บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 52 ทั้งหมดเป็นเพราะเย่จายซิงเป็นคนทำให้เลวร้ายเช่นนี้
“ไม่ได้!”
ใบหน้าของเย่เจียหยูซีดขาวและยืนขึ้นปฏิเสธทันที
เดิมทีนางแค่จะดูเอาสุกอยู่ข้างๆ วางท่าทางที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็น แล้วก็ยังคิดไว้ว่ารอให้ตอนที่ทุกคนพุ่งเป้าไปที่เย่จายซิงแล้วค่อยใส่ไฟไปอีกสองสามประโยค
คิดไม่ถึงว่าเย่จายซิงจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไวเช่นนี้ สาดโคลนมาใส่นางได้!
ให้นางแต่งกับเซี่ยซือห้าว ล้อเล่นอะไรกัน ตอนที่เขาร่างกายครบถ้วนบริบูรณ์นางยังไม่อยากจะมองเขาเลย นับประสาอะไรกับมือขวาที่ใช้จับดาบด้วนไปแล้ว และจากนี้ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะประสบความสำเร็จได้ นางจะแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน!
เย่จายซิงมองมาที่นางแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ทำไมหรือ ท่านพี่รองรังเกียจที่เจ้าพระยาเซี่ยไร้ซึ่งมือขวางั้นหรือก็เลยไม่อยากแต่ง? ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนท่านพี่รองสนิทสนมกับเจ้าพระยามาก เขามอบของขวัญที่มีมูลค่ากับเจ้ามากมายนับไม่ถ้วน แล้วเหตุใดเพราะว่าเขาแค่มือด้วนไปข้างหนึ่งเจ้าถึงรังเกียจเขาเช่นนี้ได้? ช่างไม่หนักแน่นไปหรือเปล่า”
“เจ้าหุบปาก!”
คนแซ่หวังตะโกนออกมา ลูกสาวสองคนของนางเป็นถึงหญิงสาวที่มีความสามารถ ในอนาคตจะต้องแต่งกับชายที่ดีเยี่ยมที่สุดในปฐพีนี้ เซี่ยซือห้าวมือด้วนไปแล้วก็ไม่คู่ควรกับลูกสาวของนางอีกต่อไปแล้ว
เย่จายซิงหัวเราะอยู่ชั่วครู่ มองดูสีหน้าที่มืดมนของท่านพ่อพระยาอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามคำพูดที่นางควรจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว เรื่องหลังจากนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับนางแล้วล่ะ
เซี่ยซือห้าวมือด้วน แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วนางจะถอนตัวออกจากเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ตอนนั้นที่นางเพิ่งจะข้ามภพชาติมา หากไม่เพราะจวินหยวนปรากฏตัวขึ้น เซี่ยซือห้าวก็คงจะฆ่านางและ เสี่ยวยู่ไปแล้ว ตัดมือเขาทิ้งข้างหนึ่งยังเบาไปด้วยซ้ำ
“ได้ ข้าไม่พูดแล้ว ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการต่อ ขอตัวก่อน หากท่านพ่อพระยาอยากจะเอาโทษข้าจริงๆ ก็คุยกับองครักษ์ของข้า”
พูดจบนางก็โบกมือไปมาแล้วจากไปด้วยสีหน้าท่าทางลอยไปลอยมาที่น่าเอาเรื่อง
หยุนเหยียนยืนอยู่ที่เดิมและจ้องไปยังท่านพ่อพระยาจากนั้นกล่าวว่า
“ท่านพ่อพระยาเซี่ยจะเอาเรื่องพระชายาหรือ?”
ท่านพ่อพระยาเซี่ยกำหมัดแน่น สีหน้าขมขื่น พอผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้นมาสองคำว่า “มิกล้า”
“ไม่กล้าก็ดีแล้ว พระชายาเป็นสตรีอันเป็นที่รักของท่านอ๋อง ใครหาเรื่องนางก็เท่ากับว่าหาเรื่องท่านอ๋อง”
เหยียนเฟิงทิ้งคำพูดที่เย็นชาเอาไว้หนึ่งประโยคแล้วหันหน้าจากไป
สตรีอันเป็นที่รักงั้นหรือ?
สีหน้าของเย่เจียหรง เย่เจียหยูและคนอื่นๆ ดูแย่ หญิงอัปลักษณ์อย่างเย่จายซิงทำบุญมาด้วยอะไรกันถึงให้ผู้ชายรักเอ็นดูได้เช่นนี้กัน?
ในใจของพวกนางเกิดความอิจฉาขึ้น แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้สนใจในตัวจวินหยวน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ หากอยู่ที่แคว้นหงส์แดง ผู้หญิงที่จวินหยวนรักและเอ็นดูอย่างยิ่งยวดต้องเป็นผูหญิงที่โชคดีที่สุดในแคว้นหงส์แดงแน่นอน
“ท่านพ่อพระยา ท่านก็เห็นแล้วใช่ไหม เย่จายซิงนางมีอ๋องเซ่อเจิ้งคอยให้ท้ายไว้อยู่ แม้แต่พวกเรายังทำอะไรไม่ได้เลย”
ท่านรองเย่แสร้งทำเป็นกล่าวด้วยสีหน้าหมดหนทาง หวังว่าท่านพ่อพระยาจะไปรังเกียจอ๋องเซ่อเจิ้ง จะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่นๆ ในตระกูลเย่
ฮูหยินเฒ่าที่ท่าทางโมโหอย่างยิ่งยวดก็กล่าวเช่นกันว่า
“คนสารเลวเช่นนี้ข้าก็สั่งสอนไม่ไหวแล้ว ท่านพ่อพระยา ตระกูลเย่ของพวกเราบกพร่องในการอบรมสั่งสอน ข้าคุกเข่าลงขอขมาลาโทษท่านละกัน!”
ในขณะที่พูดอยู่นางก็ลุกขึ้นยืนจะคุกเข่าลงอย่างเงอะๆ งะๆ นางไม่สามารถให้เย่เจียหยูแต่งกับเซี่ยซือห้าวได้ ต่อไปพวกเขาทั้งตระกูลยังต้องไปเมืองศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น ที่นั่นมีชายหนุ่มรูปงามเต็มไปหมด ชายที่ดีกว่าเซี่ยซือห้าวก็มีเยอะถมเถไปเลย
ตระกูลฝ่ายชายในอนาคตจะต้องให้ความช่วยเหลือคนของตระกูลเย่ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน ตระกูลเซี่ยร้ายกาจเพียงแค่ในแคว้นหงส์แดงเท่านั้น พอไปที่เมืองศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ
เย่เจียหยูเข้าใจความหมายของท่านย่า จากนั้นถอนหายใจออกมา นางคิดว่าการคุกเข่าครั้งนี้ของท่านย่า ท่านพ่อพระยาจะต้องไม่ถือสาเอาความอีกแล้วอย่างแน่นอน
ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ฮูหยินเฒ่าคุกเข่าลงอย่างเก้ๆ กังๆ นั้น ท่านพ่อพระยาจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหว่า
“ลูกข้ามือขาดไปหนึ่งข้าง ต่อไปก็ใช้ดาบไม่ได้แล้ว พวกเจ้าคิดว่าแค่คุกเข่าแค่นี้ก็จะทำให้มือของลูกชายข้างอกออกมาได้งั้นสิ! พวกเจ้าจะปัดความรับผิดชอบ แค่คิดก็ไม่ต้องคิด นางไม่ใช่ว่าสนิทกับลูกข้าหรือ งั้นก็ให้นางแต่งกับลูกข้า ผู้หญิงในเมืองหลวงที่อยากแต่งงานกับซือห้าวมีถมเถเต็มไปหมด เกี่ยวดองกับตระกูลเย่ของพวกเจ้าก็ให้เกียรติพวกเจ้ามากเกินไปแล้ว!”
เขาชี้ไปยังเย่เจียหยู วันนี้จะต้องให้นางแต่งกับเซี่ยซือห้าวให้ได้อย่างแน่นอน
เซี่ยซือห้าวเป็นปมอันเป็นที่รักที่เขามีตอนอายุมากแล้ว เขารู้ว่าเซี่ยซือห้าวชอบเย่เจียหยู วันนี้เขาจะช่วยให้ลูกชายได้สมหวังโดยการยืนยันเรื่องงานแต่งให้ได้
เย่เจียหยูถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยอาการสับสนแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อพระยา ข้าและเจ้าพระยามีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ไม่เลวเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวแต่อย่างใด ท่านอย่าคลุมถุงชนอย่างมั่วซั่วเช่นนี้!”
“หึ!เจ้าอ่อยซือห้าวมาตลอด เจ้าคิดว่าข้าดูไม่ออกหรือยังไง? ซือห้าวสัยเงินไปมากมายต่อเจ้า ข้ารู้ดี หากเจ้าไม่แต่งก็เอาเงินทั้งหมดนั้นคืนมาซะ ทว่าต่อจากนี้ตระกูลเซี่ยของพวกเราก็จะตัดขาดจากตระกูลเย่ของพวกเจ้าเช่นกัน เจ้าก็ไม่ต้องอยู่ที่ศูนย์สำนักอาจารย์กลั่นยาแล้วล่ะ!”
ท่านพ่อพระยาเซี่ยกล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม
ฮูหยินเฒ่าและท่านรองเย่ก็ตื่นตระหนกลนลานเช่นกัน ตระกูลเย่ของพวกเขายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในแคว้นหงส์แดง หากตัดขาดจากตระกูลเซี่ย ตระกูลเซี่ยจะต้องกลั่นแกล้งพวกเขาในทุกๆ ด้านเป็นแน่ ต่อไปภายหลังตระกูลเย่ของพวกเขาบอกได้เลยว่ายากที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าได้
เย่เจียหยูก็ดูร้อนใจมากเช่นกัน นางไม่สามารถที่จะออกไปจากศูนย์สำนักอาจารย์กลั่นยาได้ ภายภาคหน้านางจะต้องไปยังศูนย์สำนักใหญ่อาจารย์กลั่นยาอีก การชี้แนะและผลักดันของสาขาสำนักนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ มิเช่นนั้นเสียก็เว้นแต่ฟ้าดินกลับตาลปัตรจึงถูกศูนย์สำนักใหญ่เลิกการใช้งานนาง
เย่เจียหรงก็เลยขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน
ผู้ริเริ่มของเรื่องทั้งหมดเป็นเย่จายซิงที่พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ เลย
……
โรงชาหยกหิมาลัย
หลังจากเย่จายซิงกินยาแปลงโฉมเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์กลับมาแล้ว พอมาถึงก็ถูกเสี่ยวเอ้อที่รออยู่นานแล้วพามายังห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
“พี่หรงมาเร็วพอควรเลยนะ”
เข้าห้องมา นางก็เห็นราชสีห์ขนทองนั่งหันหลังให้นางอยู่ริมหน้าต่าง แต่วันนี้ผมของเขาไม่ได้รกรุงรัง แต่จัดแต่งทรงผมมาอย่างเนี้ยบ บนหัวมีปิ่นปักผมหยกเสียบอยู่ ผมครึ่งหนึ่งทิ้งตัวอยู่ตรงท้ายทอย ภายใต้แสงอรุณยามเช้าเห็นได้ชัดว่าอ่อนโยนไปตามแสง แสงทองเป็นประกายแวววาว
“น้องเย่มาแล้วหรือ ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าว่าฟ้ายังไม่สว่าง ข้าก็รออยู่ที่นี่แล้ว”
หรงจิ่งเฉินหันตัวมาแล้วมองมาที่เย่จายซิงด้วยรอยยิ้มที่สดใส
นางเกือบถูกแสงนั้นสาดจนตาฝ้าฟาง แม้ว่าจะทราบดีว่าโหงวเฮ้งของเขาดูดี แต่ว่าผมสีทองของเขาทั้งหัวมันเหมือนกับหัวระเบิดก็ไม่ปาน ปกคลุมเสน่ห์ในตัวเขา พอได้จัดแต่งให้เรียบร้อยช่างสง่างามราวกับเทพแห่งสวรรค์ แน่นอนว่าการแก้ไขทรงผมนั้นสามารถเปลี่ยนให้มีเสน่ห์ได้
เย่จายซิงไม่เคยเห็นชายหนุ่มผมทองที่ดูดีขนาดนี้มาก่อนเลย เจ้าชายปีศาจที่อยู่ในหนังเรื่องแหวนปีศาจยังดูดีไม่เท่าครึ่งหนึ่งของเขาเลย โหงวเฮ้งของเขาดูลึกล้ำบ่งบอกถึงว่าเป็นคนตะวันออกอย่างชัดเจน ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเห็นได้ชัดว่ามีความอ่อนไหวอยู่บ้าง
แต่ทว่าเมื่อเทียบกับเขาแล้ว นางพบว่าจวินหยวนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย เผลอๆ อาจจะชนะกว่าหนึ่งขั้นด้วยซ้ำไป
ความเยือกเย็นของจวินหยวนเปรียบเสมือนเทพเจ้าที่ไม่มีใครเตะต้องได้ หากเขาถอดหน้ากากออกเกรงว่าผู้หญิงทั่วทั้งเมืองหลวงต่างจะพากันอึ้งไปตามๆ กัน คนอื่นยังคิดว่ารูปลักษณ์ของเขาอัปลักษณ์จึงได้สวมหน้ากากเอาไว้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาก็เพียงแค่ไม่อยากจะให้เกิดปัญหาขึ้นต่างหาก
แต่จะด้วยเพราะเหตุผลอื่นใดหรือไม่นางก็ไม่ทราบแล้ว
หลังจากชื่นชมรูปลักษณ์ที่ชวนให้หลงเสน่ห์ของชายผู้งดงามแล้วเย่จายซิงก็เดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า
“รู้ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับยาชุดนี้มาก เจ้าวางใจได้ ข้าจัดการเองปลอดภัยที่สุด ยาทั้งหมดอยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าลองนับดูเองเถอะ”
นางหยิบห่อสัมภาระหนึ่งออกมา ในนั้นทั้งหมดเป็นยาที่นางปรุงกลั่นเสร็จแล้ว
“กลั่นออกมาได้ทั้งหมดแล้วจริงๆ หรือ?”
แม้ว่าจะตกลงเวลากันไว้ตั้งนานแล้ว แต่หรงจิ่งเฉินก็ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง นี่เพียงแค่ไม่กี่วัน ยาเลี้ยงจิต 100เม็ดทั้งหมดเป็นยาขั้นหกทั้งนั้นเลย อีกทั้งยังกลั่นออกมาได้ยากมากๆ ด้วย แม้แต่พวกอาจารย์กลั่นยาที่มีชื่อเสียงมานานมากแล้วพวกนั้นยังต้องใช้เวลาในการกลั่นอยู่หลายเดือนทีเดียว!