บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 896 จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซู
บทที่ 896 จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซู
บทที่ 896 จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซู
ท้องนภาสีสดถูกปกคลุมด้วยม่านรัตติกาลอันดำสนิทราวกับน้ำหมึก ทำให้พื้นที่ในรัศมีหมื่นลี้ตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
อากาศ ฝุ่นควัน ภูเขา แผ่นดิน และแม้แต่สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่อาศัยอยู่ภายในดินแดนแห่งนี้คล้ายกับถูกแช่แข็ง ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าทำให้เฉินซีคล้ายกับเห็นภาพลวงว่าเวลาและอากาศถูกหยุดไว้กับที่
ขณะที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงพลังกดดันค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเงียบ ๆ บีบคั้นวิญญาณของเขาให้จวนจะระเบิด!
ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้น สีหน้าของคนอื่น ๆ บนเรือเหาะต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เม็ดเหงื่อมากมายไหลโซมกาย จนเสื้อผ้าของทุกคนเปียกโชก
สิ่งนี้เป็นแรงกดดันที่เกิดจากความมุ่งมั่นอันแรงกล้า มันน่าเกรงขามเสียจนเฉินซียังรู้สึกหวาดกลัวและลนลาน
ผู้ใดกำลังมากัน?
ฟิ้ว!
ราตรีนิรันดร์ที่ปกคลุมท้องฟ้าดารดาษไปด้วยฟองคลื่นที่อ่อนโยนราวกระแสน้ำ เมื่อพวกมันล่องลอยมาชนกันก็พลันแตกตัวกลางอากาศ
บนฟองคลื่นนั้นปรากฏร่างของบุรุษในอาภรณ์สีดำ
ใบหน้าของอีกฝ่ายงดงามราวสตรีเพศ ริมฝีปากสีแดงระเรื่อได้รูปปานถูกแกะสลักอย่างประณีต คิ้วเรียวเล็กและโก่งงอนราวใบหลิว แม้แต่ผิวพรรณก็ยังดูเนียนเปล่งปลั่ง
ทว่าดวงตากลับแผ่กลิ่นอายโบราณเก่าแก่ มันทั้งเยือกเย็นและไร้ความรู้สึก ราวกับว่าเจ้าตัวได้ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างหวาดกลัวสุดจะพรรณนา
อีกฝ่ายยืนอยู่ท่ามกลางม่านราตรีอันมืดมิด เหยียบย่างบนฟองคลื่น ท่วงท่าที่เอามือไพล่หลังขณะเดินดูแล้วคล้ายกับจักรพรรดิแห่งความมืดที่สามารถโยนทุกสรรพสิ่งบนโลกลงสู่หุบเหวแห่งความมืดดำได้ในชั่วพริบตา
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซู!” อาซิ่วตะโกนเสียงดัง ขณะเผยสีหน้าจริงจังออกมา
ดวงตาของชายหนุ่มในชุดสีดำหรี่ลงคล้ายใบมีดคม ทอประกายเงาสีแดงสดขณะจับจ้องไปทางอาซิ่ว และพูดขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ไม่คาดเลยว่าจะมีคนจำข้าได้หลังจากผ่านมาหลายปีเช่นนี้”
เสียงของเขากังวานดังเหล็กกล้า ทว่ามันช่างดูขัดแย้งยิ่งนัก เมื่อต้นทางของเสียงมาจากเจ้าของใบหน้าที่คล้ายกับผู้หญิง!
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซู!
เฉินซีหัวใจกระตุกไหว ชายหนุ่มรูปงามผู้นี้คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพจริง ๆ หรือ!?
เมื่อหลายปีก่อน ณ ด่านแห่งความลึกล้ำในเหวเงาทมิฬ ครั้งหนึ่งเฉินซีเคยได้พบกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพที่มีผมขาวราวหิมะ ในตอนนั้น… แม้แต่การรวมพลังของหม้อใบจิ๋วและจักรพรรดิมดก็ยังไม่อาจหยุดยั้งอีกฝ่ายไม่ให้หนีได้!
ตั้งแต่นั้นมา ชายหนุ่มก็พยายามทำความเข้าใจข้อมูลที่แสนคลุมเครือเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพ …ว่าพวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ทรงพลังยิ่งกว่าตัวตนในขอบเขตเซียนสวรรค์เสียอีก!
ความเข้าใจนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกหนักอึ้งในใจอย่างมาก เขาตกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าผู้เป็นดั่งจักรพรรดิแห่งความมืด ที่แท้แล้วเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพ!
เหตุใดตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จึงได้อยู่ที่นี่กัน?
เฉินซีพยายามสงบสติอารมณ์ อย่างไรเสียไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็รู้ดีว่าหากอีกฝ่ายต้องการฆ่าล้างทุกคนที่นี่ คนผู้นี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวเองแม้แต่น้อย
“ในบรรดาจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพทั้งเก้า กุ้ยซูเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ เขามีพลังที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ในช่วงบรรพกาล เขาถูกกักขังไว้ในเกาะไร้ขอบเขต …ข้าไม่คิดมาก่อนว่าจะหลบหนีออกมาได้” หม้อใบจิ๋วโพล่งขึ้นมา น้ำเสียงอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเกลียดชังเปี่ยมล้น “เจ้าต้องระวังตัวไว้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เขาก็ยังสามารถปลิดชีวิตพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ความแข็งแกร่งของข้ายังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ดังนั้นจึงไม่อาจช่วยเหลืออะไรเจ้าได้ และหากเจ้าต้องการโอกาสที่จะมีชีวิตรอด เช่นนั้นก็จงพึ่งพาสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างเจ้าคนนั้นเสีย”
เสียงของหม้อใบจิ๋วทำให้หัวใจของเฉินซีตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แม้ว่าเขาจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของอาซิ่ว ทว่าตัวชายหนุ่มก็ยังลังเลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต่างพิภพ
“ถ้าข้าจำไม่ผิด ความแข็งแกร่งของตัวเจ้าภายใต้เต๋าแห่งสวรรค์ของสามภพนี้ดูจะยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ แต่เจ้ากลับกล้าเสนอหน้าออกมา หรือว่าเจ้าไม่กลัวจะได้พบกับผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพกัน?” อาซิ่วพูดขึ้น สีหน้าของนางจริงจัง ความร่าเริงไร้เดียงสาที่เคยมีก่อนหน้านี้สลายสิ้น เหลือแต่เพียงจิตสังหารที่แผ่ออกมาผ่านดวงตาที่ทอประกายเจิดจ้า
“ช่วยไม่ได้ เพื่อทำให้เผ่าพันธุ์ของข้าได้หวนคืน ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้วิชาลับและเปิดเผยตัวเองภายใต้เต๋าแห่งสวรรค์ของภพทั้งสามนี้ก่อนถึงเวลาอันควร แน่นอนว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถสังเกตเห็นข้าได้ภายในหนึ่งเค่อนี้หรอก” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูตอบอย่างใจเย็น สีหน้าของเขาสงบนิ่งอย่างมาก
“แล้วทำไมไม่ลงมือเสียเล่า?” อาซิ่วขมวดคิ้ว
“การฆ่าพวกเจ้าทุกคนหาใช่เรื่องยากอะไร เพียงแต่ลำบากเล็กน้อยที่จะเรียกหุ่นวิญญาณซางจือกลับมา” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูถอนหายใจ สายตาที่มืดหม่นจับจ้องไปยังร่างของซางจือที่อยู่ภายในเรือด้วยสีหน้าซับซ้อน
ทว่าร่างนั้นกลับไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ แม้แต่น้อย อีกฝ่ายยังคงยืนยิ่งไม่ไหวติง
“แม่นาง ปลดพันธนาการจากซางจือเสีย แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป” จักรพรรดิกุ้ยซูจ้องมองยังอาซิ่ว
ทันใดนั้น หญิงสาวก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “ที่แท้ เจ้าก็รู้ดีแก่ใจว่าต่อให้เจ้าฆ่าพวกเราก็เอาเขากลับไปไม่ได้”
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูพยักหน้า สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ ไม่นาน รอยยิ้มเล็ก ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากที่หยักโค้งนั้น “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำตามที่ข้าบอกอย่างแน่นอน”
เขาพูดพลางกวาดสายตาไปยังเฉินซี เหมิงเหวย โม่ย่า และคนอื่น ๆ “หากเจ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่ง ข้าก็ยินดีที่จะจับคนพวกนั้นมาทำหุ่นเชิดวิญญาณทีละตัว”
ผู้ถูกจับจ้องอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลัง คล้ายกับว่าหุบเหวอันไร้สิ้นสุดได้ก่อตัวขึ้นในทะเลแห่งมโนสำนึก และกักขังพวกเขาไว้ท่ามกลางความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ …ซึ่งชวนให้สะท้านหวั่นอย่างยากจะควบคุม!
อาซิ่วยู่ปาก “ขู่ได้เชยชะมัด”
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูยิ้ม “แต่ก็เป็นคำขู่ที่ใช้ได้เสมอ” ขณะที่พูด เขาก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะพึมพำ “เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เร่งมือหน่อย ข้าให้เวลาเจ้าสามอึดใจในการพาซางจือกลับมา”
คล้ายเวลาหยุดนิ่งลงในพลัน
ณ เวลานี้เอง อาซิ่วและจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูได้กลายเป็นตัวละครหลัก ในขณะที่เฉินซีและคนอื่น ๆ เป็นเพียงลูกแกะที่รอเวลาถูกเชือด
ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้เฉินซีอึดอัด ความรู้สึกโกรธที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมาในใจของเขา ตอนนี้ ชายหนุ่มเพิ่งจะรู้ตัวว่า แม้เขาจะบรรลุขอบเขตเซียนปฐพี แต่ก็ยังอ่อนแอไม่ต่างมดปลวกเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ แม้แต่ความหวังที่จะได้ประมืออย่างสมน้ำสมเนื้อก็ยังเป็นความปรารถนาที่เกินจริง!
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจในที่สุดว่า เหตุใดจั่วชิวเสวี่ย แม่ของเขาจึงได้กล่าวเมื่อหลายปีก่อนว่า ตัวเขาควรจะตามหานางก็ต่อเมื่อได้ก้าวขึ้นไปเป็นเซียนสวรรค์เท่านั้น
เพราะท่ามกลางสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนขอบเขตสถิตกายาหรือขอบเขตเซียนปฐพี คนทั้งสองกลุ่มนี้ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีเพียงครั้งเดียวของตัวตนในขอบเขตอันสูงส่งได้!
“เฮ้อ…ข้าคงต้องไปแล้วล่ะ” เสียงของอาซิ่วดังขึ้นข้างหูเฉินซี “อันที่จริง ข้าก็มีลางสังหรณ์อยู่หรอกว่าใกล้ถึงเวลาที่ต้องบอกลาพวกเจ้าแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้…”
เฉินซีชะงัก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นแสงที่ไม่มีสิ้นสุดพุ่งออกมาจากร่างของนาง!
เรือนผมสีดำขลับและชุดสีเขียวพลิ้วไหวตามกระแสลม ใบหน้าเล็กอันมีเสน่ห์ของหญิงสาวฉายชัดถึงความอาวรณ์และโศกเศร้า ก่อนที่ไม่นาน มันจะถูกแทนที่ด้วยความหนักแน่น
แสงที่เรืองรองยิ่งแผ่กระจายกว้าง มันทั้งพร่างพราวและเจิดจ้าดุจแสงอรุณรุ่ง ซึ่งสามารถชะล้างความมืดมิดแห่งราตรีกาล!
ตอนนั้นเอง รัศมีของนางช่างงดงาม ไพศาล และน่าเกรงขามเกินพรรณนา ทั้งฟ้าดินซึ่งเคยถูกปกคลุมด้วยราตรีอันเป็นนิรันดร์ มาตอนนี้มันกลับสว่างไสวอีกครั้ง ท้องฟ้ามืดมนถูกย้อมด้วยสีกระจ่าง สรรพสิ่งโดยรอบฟื้นคืนสู่ชีวิตชีวาด้วยแสงอันเรืองประกาย
ฟิ้ว!
เพียงชั่วพริบตา เฉินซีและคนอื่น ๆ ต่างปวดแสบบริเวณดวงตา พวกเขารู้สึกราวกับถูกแสงนั้นนำพาตัวออกมาจากจุดที่ยืนอยู่
“ข้าไม่นึกเลยว่าความแข็งแกร่งของกระบี่เซวียนหยวนจะถูกผนึกไว้ในร่างกายของนางจริง ๆ…” ดวงตาของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์หรี่ลง ริมฝีปากรูปกระจับของเขาเหยียดยิ้มเหี้ยม “น่าเสียดายที่มันหาใช่กระบี่เซวียนหยวนของจริง ดังนั้นคิดหรือว่าเจ้าจะหนีไปได้?”
เสียงของอีกฝ่ายยังคงลอยล่องอยู่ในอากาศแม้ว่าร่างจะหายไปแล้ว
…
ณ ที่ที่ห่างไกลออกไปยี่สิบหกล้านลี้
ท่ามกลางเทือกเขาที่ทอดยาวสุดสายตาพลันปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่ขึ้นบนผืนฟ้า ไม่นาน เรือเหาะสมบัติก็แทรกตัวออกมาจากรอยแยกนั้นอย่างรวดเร็ว บนเรือนั้นบรรทุกเฉินซีและคนอื่น ๆ ไว้
ทว่าสีหน้าของพวกเขานั้นหดหู่ยิ่ง
อาซิ่วจากไปแล้ว…
เพื่อทำลายอาณาเขตซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซู นางได้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีแม้ต้องแลกด้วยชีวิต แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็มีเพียงส่งพวกเขาออกมาให้พ้นจากอันตรายเท่านั้น
ทุกอย่างเป็นไปตามที่หม้อใบจิ๋วพูดไม่มีผิด
เฉินซีในยามนี้ไม่มีความรู้สึกใดนอกจากโกรธ หวาดกลัว และผิดหวังอย่างถึงที่สุด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดนี้ รวดเร็วเสียจนเขาไม่มีโอกาสได้บอกลานาง!
ฟิ้ว!
ฉับพลันนั้นเอง เรือเหาะสมบัติก็ทะยานออกไปอย่างบ้าคลั่ง
เพลิงโทสะที่รุนแรงนี้หาได้ทำให้เฉินซีสูญสิ้นการใช้เหตุผล ท่าทางของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่งดังสายธาร ในขณะที่ออกแรงเต็มกำลังเพื่อควบคุมเรือให้เดินทางต่อไป
ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ในสักวันหนึ่ง!
ดวงตาของชายหนุ่มเผยให้เห็นถึงประกายคมกริบ
“เจ้าพวกมดปลวกทั้งหลาย อย่าได้ดิ้นรนต่อไปเลย สิ่งใดที่ข้าต้องการ ข้าไม่เคยล้มเหลว ครั้งนี้ก็เช่นนั้น” ทันใดนั้น เสียงที่ทุ้มกังวานของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูก็ดังขึ้นราวฟ้าลั่น
เสียงดังกล่าวคืบคลานมาพร้อมกับความมืดอันไร้ขอบเขต มันลากแผ่นฟ้าทั้งมวลให้เข้าสู่ราตรีนิรันดร์อีกครั้ง
จู่ ๆ เรือเหาะสมบัติก็หยุดเคลื่อนไหว
เนื่องจากร่างสูงได้ปรากฏขึ้นขวางหน้าเรือเหาะเอาไว้ ใบหน้าของคนผู้นั้นงดงามราวสตรี ดวงตาของเขาเยือกเย็น แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครอื่นคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูไม่ผิดแน่!
ตอนนี้เอง หัวใจของเฉินซีพลันชาวาบ นี่พวกเรายังหนีไม่พ้นอีกหรือ?
ผู้คนที่อยู่บนเรือเหาะมีเพียงสายตาสิ้นหวัง ภาพตรงหน้าทำให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูเหยียดยิ้มมุมปาก ราวกับแมวที่รู้สึกเวทนาหนูเป็นอย่างยิ่ง
ซู้ด! ซู้ด!
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งที่น่ารำคาญก็ดังขึ้น มันเหมือนกับเสียงของคนกักฬระที่กำลังซดบะหมี่ชามใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงัด
ใบหน้าอย่างสตรีของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูจริงจังขึ้นเล็กน้อยพลางหันกลับไปมองยังที่ห่างไกล ดวงตาของเจ้าตัวสว่างวาบด้วยแสงสีแดงฉานราวโลหิต “ผู้ใดกัน? ออกไปจากที่นี่ซะ!”
เสียงของเขาหวีดแหลมดั่งพายุที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน ทุกแห่งหนที่คลื่นเสียงเดินทางผ่านไป หินผาล้วนพังทลาย แม้แต่หุบเหวก็เกิดร่องลึกจนเกินหยั่งคะเน
“มารดามันเถอะ! เจ้ามาสั่งให้ข้าออกจากอาณาเขตของตัวเองงั้นรึ? กล้าดียังไง?” ทันใดนั้น กำปั้นมหึมาซึ่งเต็มไปด้วยพลังแห่งฟ้าดินได้ทุบลงไปยังม่านแห่งราตรีนิรันดร์จนแตกกระจาย มันพังทลายลงในพริบตาด้วยหมัดเดียว!