บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 40 มาถึงที่
บทที่ 40 มาถึงที่
เดิมทีจิ้งจอกสีแดงตัวน้อยยังคงดีดดิ้น แต่เมื่อได้ยินคำว่า “ผ้าพันคอ” สามพยางค์นี้ มันก็ไม่กล้าขยับอีกเลย
มันรู้ดีว่าบุรุษตรงหน้าที่โอบล้อมด้วยไอเย็นพูดจริงทำจริง บนตัวของบุรุษเคล้าไปด้วยกลิ่นอายของอสูรเทพ ไม่เพียงแค่ชนิดเดียว ทำให้อสูรเด็กหวาดกลัว
จู่ๆ มือที่อ่อนโยนยื่นมา แล้วอุ้มมันไป
มันเบิกตากว้าง สิ่งที่สะท้อนในดวงตาของมันคือใบหน้าที่มีปานแดง สบตากับดวงตาคู่ใสของหญิงสาว
คล้ายว่าบนตัวของหญิงสาวจะมีความอ่อนโยนที่ทำให้สรรพสัตว์สนิทสนม จิ้งจอกน้อยกะพริบตาปริบๆ เท้าหน้าทั้งสองข้างจับมือหญิงสาวแน่น
แอ๊งๆๆ บุรุษคนนั้นน่ากลัวยิ่งนัก มันกอดหญิงสาวไว้ไม่ยอมปล่อย
“น่ารักจริงๆ จิ้งจอกน้อยตอนเด็กๆ น่ารักยิ่งนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อโตขึ้นจะอัปลักษณ์หรือไม่”
เย่จายซิงลูบขนของจิ้งจอก ขนนุ่มลื่น ให้สัมผัสที่ดีจริงๆ
จิ้งจอกน้อยส่ายหน้าให้นาง หมายความว่ามันโตขึ้นไม่มีวันอัปลักษณ์แน่นอน อย่าทอดทิ้งมัน มันไม่อยากกลายเป็นผ้าพันคอ
เย่จายซิงหัวเราะ ดวงตาของนางหยีเล็ก สดใสราวกับดวงดาว
จวินหยวนขมวดคิ้วเป็นปม มองมือของนาง ขุ่นเคืองเล็กน้อย คล้ายเสียใจที่ยกจิ้งจอกน้อยตัวนี้ให้นาง
เย่จายซิงสงสัย เหตุใดจู่ๆ เขาจึงไม่สบอารมณ์?
อารมณ์แปรปรวนจริงๆ
ไม่สิ เขาคงไม่ได้หึงจิ้งจอกน้อยกระมัง? หึงที่ตนลูบจิ้งจอกน้อยด้วยความสนิทสนมเช่นนี้?
ความปรารถนาที่จะครอบครองของเขามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“เสด็จอา เช่นนั้น ท่านเก็บจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงไว้กับตนเองเถอะ”
เดิมทีนางก็ไม่ได้อยากจะได้เท่าใดนัก เมื่อครู่รู้สึกว่าท่าทีน่าสงสารของจิ้งจอกน้อยน่ารักมาก นางจึงอุ้มมา
“ข้าขาดก็แต่ผ้าพันคอหนึ่งผืนเท่านั้น”
ความหมายของเขาคือ หากนางคืนจิ้งจอกน้อยให้เขา จิ้งจอกน้อยก็จะตาย
จิ้งจอกน้อยตัวสั่น กอดมือนางแน่นยิ่งกว่าเดิม
เย่จายซิง:……
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นไว้วันหน้าข้าจะให้ของขวัญตอบแทนเสด็จอา จิ้งจอกน้อยข้ารับเอาไว้แล้ว”
เป็นถึงอสูรโหดโบราณ แต่กลับถูกเอาไปทำเป็นผ้าพันคอ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
“เสด็จอา ข้าขอตัวกลับก่อน”
เย่จายซิงกำลังจะออกไป อัคคีผนึกนภากาฬที่นางต้องการไม่ได้ถูกประมูล นางต้องไปถามสหการค้าผานหลง
“ไม่รีบร้อน ยังเหลือของประมูลชิ้นสุดท้าย”
จวินหยวนพูดเสียงเรียบ บอกให้นางนั่งลง
เสียงของเขาไม่อาจขัดขืน เผด็จการอย่างมาก เย่จายซิงไม่ได้สนใจของประมูลชิ้นสุดท้ายแต่เห็นแก่จิ้งจอกน้อยในมือที่เขาให้นาง สุดท้ายนางจึงนั่งลง ให้เกียรติเขา
เบื้องล่าง หญิงสาวรูปโฉมงดงามยกถาดที่คลุมด้วยผ้าสีดำขึ้นมา
สีหน้าของเย่จายซิงหวั่นไหว นางรีบนั่งตัวตรง สัญชาตญาณบอกนางว่าของที่อยู่บนถาดไม่ธรรมดา นางพอจะสัมผัสไอร้อนได้แล้ว
หรือว่า ของชิ้นสุดท้ายที่จะนำมาประมูลคืออัคคีผนึกนภากาฬ?
แต่ว่าเพลิงพิลึกขึ้นสาม คล้ายไม่ควรถูกเก็บเอาไว้เป็นสิ่งสุดท้ายหนิ
ภายในใจของนางเปี่ยมไปด้วยความฉงน ทว่าตั้งหน้าตั้งตารอ
จวินหยวนมองสีหน้าของนาง ยกมุมปากขึ้น เพียงครู่หนึ่ง รวดเร็วจนไม่อาจทันมอง
“ข้าไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว สิ่งประมูลสุดท้ายในงานประมูล คือเพลิงพิลึก”
นักประมูลมองหน้ากัน พูดเสียงดัง
จริงด้วย!
ดวงตาของเย่จายซิงทอประกาย แค่เพียงเป็นเพลิงพิลึกก็พอแล้ว นางขี้คร้านจะไปคิดว่าเพราะเหตุใดเพลิงพิลึกจึงถูกนำมาประมูลเป็นสิ่งสุดท้าย
“เพลิงพิลึก!เจ้าพระยา ในที่สุดสิ่งที่น้องหยูรอก็มาถึง!”
เย่เจียหยูที่นั่งแถวหน้าตื่นเต้นดีใจ ความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้หายไปจนหมด ทั้งยังเจตนาทำให้เซี่ยซือห้าวเห็นสีหน้าดีใจของนาง
“น้องหยู ข้าจะช่วยเจ้าประมูลเพลิงพิลึกให้ได้!”
เซี่ยซือห้าวรับปากเสียงหนักแน่น
อสูรศักดิ์สิทธิ์เมื่อครู่อ๋องเซ่อเจิ้งชนะการประมูล เขารู้ดีว่าน้องหยูผิดหวังอย่างมาก เขาเองก็รู้สึกว่าตนขายหน้าต่อหน้านาง
เขาให้คนไปสืบตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว งานประมูลในวันนี้มีการประมูลอัคคีผนึกนภากาฬ เป็นเพียงเพลิงพิลึกขั้นสามเท่านั้น ราคาไม่รู้ว่าต่ำกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์เท่าใด
เพลิงพิลึกล้วนเป็นเป้าหมายของนักกลั่นยา เขาในฐานะลูกชายของหัวหน้าสาขาสำนักกลั่นยา เมื่อเขาเอ่ยปาก ต้องไม่มีใครกล้าแย่งกับเขาแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมากกว่าจะสามารถประมูลเพลิงพิลึกได้ ทำให้หญิงงามดีใจ
สีหน้าของเย่เจียหยูฉายความเขินอาย แต่ต่อหน้าคนรอบๆ นางพูดเช่นนี้:
“เจ้าพระยา ท่านวางใจเถอะ น้องหยูเพียงยืมเงินท่านเท่านั้น เมื่อผ่านไประยะหนึ่งย่อมคืน”
ต่อหน้าผู้คนแล้วนางเป็นสตรีจิตใจดีและอ่อนโยนมาโดยตลอด ภาพลักษณ์ของนางบริสุทธิ์ไร้มลทิน แล้วนางจะให้บุรุษจ่ายเงินให้นางได้อย่างไร
แต่นางรู้จักเซี่ยซือห้าวเป็นอย่างดี เขาเป็นคนรักเกียรติของตนเองมาก ทั้งยังตกอยู่ใต้เสน่ห์ของนางแล้ว แม้นางจะคืนเงินเขาก็ไม่มีวันรับไว้
เป็นจริงตามคาดได้ยินเขาพูดประมาณว่าไม่ต้องคืนเงินแล้ว
“ได้อย่างไร เจ้าพระยา……”
ขณะที่เย่เจียหยูกำลังจะแสร้งพูดเล็กน้อย เวลานี้ นักประมูลที่อยู่บนเวทีเปิดผ้าสีดำ เผยให้เห็นกล่องอุกกาบาตสั่งทำพิเศษ
เมื่อเห็นกล่องเหล็กอุกกาบาตคนไม่น้อยต่างร้องตะโกน
เหล็กอุกกาบาตคือหินที่นำมาจากอุกกาบาต น้ำไฟดาบปืนล้วนไม่อาจทิ่มแทงเข้าไปได้ แต่เพราะมีจำนวนน้อยมาก โดยทั่วไปจึงถูกนักหลอมอาวุธนำมาสร้างเป็นเกราะป้องกันตัว ใช้มาใส่เพลิงพิลึก ทุกคนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
รู้สึกคล้ายเป็นการทำลายของล้ำค่า
แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ สหการค้าผานหลงช่างใจกว้างยิ่งนัก
นักประมูลเปิดกล่องเหล็กอุกกาบาตเพียงครู่หนึ่ง ความร้อนปะทุขึ้นมา ทำให้ไอน้ำในงานประมูลหายไปจนหมด ทุกคนต่างเหงื่อแตก
เย่จายซิงลุกขึ้นยืนกะทันหัน จับจ้องเพลิงพิลึกสีม่วงที่อยู่ในกล่องเหล็กอุกกาบาตพูดด้วยความตกตะลึง:
“นี่ไม่ใช่เพลิงพิลึกขั้นสาม!”
ด้านบนเพลิงพิลึกมีม่านพลังที่ยอดฝีมือวางไว้ มิเช่นนั้นหากเปิดในอากาศ นักบำเพ็ญเพียรที่พลังยุทธ์ต่ำ น้ำในร่างกายจะถูกนึ่งจนแห้ง ไม่เพียงแค่เหงื่อแตกเท่านั้น
“นี่คือเพลิงพิลึกขั้นห้า เพลิงล้างโครต”
เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มดังขึ้นด้านหลังของนาง
นางหันกลับไปมองด้วยความแปลกใจ:
“คือเพลิงพิลึกขั้นห้า?”
เท่าที่นางรู้ เพลิงพิลึกขั้นห้าทั่วทั้งแผ่นดินเทียนเหย้านับชิ้นได้ แม้แต่เพลิงพิลึกขั้นสามเยี่ยมอัคคีผนึกนภากาฬยังหายากมาก เพลิงพิลึกขึ้นห้ามีไหวพริบ เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ทั้งยังร้อนระอุ แม้จะเจอร่องรอย ก็ยากจะจับตัว
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าเงินของตนเองอาจจะไม่พอแล้ว!
นี่คือเพลิงพิลึกขั้นห้าเชียวนะ
สำหรับเรื่องที่ว่าจวินหยวนรู้ว่าเบื้องล่างคือเพลิงพิลึกขั้นห้า นางไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เขาพลังยุทธ์สูงเช่นนั้น ยากจะคาดเดา การที่จะดูระดับขั้นของเพลิงพิลึกออกน่าจะง่ายมาก
แต่นางไม่รู้ว่า เพลิงพิลึกขั้นห้านี้ จวินหยวนเตรียมเอาไว้ให้นางโดยเฉพาะ
นักประมูเองก็อ่านชื่อของเพลิงพิลึก หลังจากได้ยินว่านี่คือเพลิงพิลึกขั้นห้า ทุกคนต่างตกตะลึง เบิกตากว้าง
เพลิงพิลึกขั้นห้า สามารถนำไปประมูลที่เฉินตูได้แล้ว แต่กลับนำมาประมูลในแคว้นเล็กๆ อย่างแคว้นหงส์แดงของพวกเขา
สหการค้าผานหลงไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่พวกเขาคิด
คนที่ตกตะลึงเช่นเดียวกัน คือเซี่ยซือห้าวและเย่เจียหยู
เซี่ยซือห้าวกลัวว่าราคาจะสูงเกินไป แต่เขาก็พูดไปตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแม้จะต้องกัดฟันก็จะประมูลเพลิงพิลึกขั้นห้าให้เย่เจียหยูให้ได้
เย่เจียหยูดีใจจนรูม่านตาหดเล็ก ก่อนหน้านี้เซี่ยซือห้าวพูดถูก นางคือลูกรักของพระเจ้า มีชะตาที่จะเหนือสวรรค์
นางอยากจะได้เพลิงพิลึก เพลิงพิลึกขั้นห้าก็มาถึงที่!