บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 704 โลกแห่งอักขระยันต์
บทที่ 704 โลกแห่งอักขระยันต์
บทที่ 704 โลกแห่งอักขระยันต์
ท่าทางของเฉินซีนั้นสงบนิ่ง ราวกับพระที่กำลังนั่งสมาธิ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยปราณเซียน ทำให้กลิ่นอายของชายหนุ่มดูพร่ามัวและไม่ธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ
ในทางกลับกัน ท้องทะเลแห่งลมปราณของเขากลับกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น!
ลวดลายอักขระยันต์หนาแน่นและลึกลับไหลเลียบอย่างราบรื่น วนผ่านเส้นเลือดในร่างกาย และมาบรรจบกันที่ท้องทะเลแห่งลมปราณ ก่อนจะเริ่มรวมตัวกัน พัฒนาเป็นกลุ่มก้อนอักขระที่วุ่นวาย ม้วนตัวไปมาด้วยจังหวะอันแปลกประหลาดและอธิบายไม่ได้ เหมือนดั่งคลื่นลมในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้มากนัก เขามุ่งความสนใจไปที่การควบคุมปราณเซียน โดยใช้แก่นแท้เป็น ‘พู่กัน’ ที่กำลังสลักอักขระลงไปอย่างต่อเนื่อง
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งคล่องแคล่วว่องไวและเชี่ยวชาญ ราวกับจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ที่สาดหมึกอย่างบ้าคลั่ง ลายเส้นมากมายนี้แฝงเต๋ารูปแบบต่าง ๆ เอาไว้ และพากันลอยออกมาจากมือของเขาก่อนที่จะควบรวม ก่อตัวเป็นลวดลายอันซับซ้อนอัดแน่นประหนึ่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ครืน!
ในช่วงเวลาที่รูปแบบนั้นก่อตัวขึ้น ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีแสงวาบออกมาจากกลุ่มอักขระที่โกลาหลดุจโลกกำลังจะแตกออกก้อนนั้น มันเป็นกลิ่นอายที่เจิดจรัสและงดงามยิ่งนัก!
อย่างกับว่ามันเป็นแสงแรกที่ปรากฏขึ้น เมื่อยามที่โลกถือกำเนิด ส่องสว่างและเปล่งประกาย นำพาความหวัง ความฝัน และแรงจูงใจแก่ผู้คนให้เพียรพยายามมากขึ้น
ภูตผีสองตนปรากฏขึ้นให้เห็นอยู่อย่างเลือนรางภายในม่านแสง พวกเขาสวมเสื้อผ้าหรูหราและประดับมงกุฎของจักรพรรดิ ร่างกายของคนทั้งคู่ถูกโอบล้อมด้วยเกลียวแสงและประกายไฟปลิวว่อน อักขระยันต์ต่าง ๆ กลายเป็นร่างเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน กระโดดวนรอบ ๆ ตัวพวกเขา ราวกับคนตัวเล็กพวกนี้กำลังเต้นรำ บูชา และสรรเสริญจักรพรรดิสูงสุดของพวกตน!
จักรพรรดิชาด! จักรพรรดินีอัคคี!
ภูตผีชายหญิงทั้งสองตนยืนเคียงข้างกันอย่างภาคภูมิท่ามกลางสวรรค์และโลก ดุจหยินและหยาง แสงของเปลวไฟจากพวกเขาส่องสว่างไปทั่วโลก ขับไล่ความมืดมิดทั้งหมด นำพาความหวังอันไร้ที่สิ้นสุดมาสู่ผู้คน!
พวกเขาสถิตอยู่ ณ ใจกลางก้อนอักขระที่วุ่นวาย และกลายเป็นแกนหลักของอักขระยันต์นับไม่ถ้วน ทำให้ท้องทะเลแห่งลมปราณของเฉินซีเปล่งแสงเจิดจ้าและพร่างพราวออกมา
ถึงจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ ชายหนุ่มก็ยังคงไม่รู้สึกตัว จิตใจของเขายังหมกมุ่นอยู่กับการวาดอักขระยันต์ ยามนี้อักขระที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วนได้ถูกจารึกไว้ภายในทะเล ที่อักขระไหลมาบรรจบกันในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขา ก่อเป็นความวุ่นวายประหนึ่งโลกจะแยกออกจากกัน
อักขระยันต์แต่ละประเภทล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้ง พวกมันผสมผสาน เกี่ยวพัน และบรรจบกัน… กลายเป็นลวดลายที่ลึกซึ้งและซับซ้อนมากมาย
ทั้งหมดที่เขาทำคือการสร้างแดนฮุ่นตุ้นขึ้นมาใหม่!
ถ้าทะเลอักขระยันต์ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นต้นแบบของแดนฮุ่นตุ้น สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำก็เทียบได้กับการทำให้โลกแห่งนี้สมบูรณ์ขึ้น เขามอบท้องฟ้า ดิน ลม เมฆ ภูเขา แม่น้ำ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์… เฉินซีมอบทุกอย่างให้กับมัน และในที่สุดแดนฮุ่นตุ้นนี้ก็ได้ปรากฏทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาดขึ้นมา!
เวลานี้ เขาได้ลืมทุกอย่าง ลืมทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว สนใจเพียงการสรรค์สร้างโลกที่สมบูรณ์แบบในใจของตนทีละเล็กทีละน้อยตามความคิดและความเข้าใจเกี่ยวกับอักขระยันต์ของเขาเอง โดยใช้แก่นแท้เป็นพู่กันและท้องทะเลแห่งลมปราณเป็นกระดาษยันต์
ในช่วงที่เฉินซีลืมเลือนเรื่องต่าง ๆ และดำดิ่งอยู่ในความอัศจรรย์นี้ ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่า ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในห้วงสำนึกของเขากำลังเริ่มเปล่งเสียงฮึมฮัมขึ้นมาเบา ๆ
เสียงนั้นลึกซึ้งราวกับเสียงจากเต๋าสวรรค์ของฟ้าดิน ดุจเสียงบทสวดอันเป็นธรรมชาติจากเทพเจ้า มันค่อย ๆ ขยายไปทั่วทั้งร่างกายชายหนุ่มเหมือนระลอกคลื่น ทำให้จิตวิญญาณ แก่นวิญญาณ ดวงจิตแห่งเต๋า บริสุทธิ์และชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเข้าสู่สภาวะลึกลับอย่างยิ่ง!
ทั้งหมดนี้ทำให้ความเร็วในการวาดของเขาเร็วขึ้น เพียงการแตะแค่ครั้งเดียว อักขระยันต์ก็ปรากฏขึ้น ราวกับว่าตัวเฉินซีถูกมหาเต๋าครอบครอง ชักนำไปตามจังหวะเบา ๆ สร้างมันให้กลายเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ และแฝงไปด้วยกลิ่นอายของเต๋าต้นกำเนิด
ในเวลาเดียวกัน ทะเลอักขระยันต์ภายในท้องทะเลแห่งลมปราณของเขาพลันโกลาหลอย่างรุนแรง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าปะทุขึ้น เส้นปราณมงคลจำนวนมากมายเปล่งแสงเจิดจ้า เสียงท่วงทำนองแห่งเต๋าระเบิดก้อง พร้อมกับดอกไม้สีทองโปรยปรายลงมา
วิญญาณของจักรพรรดิกับจักรพรรดินีปรากฏตนแล้วตนเล่า ลอยขึ้นไปหยุดยืนอยู่อย่างภาคภูมิในทะเลอักขระยันต์ บ้างก็เข้าไปรวมกับเถาวัลย์รากไม้ แผ่ความมีชีวิตชีวาที่ทำให้ทุกสิ่งงอกงาม บ้างก็หลอมรวมกับแสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงเฉียบคมอย่างไม่มีใครเทียบได้ ราวกับพวกเขาสามารถฟันโลกและแยกจักรวาลออกจากกันได้ง่าย ๆ เพียงแค่สะบัดมือ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ตอนนี้ภายในทะเลอักขระยันต์โกลาหลได้มีภูตผีสิบตนยืนอยู่ที่นั่นอย่างภาคภูมิ พวกเขาคือจักรพรรดิคราม จักรพรรดินีพฤกษา จักรพรรดิพิสุทธ์ จักรพรรดินีทองคำ จักรพรรดิชาด จักรพรรดินีอัคคี จักรพรรดิทมิฬ จักรพรรดินีวารี จักรพรรดิเหลือง และจักรพรรดินีปฐพี!
“ธาตุทั้งห้าก่อกำเนิดขึ้นพร้อมกัน พัฒนาทุกสรรพสิ่งทั่วท้องฟ้าและโลกา!” เฉินซีได้ตะหนักรู้แจ้งในทันใด เสียงของเขาดุจฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ชายหนุ่มพ่นคำที่คลุมเครือและเข้าใจยากออกมาเบา ๆ
ภูตผีทั้งสิบของจักรพรรดิและจักรพรรดินียืนอยู่ในตำแหน่งของธาตุทั้งห้า ร่างกายของพวกเขาท่วมท้นไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ของเบญจธาตุ ก่อนจะกลายเป็นยันต์เทวะห้าสีที่ลึกลับและซับซ้อน ลอยอยู่ทะเลอักขระยันต์ท่ามกลางเหล่าอักขระมากมาย
เหมือนกับว่าหยินและหยางแบ่งแยกความโกลาหลออกจากกัน เส้นใยแสงที่สว่างไสวและพร่างพราวส่องผ่านท้องทะเลแห่งลมปราณ เปล่งประกายแสงอย่างไร้ขอบเขต!
ภายใต้แสงสว่างนั้น โลกที่กว้างใหญ่ สวยงาม และไร้ขอบเขตได้เริ่มสั่นสะเทือน ก่อนจะควบแน่นเป็นรูปเป็นร่าง!
ปราณโปร่งใสลอยขึ้นและกลายเป็นท้องฟ้า ในขณะที่ปราณสีขุ่นก็จมลงก่อนจะกลายเป็นผืนดิน
วัฏจักรของธาตุทั้งห้า ก่อกำเนิดสรรพสิ่ง ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ปรากฏออกมาปกคลุมโลกทั้งใบแทบจะในทันที ทำให้มันเต็มไปด้วยสีสันโชคลาภอันสดใส และกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ของมหาเต๋าที่พรั่งพรูออกมาจากทุกหนทุกแห่ง
ครืน!
พายุโหมกระหน่ำ ดูเหมือนเป็นการประกาศการกำเนิดของโลกใบใหม่ ทุกสิ่งเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง เต็มไปด้วยกำลัง อุดมสมบูรณ์และมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกันนั้น ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กลิ่นอายแห่งสวรรค์ก็ปรากฏขึ้น ราวกับว่ามันได้กลับมายังบ้านของมัน ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางโลก รากที่บิดงอและกิ่งก้านที่แข็งแรงเหมือนใบมีด ดูเก่าแก่ เที่ยงตรง ให้ความรู้สึกถึงความไม่ยอมหักไม่ยอมงอที่แรงกล้ายิ่ง
มีเพียงแค่กิ่งใบเขียวขจีที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิบนกิ่งก้าน พวกมันล้วนเปล่งประกายด้วยหมอกแสงสีเขียวสดใส แผ่กระจายปราณเซียนปกคลุมโลกทั้งใบอย่างรวดเร็ว!
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา คลื่นปราณแท้อันน่าเกรงขามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก็ไหลเข้าสู่เส้นลมปราณและจุดสำคัญต่าง ๆ ตามแขนขาและกระดูกของเฉินซี เหมือนกับสายน้ำไหลเชี่ยวกรากอย่างมีความสุขที่ไหลวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท่ามกลางสิ่งนี้ อักขระยันต์และลวดลายต่าง ๆ ได้ปกคลุมเส้นลมปราณ จุดชีพจร และอวัยวะภายในของเขาอย่างหนาแน่น ทำให้เกิดประกายแวววาวสดใสหลากสีสัน จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นลวดลายคล้ายกระแสน้ำวน ซึ่งสอดคล้องกับปราณแท้ที่ไหลผ่าน สร้างเป็นจังหวะที่สอดรับกลมกลืนกับโลกของมหาเต๋า
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ!
ชู่ว!
เฉินซีลืมตาขึ้นในทันที อักขระยันต์ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของชายหนุ่ม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวโคจรอย่างลึกลับอยู่ภายใน ราวกับว่าความโกลาหลเพิ่งกระจายตัวออก และทุกสิ่งในจักรวาลก็กำลังวิวัฒนาการอยู่ ยิ่งกว่านั้น มันยังให้ความรู้สึกราวกับว่า สิ่งนี้สามารถดึงจิตวิญญาณของผู้คนให้จมลงไปในดวงตาของเขาได้!
โชคดีที่ปรากฏการณ์ดังกล่าวปรากฏขึ้นเพียงแค่เสี้ยวอึดใจเท่านั้น จากนั้นดวงตาของเฉินซีก็กลับมาสงบและเฉยเมยเช่นเดิม
เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในท้องทะเลแห่งลมปราณของตนเองอย่างระมัดระวัง แดนฮุ่นตุ้นที่หล่อหลอมขึ้นด้วยอักขระยันต์หลายร้อยล้านตัวที่มีรากฐานเป็นยันต์เทวะทั้งห้า กำลังพัฒนาวัฏจักรไปอย่างช้า ๆ ทุกสิ่งภายในนั้นล้วนแฝงไปด้วยความลึกซึ้งของมหาเต๋า
โอม!
ทันทีที่เขาคิด แดนฮุ่นตุ้นทั้งใบก็ส่งเสียงตอบรับ อักขระยันต์นับไม่ถ้วนกะพริบแสงและแยกตัวออกจากกัน ปกคลุมรอบทะเลลมปราณอย่างหนาแน่นราวกับดวงดาวมากมาย
โอม!
เสียงกระหึ่มดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่แดนฮุ่นตุ้นของเขาจะควบแน่นเป็นรูปร่างอีกครั้ง อักขระยันต์ที่แฝงด้วยมหาเต๋าหมุนวนและควบแน่นตามความตั้งใจของชายหนุ่ม เปลี่ยนเป็นรูปร่างไปหลากหลาย อาทิ ใบมีด กระบี่ ระฆัง หม้อ และอื่น ๆ!
เขายังค้นพบอีกว่าแดนฮุ่นตุ้นของตน เมื่อกลายเป็นหม้อกลั่นขนาดใหญ่ มันจะแข็งแรงมาก แม้ว่าจะรับการโจมตีจากปิงซื่อเทียน มันก็ยังคงไม่แตกออกเป็นเสี่ยง …อันที่จริง ไม่มีความจำเป็นต้องโจมตีให้มันแตกเลยด้วยซ้ำ เพราะหากเขาต้องการ เพียงแค่ความคิดเดียว อักขระยันต์นับไม่ถ้วนที่ควบแน่นอยู่ก็แยกออกจากกันให้เขาแล้ว!
“ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากประสบหายนะในครั้งนี้ ข้าจะได้รับประโยชน์จากมัน แดนฮุ่นตุ้นของข้าได้ขยายจนถึงขีดจำกัดแล้ว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการบรรลุขอบเขตสมบูรณ์ของเต๋ารู้แจ้งอื่น ๆ จากนั้นความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของข้าก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!”
เฉินซีพึมพำด้วยท่าทางนิ่งเฉย สีหน้าของเขาไม่ได้มีร่องรอยของความสุขหรือความเศร้า อารมณ์ของชายหนุ่มสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงมีนิสัยที่เรียบง่าย ไม่แยแสเกียรติยศหรือความอัปยศดังที่เคยเป็นมา
เขาไม่ได้ตกอยู่ในห้วงอารมณ์นานนัก เฉินซีลุกขึ้นยืน ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มดูสง่างามและไม่ธรรมดา กาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนใบหน้าหล่อเหลาของเขา มันยังคงดูดีเช่นเดิม ทว่าดวงตาเฉยเมยของเฉินซีกลับให้ความรู้สึกลึกล้ำเหมือนทะเลกว้างใหญ่ ดึงดูดจิตใจของผู้คนให้หลุดอยู่เหนือการควบคุม!
“ลุงเฉินซี ออกมาจากการปิดประตูบ่มเพาะแล้ว!” เสียงยินดีสนับสนุนดังก้องขึ้นรอบด้าน
เมื่อเดินออกจากกระโจม เขาก็เห็นเด็ก ๆ กำลังมองมาที่ตนเองด้วยท่าทางตื่นเต้น สายตาของพวกเขาเผยให้เห็นความเคารพนับถือ
เหมิงเหวยกับโม่ย่าเองก็มองชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มเช่นกัน …แม้ว่าจะยังมีร่องรอยความกังวลหลงเหลืออยู่ที่ระหว่างคิ้วของพวกเขาก็ตาม
เฉินซีชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ใช้จิตสัมผัสเทพกวาดออกไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเข้าใจทุกอย่างในทันที
พลังของหุบเขาบริเวณรอบ ๆ ค่ายกลไฟนรกตะวันครามได้ลดกำลังลงอย่างรวดเร็ว และใกล้จะสูญเสียพลังไปโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ด้านนอกค่ายกลมีกลุ่มคนจากต่างพิภพสี่กลุ่มกำลังจ้องมองมายังพวกเขาสายตาอาฆาตอย่างยิ่ง
“น้องเฉินซี…” เหมิงเหวยตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง
“พี่ใหญ่เหมิงเหวย ไม่ต้องเป็นกังวลไปขอรับ” เฉินซีขัดจังหวะพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้า…กำลังจะทำอะไร…?” เหมิงเหวยชะงัก
“แน่นอนว่าก็ต้องออกไปพบปะศัตรูของเราสักครู่หนึ่ง” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างสบาย ๆ
…
สีหน้าของเยว่ยานั้นมืดมนอย่างมาก ในขณะที่เขาจับจ้องไปยังค่ายกลในช่องเขาที่กำลังสูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็ว ฉากนี้เกือบทำให้ปอดของเจ้าตัวระเบิดด้วยความโกรธ!
บัดซบ!
ถ้าเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะต้องมาตายทั้งหมดเช่นนี้หรือไร?
เจ้าพวกสารเลวที่เหลือรอดจากเผ่านรกขุมที่เก้า! กล้าดีอย่างไรมาเล่นตลกกับข้าเช่นนี้ เมื่อค่ายกลใหญ่พังทลายลง ข้าจะทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตายอย่างแน่นอน!
เยว่ยากัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง ดวงตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟแล้ว
ตอนนี้ ในบรรดากลุ่มที่อยู่นอกช่องเขา มีเพียงเขาเยว่ยา เท่านั้นที่ถูกปล่อยให้เป็นแม่ทัพที่ไร้พลทหารอยู่ผู้เดียว และมันก็ราวกับว่าเสื้อผ้าของเขาถูกฉีกออกจนหมด ทำให้ร่างเปลือยเปล่าของตนเองถูกเผยต่อสายตาของทุกคนโดยรอบ ทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!
ฆ่า!
เศษเดนจากเผ่านรกขุมที่เก้าเหล่านี้จะต้องถูกกำจัดให้สิ้น!
เยว่ยาคำรามอยู่ในใจ
ในอีกด้านหนึ่ง สายตาของชวีถ่าและผู้นำของอีกสามกลุ่มก็ทอประกายอาฆาต มันเต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นยะเยือกเช่นกัน ราวกับหมาป่าหิวโหยรอที่จะโจมตีเหยื่อ …กระหายที่จะดื่มเลือดสด!
ฟุ่บ!
ทว่าก่อนที่พลังของค่ายกลในช่องเขาจะหายไปอย่างสมบูรณ์ จู่ ๆ ร่างหนึ่งก็พลันเดินออกมาจากด้านใน มือไพล่หลัง ออกเดินด้วยก้าวย่างที่สม่ำเสมอ พร้อมปล่อยให้เสื้อผ้าพริ้วตามลม เผยให้เห็นท่าทีสบาย ๆ อย่างยิ่ง
เหตุการณ์กะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนอึ้งไปเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ! อันใด ในที่สุดเจ้าก็ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วหรือ? เจ้าเห็นว่าค่ายกลไม่สามารถขวางทางเท้าของเราได้ เจ้าจึงจะออกมายอมจำนนด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?” ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพกล่าวอย่างพึงพอใจ “น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว วันนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องตายทั้งหมด!”
เฉินซีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขาไม่ได้สนใจผู้กล่าวท้าทายคนนั้นเลยแม้แต่น้อย และยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า
ฟิ้ว!
สนามพลังไร้รูปร่างที่เป็นราวกับคมมีด จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในทันทีทันใด ส่งศีรษะคนผู้หนึ่งกระเด็นลอยออกไปในท้องฟ้า ก่อนจะร่วงลงมาพร้อมกับที่น้ำพุโลหิตพุ่งขึ้น คงเหลือไว้เพียงศพไร้หัวที่ล้มลงกับพื้น …จบชีวิตอย่างน่าอนาถในชั่วพริบตา!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ม่านตาของทุกคนที่อยู่โดยรอบหดลงในทันที!