บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 752 การแสดงในวันนี้ยอดเยี่ยมหรือไม่
บทที่ 752 การแสดงในวันนี้ยอดเยี่ยมหรือไม่?
บทที่ 752 การแสดงในวันนี้ยอดเยี่ยมหรือไม่?
เงาร่างพวกนั้นราวกับสายฝน พวกมันมาถึงเหนือยอดเขาจรัสตะวันออกในเวลาเพียงชั่วพริบตา
“เป็นหวังจ้งฮ่วน อวิ๋นเยี่ย และศิษย์พี่คนอื่น!”
“ตอนนี้ศิษย์ชั้นยอดทุกคนจากยอดเขาจรัสตะวันออกมาถึงแล้ว!”
“วิเศษ!”
เมื่อเห็นร่างสิบกว่าคนที่มาถึง ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกเหล่านั้นที่ตั้งใจจะแยกย้ายและหลบหนีก็ไม่อาจหักห้ามความตื่นเต้นในใจได้ พวกเขาเปล่งเสียงโห่ร้องยินดีออกมา ยิ่งกว่านั้น แม้กระทั่งคนเหล่านั้นที่กำลังเปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมาตามพื้นก็เงียบไปก่อนเผยสีหน้ายินดีออกมา
นอกจากการสนับสนุนที่ประจวบเหมาะแล้ว ยังจะมีอะไรให้ตื่นเต้นยินดีมากกว่านี้อีก?
เพียงชั่วพริบตา ความหวังพลันลุกโชนขึ้นภายในใจของศิษย์ชั้นสูงเหล่านั้น กำลังใจต่อสู้ของพวกเขาทะยานขึ้นฟ้าเลยทีเดียว
คนเหล่านั้นที่มาถึงคือหวังจ้งฮ่วน อวิ๋นเยี่ยและคนอื่น ๆ ยิ่งกว่านั้น แม้แต่หลงเจิ้นเป่ย ฉางเล่อ ลั่วเชี่ยนหรง อันเวย เซี่ยอี้ และคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเหตุการณ์ดังกล่าวต่างก็ปรี่เข้ามา
นอกจากเสิ่นหลางหยาแล้ว ศิษย์ชั้นยอดแทบทุกคนบนยอดเขาจรัสเทวะต่างมาถึงที่นี่แล้ว
คนเหล่านี้คือตัวแทนกองกำลังสูงสุดของศิษย์ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง พวกเขาทุกคนคืออัจฉริยะที่ครอบครองพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์อันน่าสะพรึงที่ยอดเขาจรัสตะวันออก พวกเขาก็เกือบคิดไปว่าศัตรูได้บุกเข้ามาแล้ว!
“ศิษย์พี่ทั้งหลาย พวกท่านมาได้ประจวบเหมาะพอดี เด็กที่ชื่อเฉินซีผู้นี้ได้ล่วงล้ำเข้ามาบนยอดเขาจรัสตะวันออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขารังแกพวกข้าทุกคนอย่างดุร้ายและกดขี่ ข้าหวังว่าศิษย์พี่ทั้งหลายจะสามารถยืนหยัดเพื่อพวกข้าได้!”
“ใช่ เขาเหยียบย่ำกฎของนิกายแล้วโจมตีศิษย์ที่เป็นสหายร่วมสำนัก …เฉินซีคนนี้ไร้กฎเกณฑ์เกินไปแล้ว!”
“ใช่! เขาต้องได้รับการลงโทษอย่างหนัก!”
ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองอันชอบธรรมขณะเรียกร้องออกมา พวกเขาทุกคนเหมือนกับสาวพรหมจรรย์ที่ถูกข่มขืนจนเจ็บปวดอย่างสุดแสนพรรณนา ต่างคนต่างกัดฟันด้วยความเกลียดชังและเคียดแค้นเป็นอย่างยิ่งขณะกล่าวถึงชื่อของเฉินซี
เหนือชั้นเมฆสูงขึ้นไป หวังจ้งฮ่วนและคนอื่นมองหน้ากันขณะเผยสีหน้าเดือดดาลออกมา พวกเขามาจากยอดเขาจรัสตะวันออก ดังนั้นหัวใจของพวกเขาจึงแทบจะหลั่งโลหิตออกมาขณะมองดูศิษย์น้องถูกทุบตีขนาดนี้
“ตามความเข้าใจของข้า ศิษย์น้องเฉินซีไม่ใช่คนไร้เหตุผล ในเมื่อเขาทำเช่นนี้ แสดงว่าศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออกเหล่านี้ต่างหากที่หาเรื่องเขาก่อน” สีหน้าของลั่วเชี่ยนหรงยังคงไม่แปรเปลี่ยนขณะกล่าวช้า ๆ
“ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ทั้งหลายของยอดเขาจรัสตะวันออกปล้นชิงสิ่งของบนยอดเขาจรัสตะวันตกตามใจชอบมาพักใหญ่แล้ว พวกเขากวาดล้างพื้นที่เพาะปลูก สวนสมุนไพร และสัตว์ประหลาดที่มีค่าจำนวนมากบนยอดเขาจรัสตะวันตก การกระทำของพวกเขาไม่ต่างจากโจร สมควรได้รับบทเรียนสักครั้ง” อันเวยที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าว
“ต่อให้พวกเขาต้องได้รับบทเรียน แต่มันก็ไม่ใช่กงการของเฉินซีที่ต้องมาก้าวก่ายไม่ใช่หรือ!?” หวังจ้งฮ่วนกัดฟันอย่างเดือดดาลขณะเอ่ยถาม
“เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร? อยากสู้กับเฉินซีหรือ?” หลงเจิ้นเป่ยไม่ยินดียิ่ง เพราะสหายคนนี้ถึงกับกล้าพูดเช่นนี้กับอันเวย ในมุมมองของเขา มันเป็นการกระทำที่เกินไปเล็กน้อย!
“เจ้า…” หวังจ้งฮ่วนตกตะลึง ก่อนที่ความเดือดดาลบนใบหน้าจะเลือนหายไปทันทีอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นเขาพลันนิ่งเงียบด้วยความเศร้าสลด ราวกับราชสีห์ที่พ่ายแพ้การต่อสู้
เขาได้เป็นสักขีพยานแล้วว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีนั้นน่าสะพรึงแค่ไหนตอนอยู่ที่โถงพินิจกระบี่ ดังนั้นไม่ว่าจะไม่เต็มใจอย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าการต่อสู้กับอีกฝ่ายในตอนนี้ไม่ต่างจากการร้องขอความอับอาย!
อวิ๋นเยี่ยและศิษย์คนอื่น ๆ จากยอดเขาจรัสตะวันออกต่างนึกถึงเรื่องนี้เช่นกัน ทำให้พวกเขาตกอยู่ในความเงียบขณะลอบถอนหายใจ ทำไมไอ้สารเลวเหล่านี้ถึงได้อวดดีนักนะ? พวกเขาจะหาเรื่องใครก็ได้ แต่ดันมาหาเรื่องกับตัวตนชั่วร้ายอย่างเฉินซีเสียอย่างนั้น!
บรรยากาศกลายเป็นแปลกประหลาดในทันที
เดิมที การมาถึงของหวังจ้งฮ่วนและคนอื่นทำให้ศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออกมีความหวัง แต่ว่า…พวกเขาทั้งหมดกลับยืนอยู่เหนือหมู่เมฆไม่ลงมือ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทว่าที่สำคัญกว่านั้นคือผู้ที่น่าหวาดกลัวที่สุดอย่างเฉินซีกลับยังไม่หยุดมือในสถานการณ์เหล่านี้ เขาไม่กระทั่งเผยร่องรอยความกลัวออกมา!
หมายความว่า ตั้งแต่หวังจ้งฮ่วนและคนอื่นมาถึง การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมา เขาโจมตีราวกับสายฟ้า กวาดล้างทุกคนที่นี่ ตัวคนประหนึ่งสายลมที่พัดพาใบไม้ให้ร่วงหล่นด้วยท่วงท่าที่ตรงไปตรงมายิ่งนัก
เสียงกรีดร้องโหยหวนฟังดูน่าเวทนายิ่งกว่าเดิม…
ขณะที่ทุกคนตกตะลึงจนไม่อยากเชื่อว่าสถานการณ์จะบานปลายขนาดนี้ แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้บอกพวกเขาว่าทั้งหมดนี้คือความจริง ไม่ใช่ความฝัน!
หลังจากนั้น จิตวิญญาณต่อสู้ที่ลุกโชนของพวกเขาก็ตกต่ำลงอีกครั้ง ตัวคนกลับไปอยู่ในสภาพแตกตื่นและเศร้าโศก
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้งว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร และก็รู้แล้วว่า ความแข็งแกร่งของเฉินซีในตอนนี้ไร้เทียมทานจนแม้แต่หวังจ้งฮ่วนและคนอื่นเลือกที่จะมองโดยไม่ทำอะไรหลังจากมาถึง…
ใครในโลกนี้จะสามารถช่วยพวกเขาได้?
ผู้อาวุโสของนิกายหรือ?
แต่ช่วงที่การต่อสู้เริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ ความวุ่นวายดังกล่าวก็หนักหนาจนศิษย์พี่อย่างหวังจ้งฮ่วนก็สังเกตเห็นแล้ว ดังนั้นมีหรือที่ผู้อาวุโสทั้งหลายจะไม่สังเกตเห็นความวุ่นวายในครั้งนี้?
แต่อย่าว่าเพียงสังเกตเห็นความวุ่นวายเลย มันไม่มีร่องรอยของพวกเขาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ!
การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของศิษย์จากยอดเขาจรัสตะวันออกเย็นเยือกราวกับตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง เห็นได้ชัดว่าทั่วทั้งนิกายคล้ายกับยอมรับการกระทำของเฉินซีอย่างรู้กัน…
ทั่วบริเวณตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง ฉากอันน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นไม่หยุด มีสายฝนโลหิตปรากฏขึ้นทุกหนแห่งขณะที่เสียงกรีดร้องโหยหวนปกคลุมรอบข้าง
ภายใต้การควบคุมของเฉินซี ไม่ใครมีสักคนที่สามารถหลบหนีไปได้ และเมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง ศิษย์นับพันจากยอดเขาจรัสตะวันออกต่างกองอยู่ในแอ่งโลหิต ขณะที่พวกเขาครวญครางด้วยความเจ็บปวดออกมา
อีกด้าน เฉินซีไม่มีแม้คราบโลหิตสักหยด ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด เขายืนอยู่เพียงลำพังเหนือแอ่งโลหิต ร่างสูงโปร่งดูน่าเกรงขามยิ่ง และถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นเต็มสองตา ทุกคนย่อมไม่มีทางจินตนาการได้ว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะชายหนุ่มเพียงคนเดียว!
จนถึงตอนนี้ ศิษย์นับพันทั้งหลายจากยอดเขาจรัสตะวันออกได้ถูกบดขยี้จนหมด!
ทุกคนตกตะลึง!
หวังจ้งฮ่วน อวิ๋นเยี่ย หลงเจิ้นเป่ย อันเวยและคนอื่น ๆ ที่อยู่เหนือชั้นหมู่เมฆต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างเงียบสนิทคล้ายลืมวิธีพูดจา
แต่การแสดงไม่ได้จบเพียงเท่านี้
อึดใจต่อมา เฉินซีได้มาถึงตรงหน้าคนผู้หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไหนบอกว่าเล่นมุกตลกไงเล่า มาสิ มาสร้างความบันเทิงให้ข้าหน่อยสิ แต่ถ้าทำให้ข้าหัวเราะไม่ได้โดนหนักแน่!”
คนที่เฉินซีพูดถึงมีตาตี่และหัวโต เขาคือศิษย์ที่หยอกล้อเฉินซีก่อนหน้านี้ และตอนนี้อีกฝ่ายกำลังคร่ำครวญอยู่บนพื้น ทั่วร่างสั่นเทาเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา จากนั้นอ้าปากค้าง ไม่สามารถพูดออกมาได้สักคำ
เพราะโกรธจนถึงขีดสุด จึงไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาได้… ด้วยใครจะคาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนั้นจะเกิดขึ้นได้?
“ฮ่า ๆๆ! ศิษย์น้องเล็ก ดื่ม!” ตอนนี้เอง หั่วโม่เลยพลันยืนขึ้นก่อนโยนขวดน้ำเต้าสุราให้เฉินซี
ชายหนุ่มยื่นมือไปรับ ก่อนยกขึ้นดื่มเท่าที่จะทำได้ ปล่อยให้สุราเข้มข้นร้อนแรงไหลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้รู้สึกสบายใจจนยากจะอธิบาย และไม่อาจหักห้ามเสียงครางออกมาได้ ราวกับเสียงคำรามของมังกรที่ทะยานสู่ท้องนภาจนสั่นสะเทือนรอบข้าง
เยี่ยม!
ความบ้าคลั่งและความเกลียดชังที่ก่อตัวขึ้นในใจเมื่อหลายวันที่ผ่านมาถูกระบายจนสิ้นในวันนี้ ทำให้ทั่วร่างกายของชายหนุ่มผ่อนคลายราวกับภาระถูกยกออกจากอก จนเขาเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ การแสดงในวันนี้ยอดเยี่ยมหรือไม่?” เฉินซีถาม
“ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว!” หั่วโม่เลยคำรามพลางหัวเราะ ความขอบคุณฉายชัดภายในดวงตาของเขาที่จับจ้องเฉินซี ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นการแสดงความเคารพจากใจจริง
เฉินซียิ้มเล็กน้อย ก่อนหันหลังทันที จากนั้นสายตาของชายหนุ่มก็กวาดมองศิษย์ทั้งหมดจากยอดเขาจรัสตะวันออก “ส่งสมบัติที่พวกเจ้าปล้นมาจากยอดเขาจรัสตะวันตกของข้ากลับคืนมาสิบเท่าภายในสิบวัน หาไม่แล้ว ข้าจะมาเก็บจากยอดเขาจรัสตะวันออกด้วยตัวเองทุก ๆ สามวัน!”
ขณะกล่าว เฉินซีได้หันหลังแล้วแบกหั่วโม่เลยเอาไว้ ก่อนตัวคนจะกลายเป็นลำแสงแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว หลงเหลือทิ้งไว้เพียงแอ่งเลือดขนาดใหญ่ กับบรรดาศิษย์ที่นอนครวญครางด้วยความเจ็บปวดบนพื้น
“พวกเจ้าทุกคนสมควรโดนแล้ว!” หวังจ้งฮ่วนและคนอื่นขมวดคิ้ว จากนั้นสะบัดแขนเสื้อก่อนจากไปโดยไม่เหลียวหลัง เพราะพวกเขาผิดหวังกับศิษย์น้องเหล่านี้นัก
“ศิษย์น้องเฉินซีจะไม่เป็นอะไรหลังจากสร้างความวุ่นวายใหญ่โตเช่นนั้นลงไปใช่ไหม?” หลงเจิ้นเป่ยมองดูภาพอันยุ่งเหยิงตรงหน้า เขารู้สึกเวทนาต่อสหายผู้น่าสงสารเหล่านี้นัก
“ประมุขนิกายไม่อยู่ที่นี่ ส่วนผู้อาวุโสทั้งหลายต่างเลือกที่จะทำเป็นตามืดบอด เห็นได้ชัดว่าพวกเขายินยอมให้เกิดเรื่องนี้ไปโดยปริยาย …สิ่งนี้ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกว่าอาจจะไม่มีใครมาก้าวก่าย ต่อให้ศิษย์น้องเฉินซีคิดลงมือพลิกยอดเขาจรัสตะวันออกก็ตาม” อันเวยกล่าวช้า ๆ
“ฮ่า ๆ! ต่อให้เจ้าโง่เหล่านี้ร่วมมือกัน พวกมันก็ยังไม่โดดเด่นเท่าศิษย์น้องเฉินซี และถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นศิษย์ในนิกายเดียวกัน เฉินซีคงลงมือฆ่าไปแล้ว!” หลงเจิ้นเป่ยแผดเสียงหัวเราะออกมา
อันเวยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ตอนนี้เฉินซีมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เขาสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเหวเงาทมิฬ สังหารเยี่ยนสือซาน เอาชนะศิษย์อันดับต้น ๆ ของภูเขาวิญญาณนิรันดร์ได้!
…ทั้งหมดนี้ทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นตัวตนอันดับหนึ่งในรุ่นของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ดังนั้นเบื้องบนของนิกายจะกล้าลงมือง่าย ๆ ได้อย่างไร?
นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันออกทำผิดในเรื่องนี้ พวกเขาจึงสมควรเจอกับโชคร้ายนับตั้งแต่อึดใจที่ไปหาเรื่องเฉินซีแล้ว!
…
ยอดเขาจรัสตะวันตก
ที่ริมสระชำระกระบี่ บ้านไม้ที่สร้างให้เฉินซีในวันนั้นยังคงอยู่ มันหันหน้ามาทางสระใส ขณะที่รอบข้างปกคลุมไปด้วยต้นไม้อุดมสมบูรณ์ ทำให้ดูเงียบสงบและสง่างาม
เหมิงเหวยกับโม่ย่ากำลังทำความสะอาดพื้นที่ใต้สระชำระกระบี่ เพื่อให้พวกเด็ก ๆ ของเผ่านรกขุมที่เก้ามาบ่มเพาะ
ส่วนอาซิ่วก็เอาแต่เกาะติดเฉินซี ก่อนจะย้ายไปอยู่ในลานบ้านขนาดเล็กของชายหนุ่ม เพราะสัมผัสได้ว่าปราณวิญญาณที่นี่อุดมสมบูรณ์ที่สุด อีกทั้งทิวทัศน์ของที่นี่ก็ยอดเยี่ยมที่สุดด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดคือการอาศัยที่นี่ย่อมหมายความว่านางจะได้อยู่กับเฉินซีทุกวัน และการได้อยู่กับเฉินซีย่อมหมายถึงสามารถกินอาหารอร่อยได้ทุกมื้อ!
ใช่แล้ว ในใจของอาซิ่ว คุณค่าของเฉินซีสะท้อนผ่านอาหารอร่อยที่เขาทำขึ้นมา…
ที่ยอดเขาจรัสตะวันตกในคืนนั้น ดวงดาวประทับท้องนภาขณะกองไฟสว่างไสว กลิ่นหอมของเนื้ออบอวลทั่วทั้งริมสระชำระกระบี่ก่อนเข้าสู่จมูกทุกคน
เฉินซีทำอาหารจำนวนมากอย่างชำนาญ พลางเตรียมไหสุราจำนวนมากไว้เพื่อดื่มกับเหมิงเหวย โม่ย่า อาซิ่ว และคนอื่น ๆ อย่างเต็มคราบ
ชายหนุ่มกล่าวต้อนรับทุกคนจากเผ่านรกขุมที่เก้า บอกกล่าวพวกเขาว่านี่คือบ้านหลังที่สองนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…
ทั้งเหมิงเหวยและโม่ย่ารับรู้ความตั้งใจของอีกฝ่าย ทว่าคนทั้งสองก็ทำได้เพียงดื่มซ้ำไปมาเมื่อแสดงความขอบคุณ
ส่วนพวกเด็ก ๆ ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งมากนัก พวกเขาเพียงรู้สึกมั่นคง ราวกับได้หยั่งรากลึกลงสู่พื้น!
ขณะเดียวกัน อาซิ่วเป็นคนเดียวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน ต้นกำเนิดของนางลึกลับ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ช่วยพวกเขาเอาไว้มาก ดังนั้นเฉินซีจึงไม่มองว่านางเป็นคนนอก
ผู้คนทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้… ทำให้ยอดเขาจรัสตะวันตกไม่เย็นเยือกในค่ำคืนอันว่างเปล่าอีกต่อไป ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอันมากมายแทน!
มีเพียงคนเดียวที่มีความรู้สึกซับซ้อน คนผู้นั้นคือเสวี่ยเยี่ยน
นางจ้องมองทุกคนที่กำลังดื่มและสนทนาอย่างเหม่อลอย ไม่ใช่ว่าอิจฉา แต่ความรู้สึกที่ถูกเมินเฉยนี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ นางจึงตัดสินใจที่จะสนทนากับเฉินซีอย่างจริงจังในที่สุด!