บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 835 ทักษะพิเศษ
บทที่ 835 ทักษะพิเศษ
บทที่ 835 ทักษะพิเศษ
หญิงสาวสวมชุดสีม่วงที่มีลวดลายกลีบดอกไม้กระจัดกระจาย ไหล่ของนางบอบบาง เข้ากันได้ดีกับเอวบางเรียว และใบหน้าที่ขาวเนียนดั่งหยก นางทั้งงดงาม บริสุทธิ์ และอ่อนโยน ทำให้หญิงสาวดูโดดเด่นยิ่งในขณะที่เดินอย่างสง่างามมาจากทางเดินด้านใน
นางคือหญิงสาวคนนั้น หลิงชิงโม่ที่เฉินซีจำได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ขี้หลงขี้ลืมและมีอารมณ์รุนแรง
ดูเหมือนนางจะหงุดหงิดเล็กน้อย และคิ้วที่ดำสนิทก็ขมวดเข้าหากัน หญิงสาวเม้มปากน้อย ๆ ขณะที่พึมพำเรื่องแปลก ๆ ระหว่างเดิน “จะมีประโยชน์อันใดในการเฝ้าดูกลุ่มคนขี้โม้ มันน่าเบื่อมาก…”
เมื่อนางเดินผ่านเฉินซี ร่างของหญิงสาวก็พลันหยุดชะงักไป ก่อนที่หลิงชิงโม่จะเอียงคออย่างประหลาดใจ และอดไม่ได้ที่จะร้องออกเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของชายหนุ่มอย่างชัดเจน “เป็นเจ้านั่นเอง!”
เฉินซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เราเจอกันอีกแล้ว”
ในขณะนี้ ประตูห้องรับรองพิเศษเลียบริมทางเดินด้านในก็เปิดออกอย่างกระทันหัน เป็นนักพรตเต๋าหลิงผมหงอกที่เดินออกมา ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมองหลิงชิงโม่ และใบหน้าของเจ้าตัวก็มืดมนทันทีขณะเอ่ยคำตำหนิ “ชิงโม่! การที่เจ้าออกมาเช่นนี้ มันไม่เหมาะสมยิ่งนัก!”
ใบหน้าเรียวเล็กของหลิงชิงโม่มืดมนลง จากนั้นนางก็ดึงแขนเสื้อของเฉินซี และพูดกับนักพรตเต๋าหลิงว่า “ท่านปู่ ดูสิ! นี่คือปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง เป็นอย่างไรบ้าง เขายังเด็กจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
นักพรตเต๋าหลิงกำลังเดินเข้ามาใกล้ และเจ้าตัวก็เป็นต้องตกตะลึงไปเช่นกันเมื่อเห็นเฉินซี หากแต่ไฟแห่งความโกรธกำลังลุกโชนอยู่ในใจ ดังนั้นชายชราจึงเพียงพยักหน้าให้เฉินซีก่อนจะมองไปทางหลานสาว และพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า “มาเถอะ กลับไปกับปู่”
หลิงชิงโม่ส่ายหัวราวรัวกลอง และพูดว่า “ไม่ ไม่! ข้าจะไม่กลับไปแม้ว่าปู่จะฆ่าข้าก็ตาม!”
นักพรตเต๋าหลิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พลันโกรธเสียจนปากของเขากระตุกเมื่อเห็นหลานสาวทำตัวดื้อรั้น “ถ้าเจ้ายังดื้อรั้นต่อไป ท่านปู่ผู้นี้จะลงโทษเสีย!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออก หลิงชิงโม่ดูราวกับหวาดกลัวยิ่ง หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหูข้างขวาแน่น ก่อนจะกรีดร้องขณะวิ่งหนีเหมือนกวางน้อยที่กำลังหนีด้วยความหวาดกลัว
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ช่วยข้าเร็วเข้า ท่านปู่รังแกข้าอีกแล้ว!” หญิงสาวร้องเสียงดังขณะหลบหนี เสียงใสของนางดังก้องไปทั่วทางเดิน
“เจ้ามันอวดดีเกินไป ข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้าแน่ไม่ว่าใครจะมาช่วยเจ้าในวันนี้ก็ตาม!” เมื่อเห็นผู้เป็นหลานสาวทำตัวเช่นนี้ ใบหน้าของชายชราพลันกลายเป็นถมึงทึง ก่อนที่นักพรตเต๋าหลิงจะรีบไล่ตามนางไป
ในเวลาไม่นาน ปู่และหลานสาวคู่หนึ่งก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เฉินซีมองดูฉากนี้ด้วยความสนุกสนาน ก่อนจะถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “เซวียนอวิ๋น เหตุใดนางจึงปิดหูก่อนหน้านี้?” การกระทำนั้นแปลกประหลาด และทำให้เขาจดจำมันได้
ผู้ดูแลสาวสวยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจเหตุผล นางปิดปากและหัวเราะคิกคักขณะที่พูดว่า “คุณชาย ท่านจะเข้าใจว่าทำไมหลังจากที่ได้ลองหยิกหูนาง”
ในฐานะผู้หญิง นางจึงเข้าใจว่าหญิงสาวที่มีร่างกายพิเศษจะมีจุดที่บอบบางไม่มากก็น้อย เช่น หู คอ ใต้ซี่โครง… หรือแม้กระทั่งในขอบเขตที่มีสถานที่ส่วนตัวมากกว่านั้น
หากมีใครต้องการจัดการกับผู้หญิงคนนั้น การกำหนดเป้าหมายไปยังจุดที่ละเอียดอ่อนนั้น จะทำให้ได้รับผลที่ไม่คาดคิดและน่าอัศจรรย์ยิ่ง
แน่นอนว่าในฐานะผู้หญิง จุดดังกล่าวถึงเป็นของสงวนอย่างยิ่งและจะไม่เปิดเผยได้ง่าย ๆ โดยปกติแล้ว มีเพียงคู่บำเพ็ญที่สนิทสนมเท่านั้นจึงจะรู้ถึงจุดดังกล่าว…
ดังนั้นเซวียนอวิ๋นจึงไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้ มิฉะนั้นจะเป็นการเปิดเผยอีกฝ่ายมากเกินไป
เฉินซีคล้ายเข้าใจบางสิ่งอย่างคลุมเครือ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่แม้เขาจะคุ้นเคยกับผู้หญิงหลายคนในช่วงชีวิตที่ผ่านมา แต่ชายหนุ่มก็เป็นเพียงกระดาษเปล่าในด้านนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดรอยยิ้มของเซวียนอวิ๋นถึงเป็นเช่นนั้น
เฉินซีส่ายหัวและหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาจึงเดินตามเซวียนอวิ๋นมาถึงหน้าห้องรับรองพิเศษในทางเดิน
มีแผ่นทองสัมฤทธิ์แขวนอยู่เหนือประตูห้องรับรองพิเศษ และมีหมายเลขเขียนไว้ ‘007’
…
หลังจากที่เฉินซีเข้าไปในห้องรับรองพิเศษ เขาพลันสังเกตเห็นว่ามันเหมือนโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ในขณะที่ผังอักขระยันต์แขวนไว้ตรงกลางอย่างโดดเด่น
เมื่อเทียบกับม่านแสงในห้องโถงใหญ่ ม่านของที่นี่กว้างกว่า และเส้นยันต์อักขระที่ไหลอยู่ภายในนั้น ก็ทำให้ดูเหมือนทะเลสาบที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ตามข้อมูลที่เซวียนอวิ๋นให้ไว้ ห้องรับรองพิเศษนี้มีเพียงสิบห้องเท่านั้น และมันได้ถูกจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับผู้บ่มเพาะที่น่านับถืออย่างยิ่ง หรือเพื่อให้ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระใช้งานโดยเฉพาะ ดังนั้นแม้มันจะว่างเปล่า ผู้อื่นก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป
เฉินซีมองไปรอบ ๆ ห้องรับรองนี้ ก่อนที่ตัวเขาจะหันไปสนใจวัตถุสองชิ้น
อย่างแรกคือเบาะทำสมาธิที่ถักทอจากกิ่งและใบของต้นหม่อนแห่งความว่างเปล่าในยุคบรรพกาล กับพู่กันสีเขียวสดที่เล็กราวนิ้วก้อยและแผ่สัมผัสที่เย็นเยือกออกมา
วัตถุทั้งสองชิ้นนี้ดูไม่ธรรมดาเมื่อมองแวบแรก เฉินซีนั่งขัดสมาธิบนเบาะ และรู้สึกได้ถึงพลังงานที่เย็นสดชื่นที่ไหลเวียนเข้าไปในจิตใจของเขาทันที ทำให้จิตวิญญาณของชายหนุ่มรู้สึกปลอดโปร่งเบาสบาย
เขาหยิบพู่กันยันต์ขึ้นมาและลูบมันเบา ๆ ซึ่งก็ให้ความรู้สึกสบายมากเช่นเดียวกัน
เฉินซีพอใจมาก เขามาที่ห้องโถงใหญ่เพื่อซ่อมแซมค่ายกลยันต์อักขระ ดังนั้นการทำเช่นนี้ในห้องรับรองพิเศษ จะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาจะไม่ต้องกังวลว่าจะถูกรบกวนจากผู้อื่น
“คุณชาย ม่านแสงนี้แตกต่างจากม่านในห้องโถงใหญ่ มันสามารถแสดงค่ายกลยันต์อักขระที่เสียหายทั้งหมดที่อยู่ภายในหอคอยยันต์อักขระนี้ และท่านสามารถเลือกได้ว่าจะซ่อมแซมค่ายกลส่วนใดก่อน” เซวียนอวิ๋นอธิบายจากด้านข้างด้วยเสียงที่แผ่วเบา “กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณชายสามารถเลือกค่ายกลอักขระยันต์ทั้งสามพันหกร้อยแห่งในห้องโถงใหญ่เพื่อทำการซ่อมแซมได้เจ้าค่ะ”
เฉินซีพูดด้วยความประหลาดใจ “จะเป็นอย่างไรหากค่ายกลอักขระยันต์ที่ข้าเลือก เป็นอันเดียวกับที่เหล่าผู้บ่มเพาะในโถงใหญ่เลือกเช่นกัน”
เซวียนอวิ๋นยิ้มเบา ๆ “คุณชายจะได้รับความสำคัญกว่าแน่นอนเจ้าค่ะ”
เฉินซีพยักหน้า จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีกในขณะที่มุ่งความสนใจไปยังม่านแสงเบื้องหน้า
เซวียนอวิ๋นถอยไปยืนด้านข้างเงียบ ๆ เมื่อนางเห็นสิ่งนี้ จากนั้นหญิงสาวจึงนั่งขัดสมาธิบนพื้น และตราบใดที่เฉินซีมีคำสั่ง นางก็จะดำเนินการทันที ซึ่งนี่เป็นสิทธิพิเศษที่มีเฉพาะแขกผู้มีเกียรติในห้องรับรองพิเศษเท่านั้นที่จะได้รับ
ม่านแสงนี้เป็นเหมือนน้ำตกที่มีโครงสร้างของค่ายกลยันต์อักขระอยู่อย่างหนาแน่น ดั่งสายน้ำไหลที่มิอาจคำนวณหาต้นปลาย
แผ่นหลังของเฉินซีเหยียดตรง ในขณะที่จิตใจของเขาปลอดโปร่ง และดวงตาของชายหนุ่มก็จับจ้องไปที่ค่ายกลอักขระยันต์ที่เสียหายจำนวนมากซึ่งปรากฏขึ้นบนม่านนั้น ขณะที่ตัวเขาจมดิ่งลงไปในนั้นอย่างรวดเร็ว
ขวับ! ขวับ!
ปลายพู่กันสะบัดไปมาเหมือนงูที่น่ากลัวในพงหญ้า และดูคล้ายสายฟ้าฟาดที่ตวัดเกี่ยวพันไปมาในหมู่เมฆ มันเผยให้เห็นถึงฝีมืออันไม่ธรรมดาของเฉินซี!
อักขระยันต์ที่มีชีวิตชีวาจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นอย่างราบรื่นและงดงามบนม่านแสง ดั่งน้ำหมึกที่แผ่กระจายบนแผ่นกระดาษ ทำให้เส้นสายที่ลึกซึ้งและเป็นธรรมชาติลอยขึ้นบนม่านแสง
ยามใดที่ศึกษาเต๋าแห่งยันต์อักขระ เฉินซีก็จะจมดิ่งอยู่ในโลกของเขา และจะสูญเสียการรับรู้ไปโดยสิ้นเชิง กระทั่งกลายเป็นคนไร้ความรู้สึก ในสายตาของเฉินซี ค่ายกลอักขระยันต์ที่เสียหายจำนวนมากเป็นเหมือนกำแพงอันแข็งแกร่งที่วางอยู่ตรงหน้า และทุกแห่งที่เขาตอบโต้ มันก็ให้ความรู้สึกตื่นเต้นยิ่ง
นั่นคือความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่รัก!
นอกจากนี้ ความชื่นชอบในเต๋าแห่งอักขระยันต์ยังประทับลึกอยู่ในกระดูกดำของชายหนุ่ม
การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็ว แม่นยำ เฉียบขาด และราบรื่นที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ทำให้ดวงตาของเซวียนอวิ๋นค่อย ๆ เบิกกว้างออก จนกระทั่งถึงยามที่ใบหน้าของหญิงสาวได้เผยความตกตะลึงออกมาอย่างไม่อาจควบคุม
ทักษะฝีแปรงเช่นนี้มัน… สุดยอดยิ่งนัก!
เซวียนอวิ๋นทำหน้าที่ให้บริการในห้องรับรองพิเศษนี้มาโดยตลอด นางจึงเคยเห็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระมานับไม่ถ้วน และมีหลายคนที่อายุน้อยเช่นเฉินซี แต่ไม่มีสักคนเดียวที่สามารถใช้พู่กันได้ในระดับที่น่าตกใจเช่นเขา!
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณชายท่านนี้เป็นปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระจริง ๆ?
จู่ ๆ เซวียนอวิ๋นพลันนึกขึ้นได้ว่า หลิงชิงโม่เคยเรียกเฉินซีว่า ‘ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระ’ ที่ทางเดินก่อนหน้านี้…
นางค่อย ๆ เลิกคิดเรื่องนั้น และจ้องไปที่ม่านแสง จนกระทั่งพานลืมทุกสิ่งรอบตัวไปโดยสมบูรณ์
จากมุมของนาง ค่ายกลยันต์อักขระที่สมบูรณ์แบบได้ปรากฏขึ้นบนม่านแสงทุก ๆ สิบลมหายใจ ซึ่งหญิงสาวก็เข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือค่ายกลยันต์อักขระที่เสียหายจำนวนมากซึ่งได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว
แต่…ความเร็วนี้มันไม่น่าประหลาดใจเกินไปหรือ?
ปากเล็ก ๆ ของเซวียนอวิ๋นอ้าค้าง นางตกใจมากเสียจนจิตใจว่างเปล่าเลยทีเดียว
ปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระ!
เขาต้องเป็นปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระอย่างแน่นอน!
…
ณ มุมตะวันตกเฉียงเหนือของห้องโถงใหญ่ ภายในห้องทางด้านหลังอันกว้างขวางมีม่านแสงขนาดมหึมาลอยอยู่ที่นั่นและวูบไหวไม่หยุด
เมื่อมองอย่างระมัดระวัง ม่านแสงนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างน่าประหลาด โดยแบ่งเป็นส่วนของห้องโถงหลักและห้องรับรองพิเศษ
ใต้ป้ายห้องรับรองพิเศษมีหมายเลขเรียงกันสิบห้อง ตั้งแต่ 001 ถึง 0010
และใต้ฉลากสำหรับห้องโถงใหญ่มีหมายเลขสามพันหกร้อยตำแหน่งที่แสดงไว้เช่นกัน อีกทั้งยังแสดงไว้อย่างเป็นระเบียบและชัดเจนตั้งแต่หนึ่งถึงสามพันหกร้อย
ตัวเลขเหล่านี้แสดงบนทุกม่านแสงในห้องโถงใหญ่และห้องรับรองพิเศษ ซึ่งใต้ตัวเลขเหล่านี้คือกลุ่มตัวเลขรองที่เคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน
ตัวเลขรองเหล่านี้แสดงถึงพลังธรรมเทพ และตัวเลขตัวเดียวแทนดาวหนึ่งดวง
ในขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ของโถงอันดับเก้ากำลังนั่งตัวตรงเบื้องหน้าม่านแสงนี้ ขณะใช้แผ่นหยกในมือเพื่อกู้คืนการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขบนม่านแสงอย่างระมัดระวัง
มีการแบ่งงานกันทำ บางคนรับผิดชอบในการบันทึกห้องรับรองพิเศษ บางคนรับผิดชอบในการบันทึกตามหมายเลขในห้องโถงใหญ่ และพวกเขาจะใช้แผ่นหยกเพื่อบันทึกทุกการเปลี่ยนแปลงบนม่านแสง
พวกเขาทำสิ่งนี้เพื่อวิเคราะห์ความสำเร็จของบรรดาผู้ที่ซ่อมแซมค่ายกลยันต์อักขระ และความสามารถในการซ่อมแซมหอคอยอย่างแม่นยำ
ตัวอย่างเช่น ดาวยี่สิบสี่ดวงแสดงอยู่ใต้ตัวเลขที่แสดงถึงหมายเลขสี่ร้อยหกในห้องโถงใหญ่ แต่อีกฝ่ายใช้เวลาสามวันเพื่อรับพลังธรรมเทพจำนวนนี้ ดังนั้นจึงสามารถตัดสินได้ว่าระดับของคนผู้นี้อยู่ในระดับธรรมดาเท่านั้นและไม่คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจ
มีเพียงปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่ใช้ช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อรับพลังธรรมเทพจำนวนมากเท่านั้นที่จะเป็นจุดสนใจของพวกเขา และตราบเท่าที่พวกเขาสังเกตเห็นคนผู้นั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ของโถงอันดับที่เก้าก็จะใช้ความพยายามอย่างมากในการผูกสัมพันธ์
เพราะไม่ว่าอาชีพใดในโลกนี้ กลุ่มคนที่สามารถบรรลุสู่จุดสูงสุดได้ก็คือสิ่งมีชีวิตที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงมากที่สุดตลอดกาล และถ้าพวกเขาสามารถผูกมัดเป็นหนึ่งเดียวได้ เมื่อนั้นผลประโยชน์นับไม่ถ้วนย่อมเข้ามา
โดยเฉพาะสำหรับโถงอันดับที่เก้า เพราะพวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งผู้มีความสามารถสูงสุดในเต๋าแห่งยันต์อักขระไปยังสี่ตระกูลใหญ่ ดังนั้นการวิเคราะห์ตัวเลขบนม่านแสงโดยละเอียดจึงกลายเป็นงานประจำวันของเจ้าหน้าที่เหล่านี้
“เอ๊ะ! การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขนี้รวดเร็วมาก!” ทันใดนั้น เสียงประหลาดใจและงุนงงก็ดังขึ้น จนทำลายความเงียบในห้องไป
“ลวี่อิง เจ้าเอะอะเสียงดังเรื่องอันใด!?” มีคนไม่พอใจและตำหนิ
ชายหนุ่มที่ชื่อลวี่อิงดูราวกับไม่ได้รู้ตัว ดวงตาของอีกฝ่ายกำลังจับจ้องไปที่หมายเลขที่รับผิดชอบ ในขณะที่ความตกใจเพียงเล็กน้อยได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องออกมาโดยไม่อาจควบคุม “สวรรค์! ความเร็วนี้เป็นเพียง… เพียงแค่…”
หลังจากสำลักคำพูดเป็นเวลานาน ใบหน้าของเจ้าตัวพลันกลายเป็นแดงระเรื่อ แต่เขาก็ไม่สามารถหาคำที่เหมาะสมมาอธิบายได้
“ลวี่อิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ในขณะนี้ คนอื่น ๆ เริ่มตื่นตระหนกบ้างแล้ว และพากันหันมาให้ความสนใจ
เมื่อพวกเขาพบเห็นสิ่งเดียวกับที่ลวี่อิงมองเห็น ใบหน้าของพวกเขาก็แข็งทื่อทันที ในขณะที่ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง และปากของพวกเขาก็อ้าค้าง ทำหน้าราวกับเห็นผี!