บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 728 อาซิ่วที่โกรธเกรี้ยว
บทที่ 728 อาซิ่วที่โกรธเกรี้ยว
บทที่ 728 อาซิ่วที่โกรธเกรี้ยว
หลังจากกรงถูกทำลาย เฉินซีก็พยุงหั่วโม่เลยออกมาจากกรง จากนั้นจึงแบกอีกฝ่ายไว้บนหลังของเขาอย่างแผ่วเบา
ร่างของหั่วโม่เลยในขณะนี้เต็มไปด้วยบาดแผล และเห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัสมาก ยิ่งกว่านั้น การบ่มเพาะของอีกฝ่ายยังถูกผนึกไว้ ทำให้เขาอ่อนแอกว่าคนธรรมดาเสียด้วยซ้ำ
“ศิ…ศิษย์น้องเล็ก” หั่วโม่เลยกล่าวอย่างอ่อนแรงด้วยเสียงที่แหบแห้ง เขาทั้งรู้สึกประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อเมื่อเห็นเฉินซีก่อนหน้านี้ และจนถึงตอนนี้ เขาก็กล้าเชื่อว่าทุกอย่างเป็นความจริง ทำให้น้ำตาอุ่น ๆ ไหลรินมาจากดวงตาของหั่วโม่เลย
มันยากที่จะจินตนาการได้ว่า บุรุษผู้มีชีวิตชีวาเช่นเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานปานใด จึงจะรู้สึกตื่นเต้นและเศร้าโศกถึงเพียงนี้!
เฉินซีพลันรู้สึกตีบตันอยู่ในลำคอ จึงกล่าวว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ พักผ่อนให้สบายเถิด ข้าจะแก้แค้นให้กับท่านเอง!” ทันทีที่กล่าวจบ เสียงซึ่งทั้งเย็นยะเยือกและน่ากลัวยิ่งของชายหนุ่มก็ดูราวกับลอดออกมาจากไรฟัน
ทว่าเมื่อเสียงนี้กระทบโสตของหั่วโม่เลย มันกลับสงบและอ่อนโยนมาก ทำให้เจ้าตัวรู้สึกผ่อนคลาย จนผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เฉินซีแบกศิษย์พี่ใหญ่ของเขาไว้บนหลัง ในขณะที่ก้าวไปหาเถาคุนทีละก้าวด้วยท่าทางไม่แยแส ชายหนุ่มในเวลานี้เป็นดั่งกระบี่ที่คมกริบ และจิตสังหารที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาก็พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วในทุกย่างก้าว จนกระทั่งรอบกายของเฉินซีเต็มไปด้วยอักขระยันต์สีดำสนิท ซึ่งขับให้เขาดูเหมือนเทพอสูรที่ย่างออกมาจากความมืดมิด
ขณะนั้นเถาคุนยังคงร้องโหยหวน ขณะที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและไม่อาจดิ้นรนให้เป็นอิสระได้ สีหน้าของเจ้าตัวบิดเบี้ยวและซีดเซียว เนื่องจากการคุกเข่าบนถนนต่อหน้าธารกำนัล ทำให้เถาคุนรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน รวมทั้งทำให้เขาโกรธจนแทบจะกลายเป็นบ้า!
เขาเป็นใครน่ะหรือ?
อัจฉริยะของเผ่าเทาเที่ย บุตรชายคนโตของผู้อาวุโสรอง และศิษย์สายหลักของนิกายวิถีกระแสสวรรค์!
อนิจจา ตอนนี้เขากลับถูกสยบจนต้องคุกเข่าลงกับพื้นจริง ๆ …ตั้งแต่เกิดจนมาถึงตอนนี้ ตัวเขาไหนเลยจะเคยประสบกับความอัปยศอดสูเช่นนี้?
“เจ้ารู้ตัวตนของเขาอย่างชัดเจน แต่กลับยังกล้ากักขังและทรมานเขา ความผิดนี้สมควรตาย!” เสียงที่ราบเรียบและไม่แยแสดังก้องอยู่ในหูของเถาคุน ทำให้เขาโกรธจนตัวสั่น ดูราวกับถูกสาดด้วยน้ำอันเย็นยะเยือก ร่างกายของเขาจึงยิ่งสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“เจ้า… นี่เจ้าคิดจะฆ่าข้าภายในอาณาเขตของเผ่าข้าจริง ๆ หรือ” เถาคุนมีสีหน้าหวาดกลัวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าคิดอย่างไรเล่า?” เฉินซีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นเขาก็เงื้อมือขึ้นดูหมายจะสังหารเถาคุน
ทว่าในขณะนี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงคำรามกึกก้องดังมาจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น “หยุดมือซะ!” เสียงนั้นราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องวานไปรอบ ๆ ทำให้แก้วหูปวดระบมไปหมด
ฟิ้ว!
เสียงนี้เพิ่งดังออกมาเมื่อครู่เท่านั้น ทว่ากลับมีร่างสูงฉีกผ่านความว่างเปล่าเข้ามา จากนั้นก็ผลักฝ่ามือของเฉินซีออกไป ด้วยการฟาดฝ่ามือเข้าต้าน ซึ่งช่วยให้เถาคุนรอดพ้นจากท่าสังหารที่ร้ายแรงนี้ได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาของเฉินซีในขณะนี้กลายเป็นจดจ่อ ในขณะที่เขาล่าถอยกลับไปสองสามก้าว ก่อนที่จะหยุดยืนนิ่งและมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงเห็นชายวัยกลางคนที่สูงสง่ายืนขวางอยู่ตรงหน้าเถาคุน!
ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมชุดคลุมสีแดงเพลิง มีลักษณะที่มั่นคง และดวงตาของเขาก็ลึกล้ำราวกับมหาสมุทร!
“ท่านผู้นำ!” เถาคุนร้องออกมาด้วยความยินดีที่ได้รอดพ้นความตาย และเจ้าตัวก็ตะโกนออกมาว่า “ท่านผู้นำ เร็วเข้า ฆ่าไอ้สารเลวคนนี้เร็วเข้า มันกล้าฆ่าคนในอาณาเขตของเผ่าเทาเที่ยของเรา! มันเป็นคนบ้าและเป็นพวกโจรร้าย!”
ดวงตาของเฉินซีพลันหรี่ลง ตอนนี้เขาทราบแล้วว่า ชายวัยกลางคนผู้สง่างามตรงหน้าคือผู้นำของเผ่าเทาเที่ย ..เถาเจิ้นเทียน! ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่สามารถพิชิตทัณฑ์สวรรค์ระดับที่เจ็ดได้!
ในขณะนี้ ร่างอีกนับสิบได้มาถึงที่นี่แล้ว พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้อาวุโสของเผ่าเทาเที่ย ซึ่งมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม และร่างกายของพวกเขาก็เอ่อล้นด้วยปราณเซียน ซึ่งเพียงกลิ่นอายอันน่าเกรงขามบนร่างกายของคนทั้งหมด …ก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของผู้อื่นเต้นระส่ำแล้ว!
อันที่จริง เฉินซีไม่เคยมีความตั้งใจจะฆ่าเถาคุนตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถึงอย่างไร ที่แห่งนี้ก็คือเมืองเทาเที่ย ซึ่งเป็นอาณาเขตของเผ่าเทาเที่ย และชายหนุ่มก็ต้องการเข้าร่วมการจัดอันดับพ่อครัววิญญาณทองคำ เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของผู้เฒ่าหม่าและปรมาจารย์ยง ดังนั้นไม่ว่าจะโกรธเพียงใด เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องข่มโทสะเอาไว้
ยิ่งกว่านั้น เขายังรู้สึกว่าคนอย่างเถาคุนไม่มีทางที่จะกล้าลงมือกับศิษย์พี่ใหญ่ และคิดว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียมากกว่า
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก ไม่ว่าการบ่มเพาะของหั่วโม่เลยจะด้อยกว่าสักเพียงใด แต่เขาก็ยังเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ดังนั้นไม่ว่าเถาคุนจะแกร่งกล้าแค่ไหน อีกฝ่ายก็ต้องไตร่ตรองผลที่ตามมาจากการล่วงเกินนิกายกระบี่เก้าเรืองรองให้ดี!
“คุนเอ๋อร์! สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเจ้าได้อย่างไร? ผู้ใดกล้าทำเจ้า!?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมีสีหน้าเศร้าหมองทันทีที่สังเกตเห็นท่าทางที่น่าสังเวชของเถาคุน และอดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง จึงตะโกนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
คนผู้นี้คือบิดาของเถาคุน เถาหลูเซียว และเขาเป็นผู้อาวุโสรองของเผ่าเทาเที่ย ทำให้มีอำนาจไม่น้อย ในขณะที่กล่าว เจ้าตัวก็กวาดสายตาที่น่ากลัว เย็นยะเยือก และอาฆาตมาดร้ายไปที่เฉินซี!
“ท่านพ่อ ท่านก็มาเช่นกัน!!” ใบหน้าของเถาคุนเต็มไปด้วยความอับอาย จากนั้นมันก็กลายเป็นป่าเถื่อน เมื่อเขาชี้ไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า “ท่านพ่อขอรับ ฆ่ามันซะเถิด อย่าได้ปล่อยให้มันหนีรอดไปได้ในวันนี้ มิฉะนั้น จะเกิดหายนะครั้งใหญ่!”
ในขณะเดียวกัน เถาเจิ้นเทียน และคนอื่น ๆ ก็ต่างจ้องเขม็งไปยังเฉินซีแล้วโดยที่เถาคุนไม่จำเป็นต้องชี้ …แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยไฟโทสะ เพราะชายหนุ่มคนหนึ่งถึงขนาดกล้าอวดดีในเมืองเทาเที่ย และนี่เป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะทำลายล้างอีกฝ่าย!
ทว่าใบหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เขามองไปยังผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่มีกลิ่นอายอันน่าเกรงขามตรงหน้าอย่างเฉยเมย …ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะรู้สึกประหม่าหรือหวาดกลัว แต่แววตาของเขากลับเย็นชาและสงบนิ่ง “ทุกท่านไม่คิดจะถามสักหน่อยหรือว่า พวกสวะในเผ่าของพวกท่านได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้หรือไม่?”
เถาเจิ้นเทียนและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ต่างขมวดคิ้ว ด้วยพวกเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในเรื่องนี้ เนื่องจากชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสงบนิ่งเกินไป ราวกับว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างที่พึ่งพาได้
เมื่อเป็นแบบนี้ ใบหน้าของเถาคุนกลับยิ่งดูเคร่งขรึม เขาตะโกนอย่างเร่งรีบ “ท่านพ่อ เร็วเข้า อย่าปล่อยให้เขาพล่ามอีกต่อไป ข้าจะอธิบายทุกอย่างให้ท่านและเหล่าผู้อาวุโสฟัง หลังจากมันถูกฆ่าแล้วเอง!”
“โอ้? นี่เจ้าคิดจะฆ่าข้าเพื่อปิดปากหรือ?” เฉินซีหัวเราะเยาะออกมา ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะได้กล่าวอะไร
ปัง!
เถาหลูเซียวลงมือโดยไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้กล่าวแม้แต่น้อย ชั่วขณะนั้น ร่างของเถาหลูเซียวสว่างวาบ ในขณะที่นิ้วของเขาแหวกผ่านอากาศ ดุจกรงเล็บแหลมคมของเหยี่ยวร้าย ตะกรุยลงมาที่หน้าผากของเฉินซีอย่างดุเดือด!
การโจมตีในครั้งนี้กะทันหันและรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี ซึ่งหากถูกมันเข้า เฉินซีจะต้องตายอย่างแน่นอน!
และแม้จะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ต้น แต่หัวใจของเขาก็ยังรู้สึกเย็นวาบเมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ ทำให้ขนบนร่างกายของชายหนุ่มตั้งชัน ในขณะที่ปราณแท้ของเขาส่งเสียงดังก้อง เฉินซีไม่ลังเลที่จะใช้ปีกกำราบผกผันเพื่อหลบเลี่ยงมัน!
ทว่าในเวลานี้ แสงดาวที่พร่างพราวราวกับปรากฏขึ้นจากอากาศ ได้กวาดเป็นแนวนอนทั่วบริเวณตรงหน้าของเฉินซี มันโบกสะบัดด้วยคลื่นแสงเจิดจรัส ทำให้มันดูเหมือนระลอกคลื่นสีเงินงดงาม
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
การคว้าจับของเถาหลูเซียวนั้นน่ากลัวมาก ราวสามารถพลิกมหาสมุทรหรือบดขยี้หยินหยาง แต่เมื่อการโจมตีนี้กระทบกับแสงดาว มันกลับทำให้เกิดประกายไฟเพียงวูบหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถสั่นคลอนมันได้แม้แต่น้อย!
เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นสิ่งนี้ และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกขอบคุณหญิงสาวที่ตรงไปตรงมาคนนี้
ในทางกลับกัน ใบหน้าของเถาเจิ้นเทียนและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ กลับดูน่ากลัว เพราะการปรากฏตัวของแสงดาวพร่างพราวนั้นกะทันหันเกินไป และด้วยระดับการบ่มเพาะของพวกเขา กลับไม่สังเกตเห็นมันได้ทัน!
โดยเฉพาะเถาหลูเซียวที่รู้สึกหัวใจบีบรัดแน่น ถึงอย่างไร เขาก็ได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อโจมตีก่อนหน้านี้ โดยตั้งใจจะฆ่าอีกฝ่ายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งแม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บถ้าถูกการโจมตีนี้เข้า
ทว่าในตอนนี้ การโจมตีครานี้กลับถูกสลายด้วยแสงดาวที่ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดังนั้นผู้ทำสิ่งนี้ได้จะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?!
“เป็นสหายเต๋าคนใดมาเยือน…” เถาหลูเซียวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ในขณะที่เขากล่าวเสียงดัง แต่เจ้าตัวก็ต้องหยุดทันทีในขณะที่กล่าวไปได้ครึ่งทาง
เพราะแสงดาวพร่างพราวพลันสั่นไหว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเส้นไหมสีเงินที่ปกคลุมท้องฟ้าราวกับฝนเส้นไหมสีเงินลึกลับที่ไร้ตัวตน มันทะลวงผ่านห้วงอากาศ และปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเถาหลูเซียวในพริบตาต่อมา ก่อนจะกระหน่ำลงมาหาอย่างต่อเนื่อง!!
“ฮึ่ม! ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะแสดงตัว เช่นนั้นข้าก็จะบังคับให้เจ้าออกมาเอง!” เถาหลูเซียวทำเสียงฮึดฮัด ในขณะที่เขาดึงน้ำเต้าสีแดงออกมา จากนั้นพลันมีเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงพุ่งออกมาจากปากน้ำเต้า พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า …โดยเผาไหม้แม้กระทั่งอากาศขณะที่ผ่านไป ทำให้ดูน่าทึ่งมาก!
นี่คือสมบัติกึ่งอมตะที่เรียกว่า ‘น้ำเต้าสุริยันอัคคี’ มันถูกสร้างขึ้นภายในเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สุริยันอัคคี และถูกขัดเกลาโดยเถาหลูเซียวเป็นเวลากว่าพันปี ทำให้สมบัติชิ้นนี้แข็งแกร่งกว่าสมบัติกึ่งอมตะเล็กน้อย
โดยเฉพาะเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์สุริยันอัคคีที่แข็งแกร่งยิ่งและเพียงพอที่จะแผดเผาท้องฟ้า หรือทุกสรรพสิ่งในโลกาได้!
นี่คือสมบัติวิเศษชิ้นโปรดของเถาหลูเซียว ทว่าฉากต่อไปนี้กลับทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด และตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
เพราะน้ำเต้าสุริยันอัคคีของเขาไม่เพียงจะไม่อาจทำลายแสงดาวอันวิจิตรที่เป็นเหมือนเมฆฝนโปรยปรายลงมาได้เท่านั้น แต่การเชื่อมต่อระหว่างเขากับมันกลับถูกตัดขาด ก่อนที่ตัวคนจะถูกระเบิดจนปลิวกระเด็น!
พรวดดดด!
การสูญเสียสมบัติที่ดูแลรักษามากว่าพันปีย่อมส่งผลกระทบต่อเถาหลูเซียวอย่างมาก ทำให้เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากทันที
แต่เขาไม่สนใจเรื่องนี้ ตัวคนพลันทะยานออกไปและหมายที่จะคว้าน้ำเต้าสุริยันอัคคีกลับมา เพราะนี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด และเมื่อมันตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น มันจะเป็นการสูญเสียที่ไม่อาจทนได้สำหรับเถาหลูเซียว!
ฟิ้ว!
แสงดาวพุ่งวาบออกมา ก่อนที่ร่างอันสง่างามจะปรากฏขึ้น จากนั้นมือขาวของนางก็ยื่นออกไปคว้าน้ำเต้าสุริยันอัคคี นางสวมชุดสีเขียว มีผิวที่ขาวราวกับหิมะ และผมสีดำขลับราวกับน้ำตก นางคืออาซิ่ว!
“เอาคืนมาให้ข้า!” เถาหลูเซียวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เพราะหัวใจของเขาแทบจะหลั่งเลือด เมื่อสมบัติประจำตัวตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นเช่นนี้ มันก็ทำให้เขาแทบสูญเสียสตินึกคิดโดยสิ้นเชิง และพุ่งเข้าหาอาซิ่วอย่างคลุ้มคลั่ง
ผมสีดำขลับของหญิงสาวพลิ้วไหว ตัวคนพลันเป็นเหมือนแสงที่สาดส่องไปมาระหว่างความเป็นจริงกับความว่างเปล่า ขณะที่นางเหยียดฝ่ามือเรียวขาวออกไป ก่อนที่นิ้วจะรวบเข้าหากันเบา ๆ สร้างเป็นตราประทับแปลกประหลาดพร้อมกับฟาดไปที่เถาหลูเซียว!
ไม่มีแสงเจิดจ้า ไม่มีลมปราณที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน มันเป็นการตบธรรมดา ๆ แต่กลับตบชายวัยกลางคนเสียจนปลิวกระเด็นราวกับว่าวที่สายป่านขาด
ตุ้บ!
เถาหลูเซียวล้มลงกับพื้น พร้อมรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ฝังลึกอยู่บนหน้าอก และสีหน้าของเจ้าตัวก็ซีดเซียวอย่างน่ากลัวในขณะที่ตัวคนไอเป็นเลือด เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นไม่ทันได้ตอบสนอง ก่อนที่เถาหลูเซียวจะถูกระเบิดกระเด็นและตกลงสู่พื้น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ทุกคนตกใจมาก
แม้แต่ผู้นำของเผ่าเทาเที่ยและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าตกใจ และแววตาของพวกเขาก็หนักอึ้งมากยามมองไปยังอาซิ่ว
ขณะที่เฉินซีค่อนข้างสงบ เพราะเขาเคยเห็นเหตุการณ์ที่อาซิ่วสังหารคุนเผิงทองคำที่มีพลังขอบเขตเซียนปฐพีมาแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่แปลกใจกับพลังฝีมือของผู้หญิงคนนี้แม้แต่น้อย!
ฟิ้ว!
อาซิ่วไม่รั้งรอแม้แต่น้อย ร่างที่สง่างามของนางพลันสว่างวาบ ก่อนจะพุ่งเข้าหาเถาหลูเซียวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยความตั้งใจที่จะฆ่า!!
“แม่นาง! ที่เจ้าลงมือโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ ย่อมแสดงว่าเจ้าคงคิดดูถูกเผ่าเทาเที่ยของข้าใช่หรือไม่?!” เถาเจิ้นเทียนตะโกนก้อง ในขณะที่ใบหน้าอันสง่างามของเขาฉายแววอาฆาตแค้น
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่อยู่ใกล้เคียงของเผ่าเทาเที่ย ก็มีสายตาอาฆาตแค้นและท่าทางที่ไม่เป็นมิตรเช่นกัน “แม่นางคนนี้หยิ่งผยองเกินไป นางกระทำตามที่ตนเองต้องการ และดูจะไม่สนใจพวกเราเลยแม้แต่น้อย!”
ขณะที่กล่าว พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ต่อหน้าเถาหลูเซียว และขวางทางนางเอาไว้
ทว่าอาซิ่วเพียงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่งดงามและยิ้มแย้มของนางฉาบด้วยความโกรธแทนในเวลานี้ ทำให้หญิงสาวดูเหมือนสัตว์ร้ายตัวน้อยที่กำลังโกรธแค้น จากนั้นนางจึงกล่าวอย่างเย็นชา “แล้วเขาได้ให้โอกาสเฉินซีได้อธิบาย ตอนที่เขาลงมือก่อนหน้านี้หรือไม่? …วันนี้ ข้าจะฆ่าทุกคนที่ขัดขวางข้าเสีย!”