บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 844 คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว
บทที่ 844 คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว
บทที่ 844 คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว
ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากห้องโถง เหลียงปิงพลันปล่อยมือของนาง และแยกตัวออกจากเฉินซีอย่างสง่างาม ก่อนจะเดินเคียงข้างเขาไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว
ห่างไกลออกไป มีศาลาถูกจัดเรียงเป็นแถวอย่างเรียบร้อยซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้อันเก่าแก่ เงียบสงบ และสง่างาม
ในตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว ดวงอาทิตย์ที่กำลังตกทอประกายแสงสีส้มออกมาปกคลุมดอกไม้และสมุนไพรทั้งสองด้านของเส้นทางด้วยชั้นแสงสีแดงที่น่าหลงใหล
ความรู้สึกสูญเสียเล็กน้อยที่มองไม่เห็นวาบขึ้นในใจของเฉินซี ก่อนที่เขาจะกลับมาเป็นปกติ “ในเมื่อเจ้าไม่ชอบ เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธเขาไปตรง ๆ เล่า?”
เหลียงปิงขมวดคิ้ว ราวกับนางไม่เต็มใจจะพูดคุยเรื่องนี้กับเฉินซี แต่คิ้วของหญิงสาวก็คลายลงอย่างรวดเร็วขณะที่พูดว่า “ตอนนี้ข้าอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถพูดเช่นนั้นออกไปตรง ๆ ได้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความเย็นชาพลันปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของนาง “แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป หากเฟิงหลูหยางต้องการหาเรื่องเจ้า ข้าจะให้เขาจ่ายชดใช้ในราคาที่เขาไม่อาจทนได้ ข้าแค่หวังว่าเขาจะฉลาดขึ้นเล็กน้อยและหยุดก่อนที่มันจะเลยเถิดไปกว่านี้”
เฉินซีไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเห็นแล้วว่าเหลียงปิงไม่ต้องการคุยเรื่องนี้กับตน เพราะถึงอย่างไร พวกเขาสองคนก็ไม่ใช่คนคุ้นเคยกัน ดังนั้นการพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ถ้ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา ก็ค่อนข้างไม่เหมาะสมนัก
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอายุเท่าไร?” เหลียงปิงถามอย่างกะทันหัน
เฉินซีตกใจ ก่อนจะมองนางด้วยความสงสัยแล้วส่ายหัว
“ข้าได้พบกับอาหลีของเจ้าเมื่อ 1,936 ปีก่อน และข้ารับช่วงควบคุมกองกำลังของตระกูลเหลียงในพิภพยันต์อักขระต่อจากพ่อของข้าเมื่อสี่ร้อยปีที่แล้ว”
เหลียงปิงกอดอกด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะที่เสื้อผ้าซึ่งรัดรูปของนางทำให้ส่วนโค้งของรูปร่างและเอวที่เพรียวบางถูกเปิดเผยอย่างเต็มที่ ราวกับปีศาจที่เปี่ยมเสน่ห์ชวนสั่นคลอนหัวใจและจิตวิญญาณ
นางเม้มปากสีแดงมีเสน่ห์ของตนเองเบา ๆ ดวงตาใสของหญิงสาวจ้องมองไปยังระยะไกลและพูดอย่างเฉยเมย “หลายปีที่ผ่านมา ตลอดช่วงชีวิตของข้าได้เห็นอัจฉริยะอายุน้อยทุกประเภทจากภพเซียน ภพมนุษย์ และยมโลกมานับไม่ถ้วน แต่สุดท้าย ข้าก็พบว่าผู้ชายที่สามารถดึงดูดความสนใจของข้าได้จำต้องมีจุดสำคัญอย่างน้อยสองจุด แต่โชคไม่ดีที่จนถึงตอนนี้ ข้ายังไม่เคยเจอผู้ชายแบบนั้นเลย นายน้อยเฟิงหลูหยางจากภพเซียนผู้นั้นนับว่ายังห่างไกลอยู่มาก”
เฉินซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “สองจุดไหน?”
เหลียงปิงไม่ได้ปกปิดมันและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ประการแรก เขาจะต้องสามารถทำให้ข้ารู้สึกว่าถูกกดข่มได้ ประการที่สอง ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความสามารถ เขาจะต้องอยูุ่เหนือกว่าและปราบข้าได้อย่างสมบูรณ์”
เฉินซีตกตะลึง เขาไม่เคยคาดคิดว่าเหลียงปิงจะมีความคิดแปลก ๆ ในการเลือกคู่ครองของตน การรู้สึกว่าถูกกดข่มนั้นสำคัญจริงหรือ?
เขารู้สึกว่าการรับรู้ของหญิงสาวดูค่อนข้างผิดปกติ…
จู่ ๆ นางก็หันกลับมามองเฉินซี “เจ้าจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่ข้ากล่าวเมื่อครู่ไปก็ได้”
ความหมายในคำพูดของนางคือ เจ้ายังห่างไกลจากสิ่งที่ข้ากล่าว และเป็นเพราะข้าไม่สนใจเจ้า หรือบางทีเพราะเจ้าทำให้ข้ารู้สึกสนใจไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกสิ่งเหล่านี้กับเจ้า
ไม่ว่าเฉินซีจะเป็นคนโง่หรือไม่ คำถามนี้ก็ยังคงนับว่าโง่เขลาเกินไป
แน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจสิ่งที่นางกล่าวดี จึงลูบจมูกในขณะที่คิดในใจด้วยความขบขันเล็กน้อย ‘ข้าไม่ได้นิสัยเสียขนาดนั้น ข้ายึดถือว่าผู้หญิงเป็นเป้าหมายที่ต้องพิชิต ถ้าอยากให้พิชิต มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีอารมณ์ทำหรือไม่…’
“เจ้าสามารถอยู่ที่นี่และพักผ่อนได้เต็มที่ หากต้องการจะออกจากที่พัก เจ้าสามารถขอให้ลุงหลานไปกับเจ้าได้ แม้ว่ามณฑลจักรพรรดิตะวันออกจะเป็นอาณาเขตของข้า แต่ตอนนี้เพราะการเปิดตัวของเจดีย์ต้าเหยี่ยน ทำให้ผู้คนทุกประเภทเข้ามายังเมืองนี้ ดังนั้นเจ้าควรระมัดระวังไว้หน่อยจะดีกว่า”
เหลียงปิงหยุดอยู่ตรงหน้าศาลาที่สร้างจากไม้ไผ่สีเขียวหยก จากนั้นนางจึงหันไปมองเฉินซี “ในใจของข้า เจ้าสำคัญกว่าคนอื่นมาก แน่นอน เจ้าไม่ควรเข้าใจผิดว่าข้าหมายความเป็นอื่น”
ทันทีที่พูดจบ เหลียงปิงพลันหันหลังกลับและจากไป
เฉินซียักไหล่ จากนั้นเขาก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในศาลาหลังเล็ก หลังจากที่ร่างบางและสง่างามของเหลียงปิงหายลับไปจากสายตา
…
ภายในพื้นที่ที่มีภูมิทัศน์งดงามทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลจักรพรรดิตะวันออก
หลัวจื่อเซวียนยกยิ้มที่มุมปากของเขา ในขณะที่จ้องมองไปยังเหล่านายน้อยและคุณหนูจากภพเซียนที่กำลังดื่มกินอย่างสนุกสนาน
นายน้อยและคุณหนูจากภพเซียนเหล่านี้มีทั้งหมดห้าคน ชายสี่คน หญิงหนึ่งคน พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นแขกผู้มีเกียรติที่หลัวจื่อเซวียนเชิญมาด้วยความยากลำบาก ทุกคนต่างก็เป็นตัวตนที่ยอดเยี่ยมจากภพเซียน และมีเบื้องหลังอันยิ่งใหญ่ให้พึ่งพา
ดังนั้นหลัวจื่อเซวียนจึงได้ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับลูกหลานเซียนเหล่านี้อย่างเต็มที่ และเกรงกลัวอย่างยิ่งว่าจะเผลอพลั้งละเลยพวกเขาไป
ตัวอย่างเช่น คฤหาสน์หรูหราที่อยู่ตรงหน้าแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นที่ตระกูลหลัวก่อสร้างขึ้น และถูกซ่อนไว้อย่างดีในมณฑลจักรพรรดิตะวันออก ถ้าไม่ใช่เพื่อความสำเร็จของปฏิบัติการครั้งนี้ หลัวจื่อเซวียนย่อมจะไม่ใช้ประโยชน์จากสถานที่นี้เด็ดขาด
เพราะถึงอย่างไร ที่นี่ก็คืออาณาเขตของตระกูลเหลียง ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะทำให้ฐานที่มั่นแห่งนี้ถูกทำลายลงได้
“ศิษย์น้องหลัว เราจะไปหาผู้หญิงคนนั้นได้เมื่อไรหรือ?” ชายหนุ่มที่สวมเสื้อคลุมหลากสีงดงามยิ้มกว้างขณะที่ถามออกมา
“ศิษย์พี่หนาน โปรดอดใจรออีกสักสองวัน เราเพิ่งมาถึงมณฑลจักรพรรดิตะวันออก มันจึงไม่สายเกินไปที่ศิษย์พี่หนานจะลงมือ หลังจากที่ข้าตรวจสอบทุกอย่างแล้ว”
หลัวจื่อเซวียนตอบอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มในชุดคลุมหลากสีคนนี้มีชื่อว่าหนานซิ่วชง เป็นคนที่มีภูมิหลังและความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่คนทั้งห้านี้ จนแม้แต่ตัวเขาที่เป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลัว ทว่าหลัวจื่อเซวียนก็ยังไม่กล้าไม่เคารพอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
“โอ้?” หนานซิ่วชงยิ้มอย่างมีเลศนัยและพยักหน้า “เอาล่ะ เราจะเดินทางไปยังตระกูลเหลียงกันหลังจากที่ศิษย์น้องหลัวจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
หลัวจื่อเซวียนรีบขอบคุณอย่างรวดเร็ว
“แต่ข้าได้ยินมาว่าเหลียงปิงคนนั้นอยู่ในขอบเขตเซียนลึกลับอย่างนั้นหรือ?” ผู้หญิงที่เย็นชาและหยิ่งผยองที่อยู่อีกด้านหนึ่งกล่าวขึ้น
นางสวมชุดกงจวงสีฟ้าที่มีชายเสื้อที่ไม่เหมือนใคร มันมีลักษณะเหมือนกลีบดอกไม้ที่ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ คล้ายดอกบัวที่บานกลับหัว นางแต่งตัวเหมือนสตรีผู้สูงศักดิ์ รูปร่างหน้าตางดงามมาก แต่ปลายคิ้วและหางตากลับเย็นชาและเฉยเมยเสียจนไม่น่าเข้าใกล้
หัวใจของหลัวจื่อเซวียนสั่นสะท้าน แต่เขาพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้องแล้ว”
คุณหนูผู้นี้มีนามว่าเหวินเหรินเยี่ย ต้นกำเนิดของนางนั้นค่อนข้างลึกลับ ว่ากันว่านางเป็นลูกหลานของเผ่าโบราณในภพเซียน ก่อนหน้านี้หนานซิ่วชงถึงขนาดสั่งตัวเขาอย่างจริงจังว่าต้องปฏิบัติต่อหญิงสาวคนนี้อย่างดี และระมัดระวังเป็นพิเศษ
ดังนั้นเมื่อได้ยินนางถาม หลัวจื่อเซวียนจึงไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย
หนานซิ่วชงที่อยู่ใกล้เคียงหัวเราะเบา ๆ “เท่าที่ข้ารู้ แม่นางน้ำแข็งคนงามผู้นั้นมีอายุยืนยาวมานับพันปี ด้วยภูมิหลังของตระกูลเหลียง ทั้งทรัพยากรและเงินตรา การจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนลึกลับย่อมเป็นเรื่องปกติ”
“ฮ่า ๆ เช่นนั้นนางก็เป็นหญิงชราแล้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะเสียงดัง
คนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
หลัวจื่อเซวียนที่ได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจและรำคาญ หากเหลียงปิงเป็นหญิงชรา แล้วเช่นนั้นเขาเป็นอะไร คนโง่ตาบอดที่ต้องการแต่งงานกับหญิงชราหรือไร?
“เจ้าคิดผิดแล้ว สำหรับผู้บ่มเพาะอายุย่อมไม่ใช่ปัญหา ยิ่งกว่านั้น ในภพเซียน ท่ามกลางบรรดาวัตถุโบราณที่มีอายุยืนยาวกว่าหมื่นปีเองก็มีสตรีที่งดงามดุจสาววัยเยาว์อยู่ไม่น้อย”
เหวินเหรินเยี่ยทัดผมสีดำขลับไว้ที่ข้างหูของนาง และพูดอย่างเฉยเมยว่า “โดยเฉพาะการบ่มเพาะของนางที่ท่ามกลางผู้คนในที่แห่งนี้ ยังไม่มีใครเทียบเคียงกับนางได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของคนอื่น ๆ พลันกลายเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย
เหวินเหรินเยี่ยกำลังพูดความจริง แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการเคารพในฐานะลูกหลานของเซียน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเทียบกับเหลียงปิงได้เลย เนื่องจากเวลาในการบ่มเพาะที่สั้นกว่า แม้แต่หนานซิ่วชงซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่เพียงขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่เท่านั้น
“ฮึ่ม! ระดับการบ่มเพาะสูงแล้วอย่างไร? แม้นางจะอยู่ขอบเขตเซียนทองคำ นางก็ต้องยอมจำนนต่อพลังที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี!” ชายหนุ่มแค่นเสียงเย็นและเย่อหยิ่ง
“ถูกต้อง ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเริ่มทำสงครามกับตระกูลเหลียง ทว่าด้วยกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเราแต่ละคน มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหลียงปิงต้องคิดคำนวณให้ดี ก่อนที่จะยอมจำนนโดยดุษณี” อีกคนหนึ่งพูดอย่างมั่นใจ
“พึ่งพาภูมิหลังของเราเพื่อรังแกผู้อื่น? เป็นความคิดที่ดี” เหวินเหรินเยี่ยพยักหน้าด้วยท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่ง ปราศจากความละอายอย่างสิ้นเชิง
สำหรับลูกหลานของเซียนเช่นพวกเขา มันคงเป็นเรื่องงี่เง่าหากมีอำนาจแต่ไม่ได้ใช้มัน
หลัวจื่อเซวียนลอบเห็นด้วยในใจ นายน้อยและคุณหนูจากภพเซียนเหล่านี้นับว่าไม่โง่ อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็รู้ว่าสิ่งที่พึ่งพาได้มากที่สุดคือพลังที่อยู่เบื้องหลัง
และสิ่งที่เขาให้ความสำคัญก็คือสิ่งนี้!
หนานซิ่วชงหัวเราะอย่างสบาย ๆ ขณะที่พูดอย่างไม่เร่งรีบ “เซียนลึกลับ? ฮ่า ๆ ถ้ามันเป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายจริง ๆ มันก็ไม่แน่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
คำพูดของหนานซิ่วชงเต็มไปด้วยความมั่นใจและความเย่อหยิ่ง ราวกับเขาได้รับชัยชนะมาแล้ว
หลัวจื่อเซวียนตกตะลึง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น ๆ และพบว่าการแสดงออกของพวกเขาค่อนข้างผ่อนคลาย ทั้งยังดูไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่ตัวหลัวจื่อเซวียนจะเข้าใจในทันทีว่า นายน้อยและคุณหนูจากภพเซียนเหล่านี้อาจถือไพ่ตายบางอย่างไว้กับตัว ซึ่งมันเพียงพอที่จะทำให้เซียนลึกลับอย่างเหลียงปิงต้องหวาดกลัว!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลัวจื่อเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นี่คือความแตกต่างด้านทรัพยากรและความแข็งแกร่งของภูมิหลัง ในภพมนุษย์ ใครจะกล้าเผชิญหน้ากับเซียนลึกลับเช่นนี้กัน?
ไม่ต้องพูดถึงเซียนลึกลับ เพียงเซียนสวรรค์ก็ไม่มีใครกล้ารุกรานแล้ว!
ทันใดนั้น คนรับใช้ที่ยืนอยู่ไกล ๆ ผู้หนึ่งก็มองมาทางหลัวจื่อเซวียนอย่างมีความหมาย ทว่าเขาไม่ขยับหรือเปลี่ยนแปลงท่าที เพียงลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินผละออกมา
“พูด!” ท่าทางของหลัวจื่อเซวียนเปลี่ยนไปทันที เมื่อเผชิญหน้ากับคนรับใช้จากตระกูลของตนเอง เขาจึงเผยท่าทีเอาแต่ใจ เย่อหยิ่ง และเจ้ากี้เจ้าการออกมา
“นายน้อย ข้าเพิ่งได้รับข่าวว่าเหลียงปิงนำกองกำลังของนางไปทักทายชายหนุ่มผู้หนึ่งด้วยตัวเองทางด้านนอกเมือง เมื่อยามเที่ยงวันนี้ ดูจากรูปร่างหน้าตาของเขา คนผู้นั้นน่าจะเป็นเฉินซี” คนใช้พูดเสียงเบา
“เฉินซี?” หลัวจื่อเซวียนสับสน เขาจำชื่อนี้ไม่ได้
“เป็นสหายผู้ทำลายกลุ่มวิญญาณทมิฬในเมืองนกนางแอ่นแดงขอรับ” คนรับใช้อธิบาย “แม้เด็กคนนั้นจะอ่อนแอ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสำคัญต่อเหลียงปิงมาก บางทีในการปฏิบัติการครั้งนี้ เราอาจเริ่มจากเขา!”
“เป็นเขา!”
ดวงตาของหลัวจื่อเซวียนเป็นประกาย หลังจากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็พูดขึ้น “ไปตรวจสอบรายละเอียดของเด็กคนนี้มา ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเขาอย่างใกล้ชิด และรายงานให้ข้าทราบทันทีที่มีโอกาส”
“ขอรับ!” คนรับใช้เดินออกไป
“เฉินซี…”
หลัวจื่อเซวียนตกอยู่ในความคิด ‘เขาเป็นเพียงเด็กน้อยระดับขอบเขตสถิตกายาผู้หนึ่ง แต่กลับได้รับความโปรดปรานจากสุนัขตัวเมียเหลียงปิง? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีความลับบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? แต่ไม่เป็นไร หลังจากที่ข้าจับเจ้าตัวน้อยนี่ได้ บางทีเราอาจจะค้นพบทุกอย่าง ถึงเวลานั้น เมื่อข้าไปเยือนหน้าประตูพร้อมนายน้อยจากภพเซียน นางยังจะกล้าปฏิเสธข้าอยู่อีกหรือไม่?’
ในเวลาเดียวกัน เทียบเชิญสีทองอันงดงามพลันปรากฏขึ้นภายในห้องของเฉินซี เขาประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าเมื่อเปิดออกดูชายหนุ่มก็เข้าใจในทันที ก่อนที่ความรู้สึกหมดหนทางจะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาพร้อมความคิดสายหนึ่งในใจ…
ความสามารถในการควบคุมตนเองของสหายคนนี้ …ช่างย่ำแย่เสียเหลือเกิน!