บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 952 ฉวยโอกาสยามไฟไหม้
บทที่ 952 ฉวยโอกาสยามไฟไหม้
บทที่ 952 ฉวยโอกาสยามไฟไหม้
ท่ามกลางดอกปารมิตาสีแดงเจิดจ้าที่อยู่อีกฝั่ง ผลไม้สีแดงเพลิงที่มีขนาดราวไข่นกพิราบสั่นไหว กระจายกลิ่นอายเต๋าแห่งปารมิตาที่บริสุทธิ์ไปทั่วบริเวณ
ภาพที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าทำให้เฉินซีตกตะลึง ผลปารมิตาหายากยิ่ง มูลค่าของมันมหาศาล ยากที่จะได้มาครอบครอง เหมือนกับที่ผู้บ่มเพาะหญิงแห่งเผ่าปรภพคนนั้นว่า ที่นางต้องใช้เวลาหลายเดือน จึงโชคดีพอจะได้มาหนึ่งลูก
จากวาจานี้ คงเห็นแล้วว่าผลปารมิตาหายากมากแค่ไหน
แต่ยามนี้กลับมีผลปารมิตามากกว่าสิบลูกปรากฏขึ้นตรงหน้า ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น แล้วจะไม่ให้เฉินซีตื่นเต้นได้อย่างไร?
เขาลอบสูดหายใจเข้า สงบสติลง รอคอยอย่างเงียบงัน
ผลปารมิตาเหล่านี้คือสิ่งมหัศจรรย์แห่งฟ้าดิน พวกมันมีสติปัญญา จิตวิญญาณ และมีวิถีเต๋า ตอนนี้พวกมันกำลังรวมตัวกัน ทำให้เกิดแสงสว่างเอ่อล้นออกมา บรรยากาศของมหาเต๋าแผ่ซ่าน จนปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมา
ในอากาศธาตุ มีเมฆมงคลนับพันลอยอยู่รอบสะพานสีแดงร้อนแรงก้อนแล้วก้อนเล่า ราวกับถนนที่ส่องแสงสว่างด้วยเปลวเพลิงซึ่งนำไปสู่ยมโลก พยายามชี้นำวิญญาณไปสู่ความเงียบงัน
เมื่อเห็นดังนี้ เฉินซีก็รู้ในทันทีว่าเขาจะรออีกไม่ได้แล้ว!
ในตอนนี้ พื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณนี้ ใครบางคนคล้ายกับสังเกตเห็นบางอย่างเข้า จึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “มีกลิ่นอายปารมิตาเข้มข้นมาจากอีกฝั่ง หรือว่าจะมีสมบัติใดกำเนิดขึ้นมา?”
“สวรรค์! นั่นมันกลุ่มผลปารมิตา! พวกมันถึงกับปรากฏขึ้นพร้อมกัน นี่มันช่างน่าทึ่งนัก!”
ใครบางคนได้หันมาสนใจกับปรากฏการณ์ดังกล่าว คนผู้นี้สวมชุดสีน้ำเงินและมีเส้นผมสีแดง ใบหน้าสง่าผ่าเผย คล้ายกับเป็นผู้นำ หลังจากเขารวบรวมสหาย เจ้าตัวจึงออกคำสั่งว่า “ไปด้วยกัน ปิดกั้นที่นี่ อย่าให้ข่าวแพร่งพรายออกไป เก็บพวกมันมาให้หมด!”
สหายของเขาเข้าใจทันทีว่านี่เป็นการเก็บทั้งคนและสิ่งของ!
“ศิษย์พี่ใหญ่เฉียน ดูเหมือนว่ามีคนอีกมากกำลังมาที่นี่ พวกเขามีจำนวนคนมากกว่าเรานัก!” ใครบางคนกล่าวเตือน
จริงดังที่คนผู้นั้นพูด มีร่างจำนวนมากอยู่ไกลลิบ เป็นกลุ่มคนมากกว่าสิบที่ลอยมาจากทิศทางต่าง ๆ ที่ยิ่งเวลาผ่านไป คนพวกนั้นก็ยิ่งมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเขาทุกคนสวมชุดสีเทาเข้ม เห็นได้ชัดว่ามาจากกลุ่มเดียวกัน
“โห ผลปารมิตาขนาดนี้เชียวหรือ! หากเก็บพวกมันได้ทั้งหมด ข้าเฉินเส้าหลิงย่อมสามารถทะลวงเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาได้”
คนพูดเป็นชายหนุ่มอ่อนโยนผู้มีใบหน้าสีขาวราวกับหยก เขากล่าวอย่างตื่นเต้น ดวงตาหนึ่งคู่ทอประกายด้วยความกระตือรือร้น
ความจริง ไม่ใช่เพียงคนสองกลุ่มอย่าง ‘ศิษย์พี่ใหญ่เฉียน’ กับ ‘เฉินเส้าหลิง’ เท่านั้นที่มา แต่ยังมีกองกำลังกลุ่มที่สามมาถึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาจ้องมองไปทางหุบเขานั่น สีหน้าตื่นเต้น ราวกับอยากจะฮุบผลปารมิตาทั้งหมดนี้กลืนลงท้องไป
โดยกองกำลังที่สามนี้มีราวแปดถึงเก้าคน ขณะที่ผู้นำกลุ่มถึงกับเป็นสาวน้อยคนหนึ่ง!
“บัดซบ! อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นกล่าวจริง ๆ บริเวณยอดเขาปารมิตา มีกองกำลังจำนวนมากกระจายตัวเต็มไปหมด!”
ในตอนนี้ เฉินซีสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายทรงพลังกำลังตรวจสอบอยู่รอบข้าง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าลังเล แล้วลงมืออย่างเด็ดขาดทันที …ด้วยหาไม่แล้วมันจะสายเกินไป!
โครม!
ทั่วทั้งร่างกายของเฉินซีส่องแสงสว่างจ้า เขาเอื้อมมือออกไปคว้าจับกลุ่มแสงนั้น บงการให้มันกลายเป็นม่านแสงก่อนพุ่งเข้าหาผลปารมิตาที่อยู่อีกฝั่ง เพื่อเริ่มเก็บเกี่ยว!
ในเวลาเดียวกัน ทั้งสามกองกำลังไม่ชักช้าอีกต่อไป ก่อนพุ่งไปข้างหน้า
“นี่ ใครบางคนมาถึงก่อนพวกเราขอรับ!”
“หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว รีบไปเร็ว! ผลปารมิตาเหล่านี้เป็นสมบัติล้ำค่านัก!”
“เร็วเข้า ๆๆ นี่เป็นโอกาสจากสวรรค์ ถ้าปล่อยให้หลุดมือไป คงจะน่าเสียดายไม่น้อย มาร่วมมือด้วยกัน อย่าปล่อยให้ใครได้ไป!”
ทุกคนตะโกนก่อนจะพุ่งไปข้างหน้า พวกเขาทั้งตื่นเต้นและบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำ คิดอยากเก็บเกี่ยวอย่างเสียสติ ทำให้ที่แห่งนี้โกลาหลยิ่ง
ก่อนหน้านี้ เฉินซีได้วางข้อจำกัดบางอย่างไว้รอบข้างแล้ว แต่จุดประสงค์หลักคือป้องกันไม่ให้ผลปารมิตาหลบหนี ไม่ได้คิดเผื่อคนพวกนั้น
ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ทั้งสามกองกำลังนี้โจมตีและเข้าสังหารกันซึ่ง ๆ หน้า ทว่าไม่เพียงแค่ปล้นชิงผลปารมิตาเท่านั้น แต่พวกเขายังเข้ามาโจมตีเฉินซีด้วยซ้ำ …นับว่าพวกเขาชั่วช้าและอุกอาจยิ่งนัก!
สีหน้าของเฉินซีเย็นชา หัวใจถูกปลุกเร้าด้วยจิตสังหาร แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็เลือกที่จะหลบเลี่ยง เพียงหันไปเก็บเกี่ยวผลปารมิตาใส่กระเป๋า
ผลไม้เหล่านี้มีสติปัญญาและจิตวิญญาณของตัวเอง หลังจากประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ พวกมันต่างก็หวาดกลัวอย่างมาก จึงวิ่งวุ่นไปทั่ว ดังนั้นหากเฉินซีมัวแต่มาสนใจคนเหล่านั้น เขาก็ต้องเสียเวลาในการลงมือฆ่า และผลปารมิตาพวกนี้ก็คงหนีไปไกลแล้วระหว่างนั้น
“โอ้ว เจ้าเด็กนี่มีของดีนี่น่า!” ใครบางคนประหลาดใจ ก่อนชำเลืองมองมาที่เฉินซี
“อย่าเพิ่งไปสนใจคนแปลกหน้า ไว้เก็บเกี่ยวผลปารมิตาเสร็จ เราก็ค่อยไปจัดการเจ้าเด็กนั่นก็ยังไม่สาย!” ใครบางคนเผยสีหน้าดุร้าย ขณะกล่าวด้วยเสียงหยาบกร้าน
ตู้ม!
ทันใดนั้น การเปลี่ยนแปลงอันฉับพลันได้เกิดขึ้น เพราะผลปารมิตาเหล่านั้นถูกกดดันให้หลบหนี พวกมันจึงระเบิดเปลวเพลิงร้อนแรงออกมา ส่งคลื่นความร้อนกระจายไปรอบข้าง
หลังจากนั้นใครบางคนก็กรีดร้องออกมา พวกเขาถูกเปลวเพลิงกวาดผ่าน ทำให้วิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง ขณะที่ร่างกายคล้ายกับถูกแผดเผา เหลือเพียงกองกระดูกแห้งแตกอยู่บนพื้น
ในเวลาเดียวกัน หมู่เมฆเพลิงมากมายโหมกระหน้ำปั่นป่วน แผ่อำนาจอันลึกล้ำไร้เทียมทานจากเต๋าแห่งปารมิตา กำราบและสังหารคนเหล่านี้!
“แย่ล่ะ! ผลปารมิตาเหล่านี้หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว!”
“ถอย! ถอยเร็ว!”
สิ้นเสียง ‘ปัง’ หมู่เมฆเพลิงที่เหมือนกับโซ่ของทวยเทพทะยานขึ้นท้องนภาครั้งแล้วครั้งเล่า กลิ่นอายของปารมิตากลืนกิน สยบ และสังหารคนไปมากมาย เผยอำนาจจองจำวิญญาณ กำจัดร่างกาย พลังน่าสะพรึงยิ่งนัก!
ไม่ใช่ว่าผู้บ่มเพาะเหล่านี้อ่อนแอเกินไป ตรงกันข้าม การที่คนเหล่านี้สามารถมาถึงที่นี่ได้ พวกเขาล้วนมีการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเซียนปฐพี แต่เพราะผลปารมิตาเหล่านี้โจมตีพร้อมกัน พวกมันจึงเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้เต็มไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตา …จึงสามารถจินตนาการได้ว่าพลังของพวกมันน่าสะพรึงแค่ไหน!
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ท่ามกลางกองกำลังทั้งสาม มีมากกว่าสิบคนที่ตกตายลง เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเวทนายิ่งนัก
ขณะที่ผู้เอาตัวรอดไปได้ต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดา และความตายก็ไม่อาจขจัดความโลภในใจไปได้ มันกลับเป็นการกระตุ้นให้พวกเขาบ้าคลั่งมากกว่าเดิม ทำให้คนพวกนี้เค้นพลังออกมา ก่อนโจมตีอย่างดุเดือด!
ทันใดนั้น ภูเขาทั้งลูกก็ตกอยู่ในความโกลาหล
แม้กระทั่งผลปารมิตาก็ไม่สามารถหยุดการโจมตีอันบ้าคลั่งดังกล่าวได้ พวกมันล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า สูญสิ้นพลังไป จากนั้นจึงวิ่งวุ่นไปทั่ว
เมื่อทุกคนเห็นดังนี้ พวกเขาจะปล่อยไปได้อย่างไร? พวกตนอุตส่าห์โจมตีมาตลอดทาง แล้วสุดท้ายจะไม่ได้อันใดติดไม้ติดมือเลยหรือ?
ท้ายที่สุด เฉินซีก็ได้ผลปารมิตามาห้าผล ส่วนผลอื่น ๆ หนีไปบ้าง ถูกสามกองกำลังเหล่านี้เก็บไปได้บ้าง ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มดูเย็นชา
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อรวบรวมดอกปารมิตาเพลิงโลกันตร์ และอาศัยความช่วยเหลือจากหม้อใบจิ๋ว จึงจะหาทางล่อกลุ่มผลปารมิตามาได้ แต่สุดท้ายกลับถูกสารเลวพวกนี้ช่วงชิงไปกลางทาง แล้วจะไม่ให้เฉินซีโกรธได้อย่างไร?
“สหายผู้นี้ เจ้าช่วยสละผลปารมิตาเหล่านั้นให้ข้าได้หรือไม่?” ชายหนุ่มนามเฉินเส้าหลิงจับจ้องมาที่เฉินซี
ตอนนี้ สามกองกำลังรวมกลุ่มแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายที่มีสภาพสมบูรณ์พร้อม อีกทั้งคนพวกนั้นยังเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แท้จริงของแต่ละกองกำลัง
“สหายผู้นี้ พวกเรามาจากโถงน้ำพุยมโลก หากส่งผลไม้ในมือเจ้ามาให้ได้ พวกเราจะยอมจ่ายให้ในราคาอย่างงามทีเดียว” อีกด้าน คนที่ชื่อ ‘ศิษย์พี่ใหญ่เฉียน’ ได้ส่งใครบางคนมา ขวางทางหลบหนีของชายหนุ่มเอาไว้ ทำให้เฉินซีหลบหนีไม่ได้
“เหอะ! คำพูดเหลวไหลพวกนี้มาจากไหนกัน เช่นนี้แสดงว่าไม่เห็นพวกเราโถงยายเฒ่าเมิ่งในสายตาเลยหรือ!” กองกำลังที่สามกล่าวขึ้น ผู้นำคือสาวสวยนางนั้น
เฉินซีมองดูทุกสิ่งอย่างเย็นชา ในใจของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร คนเหล่านี้หยิบฉวยสิ่งของที่ควรเป็น ‘ของเขา’ ไปยังไม่พอ ยังคิดวางแผนจะแย่งชิงจากมือของเขาไปอีก!
ถึงชายหนุ่มจะเคยเห็นคนไร้ยางอายมาบ้าง แต่เขาไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!
“เอาเช่นนี้เป็นไร ทำไมพวกเราสามกลุ่มไม่แบ่งเท่า ๆ กันไปเลยเล่า?” เฉินเส้าหลิงขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถึงแม้ฝั่งของเจ้าจะมาจากโถงน้ำพุยมโลก อีกฝั่งคือโถงยายเฒ่าเมิ่ง แต่ข้าตระกูลเฉิน*[1] ใช่ว่าจะยั่วยุได้โดยง่าย!”
“แบ่งเท่า ๆ กันหรือ? ย่อมได้ โถงน้ำพุยมโลกของข้าขอครึ่งหนึ่ง ถึงอย่างไรพวกข้าก็มาถึงที่นี่ก่อน” ใบหน้าของศิษย์พี่ใหญ่เฉียนคล้ำลง ขณะกล่าวอย่างจริงจัง
“ครึ่งหนึ่งหรือ? ช่างละโมบนัก!” หญิงสาวเย้ยหยัน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ถ้าแบบนี้ ขอดูก่อนว่ามีผลปารมิตาที่เขาได้มาเท่าไร จากนั้นค่อยแบ่งกัน”
ขณะกล่าว นางเชยคางขึ้น ชำเลืองมองเฉินซีด้วยสายตาเย่อหยิ่ง กล่าวว่า “สหายเต๋า เจ้าต้องยอมรับสถานการณ์ก่อน ยอมมอบสมบัติมาแต่โดยดี จะได้ไม่ต้องเผชิญกับเหตุร้ายอันใด”
เฉินซีหัวเราะ กล่าวว่า “ถ้าข้าส่งของให้แล้ว จะโดนฆ่าปิดปากหรือไม่?”
หญิงสาวตกตะลึง มองคนอีกสองกลุ่ม พลางครุ่นคิด “นั่นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเจ้า ถ้าเจ้าอยากรอด ข้าสามารถลบความทรงจำของเจ้าได้ เพียงเท่านี้ เจ้าก็น่าจะเอาตัวรอดไปได้แล้ว …สำหรับเจ้า คิดว่าแค่นี้มากพอหรือไม่?”
“เจ้าจะมัวพูดจาเหลวไหลกับเขาไปเพื่ออันใด หากยังดื้อดึงก็แค่ฆ่าเสีย! แล้วพวกเราสามคนค่อยมาตัดสินกันว่าจะแบ่งสมบัติอย่างไร” เฉินเส้าหลิงกล่าวอย่างเย็นชา
เฉินซีสูดหายใจเข้า ชำเลืองมองทุกคน ก่อนจะกล่าวว่า “ในเมื่อบอกเงื่อนไขของพวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว อยากฟังเงื่อนไขของข้าดูหรือไม่?”
ทุกคนขมวดคิ้ว ดูหงุดหงิดเล็กน้อย
“ให้ไวไอ้หนู!” ศิษย์พี่ใหญ่เฉียนผู้มาจากโถงน้ำพุยมโลกตวาด
“ส่งผลปารมิตาในมือพวกเจ้ามาแต่โดยดี จากนั้นดูว่าพวกเจ้าได้มาเท่าไร ถ้าชดเชยการสูญเสียของข้าได้ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ได้ ข้ามีแต่ต้องใช้ชีวิตของพวกเจ้าเพื่อชดเชยมัน”
เฉินซีกล่าวอย่างสงบ เขาทนกับสารเลวพวกนี้มามากพอแล้ว คนพวกนี้ไม่เพียงทำลายงานใหญ่ของเขาเท่านั้น แต่ยังอยากมาปล้นของของเขา พร้อมทั้งคิดฆ่าปิดปากอีก!
“เจ้าสารเลว! คิดหยามข้ารึ! รนหาที่ตายเสียแล้ว!” ศิษย์พี่ใหญ่เฉียนเดือดดาลทันที
“ใครกันแน่ที่หยาม ข้าพยายามไปตั้งมากมาย พวกเจ้ากลับฉวยโอกาสยามไฟไหม้ หวังฆ่าคนชิงสมบัติ พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นพวกนอกกฎหมายหรืออย่างไร?” เฉินซีถามอย่างเย็นชา
“เจ้าวายร้ายนี่เหมือนจะไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ ลงมือให้เสร็จ ๆ แล้วฆ่าทิ้งดีกว่า!” เฉินเส้าหลิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ถ้าเช่นนั้น อย่าโทษข้าที่เสียมารยาทแล้วกัน!”
“ตาย!”
ผู้นำของสองกองกำลังพูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน อึดใจต่อมา พวกเขาพุ่งไปข้างหน้า ด้วยเกรงว่าหากลงมือช้า จะถูกคนอื่นแย่งตัดหน้า
ถึงอย่างไร การฆ่าชายผู้หนึ่งจะไปยากอันใด? สิ่งสำคัญที่สุด คือจะให้คนอื่นมาแย่งของของเขาไปไม่ได้!
ด้วยความคิดนี้ จึงทำให้พวกเขาลงมือทันที คนทั้งหมดต่างพยายามไปให้ถึงก่อน จนสีหน้าดูน่าเกลียดยิ่ง
[1] แซ่เฉินของเฉินเส้าหลิง คือ 岑 ส่วนแซ่เฉินของเฉินซีคือ 陈