บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 793 ทำให้แดนภวังค์ทมิฬสั่นคลอนอีกครั้ง
บทที่ 793 ทำให้แดนภวังค์ทมิฬสั่นคลอนอีกครั้ง
บทที่ 793 ทำให้แดนภวังค์ทมิฬสั่นคลอนอีกครั้ง
ใบหน้าของหลวงจีนจื่ออวิ๋นพลันกลายเป็นเคร่งเครียด ในขณะที่ตัวคนถูกกระตุ้นจนไขว้เขว
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในตำหนักพลันสังเกตเห็นความผิดปกติภายในธงเทพโลหิตผสานเช่นกัน
“ดูเหมือนว่า… ธงเทพโลหิตผสานจะอ่อนแอลงอีกแล้ว?” บางคนประหลาดใจและงุนงง เพราะพวกเขาพบว่าหากเทียบกับเมื่อก่อน ความแข็งแกร่งของธงเทพโลหิตผสานคล้ายจะอ่อนแอลงมากกว่าเดิมสิบเท่า!
“เจตจำนงของผู้ยิ่งใหญ่หายไปแล้ว!” ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเช่นเวินเทียนซั่ว ชิงผิง ฮุ่ยจง โหลวฉีและคนอื่น ๆ ต่างตระหนักได้ถึงเปลี่ยนแปลง พวกเขาจึงตกใจอย่างมาก “เป็นไปได้หรือไม่ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของชายหนุ่มคนนั้น?”
“ลุงยง ท่านมองเห็นหรือไม่ว่าภายในนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอันใดขึ้น” ไป๋หลี่เยียนจ้องมองด้วยความว่างเปล่าและรู้สึกงุนงง
“กระหม่อมมองไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ” ข้ารับใช้ชราส่ายศีรษะและขมวดคิ้ว “พลังที่สามารถบังคับเจตจำนงของผู้ยิ่งใหญ่ให้กลับไปนั้นยากแท้หยั่งถึง เว้นแต่… เฉินซีจะมีสมบัติลับที่น่าสะพรึงอย่างยิ่งอยู่ในครอบครอง”
“ถูกต้อง ไม่ว่าพลังของเขาจะท้าทายสวรรค์เพียงใด เขาก็จะถูกจำกัดด้วยการบ่มเพาะที่มี และย่อมไม่เพียงพอที่จะไปต่อกรกับเจตจำนงของผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้น …จากการคาดเดาของกระหม่อม เขาต้องครอบครองสมบัติที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!” ข้ารับใช้ชราอีกคนครุ่นคิดสั้น ๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาเช่นกัน
“สมบัติลับที่ไม่ธรรมดาหรือ?” ไป๋หลี่เยียนรู้สึกตกตะลึง จากนั้นหญิงสาวพลันพึมพำ “หรือว่ามันอาจจะเป็นสุดยอดสมบัติของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ‘กระบี่วิเศษโกลาหล’? เป็นไปไม่ได้! นั่นเป็นสุดยอดศัสตราที่มีแต่ประมุขของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้ และมันก็กุมชะตากรรมของทั้งนิกาย ดังนั้นเฉินซีจะได้รับของวิเศษเช่นนั้นมาได้อย่าง?”
โครม!
เมื่อทุกคนประหลาดใจและงุนงง จู่ ๆ พลันเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงจากภายในธงเทพโลหิตผสาน และทันใดนั้นมันก็สลายไปทีละน้อย
ปราณกระบี่อันแพรวพราวที่ดูจะสามารถทะลวงไปถึงสวรรค์ได้พุ่งออกมาอย่างแรง จากนั้นมันก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และทะลุทะลวงไปโดยรอบ!
หลังจากนั้น ร่างสูงโปร่งได้ก้าวออกมาจากภายในธงเทพโลหิตผสานที่แหกลสลายท่ามกลางการจ้องมองที่ตกตะลึงของทุกคน เสื้อผ้าของชายหนุ่มพลิ้วไหวไปตามสายลม และเผยให้เห็นแววตาที่เฉียบคมดุสายฟ้า ร่างนี้คือเฉินซีนั่นเอง!
เมื่อพวกเขามองไปที่ร่างนี้ในเวลานี้ ทุกคนต่างตกตะลึงจนกล่าวอะไรไม่ออก และบรรยากาศก็กลายเป็นเงียบสนิท
ชายหนุ่มที่เห็นได้ชัดว่ามีการบ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา กลับบีบบังคับเจตจำนงของผู้ยิ่งใหญ่ให้ล่าถอย และทำลายธงเทพโลหิตผสานที่เปรียบได้กับสมบัติอมตะ แล้วจะมีใครในโลกนี้ที่หยุดเขาได้อีก?
“เขาคือใครกันแน่?”
“จู่ ๆ ตัวตนที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้จะปรากฏตัวในแดนภวังค์ทมิฬได้อย่างไร?”
ในขณะนี้ แม้แต่เวินเทียนซั่ว ชิงผิง และผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกข้องใจ ภายในใจของพวกเขาในยามนี้ไม่กล้านับว่าเฉินซีเป็นผู้เยาว์อีกต่อไป
“เจ้า…เจ้า…เจ้า…” เมื่อเทียบกับความตกใจของคนอื่น ๆ หลวงจีนจื่ออวิ๋นกลับรู้สึกตกใจจนสิ้นปัญญา ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และเผยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งออกมา
ท่าทางของเขาดูราวกับกำลังมองภูตผี
ฟิ้ว!
ปราณกระบี่รังสรรค์เสี้ยวหนึ่งพลันสว่างวาบ ศีรษะของหลวงจีนจื่ออวิ๋นที่ยังไม่ได้สติจากความตกใจ ถูกตัดออกโดยตรง จนเลือดสด ๆ สาดกระเซ็นออกมา ซึ่งกระทั่งยามเสียชีวิต อีกฝ่ายยังไม่เข้าใจว่า ชายหนุ่มตรงหน้าทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเค้นสมองคิดสักเท่าใดก็ตาม!
จนถึงตอนนี้ ผู้ครองบาปมหันต์ที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งแปดคน และได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับวายร้าย ล้วนถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น!
และผู้ทำเรื่องราวทั้งหมดนี้คือเฉินซีคนเดียวเท่านั้น!
ความสำเร็จในการต่อสู้ที่วิเศษและงดงามเช่นนี้ ถือได้ว่าสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ เพราะตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน มันเรียกว่าได้สั่นสะเทือนไปทั้งใต้หล้าเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นสถิติที่ไม่เคยมีผู้ใดทำได้ และไม่มีวันจะทำได้อีกต่อไป
ทุกคนต่างก็เชื่อมั่นว่า หากข่าวการต่อสู้ครั้งนี้ถูกแพร่ออกไป แดนภวังค์ทมิฬทั้งหมดจะต้องตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่
ถึงแม้การต่อสู้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่ฉุนกึกและหนาแน่น
ทว่าเฉินซีกลับไม่นิ่งนอนใจ เขาใช้เคล็ดวิชาเพื่อล้างบางพลังแห่งบาปที่ยังหลงเหลืออยู่จนหมด จากนั้นชายหนุ่มก็กวาดแขนเสื้อออกไป ทำการเก็บชิ้นส่วนของธงเทพโลหิตผสานที่แตกหักทั้งหมด
หลังจากทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว เฉินซีจึงเก็บยันต์ศัสตราและร่อนลงมาที่พื้น
พรึ่บ!
ผู้คนต่างเปิดเส้นทางให้เฉินซีอย่างพร้อมเพรียงกัน ใบหน้าของพวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยความเคารพจากก้นบึ้งของหัวใจ และทำทีราวกับเป็นข้าราชบริพาร ผู้กำลังรอต้อนรับราชาด้วยความเคารพ!
ด้วยทุกคนต่างรู้ดีว่า หากไม่ใช่เพราะเฉินซี พวกเขาคงตายไปนานแล้ว และคงไม่อาจมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจนถึงตอนนี้
ไม่มีอันใดน่าอายที่จะยอมรับสิ่งนี้ ถึงอย่างไร พวกมันคือแปดผู้ครองบาปมหันต์ซึ่งมีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี! ถึงขนาดที่พวกมันทั้งหมดไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว ก็สามารถบดขยี้ทุกคนที่นี่เหมือนมดได้แล้ว!
ดังนั้นความเคารพและความกตัญญูที่พวกเขารู้สึกต่อเฉินซีจึงมาจากใจจริง
“ที่ทุกคนในตำหนักของข้าสามารถรอดชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบพระคุณผู้กล้าเฉินที่ช่วยชีวิต …ท่านโปรดยอมรับความเคารพของข้าด้วย” เวินเทียนซั่วก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นจึงโค้งคำนับ
“ขอบคุณผู้กล้าเฉิน สำหรับพระคุณที่ช่วยชีวิต!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะมีการบ่มเพาะสูงส่งหรือต่ำต้อยเพียงใดก็ตาม ทุกคนล้วนโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะพระคุณอันยิ่งใหญ่ของการช่วยชีวิต ย่อมคู่ควรกับการได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!
ขณะเดียวกัน ผู้บ่มเพาะที่ถากถางเฉินซีก่อนหน้านี้ถึงกับแสดงสีหน้าละอายใจ และหวาดกลัวอีกฝ่ายอย่างมาก ทำให้พวกเขาโค้งคำนับต่ำกว่าคนอื่น ๆ เสียอีก …และพวกเขาก็ไม่ต้องการสิ่งใด นอกจากฝังศีรษะลงบนพื้น เพื่อหวังจะได้รับการให้อภัยจากเฉินซี!
“ทุกท่าน โปรดอย่าได้ทำเช่นนี้ ข้าแค่โชคดีที่มาถูกเวลา” เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินซียกมือขึ้นเล็กน้อย ทำให้พลังอันอ่อนโยนและไร้รูปร่างพุ่งออกมา ช่วยพยุงร่างที่โค้งคำนับของทุกคน
“ผู้กล้าเฉิน ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าไม่สามารถตอบแทนพระคุณที่ช่วยชีวิตเช่นนี้ได้หมด และหากท่านไม่รังเกียจ ข้ายินดีใช้แผนที่สมบัติที่ข้าครอบครองเป็นคำเชิญ และหวังว่าท่านจะไปที่ภูเขาร้างเต๋านภากับข้าในอนาคต เพื่อแสวงหาโชคที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน!” เวินเทียนซั่วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไว้เราค่อยหารือเรื่องนี้ในภายหลัง ตอนนี้ข้าแค่ต้องการพักผ่อน” เฉินซีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“แน่นอน แน่นอน” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ เวินเทียนซั่วก็ออกคำสั่งทันที “รีบเตรียมห้องที่ดีที่สุดสำหรับผู้กล้าเฉิน!”
ขณะที่กล่าว เวินเทียนซั่วก็มองไปทางเวินหัวที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่ตั้งใจ
ตุบ!
ทว่าเวินหัวเข้าใจสิ่งที่ผู้เป็นบิดาต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี และทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงบนพื้น กระทั่งกายยังหมอบต่ำ ก่อนที่จะกล่าวด้วยเสียงอันดังลั่นว่า “ผู้อาวุโสช่างเที่ยงธรรมและมีการบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา ข้าชื่นชมผู้อาวุโสนัก ดังนั้นข้าจึงอยากขอให้ผู้อาวุโสรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด!”
เฉินซีเพียงชำเลืองมองเด็กหนุ่มบนพื้นด้วยสีหน้าสงบ และไม่มีท่าทีกระสับกระส่ายให้เห็นแม้แต่น้อย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว…
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ และบางคนไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในความคิดของพวกเขา เฉินซีย่อมน่าจะรับเวินหัวเป็นศิษย์ เพราะเด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับร่างดาราทองคำและพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา กอปรกับอ๋องเวินยินดีที่จะแบ่งปันแผนที่ขุมทรัพย์กับเขา การรับเวินหัวเป็นศิษย์ จึงน่าจะเป็นถือเป็นข้อตกลงอันน่าพอใจสำหรับทั้งสองฝ่าย แล้วเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจความคิดของเฉินซี และไม่กล้าที่จะไถ่ถาม ทุกคนจึงได้แต่ฝังความงุนงงนี้ไว้ในใจ
แต่เวินหัวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นกลับรู้สึกอับอายเล็กน้อย เขาถูกเฉินซีเมินเฉยต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้รู้สึกอับอายอย่างมาก และความขุ่นเคืองก็ฉายชัดอยู่ภายในแววตาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เวินเทียนซั่วก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า ท่าทีของเฉินซีจะเย็นชาและไม่แยแสเช่นนี้ สีหน้าของเขาจึงแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะหายเป็นปกติ จากนั้นจึงเข้าไปตบบ่าบุตรชาย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลูกเอ๋ย เจ้ากระตือรือร้นเกินไปที่จะรับว่าเขาเป็นอาจารย์ ผู้กล้าเฉินเพิ่งประสบกับการต่อสู้ครั้งใหญ่ และเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงแล้ว ฉะนั้นเขาจะมีอารมณ์สนใจเจ้าได้อย่างไร รีบลุกขึ้นเถิด ยังไม่สายเกินไปที่จะไปเยี่ยมผู้กล้าเฉินหลังจากที่เขาพักผ่อนแล้ว”
เวินหัวพยักหน้า เพราะเขารู้ว่าบิดาต้องการช่วยตนเองออกจากสถานการณ์ดังกล่าว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงรีบยืนขึ้นทันที แต่สีหน้าของเจ้าตัวก็ยังหดหู่เล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายหนุ่มถึงเย็นชาและไม่แยแสเพียงนั้น
ในเวลาไม่นาน ทุกคนในตำหนักต่างแยกย้ายกันไป เพราะการได้เห็นเหตุการณ์ต่อสู้อันน่าตกตะลึงก่อนหน้านี้ ทำให้จิตใจของพวกเขาเหนื่อยล้ายิ่ง และรู้สึกหมดแรงเล็กน้อย
แต่พวกเขาไม่ได้แยกย้ายกันไปเพื่อพักผ่อน ทว่าไปเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่แก่ผู้มีอำนาจต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาต้องการสืบหาตัวตนของชายหนุ่มคนนั้น!
ถึงอย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็น่าตกตะลึงเกินไป ผู้ครองบาปมหันต์ทั้งแปดกลับถูกชายหนุ่มคนเดียวกวาดล้าง ซึ่งตัวตนที่ท้าทายสวรรค์และน่าเกรงขามเช่นนี้ จะต้องได้รับการตรวจสอบให้ชัดเจน!
นอกจากนั้น เรื่องที่ว่าเวินเทียนซั่วมีแผนที่สมบัติเพื่อเข้าสู่ภูเขาร้างเต๋านภาก็สำคัญเช่นกัน เพราะมันเกี่ยวข้องกับสมบัติของตำหนักเต๋านภา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องให้ความสำคัญกับมัน
สำหรับไป๋หลี่เยียนและข้ารับใช้ชราสองคนของนาง ดูเหมือนพวกนางจะตั้งใจไม่รบกวนเฉินซีอีกต่อไป ดังนั้นคนทั้งสามจึงออกจากเมืองวารีเมฆาในวันนั้น และกลับไปที่เขาวิญญาณนิรันดร์ทันที
ก่อนจากไป ไป๋หลี่เยียนได้พบกับเฉินซีอีกครั้ง ซึ่งครานี้ตรงกันข้ามกับการกระทำของนางตามปกติ หญิงสาวไม่ได้ถามคำถามที่ว่า เฉินซีนั้นเข้าใจและหยั่งถึงความลึกล้ำของความเป็นนิรันดร์ได้อย่างไร ดูเหมือนนางจะรู้เช่นกันว่า …ไม่ว่านางจะถามเฉินซีอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายย่อมจะไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับตนแน่นอน
นางจึงเพียงพูดคุยกับชายหนุ่มเกี่ยวกับบางเรื่องที่ไม่มีความสำคัญ เช่น กลียุคของทั้งสามภพ พวกต่างพิภพ และสถานการณ์อื่น ๆ ในโลก และเมื่อหญิงสาวจากไปในตอนท้าย นางยังกระทั่งชวนเฉินซีให้ไปที่เขาวิญญาณนิรันดร์เมื่อเขามีเวลาว่าง
จากที่นางกล่าว แม้ว่าเฉินซีจะไม่ใช่ศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์ แต่เนื่องจากชายหนุ่มได้เข้าใจเต๋ารู้แจ้งนิรันดร์ และห้ากระบวนท่าแห่งนิรันดร์แล้ว เขาจึงไม่ต่างอะไรจากศิษย์ของเขาวิญญาณนิรันดร์
เฉินซีรับรู้ได้ว่า นั่นเป็นเพราะไป๋หลี่เยียนไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ และเนื่องจากรู้ดีว่าตนไม่สามารถทำอะไรเขาได้ หญิงสาวจึงตั้งใจจะสร้างไมตรีจิตกับเขาและเอาชนะใจแทน
แน่นอนว่า ชายหนุ่มยอมรับสิ่งนี้ด้วยความยินดี ถึงอย่างไร การไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างเฉินซีกับเขาวิญญาณนิรันดร์ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว หากพวกเขาสามารถเป็นสหายกันได้
…
ในวันนี้ ข่าวหนึ่งดูจะมีปีกงอกออกมาและโบยบินออกจากเมืองวารีเมฆา มันได้แพร่กระจายไปยังกองกำลังต่าง ๆ ในแดนภวังค์ทมิฬ และทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมาก
ผู้ครองบาปมหันต์ที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีทั้งแปดต่างตกตายแล้ว!
แผนที่สมบัติที่เกี่ยวข้องกับตำหนักเต๋านภาได้ปรากฏขึ้น!
ข่าววงในดังกล่าวทำให้โลกแห่งการบ่มเพาะทั้งหมดปั่นป่วน …หลังจากที่พวกเขาทราบข่าวทั้งหมดนี้อย่างชัดเจนแล้ว แทบทุกกองกำลังก็คาดเดากันว่า ชายหนุ่มแซ่เฉินคนนั้นคือใครกันแน่?
ในไม่ช้า กองกำลังบางส่วนก็ค้นพบคำตอบที่แท้จริงผ่านเงื่อนงำต่าง ๆ …ชายหนุ่มคนนั้นคือเฉินซี!
ในความเป็นจริง มันเดาได้ง่ายมาก ครั้งหนึ่งเฉินซีเคยกล่าวไว้ว่า การสังหารหลวงจีนจื่ออวิ๋นและคนอื่น ๆ ก็เพื่อทำภารกิจของนิกายให้สำเร็จ ซึ่งบังเอิญกับข่าวที่กองกำลังจำนวนมากได้รับว่า เฉินซีผู้เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เพิ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสของนิกายเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในตอนนี้เขาได้ออกจากนิกายเพื่อทำภารกิจสองอย่าง คือ ‘ส่งต่อคบเพลิง’ และ ‘ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์’
เมื่อรวมเงื่อนงำทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน คำตอบก็ปรากฏขึ้น
เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อของเฉินซีก็ทำให้แดนภวังค์ทมิฬสั่นคลอนอีกครั้ง และดึงดูดความสนใจของกองกำลังต่าง ๆ
หลังจากห่างหายไปนานถึงห้าปี ชายหนุ่มผู้นี้กลับสร้างปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า และทำสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่ทำให้โลกต้องตกตะลึงอีกครั้ง!
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังสังหารแปดผู้ครองบาปมหันต์ที่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพี ด้วยระดับการบ่มเพาะที่ขอบเขตสถิตกายา ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการก้าวข้ามขอบเขตเพื่อ ‘สังหารเซียน’ เช่นนี้ ทำให้กองกำลังต่าง ๆ ตกตะลึงอย่างมาก เพราะตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน จะมีสักกี่คนที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ?