บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 988 กวาดล้าง
บทที่ 988 กวาดล้าง
บทที่ 988 กวาดล้าง
เหยียนถูตื่นตระหนกอย่างมาก จากนั้นเขาก็ร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “ไอ้เฒ่าบัดซบ! เจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน!? หรือว่าเจ้าคิดจะสังเวยแก่นวิญญาณของผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า?”
หลงไฮวได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีจำนวนหนึ่งพันสามสิบสองคน ซึ่งถูกเฉินซีและเป้ยหลิงสังหารไม่ได้เสียชีวิตอย่างแท้จริง แต่ร่างกายของพวกเขาถูกสังเวยให้กับข้อจำกัดแห่งการลืมเลือน ในขณะที่แก่นวิญญาณยังคงอยู่ พวกเขาจึงสามารถเกิดใหม่ได้ด้วยเคล็ดวิชาลับหลังจากที่เฉินซีกับเป้ยหลิงถูกสังหาร
แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ หลงไฮวตั้งใจที่จะสังเวยแก่นวิญญาณของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดหนึ่งพันสามสิบสองคน ดังนั้นเหยียนถูจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
“ฮึ่ม! พวกมันเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาไม่กี่พันคน ตราบใดที่เราฆ่าสองคนนั้นได้ จะไปรู้สึกสงสารทำไมเล่า?” หลงไฮวยืนอยู่กลางอากาศอย่างภาคภูมิ ในขณะที่เขาคำรามอย่างบ้าคลั่งด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว และดูเหมือนว่าเขาจะเสียสติไปแล้ว
“ไอ้เฒ่าบัดซบ! นายของข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำสิ่งนี้อย่างแน่นอน!” เหยียนถูโกรธจนแทบกระอักเลือดด้วยความเดือดดาล จากนั้นเขาก็พุ่งไปกลางอากาศและมาถึงด้านข้างของหลงไฮว ความตั้งใจที่จะหยุดยั้งอีกฝ่าย
“ฮ่า ๆ! มันสายเกินไป! มันสายเกินไปแล้ว! เจ้าเด็กนั่นต้องตายแน่! ราชาเหยียนถู ถ้าเจ้าไม่ออกไปตอนนี้ ก็อย่าได้โทษข้าที่ไม่เตือน หากเจ้าถูกพัดพาเข้าไปด้วย” หลงไฮวระเบิดเสียงหัวเราะ ในขณะที่เขาหันหลังกลับ
“เจ้า…” ดวงตาของเหยียนถูแทบจะมอดไหม้เป็นเปลวเพลิง แต่เขาก็ตกใจทันทีเมื่อเห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวในทะเลทุกข์ จึงรีบหันหลังกลับและหลบหนีไปเช่นกัน
กระแสน้ำวนที่อยู่ในท้องทะเลอันไกลโพ้น ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว แสงสีเลือดที่หนาแน่นมากพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า มันทั้งงดงามและเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นก็ย้อมก็ฟ้าดินทั้งหมดจนกลายเป็นสีแดงเข้ม
ในเวลาเดียวกัน คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้พัดพาออกไปโดยรอบดุจกระแสน้ำ และดูเหมือนกับแขนที่ไร้รูปร่างกำลังเหยียดออกไปยังทะเลทุกข์ ด้วยความตั้งใจที่จะลากฟ้าดินลงสู่ทะเลและดึงมันไปสู่การลืมเลือน!
“รีบล่าถอยเร็วเข้า! ถอยเร็ว!”
“บัดซบ! เหตุใดมันถึงได้น่ากลัวขนาดนี้”
คลื่นเสียงโหยหวนที่ตกใจระคนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นที่กองเรือของตระกูลเว่ยในระยะไกล จากนั้นกองเรือทั้งหมดก็ถอยกลับอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากสายธนู พวกเขาล่าถอยเป็นระยะทางกว่าร้อยห้าสิบลี้ จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เกิดกระแสพลังผันผวนได้
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ทำให้เว่ยหลาน เว่ยเซียวเฟิง ชายชราและคนอื่น ๆ หวาดกลัวจนหน้าซีด ยิ่งกว่านั้น ร่างกายของพวกเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ซึ่งดูราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะรอดพ้นจากประตูนรก
“ข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก! แม้แต่ผู้เป็นเซียนหรือเทพเจ้าบนสวรรค์ก็ยังยากจะเอาชีวิตรอดได้!” เว่ยหลานกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ และแม้แต่ฟันของนางก็ยังกระทบหาเข้ากันดังกึก ๆ
“บัดซบ! ผู้ใต้บังคับบัญชาของราชาฉู่เจียงเหล่านั้น ช่างน่าสมเพชเสียจริง! แต่พวกเราเองก็เกือบจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน หากข้าประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะพลังในอนาคต ข้าจะฆ่าฟันไปถึงประตูของพวกมันอย่างแน่นอน!” เว่ยเซียวเฟยกัดฟันด้วยความโกรธจัด
“หากยึดตามสถานการณ์นี้ บางทีสองคนนั้นอาจไม่รอด…” ชายชราพึมพำจากทางด้านข้างและถอนหายใจ
“ไอ้สารเลวจากภพมนุษย์ หากคราวนี้มันยังไม่ตายอีก งั้นข้าก็จะเชือดคอตัวเอง! ฮ่า ๆๆ!!!” หลงไฮวระเบิดเสียงหัวเราะในขณะที่เคราพลิ้วไหว และเผยท่าทางหยิ่งผยองออกมา
“ฮึ่ม! เจ้าควรคิดว่าจะรายงานเรื่องนี้ต่อใต้เท้าของเราอย่างไรเสียมากกว่ากระมัง!” เหยียนถูที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวอย่างเย็นชา
ในขณะนี้ ประกายแสงสีทองที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวสิบห้าลี้ ได้ปรากฏขึ้น ณ ใจกลางทะเลสีเลือดซึ่งกลายเป็นกระแสน้ำวน มันเหมือนกับแสงแรกของดวงอาทิตย์ที่ส่องผ่านความมืดในยามรุ่งสาง มันทั้งสว่างไสว แพรวพราว และเจิดจ้าอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน เสียงที่เยือกเย็นและเฉยเมยได้ดังก้องในฟ้าดิน “ขออภัยด้วย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้เจ้าจะต้องเชือดคอตัวเอง!”
รอยยิ้มของหลงไฮวแข็งทื่อทันที ท่าทางดั่งเป็ดสำลักน้ำ ในขณะที่ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า
ในขณะที่เหยียนถูซึ่งยืนอยู่ข้างกันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ม่านตาขยายออก ในขณะที่เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา และดูราวกับกำลังเห็นภูตผีที่น่าสยดสยอง
ทันใดนั้น กระแสน้ำวนที่ปกคลุมท้องทะเลกว้างใหญ่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และเมื่อทะเลกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง ก็มีเพียงสีแดงเลือดที่ปกคลุมทะเลโคลนทั้งหมดส่องประกายด้วยแสงอันน่าสยดสยองเท่านั้น
พายุโหมกระหน่ำ ฟ้าร้องอย่างรุนแรง สายฟ้าที่บิดเบี้ยว… ทุกสิ่งได้หายไปแล้วในเวลานี้ หลงเหลือไว้เพียงบรรยากาศที่เงียบงัน
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน ร่างสูงใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ ผมยาวของเขาพลิ้วไสวตามแรงลม ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเย็นชาและเฉยเมย
ร่างนี้ย่อมคือเฉินซี!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เขาในขณะนี้ดูจะกลายร่างเป็นจ้าวแห่งทะเลทุกข์ กระดูกสันหลังของชายหนุ่มเป็นเหมือนเสาค้ำยันท้องฟ้า ในขณะที่ดวงตาดูเหมือนจะสะท้อนความลับของสวรรค์ และมันก็เป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว เพราะไม่ว่าเขาจะก้าวไปที่ใด กระแสลม ฝุ่นละออง หรือกฎของฟ้าดิน จะกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย
เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนอยู่บนท้องฟ้าโดยที่ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เว่ยหลาน เว่ยเซียวเฟิง และชายชราในกองเรือตระกูลเว่ย ก็ร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจและตกใจจนพูดไม่ออก
หากไม่ใช่เพราะสติของพวกเขายังคงอยู่ พวกเขาคงเกือบจะคิดว่ากำลังฝันอยู่!
“เจ้า…เจ้า…เจ้า…” บนตำหนักอันไกลโพ้น หลงไฮวกล่าวคำว่า ‘เจ้า’ ซ้ำไปซ้ำมา แต่เขาก็ยังตกใจจนไม่อาจกล่าวเป็นประโยคได้
เพราะใครจะจินตนาการได้ว่า ค่ายกลใหญ่ที่จักรพรรดิยมโลกที่สามได้สร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งเป็นข้อจำกัดโบราณที่ลากทวยเทพและพุทธองค์นับไม่ถ้วนให้จมสู่การลืมเลือน แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถกักขังผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีได้?
สิ่งนี้ทำให้สามัญสำนึกของหลงไฮวพังทลายลง และทำให้เขาไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้อย่างเต็มที่!
เหยียนถูราชายักษาที่อยู่ใกล้เคียงก็ตกใจเช่นเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับหลงไฮว เขาหายจากอาการตกใจอย่างรวดเร็ว เพราะตระหนักดีว่า ตั้งแต่ชายหนุ่มจากภพมนุษย์คนนี้สามารถหลบหนีจากข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนได้ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าความแข็งแกร่งของชายหคนนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด
“เจ้าเฒ่าบัดซบ! เจ้ากำลังเหม่อลอยหาวิมานอันใดอยู่? รีบฆ่าเจ้าเด็กนั่นเร็วเข้า!” เหยียนถูกู่ร้องออกมา ในขณะที่ปีกคู่หนึ่งบนแผ่นหลังกระพืออย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็พุ่งทะยานผ่านท้องฟ้าเข้าหาตัวเฉินซีอย่างดุเดือด
ประสบการณ์การต่อสู้ของเหยียนถูในฐานะราชายักษาอาจกล่าวได้ว่าโชกโชนอย่างมาก และเนื่องจากสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ หลังจากติดตามราชานรกองค์ที่สองฉู่เจียงเพื่อต่อสู้เป็นเวลาสามพันปี เขาย่อมไม่ใช่ตัวตนที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั่วไปจะสามารถเปรียบเทียบได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเปิดฉากต่อสู้ เฉินซีก็ลงมือเช่นกัน
ด้วยการโบกมือเบา ๆ โดยมีเฉินซีเป็นจุดศูนย์กลาง สนามพลังไร้รูปร่างก็พุ่งมาจากทุกทิศทาง ทำให้ทะเลทุกข์หมุนวนจนเกิดกระแสน้ำวน และหลุมดำจำนวนมากก่อตัวขึ้นที่กลางอากาศ
ครืน!
เมื่อร่างของเหยียนถูเพิ่งโผล่ออกมาจากห้วงมิติ และมาถึงตรงหน้าของเฉินซี เขาก็เคลื่อนไหวไม่ได้แม้แต่น้อย และควบคุมร่างกายตัวเองได้ยาก ก่อนจะร่วงลงสู่ทะเลที่อยู่เบื้องล่าง
มันรู้สึกราวกับว่ามีมือที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวหลายคู่ยื่นออกมาจากผิวน้ำทะเลและจับร่างกายของเขาไว้ เหมือนตั้งใจที่จะบดขยี้ตัวเขาในทะเล และลากดวงวิญญาณไปสู่การลืมเลือน
‘บัดซบ!’ เหยียนถูพึมพำในใจ ก่อนใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาเหวี่ยงง้าวสีเลือดในมือ ก่อนร่างจะสั่นสะท้าน และกำลังดิ้นรนให้หลุดพ้นจากแรงดึงนี้
น่าเสียดายที่เขาประเมินความน่าสะพรึงกลัวของพลังที่ไร้รูปร่างนี้ต่ำไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนอย่างไร เหยียนถูก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ และยังถูกลากจนจมดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ ราวกับตัวเหยียนถูเป็นแมลงที่ติดอยู่ในใยแมงมุม ซึ่งดูน่าอับอายยิ่งนัก
“บัดซบ! นี่คือพลังแห่งการลืมเลือน! มนุษย์ต่ำต้อยอย่างเจ้าจะหยั่งถึงมันได้อย่างไร!?” เหยียนถูตะคอกเสียงดัง ในขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว และพยายามกระพือปีกซ้ำ ๆ
“ข้าลืมบอกเจ้าไปบางอย่าง ข้าไม่ได้เพียงแค่เข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งการลืมเลือน แต่ยังควบคุมข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนนี้ได้ด้วย” ท่ามกลางน้ำเสียงที่สงบและไม่แยแส เฉินซีสะบัดแขนเสื้อของเขา ทำให้ทะเลในรัศมีสองพันห้าร้อยลี้พลันพลุ่งพล่านขึ้นมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกระแสน้ำวนคลั่งที่น่ากลัว
ท้องฟ้าพังทลาย ในขณะที่สวรรค์และโลกตกอยู่ในความโกลาหล พลังข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนก็ปรากฏในโลกอีกครั้ง!
“เป็นไปไม่ได้! นี่คือค่ายกลโบราณอันยิ่งใหญ่ที่สร้างโดยจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นเจ้าจะควบคุมมันได้อย่างไร? มันเป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน…”
เหยียนถูตกตะลึงและโกรธจัด ในขณะที่เขาร้องโหยหวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยน้ำเสียงที่เผยให้เห็นความประหลาดใจและความหวาดกลัวอย่างมาก เหยียนถูไม่กล้าเชื่อว่าชายหนุ่มจากภพมนุษย์คนนี้ จะสามารถควบคุมข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ถึงอย่างไร หลงไฮวก็ใช้เวลากว่าสามพันปี แต่กลับดึงพลังของข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนออกมาได้เพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น!
ครืน!
เสียงคำรามของเขายังไม่ทันเลือนหายไปจากอากาศ แต่มวลพลังแห่งการลืมเลือนที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้พัดพาคลื่นทะเลอันเชี่ยวกรากเข้ามา กลืนกินเหยียนถูจนหายวับไปในพริบตา
คลื่นทะเลไหลเชี่ยวกราก ในขณะที่กระแสน้ำวนหมุนอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับไร้วี่แววของเหยียนถู ราวกับว่าเจ้าตัวถูกลากไปยังนรก และสิ้นชีพไปแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนที่พบเห็นตกตะลึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกองเรือตระกูลเว่ย เมื่อพวกเขาเห็นว่าราชายักษาที่ติดตามราชาฉู่เจียงออกรบทำศึกมาเป็นเวลาเนิ่นนาน กลับถูกเฉินซีบดขยี้ด้วยการโบกมือ และถูกลากไปสู่การลืมเลือนใต้ทะเลทุกข์ ร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้าน ขณะที่ทุกคนตกใจจนหนังศีรษะชา และหายใจไม่ออก
ในทางกลับกัน หลงไฮวหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากสั่นเทา ขณะที่กล่าวพึมพำว่า “นี่เป็นเรื่องจริง เจ้าควบคุมข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนได้แล้วจริง ๆ เป็นไปได้ไหมว่า… เจ้าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม?”
เมื่อกล่าวจบ เสียงของเขาก็เริ่มสั่นอย่างอดไม่ได้
แต่หลังจากนั้น เจ้าตัวพลันส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วเจ้าจะอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? มรดกของจักรพรรดิยมโลกเป็นสิ่งต้องห้ามในทั้งสามภพ!”
“เจ้ากล่าวจบแล้วหรือยัง? หากเจ้ากล่าวจบแล้ว ก็ลองลิ้มรสพลังของข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนซะ” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย
ครืน! ครืน!
ทันทีที่เฉินซีกล่าวจบ ทะเลทุกข์เริ่มเดือดพล่าน และจากนั้นมันก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับตั้งใจที่จะกลบท้องฟ้า
ซึ่งก่อนที่หลงไฮวจะทันได้ตอบสนอง มันก็ถาโถมเข้าใส่เขา จนร่างกายของอีกฝ่ายจมหายไปทั้งตัวพร้อมกับตำหนักที่อยู่ใต้เท้า ทำให้เขาจมน้ำตายโดยไม่อาจตอบโต้
“ไอ้สารเลว! นี่เจ้าคิดว่าจะช่วยเหลือผู้หญิงของเจ้าได้หรือ? เจ้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของราชาฉู่เจียงที่รักษาการณ์อยู่บนภูเขาหมื่นกระแสอย่างแน่นอน!!
เสียงแหลมและขุ่นเคืองอย่างยิ่งของหลงไฮวดังออกมาจากภายในทะเลโคลน ในช่วงเวลาถัดมา ทุกสิ่งก็กลับคืนสู่ก้นทะเลพร้อมกับน้ำทะเลอันเชี่ยวกราก และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อมาถึงจุดนี้ แนวป้องกันสุดท้ายที่ราชาฉู่เจียงสร้างขึ้นได้พังทลายลงแล้ว!
ในขณะนี้ น้ำทะเลได้ม้วนตัวและไหลเชี่ยว ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพสงบนิ่งดังเดิม มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่คนเดียวกลางอากาศ ดุจภูเขาที่ไม่อาจเคลื่อนได้
“ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ มันเกินความคาดหมายของราชาผู้นี้จริง ๆ มาเถิด ราชาองค์นี้กำลังรอเจ้าอยู่ที่ภูเขาหมื่นกระแส หากเจ้าไม่มาถึงภายในเวลาสามวัน หญิงสาวผู้นั้นจะถูกส่งไปยังนรกขุมที่สิบแปด!”
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดนี้ เสียงที่เย็นชา เฉยเมย และแผ่วเบาก็ดังกึกก้องมาจากระยะไกล ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ก้องกังวานไปทั่วฟ้าดิน
ทันใดนั้น เฉินซีก็แหงนหน้าขึ้น สายตาของเขาลึกล้ำและส่องประกายด้วยสายฟ้าสองสาย ชายหนุ่มดูจะสามารถมองผ่านความว่างเปล่าและจ้องมองไปยังภูเขาหมื่นกระแสที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลทุกข์ได้
“ราชาฉู่เจียง? วันที่ข้าไปถึง จะเป็นวันตายของเจ้า!” เฉินซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ และดูเหมือนว่าเขากำลังกล่าวกับตัวเอง แต่มันก็เผยให้เห็นถึงพลังแห่งการสังหารที่เกินต้านเช่นกัน!