บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 675 ด่านแห่งความลึกล้ำ
บทที่ 675 ด่านแห่งความลึกล้ำ
บทที่ 675 ด่านแห่งความลึกล้ำ
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อันสง่างามยืนต้นสูงเสียดฟ้า กิ่งก้านสาขาแผ่ขยายไปไกลถึงสวรรค์ทั้งเก้า
หลังออกมาจากพื้นที่การต่อสู้อันดุเดือดแล้ว เฉินซีก็เคลื่อนกายไปตามเส้นทางอย่างบ้าคลั่ง ในใจร้องลั่นว่าตนเองโชคดีเพียงไหน เพราะเขาไม่คิดเลยว่าในจังหวะสำคัญก่อนที่หม้อใบจิ๋วจะลงมือ มดจักรพรรดินั่นจะช่วยเขารับมือกับอันตรายมากมายที่คืบคลานเข้ามาแล้ว
‘จักรพรรดิมด ไม่ว่าเจ้าจะจงใจหรือไม่ หากมีโอกาส ตัวข้าเฉินซีผู้นี้ย่อมตอบแทนเจ้า’ ระหว่างเหินร่าง เขาก็ก้มมองลงไปด้านล่าง ก่อนจะเอ่ยเสียงจริงจัง
เขาได้แต่หวังว่าจักรพรรดิมดจะปลอดภัย ส่วนพวกผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านั้นจะตายทั้งหมด เขาก็ไม่สนใจ หากก่อนหน้าไม่ได้มดจักรพรรดิช่วยไว้ เฉินซีก็คงถูกตาแก่พวกนั้นสังหารจนตายไปแล้ว!
ตู้ม!
ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนพลันแผ่ออกมาจากท้องฟ้าเหนือกิ่งก้านของต้นไม้ ปลดปล่อยจังหวะเต๋าอันน่าเกรงขาม ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าดินจะแยกออกจากกันอีกครา ก่อนจะเกิดแสงสาดส่องออกมาในอากาศธาตุ
“ด่านแห่งความลึกล้ำกำลังจะปรากฏตัวแล้ว!” หม้อใบจิ๋วร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นนัก
เฉินซีตกใจ จากนั้นจึงรีบพุ่งเข้าไปในทันใด
ตอนนี้ท้องฟ้าเหนือแมกไม้เต็มไปด้วยแสงจ้า ด้านบนคือประตูบานใหญ่ที่เปิดกว้าง บุปผาโปรยปรายลงมาจากเบื้องบน แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่างทั่วทิศ ฝนแสงโรยตัว ดูศักดิ์สิทธิ์และสว่างใสยิ่งนัก
เสียงทวยเทพบริกรรมคาถาและเสียงมหาเต๋าดังก้องจากภายใน สะท้านรอบข้างดังไกลไปถึงสวรรค์ทั้งเก้า ทำให้พื้นที่โดยรอบเกิดความสงบสุข
ปรากฏการณ์เช่นนี้คล้ายกับประตูสู่ภพเซียนเปิดออก หมายรับและนำพาผู้ที่ชะตาลิขิตเข้ามาจากภพมนุษย์
ชั่วพริบตานั้น ข้อจำกัดทั้งหลายในบริเวณนี้ก็สลายหายไปไม่เหลือร่องรอย ทุกพื้นที่ในห้วงอากาศเจือกลิ่นอายเงียบสงบอันลึกล้ำ ราวกับสวรรค์บนแดนมนุษย์ ไม่ได้ถูกทำให้แปดเปื้อนเพราะการต่อสู้แต่อย่างไร
…
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่อยู่ใจกลางต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ล้วนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ทำให้เผลอมองไปยังฟ้าด้านบน ทั่วทั้งร่างเครียดขึง เผยสีหน้ากระตือรือร้นออกมา
“ด่านแห่งความลึกล้ำ!”
“ในที่สุดแดนซ่อนเร้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเหวเงาทมิฬที่เขาร่ำลือกันก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”
“สมบัติลับอันน่าตื่นตาตื่นใจที่เหล่าเซียนทั้งสามภพต้องการถือครองถูกซ่อนไว้ที่นั่น!”
ทุกคนร้องขึ้นด้วยความตกใจ รู้สึกตื่นเต้นยินดีจนยากควบคุม ราวกับได้เห็นประตูที่กักเก็บโชคลาภมากมายเอาไว้อยู่ตรงหน้าก็ไม่ปาน!!
นับแต่โบราณมาจนถึงตอนนี้ เหวเงาทมิฬปรากฏตัวขึ้นเพียงสี่ครั้งเท่านั้น แต่ในสี่ครั้งแรกที่ผ่านมา ไม่มีใครเคยได้เห็นด่านแห่งความลึกล้ำเลย เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ มันยังไม่เคยปรากฏตัวขึ้นสักครั้ง ต่อมามันจึงได้กลายเป็นเหมือนตำนานน่ากังขาว่าด่านแห่งความลึกล้ำมีจริงหรือไม่
ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นฝันอันสูงส่งที่นำพาผู้บ่มเพาะมากมายเข้ามาค้นหาในเหวเงาทมิฬ โครงกระดูกและซากศพมากมายที่กองเต็มพื้นล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนี้ได้
ชีวิตของคนมากมายได้กรุยทางให้ผู้มีชะตาลิขิต ด่านแห่งความลึกล้ำทำให้คนมากมายตายคาที่ บ้างตั้งแต่เกิดจนตายก็ยังไม่เคยได้ยลด่านแห่งความลึกล้ำสักครา
ทว่าตอนนี้ประตูที่เหมือนเป็นตำนานนั่นกลับปรากฏขึ้นสู่สายตาแล้ว ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหลายรู้สึกราวกับฝันไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปเหมือนเรื่องน่าประหลาดใจที่ฟ้าส่งมาให้ สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือจักรพรรดิมดบัดซบนั่นหายไปแล้วเมื่อด่านแห่งความลึกล้ำปรากฏขึ้น!!
ศัตรูที่น่าเกรงขามรับมือยากเช่นนั้นหายไปแล้ว ทั้งข้อจำกัดทั้งหลายทั่วต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็หายไปเช่นกัน ส่งผลให้ทุกคนแทบอยากร้องตะโกน ‘สวรรค์… ในที่สุดเจ้าก็มีตาแล้ว!’
“บัดซบ! เด็กคนนั้นคงถึงด่านแห่งความลึกล้ำไปนานแล้ว!” เมื่อมีคนพูดถึง ก็ทำเอาผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหลายหลุดจากภวังค์ยินดี
“ไปกันเถอะ! ครั้งนี้อย่าให้เจ้าเด็กนั่นรอดไปได้!” เมื่อชื่อของเฉินซีถูกเอ่ยขึ้นมา ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดก็กัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงชิงชัง
คนทั้งหมดไม่ชักชา รีบพุ่งขึ้นไปยังเหนือแมกไม้ทันที
…
แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง ทำนองเต๋าเปล่งระลอกคลื่น ประตูที่ลอยอยู่เหนือแมกไม้ส่องแสงประกายเจิดจ้า
ใช้เวลาไม่นานเฉินซีก็มาถึงเหนือแมกไม้ เมื่อมองใกล้ ๆ แล้วก็เห็นว่าภายในประตูคือห้องโถงใหญ่ ซึ่งปลดปล่อยแสงจ้าออกมาท่ามกลางปราณโกลาหล ทั้งกว้างใหญ่และโอ่อ่า ราวกับสิ่งที่ไม่อาจมีได้บนโลกมนุษย์
นี่คือด่านแห่งความลึกล้ำหรือ?
เฉินซีเองก็เต็มไปด้วยความวาดหวังเช่นกัน
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ทว่ายังไม่ทันพุ่งเข้าไปในด่านแห่งความลึกล้ำ เงาลึกลับสองร่างก็พลันปรากฏขึ้น ราวกับศรพุ่งเข้าใส่ด่านแห่งความลึกล้ำ ก่อนจะหายวับไป
เรื่องราวเกิดขึ้นเร็วมาก หากเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดาก็คงคิดว่าตาฝาดไป
ทว่าเฉินซีรู้ดีว่ามันเกิดขึ้นจริง!
หรือก็คือ มีคนที่ขึ้นมาถึงแมกไม้ก่อนเขาและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีพวกนั้น ทั้งยังซุ่มซ่อนรอด่านแห่งความลึกล้ำอยู่ด้วย
“ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ!” หม้อใบจิ๋วเอ่ยเสียงเหี้ยม มันไม่ปิดบังความเกลียดชังสักนิด “รีบเข้าด่านแห่งความลึกล้ำไปเสีย จะให้พวกนั้นทำสำเร็จไม่ได้!”
“ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ เป็นพวกเขาจริง ๆ!” เฉินซีพลันเข้าใจความร้ายแรงของสถานการณ์ทันที มีหรือจะกล้ารอช้าอีก? ชั่วพริบตาต่อมา เขาจึงรุดหน้าเข้าไปยังประตูที่ส่องแสงศักดิ์สิทธิ์นั่นแล้วหายไปทันที
เมื่อเขาจากไปได้ไม่นาน ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหลายจึงมาถึง และพวกเขาเองก็พุ่งเข้าไปโดยไม่รอช้าเช่นกัน แม้ในตอนนี้ประตูนั่นจะเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่พวกเขาก็ไม่คิดรีรอและอยากลองเสี่ยงชีวิตดู!
นี่คือด่านแห่งความลึกล้ำเชียวนะ!
…
มันเป็นโถงขนาดใหญ่ที่ราวกับสร้างอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวแห่งห้วงอวกาศ เหนือห้องโถงเต็มไปด้วยดวงดาราพร่างพราว ส่วนเบื้องล่างเต็มไปด้วยปราณโกลาหล
มันทั้งกว้าง ใหญ่ และสว่างโอ่อ่ายิ่ง ราวกับที่พักของเทพเซียน
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์หยั่งรากอยู่หน้าห้องโถง ราวกับถูกห้อมล้อมไว้ด้วยทางช้างเผือก กิ่งก้านสาขาของมันเป็นสีเงินส่องประกาย เต็มไปด้วยกลิ่นอายเต๋า มีใบกลมมนดั่งหมู่ดาวห้อยลงจากกิ่ง ปล่อยแสงสีเงินโรยตัวลงมาราวกับพิรุณแสง
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้มีความสูงราวจั้งหนึ่ง กิ่งหนาเหมือนคันธร ทำให้ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่ง
แต่เมื่อมองจากที่ไกลกลับทำให้คนเข้าใจผิดว่าต้นไม้ต้นนี้เป็นดั่งกระดูกสันหลังของจักรวาล กิ่งก้านเหมือนทางช้างเผือกที่ทอดยาวไปทั่ว ในขณะที่ใบไม้เหมือนดวงดาวมากมายที่โคจรไปมาไม่หยุด คล้ายว่าจะห่อหุ้มทุกสิ่งในโลกเอาไว้!
“เอ๋? นี่คือหน้าตาของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬแห่งบรรพกาลหรือ?” เสวียนเฉินรู้สึกประหลาดใจ เพราะเมื่อเข้าห้องโถงมากับเสวียนขุยก็ได้เห็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬแห่งยุคบรรพกาลคือสะพานเชื่อมภพมนุษย์กับภพเซียน และกลิ่นอายจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ส่งผลให้เสวียนเฉินสัมผัสได้ถึงอำนาจอันสูงส่ง!
มันถึงขนาดที่ว่าคนเย่อหยิ่งเช่นเขาไม่อาจระงับความกลัวไว้ได้
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ภาพทิวทัศน์มีการเปลี่ยนแปลง รุ่นต่อรุ่นผ่านไป ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬแห่งนี้ไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป แล้ว …แล้วมันจะมาปรากฏที่นี่ได้อย่างไร?
“หึ! ก็แค่ภูตผี แต่กล้าทำใจข้าปั่นป่วน!” จากนั้นชายหนุ่มก็ได้สติ เขาสะบัดแขนเสื้อส่งริ้วแสงสีดำออกไป ปลดปล่อยกลิ่นอายเยียบเย็นออกมา
ฟึ่บ!
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยแสงแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับเงาดำ มันจางหายไป ทำให้ห้องโถงใหญ่กลับคืนสู่ความสงบ
“ระวังด้วย นายท่านสั่งว่าทุกย่างก้าวภายในด่านแห่งความลึกล้ำอาจถูกส่งตัวไปยังภพภูมิอื่นได้ หากก้าวผิด กระทั่งนักปราชญ์ก็ยังหลงทางได้!” เสวียนขุยที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยเตือนเสียงเครียด
“ข้ารู้” เสวียนเฉินพยักหน้า เขาอาจดูถูกคนจากกองกำลังอื่นที่เข้าสู่เหวเงาทมิฬมาได้ แต่ไม่กล้าดูถูกนักปราชญ์แน่นอน
แม้เขาจะไม่ใช่คนจากสามภพ แต่ก็เคยได้ยินมามากว่านักปราชญ์แห่งสามภพนั้นน่ากลัวเพียงใด หากกระทั่งนักปราชญ์ยังหลงทางได้ เช่นนั้นเขาจะกล้าประมาทได้หรือ?
“เริ่มกันเถอะ ตามที่นายท่านแนะทางมา เจ้านั่นคงจะซ่อนอยู่ด้านในสุด หากเราพบมัน งานก็ถือว่าสำเร็จแล้ว” พูดจบ เสวียนขุยก็หยิบกระจกทองแดงที่ส่องแสงโลหะออกมา ก่อนจะหันมันออกไป ทันใดนั้นก็เกิดแสงเส้นหนึ่งทอดตัวยาวเข้าไปยังภายในห้องโถง
“ไปกันเถอะ!” อึดใจต่อมา ทั้งสองก็รุดหน้าเข้าไปตามเส้นแสงนั้น
ฟึ่บ!
หลังทั้งสองคนจากไปได้ไม่นาน ท้องฟ้าก็เกิดคลื่นระลอกหนึ่งขึ้น เงาร่างสูงพลันปรากฏขึ้นตรงจุดที่คนทั้งสองเพิ่งจากไป เขาคือเฉินซี!
ชายหนุ่มจ้องไปยังจุดที่ทั้งคู่เพิ่งจากไป แล้วเอ่ยเสียงขรึมขึ้นว่า “ผู้อาวุโส กำลังของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสองแกร่งมากเลยหรือ?”
เขามาถึงที่นี่อย่างเงียบเชียบตั้งนานแล้วเพราะได้หม้อใบจิ๋วช่วย และได้ยินบทสนทนาของเสวียนเฉินกับเสวียนขุย ซึ่งหม้อใบจิ๋วก็ได้บอกไว้ว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสองนั้นไม่ด้อยไปกว่าเซียนสวรรค์เลยทีเดียว!
และข้อมูลที่ชายหนุ่มได้รับนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ดูลำบากยากยิ่ง เซียนสวรรค์นั้นแกร่งยิ่งกว่าเซียนปฐพี และสองคนนั้นคือหนุ่มสาวผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่มีระดับพลังน่าเกรงขามเช่นเดียวกับเซียนสวรรค์ ทำให้แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อยากเชื่อสายตา!
“ไม่ต้องห่วง อย่างมากอีกฝ่ายก็สำแดงพลังได้แค่ขอบเขตเซียนปฐพี ไม่เช่นนั้นจะถูกกฎแห่งเต๋าสวรรค์ที่ปกคลุมทั้งสามภพตรวจพบเข้าหากใช้พลังที่สูงส่งกว่านั้น” หม้อใบจิ๋วว่า “เจ้าค้นหาผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลตามที่ข้าสั่งก็พอ ส่วนที่เหลือให้ข้าจัดการ”
เฉินซีพยักหน้า เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาคิดให้มากความ ทำตามที่หม้อใบจิ๋วบอกจะดีกว่า
จากนั้นชายหนุ่มก็นึกอะไรออก จึงถามขึ้น “พวกนั้นคงมาตามหาผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลเหมือนกันใช่หรือไม่?”
“ตอนแรกข้าก็สงสัยอยู่ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าพวกนั้นมีจุดประสงค์อื่น อย่างไรนี่ก็คือด่านแห่งความลึกล้ำอันเกิดจากแก่นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬ มีปริศนาอยู่มากมาย ผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหลเป็นเพียงหนึ่งในนั้น” เมื่อพูดถึงตรงนี้ หม้อใบจิ๋วก็พลันมีน้ำเสียงเยือกเย็นน่ากลัว “แต่ไม่ว่าพวกนั้นคิดจะทำอะไร จะปล่อยให้พวกมันทำสำเร็จไม่ได้!”
“เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ!” เฉินซีพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาเห็นด้วยกับหม้อใบจิ๋ว ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพถือเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับตัวตนในสามภพมาตั้งแต่โบราณ และในเวลาเช่นนี้เขาคงไม่นิ่งเฉยแน่ เพราะพวกที่ไม่ได้มาจากที่เดียวกันย่อมมีเจตนาไม่ดีเป็นแน่!