บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 56 เรื่องตบตีคนเช่นนี้ไม่ต้องให้เจ้าลงมือเอง
เย่เจียหยูเดินมายังลานบ้านที่สองพี่น้องเย่จายซิงอาศัยอยู่อย่างรวดเร็วด้วยแรงอาฆาต
พบว่ามีเพียงหญิงรับใช้ที่นามว่าไป๋จู๋วอยู่ในลานบ้านเท่านั้น องครักษ์ลับที่นามว่าเหยียนเฟิงนั้นไม่อยู่จริงๆ
“เมื่อก่อนหญิงรับใช้ผู้นั้นไม่ใช่ว่ามีร่องรอยฝ้ากระเต็มหน้าไปหมดหรือ เหตุใดไม่เจอหลายวันฝ้ากระบนหน้าของนางจึงดูจางลงมากเช่นนี้?”
เดิมที่เย่เจียหยูจะอาศัยตอนที่เย่จายซิงยังไม่มาถึง สั่งสอนลูกน้องนางก่อน ใครจะไปคิดว่านางกลับสนใจรอยฝ้ากระที่อยู่บนหน้าของหญิงรับใช้ไป๋จู๋วผู้นั้นไปแล้ว
ตอนนั้นตอนที่ท่านแม่ของนางเลือกหญิงรับใช้ให้เย่จายซิง เป็นนางเองที่จงใจชี้ไปที่คนที่หน้าลายผู้นี้ให้เย่จายซิงก็เพื่อที่จะให้นางขายขี้หน้า
คุณหนูอัปลักษณ์ก็คู่ควรกับหญิงรับใช้อัปลักษณ์อย่างแน่นอน
ดังนั้นนางจึงมีความทรงจำที่ลึกซึ้งเกี่ยวกัยหญิงรับใช้ผู้นั้น คิดไม่ถึงว่าวันนี้ได้พบหน้าอีก หญิงรับใช้ผู้นี้ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ไม่เพียงแต่ร่องรอยลายๆ บนใบหน้าจะลดน้อยลงไป สีผิวก็ดูเหมือนว่าจะขาวนวลขึ้นเยอะเลย
จะว่าไปนางหวนคิดกลับไปถึงใบหน้านั้นและผิวที่มือของเย่จายซิงก็ดูเหมือนว่าจะขาวขึ้นไม่น้อยเช่นกัน เพียงแค่ปานที่อยู่บนหน้านางมันช่างน่าเกลียดเกินไป ทำให้คนมองข้ามผิวหนังของนางไปได้
“หรือว่าอ๋องเซ่อเจิ้งมอบยาเนื้อสวยอันล้ำค่าให้นางงั้นหรือ?”
เพียงแค่มียาเนื้อสวยก็สามารถทำให้ผิวหนังดูขาวนวลและละเอียดขึ้นในระยะเวลาเพียงสั้นๆ และยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องฝ้ากระรอยแผลเป็นที่อยู่ภายนอกได้อีกด้วย
หากนางมียาเนื้อสวย รอบแผลบนมือที่ถูกจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิงตัวนั้นกัดก็สามารถหายได้ ผิวหนังก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก
สายตาของเย่เจียหยูอิจฉาตาร้อนผ่าว ยาเนื้อสวยยังไงก็เป็นถึงยาขั้นหก เนื่องจากตัวยาทิพย์ที่ต้องใช้หาได้ยากยิ่งแม้เพียงเม็ดเดียวก็ยากที่จะได้ครอบครอง
ไม่มีผู้หยิงคนไหนไม่อยากสวยขึ้นหรอก ยาชนิดนี้แม้ว่าจะมีอาจารย์กลั่นยากลั่นออกมาได้ก็จะเอาไปให้กับหญิงสูงศักดิ์แห่งตระกูลขุนนางใหญ่ก่อนแน่นอน ยิ่งที่อยู่ในตลาดก็มีจำนวนน้อยมากจนน้อยที่สุด
พอเย่เจียหยูนึกถึงหญิงอัปลักษณ์เช่นนั้นอย่างเย่จายซิงที่ใช้ยาเนื้อสวยได้ อีกทั้งหญิงรับใช้ที่ทำความสะอาดคนหนึ่งยังได้รับอานิสงส์ไปด้วย แต่นางที่เป็นหญิงที่เป็นความภูมิใจของสวรรค์กลับขอก็ยังไม่ได้เลย นางเกลียดจนฟันสีไปมา
นางด่าว่าอ๋องเซ่อเจิ้งอยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วนว่าตาบอด อีกทั้งอิจฉาและเกลียดเย่จายซิงที่มีโชคขี้หมาวิ่งมาชนเช่นนี้
“ท่านพี่รอง ท่านมาที่นี่ทำอะไรหรือ?”
และตอนนี้เอง เย่ยู่หยางก้ผลักประตูออกมาจากในห้อง มองเห็นแววตาที่โกรธเกลียดของนาง คิ้วงามคู่นั้นก็ขมวดขึ้นมาทันที
เขาให้ไป๋จู๋วเข้าไปในห้องก่อน
เย่เจียหยูยกเท้าเดินเข้าไปแล้วกล่าวว่า “ทำไม ที่นี่ข้ามาไม่ได้หรือ?”
“ข้าแค่รู้สึกว่าท่านพี่รองที่เป็นดั่งหยกอันล้ำค่าเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเยือนที่พักรังหนูเช่นนี้ของพวกเรา”
เย่ยู่หยางน้ำเสียงเย็นชา
เขามองพวกเขาทุกคนออกนานแล้ว ตระกูลเย่แห่งนี้นอกจากพี่สาวของเขาแล้ว คนอื่นๆ ต่างไม่ใช่คนดีอะไรเลย
พวกเขาไม่ได้มีเจตนาดีอะไร ไม่สนใจเครือญาติที่สายเลือดเดียวกัน แต่ผลประโยชน์ในสายตาเท่านั้น
“ยู่หยาง เจ้าพูดเช่นนี้ทำให้ท่านพี่รองเสียใจนะ เมื่อก่อนท่านพี่รองก็รักเอ็นดูเจ้ามากเช่นกัน”
เย่เจียหยูค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ จู่ๆ เสียงก็เบาลง ใช้เสียงที่มีเพียงเย่ยู่หยางที่สามารถได้ยินคนเดียวกล่าวออกมาว่า
“เพียงแค่เมื่อก่อนเจ้าเก่งเกินไป ขวางหูขวางตาใครบางคน ดังนั้นทำลายจุดตันเถียนของเจ้าเสีย ให้เจ้าเป็นคนพิการ ท่านพี่รองอย่างข้ารู้สึกว่าเจ้าไร้ประโยชน์เลยออกห่างจากเจ้าไป”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ!”
ดวงตาของเย่ยู่หยางจู่ๆ ก็แดงขึ้นมา
เขาคิดว่าในครั้งนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ากลับมีคนจงใจทำให้มันเกิดขึ้น
เย่เจียหยูมองดูท่าทางที่โกรธเกลียดอย่างตกใจ ในใจก็รู้สึกมีความสุขมาก
“ใช่สิ เมื่อก่อนเจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่อายุน้อยที่สุด แม้แต่องค์หญิงแคว้นข้างๆ ยังตกหลุมรักเจ้าไม่ลืมเลย ดูละลานตาเกินไปมันก็ไม่ดีนัก จะตกจากสวรรค์ลงมาตายได้ง่าย”
“ใครกัน!ที่แท้แล้วเป็นใครกันแน่ที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับข้าเช่นนี้? เจ้าพูดมาสิ!”
เส้นเลือดบนศีรษะของเย่ยู่หยางบูดออกมา และใบหน้าที่ซีดก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
เย่เจียหยูปิดริมฝีปากแล้วหัวเราะเบาๆ จากนั้นกล่าวว่า
“ไม่บอกเจ้าหรอก เจ้าค่อยๆ เดาไปละกันนะ แม้ว่าเจ้าจะเดาออกมาได้ เมื่อเปรียบกับร่างกายที่พิการเช่นนี้ของเจ้าแล้วหากอยากจะไปแก้แค้นกับเขาก็เท่ากับรนหาที่ตาย ท่านพี่รองอย่างข้าแนะนำให้เจ้าสงบเสงี่ยมเพื่อมีชีวิตรอดจะดีกว่า”
“เย่เจียหยู เจ้าทำอะไรน่ะ!”
เสียงที่แฝงด้วยความโมโหเสียงหนึ่งดังระเบิดออกมา เห็นเพียงเย่จายซิงรีบเดินเข้ามาจากนอกลานบ้าน เดินมายังด้านหน้าของเย่ยู่หยางราวกับแม่วัวปกป้องลูกของมันก็ไม่ปาน สบตาเย่เจียหยูอย่างโมโห
“ข้าจะทำอะไรได้ เขาก็ยังดีๆ อยู่นี่ ไม่ได้เสียหายอะไรตรงไหน น้องสี่เจ้าอย่างกล่าวโทษคนอื่นส่งเดชเช่นนี้สิ”
เย่เจียหยูกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ดูเข้าสิ อารมณ์ของพวกเขาสองพี่น้องไม่ใช่ว่าเกิดการควบคุมจากนางหรือ
นางก็ไม่ได้ทำร้ายคน ใครจะมาหาเรื่องนางได้เล่า?
เพี๊ยะ!
ด้วยเสียงที่ดังคมชัด หนึ่งฝ่ามือซัดอย่างเหี้ยมโหดไปบนใบหน้าของนาง ในตอนนั้นนางรู้สึกแต่เพียงว่าเจ็บปวดอย่างร้อนแรงเท่านั้น!
“เจ้ากล้าตบข้าเหรอ!เจ้ามีสิทธิ์มาตบข้าได้ยังไง!”
เย่เจียหยูจับแก้ไว้อยู่ อารมณ์โมโหพลุ่งพล่านสุดๆ
“ข้าอยากตบตีเจ้าข้าก็ทำ ไม่เห็นจะต้องเลือกวันเลย?”
เย่จายซิงหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อเตือนนางแล้วกล่าวต่อว่า
“ข้าบอกเจ้าไว้เลยหากเจ้ากล้าแตะต้องเขา ข้าจะทำให้ตระกูลทั้งตระกูลของพวกเจ้าเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
“ข้าคิดว่าเจ้ามีฝีมืออะไรเสียอีก ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ทำได้แค่พึ่งพาผู้ชายเหรอ……”
เย่เจียหยูกำลังพูดจาเหยียดหยามเย่จายซิงไม่กี่คำอยู่นั้น หันหน้าไปก็เห็นจวินหยวนที่ยืนอยู่ด้านข้าง และก็ไม่รู้ว่ามาถึงนานแค่ไหนแล้ว
ในหัวของนางทำอะไรไม่ถูก ขาเกือบจะอ่อนและล้มลงแล้ว
เหตุใดอ๋องเซ่อเจิ้งจึงมาหาเย่จายซิงที่นี่ได้!
เขาได้ยินไปเท่าไรแล้ว?
“น้องสี่ ข้าไม่ได้ทำอะไรกับยู่หยางจริงๆ ทำไมเจ้าจึงปรักปรำข้า? ข้าทั้งดีต่อพวกเจ้าสารพัด ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะเอาขนมมาให้พวกเจ้า ใครจะไปคิดว่าน้ำใจแค่เล็กน้อยเขาก็ไม่รับ เจ้ามาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็ตบข้าไปหน้าฝ่ามือ ข่มขู่ข้าอีก พวกเจ้าทำให้ข้าปวดใจยิ่งนัก ฮือๆๆ ……”
เย่เจียหยูจู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมา จงใจเอามือที่กดปิดใบหน้าเอาไว้อยู่นั้นลง แล้วเผยให้เห็นรอยฝ่ามือบนหน้าที่แดงระเรื่อออกมา
ท่าทางน่าสงสารจับใจเช่นนั้น
ท่านพี่บอกว่าผู้ชายยังไงก็ต้องใจอ่อนเพราะไม้นี้ ผู้หญิงยิ่งอ่อนแอ ผู้ชายก็จะบิ่งรักเอ็นดู
นางรู้สึกว่าอ๋องเซ่อเจิ้งก็คงไม่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์นี้เช่นกัน
หากสามารถอาศัยไม้นี้ยั่วเขาได้ ทำให้เขากลายเป็นขุนนางใต้กระโปรงของตนก็จะไม่มีใครที่สามารถปกป้องเย่จายซิงได้อีกแล้ว
เพี๊ยะ!
เสียงหนึ่งที่ไม่ได้ระวัง บนใบหน้าของนางอีกข้างจู่ๆ ก็โดนไปซัดไปอีกหนึ่งฝ่ามือ
นางถูกตบจนมึนไปหมด สติเฉื่อยชา ไม่อยากจะเชื่อว่าเย่จายซิงจะตบนางอีกหนึ่งฝ่ามืออย่างคาดไม่ถึง!
“อืม แบบนี้น่าดูขึ้นเยอะเลย แบบนี้สิมันถึงจะสมดุลกัน”
เย่จายซิงกล่าวติดตลก คิดไม่ถึงว่าจะยั่วผู้ชายต่อหน้านาง ช่างไร้ยางอายเสียจริงเชียว
“น้องสี่ เจ้าทำแบบนี้กับพี่ได้ยังไง นี่เจ้าช่างลำพองตัวอย่างไร้เหตุผล กระทำการอย่างประมาทเสียจริง!
เย่เจียหยูยังคงทำท่าทางออ่อนแอเช่นนั้นอย่างห้ามไม่อยู่ ไหล่ที่ผอมบางราวกับว่ากำลังสั่นเทาด้วยความไม่ได้รับความเป็นธรรม
จวินหยวนเดินเข้ามา
รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ตอนที่เดินมาก็จะมีเงาตามมาด้วย
เย่เจียหยูใจเต้นรัวราวพายุกระหน่ำ คาดหวังให้จวินหยวนเห็นธาตุแท้ของเย่จายซิงแล้วหันมารักเอ็นดูนางแทน
เย่จายซิงทั้งขี้เหร่ทั้งแข็งกระด้าง จะสวยงามอ่อนโยนอย่างตนได้อย่างไร ที่ใจกว้างและเมตตา?
นางมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ทั้งไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกทั้งอับอาย
ใครจะไปคิดว่าแม้แต่ชายตามองเขายังไม่ทำเลย แล้วมายืนอยู่ข้างกายของเย่จายซิง จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง เช็ดมือให้นางด้วยท่าทางอ่อนโยนอย่างผู้ดี
“น้องซิง วันหลังเรื่องตบตีคนเช่นนี้มอบให้คนอื่นจัดการซะ ไม่ต้องถึงมือเจ้าเองหรอก ระวังจะทำให้มือเจ้าสกปรกเปล่าๆ”
เย่เจียหยูโมโหจนสั่นไปทั่วทั้งตัว ไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเอง ความหมายของเขาก็คือใบหน้าของนางสกปรกเกินไป ไม่คู่ควรให้เย่จายซิงลงมือเองงั้นหรือ?