอง ทั้งยังอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ ถ้าทุกคนในโลกภายนอกได้เห็นเหตุการณ์นี้ ก็คงจะตกใจจนอ้าปากค้างเป็นแน่!
“รีบไปได้แล้ว!” ทันใดนั้น เสียงของหม้อใบจิ๋วก็ดังก้องขึ้นในใจของเขา ทำให้เฉินซีได้สติในทันที ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ และหยุดพิจารณาว่าเส้นทางข้างหน้านั้นอันตรายหรือไม่ ขาเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ สนามรบอย่างระมัดระวังตามคำแนะนำของหม้อใบจิ๋ว ลัดเลาะไปตามด้านข้าง
ถึงอย่างนั้น เมื่อเขามาถึงตรงกลางของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวของการต่อสู้ ทั้งร่างของชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่ามีภูเขากำลังกดทับอยู่ จนเลือดของเขาเกือบจะแข็งตัว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงการเหาะเหิน เพียงแค่การก้าวไปข้างหน้าก็นับเป็นเรื่องยากมากแล้ว
แต่เฉินซีก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เขากัดฟันก้าวไปทีละก้าว เพื่อออกจากพื้นที่แห่งนี้ซึ่งปกคลุมด้วยความผันผวนของการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
“หืม? มีเจ้าตัวน้อยอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ด้วย!” ทันใดนั้น เสียงประหลาดใจระคนงุนงงก็ดังขึ้นจากที่ไกล ๆ
หัวใจของเฉินซีกระตุกวูบทันที เขารู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว และไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีพบเขาในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้!
คราวนี้เขาไม่กล้าที่จะรั้งรอหรือซ่อนร่องรอยของตนเองอีกต่อไป เขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก้าวขึ้นไปทีละก้าว!
“เจ้าเด็กนี่กล้าที่จะคว้าโอกาส ในขณะที่เรากำลังดึงความสนใจของจักรพรรดิมดเพื่อเข้าใกล้ยอดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์? ในโลกจะมีโอกาสดี ๆ เช่นนี้ง่าย ๆ ได้อย่างไร? ทิ้งชีวิตไว้เสีย!” ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนหนึ่งตะโกนขึ้น และสะบัดแขนเสื้อของเขาส่งสายฟ้าออกมา
เฉินซีขนลุกทั่วทั้งร่างด้วยความสะพรึงในใจ ตอนนี้เขากำลังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของการต่อสู้ ทำให้ชายหนุ่มเคลื่อนไหวได้ยากยิ่ง เขาจึงไม่สามารถหลบหลีกอย่างรวดเร็วได้
ในเวลานี้ เขาได้แต่หวังว่าหม้อใบจิ๋วจะเคลื่อนไหว มิฉะนั้นตัวเขาย่อมต้องตายอย่างแน่นอน
โครม!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ทั้งที่หม้อใบจิ๋วไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย ทว่าการโจมตีของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีกลับถูกขัดขวางไว้
และเมื่อเขาเห็นว่า สิ่งมีชีวิตใดที่ช่วยตนเองในช่วงเวลาแห่งอันตรายนี้เอาไว้ เฉินซีก็เป็นต้องตกตะลึงด้วยสีหน้าเหลือจะเชื่ออีกครั้ง ด้วยนั่นก็คือจักรพรรดิมดสีทองเข้มนั่นเอง!
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้าง เขากล้าทุบหน้าอกของตัวเองเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มองผิดไป …ผู้ช่วยเหลือเขาเมื่อครู่เป็นจักรพรรดิมดจริง ๆ!
“หือ? เกิดอันใดขึ้น?”
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเองก็ประหลาดใจเช่นกัน บางคนปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง และคิดว่าจักรพรรดิมดช่วยชีวิตอีกฝ่ายโดยบังเอิญเท่านั้น
ดังนั้น ในช่วงอึดใจต่อมาก็มีคนเคลื่อนไหวโจมตีใส่เฉินซีอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้แตกต่างออกไป การโจมตีทั้งหมดถูกจักรพรรดิมดขัดขวางเอาไว้ และไม่สามารถทำร้ายชายหนุ่มได้อีกครั้ง!
ยามนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป พวกเขาต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วง แต่เด็กคนนั้นกลับได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดิมด นี่มันไม่ไร้เหตุผลเกินไปหรือ?!
ฉากนี้ทำให้พวกเขาโกรธจนแทบกระอักเลือด ถ้าเฉินซีไม่ได้ปรากฏตัว แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้จนตัวตาย มันก็คงจะไม่มีอะไรเลย แต่ทันทีที่เขาเพิ่งปรากฏตัวออกมา กลับได้ขึ้นไปบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างสบายใจยิ่ง การเปรียบเทียบนี้ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านี้แทบจะเป็นบ้า
นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!
แค่รุ่นเยาว์ที่อ่อนแอคนหนึ่ง เหตุใดเขาถึงได้รับการปฏิบัติที่พิเศษเช่นนี้?
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในสนามประลอง และไม่มีกรรมการคนใดดูอยู่ พวกเขาก็คงด่าสาปแช่งอีกฝ่ายว่าขี้โกงแน่นอน
เฉินซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ในที่สุดหัวใจที่ดิ่งวูบของเขาก็กลับมาอยู่ที่เดิม
เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจักรพรรดิมดถึงปกป้องตนเช่นนี้ แต่ถึงมันจะทำให้เขางุนงงอย่างมาก ทว่าชายหนุ่มก็ทำได้เพียงแค่ยกความดีความชอบนี้ให้กับต้นอ่อนเงาทมิฬเท่านั้น
เพราะอย่างไร เขาก็พึ่งพาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้มาตลอดทาง ดังนั้นมันจึงดูเหมือนว่า… มีเพียงมันเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ใช่หรือไม่?
ครู่ต่อมา ชายหนุ่มก็หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และก้าวต่อไป ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยสังเกตเลยว่ามดตัวเล็กบนไหล่ของเขาโบกหนวดของมันไปทางจักรพรรดิมดที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ราวกับว่ามันกำลังส่งสัญญาณบางอย่าง เช่น การบอกลา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินซีก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาผ่อนคลายขึ้น ชายหนุ่มจึงรีบหลบหนีออกจากเขตความผันผวนของการต่อสู้ในทันที และกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังยอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
ความเร็วนั้นเร็วมาก จนร่างของเขาหายวับไปในพริบตา
“นี่… เจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกลอย่างนั้นรึ!?” ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีต่างตกใจจนลูกตาของพวกเขาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าเมื่อได้เห็นฉากนี้
เพราะพวกเขาต้องทุกข์ทรมานจากผลกระทบมากมายของค่ายกลชั้นแล้วชั้นเล่า ตั้งแต่ส่วนของรากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทำให้พวกเขาก้าวเดินอย่างลำบากมากขึ้น และกว่าจะมาถึงที่นี่ได้… พวกเขาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก!
ในทางกลับกัน เฉินซีกลับพุ่งขึ้นไปบนยอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และหายวับไปในทันที และตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็ไม่ได้รับผลของค่ายกลเลย แล้วพวกเขาจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร?
สวรรค์ไม่ยุติธรรม!
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคำรามก้องในใจ ทั้งอิจฉาทั้งไม่พอใจ และสิ่งที่ทำให้พวกเขาเศร้าโศกและขุ่นเคืองที่สุดคือ จนถึงตอนนี้จักรพรรดิมดเจ้ากรรมยังคงขวางทางพวกเขา และกีดกันไม่ให้พวกเขาได้ไปต่อ!