บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 955 จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัว!
บทที่ 955 จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัว!
บทที่ 955 จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัว!
บรรยากาศพลันกลายเป็นเยือกแข็ง และแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงันที่บีบคั้นซึ่งอันตรายถึงชีวิต
“ข้าน้อยต้องขออภัยต่อความยโสก่อนหน้านี้ด้วยขอรับ ข้าไม่ทราบว่ามหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ข้าน้อยมีนามว่าชื่อชุยหรูอิ๋น และข้าหวังว่ามหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะปล่อยพวกเราไปเพื่อเห็นแก่บรรพบุรุษของตระกูลข้าน้อยด้วย” เด็กชายผมขาวทำลายความเงียบที่บีบคั้น และเสียงที่ชัดเจนของเขาก็ดังกึกก้องไปทั้งฟ้าดิน
“บรรพบุรุษของตระกูลชุยหรือ?? ฮึ่ม! กรมราชทัณฑ์ในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่เลวร้ายและมีความขัดแย้งภายในที่ไม่มีที่สิ้นสุด และทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝีมือของเศษสวะอย่างพวกเจ้าทุกคน แม้แต่สมบัติศักดิ์สิทธิ์อย่างเข็มทิศปกโลกก็ไม่สามารถปกป้องได้ หากข้าไม่มีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ข้าจะไปถามชุยเจิ้นคงว่าเขาตั้งใจจะมอบกรมราชทัณฑ์ให้แก่ผู้อื่นหรือไม่”
เสียงทุ้มต่ำดังก้องกังวานออกมาอีกครั้ง และมันแฝงไปด้วยกลิ่นอายที่กดดัน
ชุยเจิ้นคง!
บรรพบุรุษของตระกูลชุย ผู้เยี่ยมยุทธ์ชั้นยอดที่บ่มเพาะอย่างสันโดษ ด้วยการมีอยู่ของคนผู้นี้ ทำให้ตระกูลชุยสามารถควบคุมกรมราชทัณฑ์ได้อย่างมั่นคง แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดความขัดแย้งภายในที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ตาม
เนื่องจากเจ้าของเสียงกล้าที่จะเอ่ยนามของชุยเจิ้นคงโดยตรง จึงยิ่งตอกย้ำให้ชุยหรูอิ๋นและคนอื่น ๆ มั่นใจว่าเจ้าของเสียงนี้คือ ฉีซานเหอ มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ทุกคนเงียบสนิทดุจจักจั่นที่จำศีลในฤดูหนาว และพวกเขาก็ไม่กล้าขยับเขยื้อน
“บัดซบ! รีบไสหัวไปจากภูมิภาคน้ำพุยมโลกเดี๋ยวนี้!” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอีกครั้ง
“ท่านมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ สตรีผู้นี้คือ…” เด็กชายผมขาวชุยหรูอิ๋นได้รวบรวมความกล้าที่จะกล่าวออกมา
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ในขณะที่ร่างของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกคนระเบิดและเสียชีวิต ณ จุดนั้น นี่เป็นคำเตือน และตราบใดที่ไม่ใช้คนโง่เขลาเบาปัญญา พวกเขาย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่เบื้องหลังได้
ชุยหรูอิ๋นไม่กล้าลังเลอีกต่อไป เขาจ้องไปยังเป้ยหลิงอย่างดุดัน ก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าและจากไปอย่างเร่งรีบพร้อมกับคนอื่น ๆ
เป้ยหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นนางก็กล่าวด้วยความเคารพว่า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยข้าจากสถานการณ์นี้ ข้าจะจดจำความเมตตาครั้งนี้ตลอดไป”
“ฮึ่ม! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะช่วยเจ้า หืม?” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำแค่นเสียงเย็น จากนั้นเขาดูจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และหายไปอย่างกะทันหัน
วูบ!
ในขณะนี้ ห้วงมิติแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อร่างสูงใหญ่ของเฉินซีก้าวออกมา และเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเป้ยหลิงปลอดภัยดี จากนั้นจึงกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเจ้าถึงทำลายยันต์ที่ข้าให้ไป?”
ขณะที่กล่าว ชายหนุ่มได้กวาดสายตาไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นกองเลือดสองกองบนพื้น ในขณะที่อากาศยังคงมีกลิ่นเลือดลอยอยู่ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัดว่ามีคนสองคนเสียชีวิตที่นี่ก่อนหน้านี้
เป้ยหลิงจัดความคิดของนาง ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้แก่เฉินซีฟัง
ปรากฏว่าในช่วงบ่ายวันนี้ นางกำลังบ่มเพาะในฐานลับของตระกูลชุย ณ เมืองราหู ทว่ากลับมีคนบุกเข้าไปในนั้นอย่างกะทันหัน และพวกเขาประกาศความตั้งใจที่จะจับตัวชุยชิงหนิง
และเพราะไม่กล้าที่จะลังเล หญิงสาวจึงหนีไปพร้อมกับชุยชิงหนิงในทันที แต่น่าเสียดายที่นางยังคงถูกสกัดอยู่ที่นี่
เนื่องจากศัตรูมีพลังที่กล้าแกร่งเกินไป นางจึงต้องทำลายยันต์ที่ได้มาอย่างหมดหนทาง หลังจากนั้นมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็ปรากฏตัวเพื่อขับไล่ชุยหรูอิ๋นและคนอื่น ๆ ออกไป …
“มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกหรือ?” เฉินซีตกตะลึง เนื่องจากเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดเช่นนี้
“แม่นางชุยอยู่ที่ใดหรือ?” เฉินซีเอ่ยถาม
“ข้าซ่อนนางไว้ในสมบัติของข้า ดังนั้นตอนนี้นางจึงสุขสบายดี” เป้ยหลิงตอบ จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แต่ข้ากังวลว่ากู่เทียนอาจจะประสบเคราะห์ร้าย มิฉะนั้น ชุยหรูอิ๋นและคนอื่น ๆ จะมาตามหานางก่อนเขาได้อย่างไร”
เฉินซีถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ยังเหลืออีกเจ็ดวันก่อนจะถึงวันที่เราได้ตกลงกันไว้ เราควรอดใจรออีกนิด และภาวนาให้พี่กู่ปลอดภัย อย่าได้ประสบคราเคราะห์ใด ๆ…”
“แล้วถ้าเขาประสบเคราะห์ร้ายเล่า?” เป้ยหลิงอดไม่ได้ที่จะถาม
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะพาแม่นางชุยไปที่ภูมิภาคราชหกวิถีเอง” เฉินซีตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ไม่ว่ามันจะเป็นการตอบแทนบุญคุณหรือเพื่อให้ได้เบาะแสเกี่ยวกับเข็มทิศปรโลก ข้าก็ต้องทำสิ่งนี้”
เป้ยหลิงพยักหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะถาม “แล้วเจ้าล่ะ? เจ้ายังตั้งใจจะแสร้งเป็นสาวใช้ของข้า และติดตามอยู่เคียงข้างข้าหรือไม่”
เป้ยหลิงตอบกลับด้วยคำถาม “ทำไมจะไม่ล่ะ?”
จิตใจของสตรีคนนี้เย็นชาดุจน้ำแข็ง อีกทั้งยังไม่สามารถคาดเดาได้
อย่างไรก็ตาม เฉินซีไม่สามารถคาดเดาถึงการปรากฏตัวของชุยหรูอิ๋นและคนอื่น ๆ หรือชะตากรรมที่ทราบเป็นที่แน่ชัดของกู่เทียน ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายที่อธิบายไม่ได้ และไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น
“จงรับผลปารมิตาสี่ลูกนี้ไป เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการเป็นสาวใช้ของข้า” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งผลปารมิตาที่เหลือให้แก่เป้ยหลิง
เห็นได้ชัดว่าเป้ยหลิงตกตะลึง นางจ้องมองเฉินซีอย่างแน่วแน่เป็นเวลานาน ก่อนจะรับพวกมันไปในที่สุด “ขอบคุณมาก ข้าจะแสดงบทบาทของข้าให้ดี”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะเขาไม่เคยคิดจะพาอีกฝ่ายติดตามไปด้วยตลอด เพราะถึงอย่างไร ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนของยมโลก และเขาจะจากไปทันทีเมื่อพบกับชิงซิ่วอี้
“ท้องฟ้าสว่างไสวด้วยเปลวไฟและดอกปารมิตาลงมายังโลก พ่อหนุ่ม เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าได้พบในรอบหลายพันปี ที่สามารถบรรลุเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาได้อย่างถ่องแท้” ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำได้ดังก้องในพื้นที่อีกครั้ง
เจ้าของเสียงนี้คือชายชราที่สวมอาภรณ์สีดำและมีร่างกายผอมแห้งประหนึ่งต้นไผ่ เขาเอามือไพล่หลังไว้ขณะที่กำลังก้าวเดินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า สีหน้าของคนผู้นี้เย็นชา นัยน์ตาล้ำลึกราวกับหุบเหว แม้กลิ่นอายของเขาจะธรรมดา แต่กลับสามารถทำให้จิตวิญญาณสั่นสะท้านได้
มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก!
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของคนคนนี้ เป้ยหลิงกับเฉินซีก็รู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที ซึ่งพวกเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และไม่สามารถคาดเดาแรงจูงใจในการปรากฏตัวของอีกฝ่ายได้เลย
โดยเฉพาะเฉินซี เขาฆ่าคนของโถงน้ำพุยมโลกไปตั้งหลายคนเมื่อสามวันก่อน ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ปกครองสูงสุดของโถงน้ำพุยมโลกในยามนี้
“ตามความเข้าใจของข้า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาได้อย่างถ่องแท้ โดยอาศัยผลปารมิตาเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยได้หรือไม่ว่า ตัวเจ้าหยั่งรู้ถึงเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตามาจากที่ใดกัน?” แม้ว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายจะราบเรียบ แต่ทุก ๆ คำพูดหรืออิริยาบถกลับมีพลังที่พุ่งตรงสู่หัวใจของทุกคน จนพวกเขาไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าการหมอบกราบลงตรงหน้า
นี่เป็นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อดวงวิญญาณและจิตสำนึกของผู้อื่นผ่านท่าทางของตนเอง อีกทั้งยังน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“เรียนผู้อาวุโส ผู้เยาว์ได้เรียนรู้โดยบังเอิญเท่านั้น” เฉินซีสูดหายใจลึก ก่อนที่จะกล่าวออกมา
“เจ้าโกหก!” ในขณะที่มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกกะพริบตา มันเหมือนกับสายฟ้าสองสายได้พุ่งออกมาอย่างดุดัน มันจดจ้องเฉินซีอย่างเย็นชา ราวกับตั้งใจมองผ่านจิตใจของชายหนุ่มจากภายในสู่ภายนอก
ภายใต้การจดจ้องเช่นนั้น เฉินซีรู้สึกราวกับร่างกายของตัวเองแข็งทื่อ และสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่ธรรมดาซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจ …หากไม่ใช่เพราะดวงจิตแห่งเต๋าของชายหนุ่มได้บรรลุถึงระดับของวิญญาณดวงใจ เฉินซีอาจจะไม่สามารถทนมันไหว และเขาคงได้แต่ยอมศิโรราบอย่างเชื่อฟังไปแล้ว
ความประหลาดใจเล็กน้อยฉายวาบอยู่ในดวงตาของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะคาดไม่คิด “ไม่ต้องกังวล แม้เจ้าจะฆ่าผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่พวกมันก็ไม่ได้ตายอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นข้าจะไม่ถือสาเจ้าเพียงเพราะเหตุนี้”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา หัวใจของเฉินซีก็สั่นไหวเล็กน้อย พร้อมกับตกตะลึงอย่างมากในใจ เนื่องจากเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกจะทราบเรื่องทุกอย่างที่เขาได้กระทำในช่องเขาพระราหูแล้ว
“ช้าก่อน” ในช่วงเวลาถัดมา มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกดูจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เขาจึงแหงนหน้าขึ้นอีกครั้งและจ้องมองไปทางเฉินซีราวกับว่ากำลังตรวจสอบวัตถุปริศนาที่ไม่รู้จัก ซึ่งท่าทางของเจ้าตัวก็สลับไปมาระหว่างขมวดคิ้ว กลอกตาครุ่นคิด และประหลาดใจ…
หลังจากผ่านไปนาน สีหน้าของฉีซานเหอจึงกลับคืนสู่ความสงบในที่สุด
การหายใจของเฉินซีในตอนนี้เกือบจะหยุดลง แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะแรงกดดันจากมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกนั้นรุนแรงเกินไป แม้มันจะดูเรียบง่ายธรรมดา แต่กลับน่าสะพรึงกลัวและน่าอึดอัดยิ่งกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับอย่างเหลียงปิงเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงสามารถระบุได้ราง ๆ ว่า พลังของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับเลยแม้แต่น้อย!
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของชายหนุ่มหนักอึ้ง ในแง่ของความแข็งแกร่งแล้ว กรมราชทัณฑ์ที่ตระกูลชุยควบคุมนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าโถงน้ำพุยมโลกที่มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกควบคุมอยู่แม้แต่น้อย
และหากเป็นเช่นนั้น การบ่มเพาะของผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรมราชทัณฑ์จะน่าเกรงขามเพียงใด?
…แล้วมหาเสนาบดีแห่งวิถีวิญญาณ วิถีนรก และวิถีอสูรล่ะ? พวกเขาจะน่าเกรงขามเหมือนกันหรือไม่?
เฉินซีทราบดีว่า ตราบใดที่เขาต้องการหาเบาะแสเกี่ยวกับเข็มทิศปรโลก ชายหนุ่มก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกองกำลังอันยิ่งใหญ่ในนรกใต้พิภพได้ และบางทีอาจถึงขั้นเกิดความขัดแย้งกับตัวตนระดับสูงอย่างมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็เป็นได้!
ด้วยเหตุนี้ ข้อได้เปรียบของเขาจะหายไปโดยสิ้นเชิง
แต่โชคดีที่ชายหนุ่มไม่ได้โดดเดี่ยว เขาสามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งของหม้อใบจิ๋วได้
เมื่อคิดมาถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
“นี่คือตราคำสั่งน้ำพุใต้พิภพของข้า มันสามารถช่วยเจ้าได้เมื่อจำเป็น”
ทันใดนั้น มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกได้โพล่งออกมา พร้อมกับเงื้อมือขึ้นเพื่อสะบัดตราคำสั่งไปยังเฉินซี จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปยังชายหนุ่มอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะหันหลังกลับและจากไป
“ข้าหวังว่าข้าจะไม่ได้ดูคนผิดไป”
นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกได้กล่าวทิ้งไว้ ก่อนที่เขาจะหายตัวไป
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกงุนงงและตกตะลึง เพราะไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงสิ่งใด แต่ตราคำสั่งที่อยู่ในมือได้ตอกย้ำชายหนุ่มอย่างชัดเจนว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริง!
ตราคำสั่งมีขนาดเท่าฝ่ามือ มันสว่างและเรียบเนียนเหมือนหยก มันอบอุ่นและสดชื่นเมื่อสัมผัส พื้นผิวของมันเผยให้เห็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พาดผ่านท้องฟ้าราวกับว่ากำลังลุกไหม้
ที่ด้านหลังของตราคำสั่ง มีเพียงอักษรสามตัวที่งดงามและเก่าแก่ประหนึ่งมังกรทะยานสู่สวรรค์ทั้งเก้า ซึ่งคำนั้นคือ ฉีซานเหอ!
เห็นได้ชัดว่านี่คือชื่อของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก
“ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจากเจ้า” เป้ยหลิงชำเลืองมองเฉินซี ขณะที่ประกายแห่งความงดงามที่ไม่ธรรมดาส่องผ่านดวงตาของนาง
“อย่างไรเสีย มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย” เฉินซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ก่อนที่จะเก็บตราคำสั่งอย่างระมัดระวัง
เฉินซีรู้สึกได้เช่นกันว่า มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกสังเกตเห็นความลับบางอย่างของเขา แต่ชายหนุ่มไม่กล้ายืนยันว่ามันเป็นความลับใด ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ เพราะเขามีความลับมากเกินไป
ตัวอย่างเช่น ระเบียนแดนมรณะ พู่กันพิพากษามาร ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ชะตากรรมของเขาที่ถูกปกปิดโดยความลับของสวรรค์ และการมีอยู่ของหม้อใบจิ๋ว ทั้งหมดนี้อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกสังเกตเห็น
แต่สำหรับตอนนี้ ดูเหมือนว่ามหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกจะไม่ได้มีเจตนาร้าย ดังนั้นเฉินซีจึงไม่ได้คาดเดาเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป เพราะมีบางสิ่งที่คนเราจะเข้าใจได้เองเมื่อถึงเวลา และหากเสียเวลาไปกับการไตร่ตรองทั้งที่ไม่เข้าใจ มันจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับตนเองโดยไม่จำเป็น
“กลับเมืองราหูกันเถอะ ถ้าพี่กู่ไม่กลับมาภายในเจ็ดวัน เราจะออกเดินทางไปยังภูมิภาคราชหกวิถีกัน” เฉินซีหยุดลังเลและนำเป้ยหลิงไปด้วย ก่อนที่ตัวคนจะวาบหายไปจากจุดนั้น
แม้ว่าจะแค่เจ็ดวัน แต่ก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้กลับคืนสู่จุดสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์ ในเวลานั้น ชายหนุ่มสามารถรับมือกับอันตรายส่วนใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพากำลังของหม้อใบจิ๋ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตราคำสั่งที่มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกมอบให้ ทำให้ชายหนุ่มมีความมั่นใจมากขึ้นในการมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคราชหกวิถีเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเข็มทิศปรโลก!