บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 805 ความพิโรธของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง
บทที่ 805 ความพิโรธของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง
บทที่ 805 ความพิโรธของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง
ในวันนั้น ข่าวที่เฉินซีสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ทั้งสิบสามคน ขัดเกลาค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร และกำจัดผู้อาวุโสอวิ๋นจูที่อยู่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหกได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว จนสะเทือนไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ
“จริงหรือ? เฉินซีเพิ่งสังหารผู้ครองบาปมหันต์ทั้งแปดไป จากนั้นก็กวาดล้างผู้บ่มเพาะอีกกลุ่ม กำจัดผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีนิกายวิถีกระแสสวรรค์ไปกว่าสิบคนด้วยตัวคนเดียวหรือ? ข้าไม่เชื่อหรอก!”
“สวรรค์โปรด! ข่าวด่วนข่าวร้อน! ผู้อยู่อันดับหนึ่งในรุ่นเยาว์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองมีฝีมือสะท้านฟ้ายิ่ง! กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหกยังตายตกด้วยเงื้อมือของเขา!”
พอได้ยินข่าวนี้แล้ว ทุกคนต่างก็ตกตะลึงเป็นธรรมดา และไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะสังหารผู้ครองบาปมหันต์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งแปดคนไปได้ไม่ถึงวัน กลับใช้เวลาอันสั้นกระทำเรื่องที่น่าตกตะลึงเช่นนั้นได้แล้วหรือ?
ช่างเป็นเรื่องที่อยู่เหนือหลักเหตุผล ฟังแล้วเป็นสิ่งน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวยิ่ง!
ผู้บ่มเพาะทั้งหมดจากสิบนิกายเซียนและหกนิกายอสูรของแดนภวังค์ทมิฬล้วนตกใจ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจำนวนมากที่เร้นกายบ่มเพาะต่างก็พากันตกตะลึง และออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ เพื่อรับฟังเรื่องราวโดยละเอียดจากศิษย์ของตนทันที
ถึงขนาดที่ว่าตัวตนสูงส่งแห่งแดนไร้นามและสรวงสวรรค์สงบเงียบยังต้องเคลื่อนไหว ลืมเนตรท่ามกลางมหาเต๋าสะเทือนเลือนลั่น คล้ายมองทะลุผ่านพื้นที่มายังทิศทางเดียวกันในแดนภวังค์ทมิฬ
ในวันนั้นเอง แดนภวังค์ทมิฬก็พากันปั่นป่วน ข่าวคราวเรื่องนี้ไปเร็วดั่งพายุ ไม่ว่ามันจะพัดพาไปที่ใด พวกเขาก็มิอาจเชื่อว่าชายหนุ่มที่มีพลังขอบเขตสถิตกายาจะสามารถทำเรื่องนี้ได้จริงหรือ?
“ถึงจะมีฝีมือไร้ผู้ทัดเทียมในรุ่นเดียวกัน และอยู่ขอบเขตสถิตกายา แต่ก็คงทำเรื่องนี้ได้ยากกระมัง? หรือว่าจะได้ขอบเขตเซียนปฐพีมานานแล้ว แต่จงใจปกปิดไว้กันแน่?” บางคนคาดเดาออกมาเช่นนี้ เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
“เป็นไปไม่ได้หรอก! หากบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีจริง เช่นนั้นก็ต้องมีปราณเซียน แต่เฉินซีไม่มีนี่” อีกคนส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อ “หากใช้ระเบิดสังหารเทวะขณะที่มีพลังต่อสู้สิบเท่า ไม่แน่ว่าเขาอาจสังหารเซียนปฐพีระดับสามได้ แต่จะสามารถสังหารผู้อาวุโสอวิ๋นจูที่อยู่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหกได้อย่างไรกัน? มันมีส่วนที่แปลกประหลาดอยู่ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่!” ผู้อาวุโสบางคนสังเกตเห็นจุดผิดปกติ เพราะเฉินซีแข็งแกร่งเกินไปจนเหมือนปีศาจ เหมือนสมการที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้
“แต่นิกายวิถีกระแสสวรรค์ไม่ทำตัวชั่วร้ายในศึกนี้ไปหน่อยหรือ? ใช้ผู้สูงส่งตั้งมากมาย กระทั่งใช้อาวุธร้ายแรงอย่างค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารเพื่อรับมือกับเฉินซีแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเพียงคนเดียว หากเป็นคนอื่นก็คงถูกกำจัดไปนานแล้วกระมัง?”
พร้อมกันนั้นก็มีหลายคนที่รู้สึกไม่พอใจ พวกเขารู้สึกว่าวิธีที่นิกายวิถีกระแสสวรรค์ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบนิกายเซียนใช้แลดูชั่วร้ายจนแทบทนไม่ได้
“ตอนนี้ก็มั่นใจกันได้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดเป็นคำสั่งของทูตเซียนปิงซื่อเทียน อย่าลืมว่าเขาก็มาปรากฏในภูเขาร้างเต๋านภาด้วย”
“มารอันเกิดจากความรักจริงแท้! เฉินซี ปิงซื่อเทียน ชิงซิ่วอี้… ระหว่างสามคนนี้ คนหนึ่งเป็นยอดอัจฉริยะที่เพิ่งมีชื่อเสียงได้ไม่นาน อีกคนคือทูตแห่งภพเซียน ส่วนคนสุดท้ายก็เวียนว่ายตายเกิดมาร้อยชาติ เคยมีชื่อเสียงเป็นที่หนึ่งเหนือแดนภวังค์ทมิฬ แต่ล้วนถูกผูกติดกันด้วยความรัก เกิดบุญคุณความแค้นระหว่างกันขึ้นมา เกิดเรื่องร้ายแรงอยู่เนือง ๆ ไม่รู้ว่าสุดท้ายหายนะอันเกิดจากรักนี้จะต้องใช้วิธีใดจึงจะหยุดมันได้?”
บางคนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสามต่างถอนหายใจออกมา เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องวุ่นวาย ความแค้นความเกลียดชังและความวิบัติทั้งหลายล้วนเกิดมาจากความรักไม่ใช่หรือ?
เพราะความรัก จึงเกิดเรื่องวุ่นวายไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ และมันก็ยังทำให้ศิษย์รวมถึงผู้อาวุโสนิกายกระบี่เก้าเรืองรองล้วนรู้สึกโกรธเคืองเพราะเรื่องนี้ทั้งสิ้น!!
“พวกมันสมควรตายแล้ว! นิกายวิถีกระแสสวรรค์สมควรตาย! ปิงซื่อเทียนสมควรตายยิ่ง! พวกมันรังแกศิษย์นิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าในนิกายข้าไร้ผู้มีฝีมืออย่างนั้นหรือ?”
“พวกนั้นทำเกินไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตอบโต้บ้าง ไม่เช่นนั้นนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จะรักษาจุดยืนและยืนหยัดอยู่ในโลกแห่งการบ่มเพาะได้อย่างไร?”
“ทำกันเกินไปแล้ว!”
ภายในห้องโถงกลางบนยอดเขาสัประยุทธ์ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดพากันมารวมตัวกันที่นี่ ทุกคนมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง ปราณเซียนภายในร่างกายกู่คำราม ทำให้พวกเขาดูเหมือนอสูรโบราณที่กำลังโกรธจัด กลิ่นอายดุดันพวยพุ่งออกมา หากผู้ใดผ่านมาเห็นเป็นต้องสั่นกลัว
“ประมุขนิกายตัดสินใจเถิดขอรับ” ทั้งผมและเครายาวของผู้อาวุโสเลี่ยเผิงปลิวไปตามแรงโทสะ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่คิดคัดค้าน
ทันทีที่พูดจบ สายตาทุกคนก็พากันมองไปยังประมุขนิกายเวินหัวถิงที่นั่งอยู่ ณ ตำแหน่งศูนย์กลาง อีกฝ่ายในเวลานี้มีสีหน้าเย็นชา แตกต่างจากท่าทีอบอุ่นดังเดิมที่เคยมี นัยน์ตาทั้งสองเจือไปด้วยแววเยือกเย็น
ผ่านไปไม่นาน เขาก็ตัดสินใจและเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “จากนี้ไป สังหารทุกคนจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ที่ปรากฏอยู่ภายในอาณาเขตนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้าเสีย!”
“ขับไล่ทุกกองกำลังที่มีความสัมพันธ์กับนิกายวิถีกระแสสวรรค์!”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ เวินหัวถิงพลันกวาดสายตามองทุกคน จากนั้นก็มาหยุดอยู่ที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนหนึ่ง “เรื่องนี้ข้าจะให้ศิษย์น้องเผยเลี่ยงเป็นคนจัดการ หากพวกมันกล้าขัดขืน จงสังหารทิ้งก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง!”
“น้อมรับคำสั่งประมุขนิกาย!” เผยเลี่ยงเป็นชายวัยกลางคนที่มีท่าทางเย็นชาทว่าโหดเหี้ยม เมื่อได้ยินก็เอ่ยรับคำทันที
“นอกจากนี้ให้เรียกศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหมดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่กระจายตัวอยู่ระแวกนิกายวิถีกระแสสวรรค์กลับมา ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับนิกายวิถีกระแสสวรรค์เสีย เรื่องนี้ยกให้ศิษย์น้องอวี้เฟิงจัดการ”
“รับทราบ!”
เวินหัวถิงพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งเรียบ หว่างคิ้วแฝงจิตสังหาร น้ำเสียงดังประหนึ่งระฆังกังวาน ดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องโถง “ศิษย์น้องเลี่ยเผิง เจ้านำผู้อาวุโสขอบเขตเซียนปฐพีทั้งยี่สิบเจ็ดคนจากยอดเขาจรัสเทวะ และนำค่ายกลกระบี่สังหารดาราฤกษ์ทั้งยี่สิบแปดค่ายไปด้วย เดินทางออกจากนิกายทันที จะไปที่ใดก็ได้ ภารกิจของเจ้าคือการทำอย่างไรก็ได้ให้ทุกคนในใต้หล้ารับรู้ว่าศิษย์จากนิกายวิถีกระแสสวรรค์จะถูกสังหารไม่เลือกหน้านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนพลันแน่ใจว่าครั้งนี้เวินหัวถิงโกรธมากจริง ๆ จนในใจเกิดจิตสังหารขึ้นมา ซึ่งในอดีตไม่ค่อยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน!!
“รับทราบ!” เลี่ยเผิงตอบรับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ นัยน์ตาเจือแววประหลาดใจและจิตสังหารที่ไม่อาจปิดมิด
ในเมื่อนิกายวิถีกระแสสวรรค์กล้าใช้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีถึงสิบสี่คน และหยิบยืมค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมารเพื่อไล่ล่าเฉินซี นิกายกระบี่เก้าเรืองรองของพวกเขาก็กล้าใช้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพียี่สิบเจ็ดคน กับอีกยี่สิบแปดค่ายกลกระบี่สังหารดาราฤกษ์เพื่อไล่ล่าสังหารศิษย์นิกายวิถีกระแสสวรรค์ที่กระจายตัวอยู่ทั่วดินแดนเช่นเดียวกัน!
นับเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงมาก เหมือนพวกเขาจะประกาศให้โลกรู้ว่าแค้นนี้จะต้องชำระคืนเป็นทบเท่าทวีคูณ!
ทุกคนในห้องโถงดูตื่นเต้น จิตวิญญาณต่อสู้พุ่งขึ้นสูง
เนื่องจากสาเหตุหลายอย่าง ความแข็งแกร่งโดยรวมของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจึงลดลงอย่างมากในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา อันดับในบรรดาสิบนิกายเซียนก็ร่วงลงมาจนรั้งท้าย ถึงขนาดที่ทุกคนเกือบจะลืมว่านิกายกระบี่เก้าเรืองรองเคยครองอันดับหนึ่งในสิบนิกายเซียนเมื่อหลายปีก่อนครั้งยังเจริญรุ่งเรือง!
การเสื่อมถอยนี้ส่งผลให้ผู้สูงส่งทั้งหลายเหล่านี้ได้แต่เก็บความโกรธแค้นทั้งหมดไว้ในใจ
แต่ช่วงหลายปีมานี้ ภายใต้การชี้นำของเวินหัวถิง ความแข็งแกร่งของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจึงกลับคืนมาและแข็งแกร่งขึ้น พร้อมกับที่มีศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดปรากฏขึ้น และมีศิษย์ฝีมือยอดเยี่ยมหลายคนเกิดขึ้นมาในนิกายราวกับหน่อไผ่หลังฝน แม้พลังทั้งหมดจะยังไม่แกร่งกล้าเหมือนตอนที่ยังอยู่ในยุครุ่งเรือง แต่ก็มากพอจะต่อกรกับนิกายวิถีกระแสสวรรค์ได้
ไม่แน่ว่าคนจากโลกภายนอกคงยังไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ในฐานะผู้มีอำนาจในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองล้วนรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน
และด้วยความที่ช่วงนี้นิกายวิถีกระแสสวรรค์ท้าทายนิกายกระบี่เก้าเรืองรองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีหรือที่เลี่ยเผิงกับผู้อาวุโสในนิกายทั้งหลายจะคิดยับยั้ง?
อีกทั้งท่าทีดุดันของประมุขนิกายในตอนนี้ยังให้ความรู้สึกถึงการ ‘ลับกระบี่สิบปีรอวันใช้’ อย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าจากนี้ต่อไป ทั่วทั้งโลกแห่งการบ่มเพาะคงได้ตกลงสู่ห้วงความตกตะลึง เพราะนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!
แต่ตอนนี้ยังมีคนที่เป็นกังวลเอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านประมุขนิกายเวิน สามภพใกล้จะเข้าสู่กลียุคแล้ว หากคิดประกาศสงครามกับนิกายวิถีกระแสสวรรค์คงไม่ใช่เรื่องดีนัก”
เวินหัวถิงไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างไร เขาเพียงพูดเสียงเรียบออกมาว่า “ในเมื่อนิกายวิถีกระแสสวรรค์ไม่สนใจ ไยเราต้องสนใจ?”
“แต่ปิงซื่อเทียนเป็นทูตแห่งภพเซียน หากเขาลงมือแทรกแซงเพราะเรื่องนี้…” ผู้อาวุโสท่านนั้นยังคงเป็นกังวลยิ่ง เขาจึงค่อย ๆ อธิบาย
แต่พูดยังไม่ทันจบ เวินหัวถิงก็เอ่ยขัดขึ้นว่า “ที่นี่คือภพมนุษย์ ไม่ใช่ภพเซียน อีกทั้งเขายังเป็นทูตภพเซียนเพียงคนเดียว ทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก”
พูดถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็ผันเปลี่ยนเป็นจริงจัง สายตาสะท้อนภาพอสนีบาต เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงต่ำว่า “ทุกคน ถึงแม้นิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเราจะแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังไม่มากพอ ข้าคิดว่าหากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองอยากกลับไปรุ่งเรืองเช่นกาลก่อน รุดขึ้นสู่อันดับหนึ่งในสิบนิกายเซียน เช่นนั้นเฉินซีคือกุญแจสำคัญ พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
ทุกคนชะงักไป นึกถึงเรื่องน่าตกตะลึงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเฉินซีแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ศักยภาพของชายหนุ่มผู้นี้ไร้ขีดจำกัด ใช้วิถีดั้งเดิมมากำหนดกะเกณฑ์ไม่ได้ นับตั้งแต่โบราณ จะมีกี่คนในโลกที่สามารถสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจำนวนมากทั้งที่ยังอยู่เพียงขอบเขตสถิตกายาได้กัน?
ฉะนั้น หากชายหนุ่มยังเติบโตต่อไป เขาจะต้องเป็นราชันที่สะเทือนไปทั้งสามภพได้แน่ เป็นอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด!
ถึงตอนนั้นแล้ว มันไม่เพียงนำพานิกายกระบี่เก้าเรืองรองขึ้นสู่จุดสูงสุดในบรรดานิกายเซียน แต่เป็นไปได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีกด้วย
“ฉะนั้นจะให้เกิดเรื่องขึ้นกับเฉินซีไม่ได้ อีกทั้งจะให้เขาอยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองอย่างขัดข้องใจยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่!” เวินหัวถิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจมีใครขัดขึ้น
ในวันนั้นเอง ตัวตนสูงส่งขอบเขตเซียนปฐพีจำนวนมากต่างแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง กระจายคำสั่งทั้งหลายออกไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬ
…
ฟึ่บ!
ข้างใต้แม่น้ำที่มีรูปร่างคล้ายกับตัวอักษร ‘เต้า’ พลันเกิดคลื่นน้ำพุ่งขึ้นมา ก่อนที่ร่างสูงของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาจะพุ่งขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะดำกลับลงไปไม่หยุด ระหว่างทางนั้นไม่อาจมีข้อบังคับหรืออสูรร้ายตนใดขวางทางเขาไว้ได้เลย
หกลี้
สิบแปดลี้
สามสิบลี้
เฉินซีหยุดเคลื่อนไหวเมื่อมาไกลได้ในรัศมีสี่สิบแปดลี้ จากนั้นเขาก็ดูเหม่อลอยไป คนเมื่อตอนนั้นอาจจะเป็นปิงซื่อเทียน โชคดีที่แม่น้ำแห่งนี้สามารถตัดจิตสัมผัสเทพและญาณเทวะอมตะได้ ไม่เช่นนั้นตัวเขาก็คงถูกจับได้แล้ว
ตอนที่ถูกเหลิ่งฉานเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ลอบโจมตีก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเขาไม่สามารถใช้จิตสัมผัสเทพตรวจดูสถานการณ์ใต้น้ำได้ พวกนั้นจึงลอบโจมตีได้สำเร็จ ทำให้เฉินซีหลุดเข้าไปในค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มก็ใช้ข้อได้เปรียบเดียวกันนี้ในการหลบปิงซื่อเทียน
น่าเสียดายที่ร่างหลักของเขาได้รับบาดเจ็บ หากยังแข็งแกร่งดีอยู่ละก็ ชายหนุ่มก็คงอยากต่อสู้กับอีกฝ่ายดู เพื่อดูว่าพลังมีความแตกต่างกันมากเพียงใด…
เฉินซีส่ายหน้าแล้วก็รีบขจัดความคิดไร้สาระออกไป จากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก ทว่าเขายังไม่ได้จากไปไหน ยังคงดำดิ่งลงไปลึกกว่าเดิม
มีความเป็นไปได้สูงว่าคลังสมบัติตำหนักเต๋านภาจะถูกผนึกอยู่ใต้แม่น้ำแห่งนี้ ไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว เขาย่อมอยากสำรวจเป็นธรรมดา
อีกทั้งถึงตัวเขาจะไม่มีแผนที่สมบัติ แต่ก็เก็บทุกอย่างในแผนที่สมบัติไว้ภายในห้วงจิตสำนึกตั้งแต่ต้นแล้ว ทั้งเขายังมีกุญแจอยู่ ฉะนั้นหากหาสถานที่พบ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องจะเปิดคลังสมบัติตำหนักเต๋านภาที่หายไปกว่าหมื่นปีได้หรือไม่!