บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 929 ความประหลาดใจ
บทที่ 929 ความประหลาดใจ
บทที่ 929 ความประหลาดใจ
สายฟ้าสีม่วงอมทองเส้นหนาบิดเป็นเกลียวดุจมังกรร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า พวกมันถูกสานเข้าด้วยกัน บังเกิดเป็นกรงแห่งกฎที่ปกคลุมสวรรค์และโลก
เมื่อมองจากระยะไกล มันเหมือนกับมิติแห่งใหม่ที่ถูกฝืนเปิดขึ้นมาในโลก ซึ่งปิงซื่อเทียนเป็นเหมือนกับจ้าวผู้ปกครอง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยปราณเซียนสีม่วงอมทอง ในขณะที่สายฟ้าซึ่งทำหัวใจของทุกคนสั่นไหว ปรากฏอยู่ในสายตาของอีกฝ่าย
ในขณะที่เฉินซีเป็นเหมือนนักโทษหรือคนนอกรีตที่หลงเข้ามาในอาณาจักรของปิงซื่อเทียน!
เฮือก!
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างอ้าปากค้าง เพราะนี่คือศาสตร์เซียนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ศาสตร์เซียนธรรมดาทั่วไป สายฟ้าสีม่วงอมทองเป็นเหมือนน้ำตกที่ไหลลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และทั้งหมดก่อกำเนิดขึ้นมาจากพลังของกฎ เพียงกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างที่แผ่ออกมา ก็ทำให้ร่างกายของผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ หนาวเย็น ในขณะที่ความสยองขวัญผุดขึ้นในหัวใจของพวกเขา
ครืน!
สายฟ้าสีม่วงอมทองฟาดลงมาราวกับแส้ของเทพเจ้า ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องจนแก้วหูของผู้ชมแทบแตก
อานุภาพของมันราวกับสามารถตัดสินโลก และทำลายล้างความชั่วร้ายทั้งหมดได้!
เฉินซีรู้สึกกดดันในขณะที่อยู่ในโลกแห่งสายฟ้านี้ ร่างของเขาเปล่งแสงที่เปลี่ยนเป็นยันต์เทวะทำลายล้าง มันได้ทำลายสายฟ้าสีม่วงอมทองทั้งหมดที่ฟาดลงมาอย่างดุเดือด จนแตกกระจายสลายไป
ในเวลาเดียวกัน ร่างของชายหนุ่มพลันสว่างวาบ พร้อมกับโจมตีเข้าใส่ปิงซื่อเทียน ในขณะที่ระเบิดกระบวนท่าถึงตายออกมา
กรงขังนี้ก่อตัวจากกฎที่สร้างจากสายฟ้าสีม่วงอมทองเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ไม่คุ้นเคยและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มันเป็นกลิ่นอายของกฎ อีกทั้งมันกำลังกำจัดพลังชีวิตและเต๋ารู้แจ้งในร่างกายของเฉินซีอย่างช้า ๆ หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปนานกว่านี้ มันคงมีแต่จะทำให้สถานการณ์ของเขาเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น
ตู้ม!!
ปิงซื่อเทียนจู่โจมด้วยการสะบัดฝ่ามือ และได้แลกกระบวนท่ากับเฉินซีไปมากกว่าร้อยกระบวนท่าในชั่วพริบตา ซึ่งมันทั้งรุนแรงและฉับไวเกินกว่าที่คนอื่นจะตามทันความเร็วของพวกเขาได้
ในระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ พลังของปิงซื่อเทียนได้กดดันเฉินซีอยู่ตลอด เพราะเขาได้ใช้ศาสตร์เต๋าและกฎจากภพเซียน ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งและมีอำนาจสูงส่งกว่าที่เคล็ดวิชาในภพมนุษย์จะสามารถเปรียบเทียบได้
ในทางกลับกัน เคล็ดวิชาต่อสู้และความตั้งใจที่จะต่อสู้ของเฉินซีนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบอย่างแท้จริง ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนจึงอาจกล่าวได้ว่าสูสี
แต่เนื่องจากความจริงที่ว่าชายหนุ่มอยู่ในกรงที่สร้างขึ้นจากกฎ ยิ่งเฉินซีอยู่ในกรงนี้นานเท่าใด เขาก็ยิ่งเสียเปรียบอีกฝ่าย
ปิงซื่อเทียนให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ ดังนั้นตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น เจ้าตัวจึงเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับเฉินซีโดยตรง ประหนึ่งราชาที่เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วอาณาจักร ไม่คิดให้โอกาสเฉินซีได้ใช้ประโยชน์จากมันแม้แต่น้อย
ตู้ม!!
ทันใดนั้น ร่างของเฉินซีสั่นสะท้าน ก่อนที่ยันต์เทวะทองคำเบญจธาตุจะพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งเปลี่ยนเป็นหินโม่ที่อาบไปด้วยแสงเรืองรองห้าสี มันหมุนและส่งเสียงก้องกังวานเมื่อมันพุ่งออกไป
“คิดจะทำลายอาณาเขตเก้าชั้นฟ้าของข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!” ปิงซื่อเทียนล่วงรู้ความตั้งใจของเฉินซี เขากู่คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะเหยียดมือเพื่อฟาดออกไป ราวกับกำลังจับมังกรจากฟากฟ้า ในขณะที่นิ้วซึ่งอาบด้วยแสงของกฎได้ฉีกความว่างเปล่าออกจากกันโดยตรง และคว้าไปที่หัวใจของเฉินซี
ตู้ม!!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ปิงซื่อเทียนประหลาดใจก็คือ ก่อนที่พลังโจมตีของเขาจะไปถึงเฉินซี มันกลับถูกหินโม่ที่ก่อตัวขึ้นจากยันต์เทวะเบญจธาตุทำลายลงไปทีละเล็กทีละน้อย ทำให้มันกลายเป็นสายฝนที่โปรยปรายประกายแสงลงมา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ในพริบตาต่อมา จู่ ๆ หินโม่ก็พุ่งออกมาอย่างกะทันหัน และทะลวงเข้าใส่อย่างรุนแรงจนเกิดเป็นรูมหึมาในสายฟ้าสีม่วงอมทอง
ตู้ม!
สายฟ้าฟาดดังกึกก้องจนสั่นสะท้านแดนดิน ในขณะที่อาณาเขตเก้าชั้นฟ้าของปิงซื่อเทียนพังทลายลงพร้อมกับหินโม่ของธาตุทั้งห้า เสมือนกับว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์แตกเป็นเสี่ยง ๆ จนเกิดคลื่นพลังซัดสาดอย่างรุนแรง และเปลี่ยนเป็นสายฝนแสงที่ปกคลุมท้องฟ้า ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หัวใจของผู้ชมทุกคนสั่นสะท้านเมื่อเห็นสิ่งนี้ และพวกเขาก็แทบจะลืมหายใจ เพราะการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวระดับนี้ ควรจะมีอยู่ในสวรรค์เท่านั้น และเป็นภาพที่หาดูได้ยากในภพมนุษย์!
“ผ่านมากี่ปี่แล้ว? นี่มันสามารถคว้าพลังฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้จริง ๆ และตอนนี้มันอยู่ที่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปดเท่านั้น…” ดวงตาของปิงซื่อเทียนหรี่ลง ในขณะที่ความจริงจังผุดขึ้นในใจของเขา
ช่วงเวลาสั้น ๆ ของการต่อสู้นี้ ทำให้เขาตระหนักได้ว่า มดที่น่ารังเกียจตัวนี้มีพลังที่จะต่อสู้กับเขาได้ และทำให้ปิงซื่อเทียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องละทิ้งความดูถูกในใจไป
“ศาสตร์เซียนและพลังของกฎนั้นก็จัดการได้ยาก แต่ยิ่งมีพลังมากเท่าใดก็ยิ่งมีการบริโภคมากขึ้นเท่านั้น บางทีนี่อาจเป็นโอกาสทองของข้า…” ในขณะเดียวกัน เฉินซีก็วิเคราะห์พลังของปิงซื่อเทียนอย่างใจเย็น
เขาทราบอย่างชัดเจนว่า ช่องว่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างเขากับปิงซื่อเทียนไม่ได้อยู่ที่พลังฝีมือ แต่เป็นความแข็งแกร่งที่มี ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
คนหนึ่งนั้นมีปราณเซียนบริสุทธิ์ที่เป็นของเซียนทองคำ และพลังของกฎที่มีเฉพาะในภพเซียน
ส่วนอีกคนครอบครองเพียงปราณเซียนของขอบเขตเซียนปฐพี และความล้ำลึกของมหาเต๋า
ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองเป็นเหมือนมีดทื่อ ๆ ที่เต็มไปด้วยสนิม และมีดคมกริบที่สามารถตัดเหล็กได้เหมือนโคลน ความแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นชัดเจนยิ่ง
ในพริบตาต่อมา ทั้งคู่ได้แลกหมัดกันอีกครั้ง เป็นการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างแท้จริงในครั้งนี้ พวกเขาทั้งคู่ไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาอีกต่อไป และพวกเขามีเป้าหมายเดียวในใจก็คือ ฆ่าคู่ต่อสู้!
ท่ามกลางการต่อสู้ที่เข้มข้น ปิงซื่อเทียนพลันกู่คำรามขึ้นมา ก่อนที่แสงสีม่วงอมทองอันส่องประกายระยิบระยับจะพุ่งออกมาจากร่างกาย ทำให้ตัวคนดูเหมือนมังกรโบราณที่ตื่นขึ้นจากการจำศีล พลังของกฎห่อหุ้มฝ่ามือ ในขณะที่ปิงซื่อเทียนพุ่งตัวไปข้างหน้า หมายจะฟาดฝ่ามือไปที่เฉินซี!
มันเหมือนกับสายฟ้าที่สามารถทำลายภูเขาได้ ฝ่ามือของปิงซื่อเทียนเป็นเหมือนจักรวาลที่ปกคลุมโลก และแม้มันยังไม่ได้เข้าใกล้เฉินซี ทว่าเสียงเข่นฆ่ากลับดังก้องไปทั่วโลก ราวกับเทพอสูรหลายพันตัวกำลังคำราม จนทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินเกิดความหวาดกลัว
เฉินซีประสบกับแรงกดดันที่ไม่มีใครเทียบได้ทันที มันเหมือนกับการเผชิญหน้ากับภูเขาลูกมหึมาที่กดทับลงมาเสียจนชายหนุ่มหายใจไม่ได้ ทำให้เฉินซีได้สัมผัสกับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่อย่างลึกซึ้ง
“ฆ่า!”
พร้อมกับเสียงตะโกนที่น่ากลัวของปิงซื่อเทียน พลังฝ่ามือได้ระเบิดออกอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ท่วมท้น ภายใต้ฝ่ามือนี้ ทุกสิ่งในโลกดูเหมือนจะใกล้ถูกทำลายล้าง ในขณะที่ทุกสิ่งดูจะถูกลบล้างและเกิดใหม่ ทำให้โลกเต็มไปด้วยความสยดสยอง
การโจมตีครั้งนี้น่ากลัวเกินไป มันมีพลังที่ไร้ขอบเขตและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อต้านหรือหลีกเลี่ยง
ตู้ม!!
เฉินซีต่อต้านการโจมตีครั้งนี้ ทำให้เขาถูกกระแทกด้วยพลังของอีกฝ่าย และแม้จะพยายามใช้มหาเต๋าแห่งการทำลายล้างเข้าต้าน แต่ชายหนุ่มกลับไม่สามารถหยุดร่างกายไม่ให้เซไปข้างหลังได้ รวมถึงมีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา!
“อันใดกัน!? เฉินซีได้รับบาดเจ็บหรือ?” ผู้ชมที่อยู่ในระยะไกลต่างตกใจ
จนถึงจุดนี้ในการต่อสู้ มีผู้ชมเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดได้จนถึงตอนนี้ และมีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดได้
เมื่อเห็นเฉินซีได้รับบาดเจ็บในขณะนี้ คนทั้งหมดพลันรู้สึกหวาดกลัวต่อพลังของปิงซื่อเทียน เพราะทุกคนตระหนักได้แล้วว่า ร่างอวตารของเซียนสวรรค์ธรรมดาทั่วไปนั้นไม่สามารถบรรลุสิ่งนี้ได้
เนื่องจากพลังที่เฉินซีได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ได้มาถึงขีดจำกัดของภพมนุษย์แล้ว เขาจึงเป็นราชันสูงสุดในขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปด และเป็น ‘ขีดจำกัด’ ของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี!
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ?
หมายความว่าชายหนุ่มสามารถบดขยี้กองกำลังทั้งหมดในภพมนุษย์ได้ และตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบรรลุสถานะนี้ได้!
อย่างไรก็ตาม เฉินซีผู้ครอบครองพลังดังกล่าวกลับได้รับบาดเจ็บ และสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ร่างอวตารของปิงซื่อเทียนนั้นมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด
บางทีมันอาจจะตรงกับที่ปิงซื่อเทียนเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ พลังของเขาเกินขีดจำกัดของภพมนุษย์ไปแล้ว ดังนั้นการต่อสู้กับอีกฝ่ายจึงเหมือนกับการพยายามข้ามหุบเหวที่ไม่มีทางข้ามผ่านไปได้
เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของเฉินซี แต่สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง และชายหนุ่มดูจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย
ตุบ!
เขาก้าวเดินผ่านท้องฟ้า ทุกย่างก้าวเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว มันฟังดูเหมือนเสียงกลองศึกของเทพอสูร ท่วงทำนองของมันแผ่วเบาและสั่นคลอนจิตวิญญาณของทุกคนเสียจนใกล้จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของชายหนุ่มยังทวีคูณขึ้นในทุกย่างก้าวที่เขาก้าวไป ในขณะที่ผังอักขระยันต์ที่หนาแน่นและลึกล้ำได้ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้า พวกมันได้ก่อตัวเป็นยันต์เทวะหลายแผ่นที่เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าออกมา
เคล็ดนพก้าวพิฆาตโกลาหล!
อย่างไรก็ตาม ศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดที่มาจากสัจธรรมสวรรค์นั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุก ๆ ย่างก้าวถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหารและแปรเปลี่ยนเป็นยันต์เทวะต่าง ๆ เช่น ยันต์เทวะวิญญาณอสูร ยันต์เทวะวิหคอมตะวายุ ยันต์เทวะอสนีบาตทมิฬและอื่น ๆ อีกมากมาย
ยันต์เทวะทุกชนิดเต็มไปด้วยความลึกล้ำของการสังหาร และพวกมันไหลเวียนท่ามกลางพลังของเต๋าแห่งยันต์อักขระ อานุภาพของมันสามารถฟันหยินหยางแยกออกจากกันและฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งจักรวาล!
แม้แต่ใบหน้าของปิงซื่อเทียนในยามนี้ก็เปลี่ยนไป เพราะพลังนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่ก้าวเดินจะทำให้พลังและกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเฉินซีทวีคูณเป็นสองเท่า อีกทั้งมันยังกดดันมหาเต๋าจนเกิดเสียงดังก้อง ในขณะที่ฟ้าดินกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ดังนั้นปิงซื่อเทียนจึงไม่สามารถทนต่อสิ่งนี้ได้อีกต่อไป เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับผนึกอมตะที่ล้ำลึก ซึ่งปกคลุมด้วยพลังของกฎ ตั้งใจจะทำลายกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเฉินซี และทำให้สองเท้าของอีกฝ่ายพังพินาศ
ตู้ม!!
ทันใดนั้น ร่างของเฉินซีก็สว่างวาบ พร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารอันไร้ขอบเขตออกมา ขณะชายหนุ่มฝืนก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปให้ถึงตัวปิงซื่อเทียน พร้อมกับยันต์ศัสตราที่ฉีกขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะที่อักขระยันต์มากมายมาบรรจบกันในการโจมตีที่เรียบง่ายนี้ ซึ่งดูราวมันจะสามารถทำลายท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้!
ครั้งนี้ปิงซื่อเทียนเป็นฝ่ายถอยร่นกลับมา ในขณะที่เขาถูกฟันจนมงกุฎแตกกระจาย ผมเผ้ายุ่งเหยิง และกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
“ปิงซื่อเทียนบาดเจ็บแล้ว!” เหตุการณ์นี้ทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่โดยรอบเต็มไปด้วยความตกตะลึง และพวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง เพราะความสามารถที่เฉินซีเปิดเผยในขณะนี้นั้นสามารถอธิบายได้ว่าเป็น ‘ผู้ท้าทายสวรรค์’ อย่างแท้จริง! ด้วยแม้แต่พลังของกฎก็ไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ นี่ไม่ได้หมายความว่าพลังต่อสู้ของชายหนุ่มเกินขอบเขตของภพมนุษย์แล้วหรือ?
“เป็นแค่มดตัวเล็ก แต่ทำร้ายข้าได้จริงหรือ? ฮ่า ๆ! ช่างน่าหัวเราะเสียจริง!” ปิงซื่อเทียนยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปาก ใบหน้าเผยความประหลาดใจ พร้อมกับจิตสังหารอันมืดมนแผ่ออก ก่อนที่สายตาของเจ้าตัวจะฟื้นสู่ความเยือกเย็นและไม่แยแสอีกครั้ง
พลังของกฎที่ดูเหมือนโซ่ทองเส้นหนาจำนวนมากลอยขึ้นจากทางด้านหลังของปิงซื่อเทียน จากนั้นพวกมันก็ถักทอเป็นปรากฏการณ์เซียนที่หลากหลาย ทำให้ตัวคนดูยิ่งใหญ่และสง่างามเหมือนเทพเจ้าที่จุติลงมายังโลก เขายืนตระหง่านอยู่ที่นั่น พร้อมกับมองลงมายังโลกอย่างเย่อหยิ่ง
ในขณะนี้ ไม่มีสิ่งใดต้องเก็บงำอีกต่อไป และเขาตัดสินใจจะใช้พลังทั้งหมดที่มี
ในขณะเดียวกัน ร่างกายของเฉินซีพลันเปล่งประกายเจิดจ้า อักขระยันต์เป็นเหมือนมหาสมุทรที่ซัดสาดอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในขณะที่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของชายหนุ่มก็ยิ่งกลายเป็นจิตสังหารและมีชีวิตชีวามากขึ้น ทำให้เมฆที่ล้อมรอบอยู่พังทลาย ในขณะที่ท้องฟ้าถูกโยนเข้าสู่ความยุ่งเหยิง
“พวกเขาจะทุ่มพลังออกมาทั้งหมดแล้ว!”
ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะรู้ว่าการต่อสู้ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว …หากการต่อสู้ก่อนหน้านี้เป็นการหยั่งเชิงพลังของกันและกัน การต่อสู้ที่กำลังจะระเบิดขึ้นนี้ ก็จะเป็นตัวชี้วัดตัดสินผู้ชนะ!
ตู้ม!
ทั้งคู่เข้าปะทะกันอีกครั้ง ปิงซื่อเทียนหลอมรวมเข้ากับกฎ ทำให้เขาเปล่งพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมามากมายมหาศาล ในขณะที่เฉินซีใช้ความลี้ลับของเต๋าแห่งยันต์อักขระ และความล้ำลึกต่าง ๆ เพื่อสร้างยันต์เทวะที่หลากหลายด้วยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
ทั้งคู่ทุ่มพลังออกไปทั้งหมดในการปะทะครั้งนี้ และพวกเขาใช้เคล็ดวิชาที่น่าตกตะลึงหลายอย่าง ทำให้ฟ้าดินรวมถึงทุกสิ่งในรัศมีสองหมื่นห้าพันลี้ถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พลุ่งพล่าน
แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีในขณะนี้ ก็ค้นพบว่า การมองเข้าไปในเหตุการณ์ปะทะกันนี้ยังทำได้ยาก พวกเขาสังเกตเห็นได้เพียงคลุมเครือว่า ร่างสองร่างที่อาบด้วยแสงเจิดจ้ากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดจากท้องฟ้าสู่พื้นดิน ทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มืดสลัว ในขณะที่เสียงกัมปนาทสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณโดยรอบ ราวกับว่าวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว!