บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1002 กลับแคว้นต้าโจวแล้ว
หยวนชิงหลิงถามฟางหวู “ตอนนี้ไม่มีสมองที่ควบคุมเด็กคนนี้แล้ว เขาสามารถนอนได้นานขนาดนี้เชียวหรือ”
ฟางหวูพูดว่า “ไม่ต่างจากคุณตอนนั้นสักเท่าไหร่ แต่ก็มีที่แตกต่างกันอยู่บ้าง เขามีความคิดที่หลงเหลืออยู่ นี่เป็นความดีความชอบของซาลาเปา”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”หยวนชิงหลิงพยักหน้า มองซาลาเปาแวบหนึ่ง ซาลาเปานั้นฉีกปากยิ้มกว้างให้นางอย่างจงใจ
ตั้งแต่ลูกฝาแฝดทั้งสองคนเกิดมา ความรู้สึกถึงการมีตัวตนของพวกเด็กๆถูกชะล้างจนติดลบ อัดอั้นตันใจมาเป็นเวลานานแล้ว
กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็ถ่ายรูปครอบครัว พี่ชายของหยวนชิงหลิงรีบออกไปล้างรูปทันที ด้านล่างตึกมีร้านอยู่ ยี่สิบนาทีก็สามารถล้างรูปออกมาได้แล้ว
อาลัยอาวรณ์ก่อนจะจากกัน ย่อมมีคำพูดมากมายที่พูดไม่หมด แต่ว่า คุณแม่ของหยวนชิงหลิงไม่ได้แสดงออกให้เห็นว่าเสียดาย แต่กลับยิ้มตลอดเวลาที่พูดคุยกับหยวนชิงหลิง สิ่งที่พูดล้วนเป็นความปรารถนาที่สวยงาม ตัวอย่างเช่นการมาครั้งหน้า จัดพิธีแต่งงานเล็กๆ ทำสิ่งที่ค้างคาใจของทุกคนให้กระจ่าง
แม้ว่าครั้งหน้าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และไม่รู้ว่าจะสามารถมีจริงหรือไม่ แต่ว่าทุกคนต่างก็พูดราวกับเป็นเรื่องใหญ่ กระทั่งคุณแม่ยังเข้าเว็บไปหาภาพถ่ายแต่งงานมาให้พวกเขาดู
หยู่เหวินเห้าเห็นชุดแต่งงาน ก็รู้สึกตกตะลึงในความสวยงาม แต่ก็ไม่เข้าใจ“ทำไมแต่งงานต้องใส่ชุดสีขาว การแต่งงานไม่ได้ใส่ชุดสีแดงหรอกหรือ ”
“สีแดงก็มี ใส่กี่เพ้าหรือไม่ก็ชุดกระโปรง”คุณแม่ของหยวนชิงหลิงก็รีบค้นหารูปชุดกี่เพ้าสีแดง ยื่นให้ลูกเขย “แบบนี้เหมาะสมหรือไม่”
“นี่มันก็ดูสวยดี แต่ขับเน้นสัดส่วนรูปร่างออกมาจนหมด ให้คนอื่นดูจนเสียเปรียบแล้ว”หยู่เหวินเห้ายังคงไม่ค่อยพอใจนัก เลื่อนลงไปด้านล่าง เห็นชุดกระโปรง “แบบนี้ใช้ได้ แบบนี้กับของพวกเรานั้นแตกต่างกันไม่มาก”
“นี่เป็นชุดพิธีการที่ใส่ตอนคารวะเหล้า หลิงเอ๋อลูกชอบชุดแต่งงานหรือเปล่า ใส่ชุดแต่งงานก็สวยดี ”คุณแม่ของหยวนชิงหลิงมองหยวนชิงหลิงและถามขึ้น
หยวนชิงหลิงเขยิบเข้ามาดูพร้อมกับพวกเขา “ชุดแต่งงานก็ดี เจ้าห้าใส่ชุดสูท ชุดแต่งงานสีขาวสูทสีขาว เข้ากันดีมาก”
ความคิดของหยู่เหวินเห้ายังโบราณอยู่บ้าง “แต่งงานใส่ชุดสีแดงจะดีกว่า ชุดสูทนั้นมีสีแดงหรือไม่”
“สูทสีแดงหรือ เชยมาก”ศาสตราจารย์หยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา เขาดูหยู่เหวินเห้าเหมือนจะสนใจเรื่องพิธีการแต่งงานมาก
“พวกท่านอยากจะจัดงานจริงหรือ“
หยู่เหวินเห้าเอ่ยโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า “อยากจัด ข้าอยากจะจัดงานมาตลอด เคยบอกกับยายหยวนแล้ว แต่นางบอกว่ายุ่งยาก นี่ก็เป็นความปรารถนาของข้าเช่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมาก รอให้พวกท่านกลับมาครั้งหน้า ต้องได้จัดงานแน่นอน”ศาสตราจารย์หยวนดีใจมาก เดิมคิดว่าตัวเองบังคับพวกลูกๆ ไหนเลยจะรู้ว่าลูกเขยอยากจะจัดจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่เหมือนกัน คุ้มค่าที่จะรอคอยจริงๆ จึงเขยิบเข้าไปดูพร้อมกับพวกเขา
หยวนชิงหลิงถอยหลังออกมา มองดูพวกเขาสามคนที่มุงดูชุดแต่งงาน ในหัวใจมีความรู้สึกเศร้าเสียใจที่ต้องจากลาเอ่อล้นขึ้นมา แต่นางก็อดทนเอาไว้อย่างสุดกำลัง หวังว่าภาพการจากลาที่เหลืออยู่ในความทรงจำนั้นจะเป็นภาพที่สวยงาม แต่ไม่ใช่ภาพของน้ำตาและการร้องไห้
พี่ชายของหยวนชิงหลิงเอารูปถ่ายกลับมา เขาล้างมาหลายใบ หลายรูปทรง ให้หยวนชิงหลิงนำกลับไปด้วยทั้งหมด
หยวนชิงหลิงดู แต่กลับรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง “ในรูปถ่ายครอบครัวไม่มีคุณย่า ถ้าฉันเอากลับไปให้คุณย่าดูละก็ คุณย่าต้องรู้สึกเศร้าใจแน่ๆ”
พี่ชายยิ้มและเอารูปถ่ายอีกใบหนึ่งออกมา “ดูนี่”
หยวนชิงหลิงรับไป และเห็นเขาแต่งรูปของคุณย่าไว้ข้างหน้า ยังมีการแต่งรูปเก้าอี้สำนักงานตัวใหญ่ คุณย่านั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยน
“รูปนี้ฉันก็เอา ประเดี๋ยวพี่ค่อยไปล้างใหม่อีกใบ”หยวนชิงหลิงราวกับได้ของล้ำค่า ถึงตอนนั้นเอากลับไปให้คุณย่าดู คุณย่าก็ไม่ต้องเศร้าใจแล้ว
“เอาไปซิ”พี่ชายของหยวนชิงหลิงเอารูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าปึกใหญ่ “นี่เป็นรูปถ่ายตอนที่ไปเที่ยวกันเมื่อวาน เมื่อวานตอนหลับมาพี่ก็ให้พวกเขาล้างให้แล้ว รีบดูเร็วเข้า”
เขาแจกจ่ายให้ทุกคนคนละปึกใหญ่ ทุกคนต่างก็เวียนกันดู หยู่เหวินเห้ารู้สึกแปลกใหม่มาก ลักษณะท่าทางของตัวเองอยู่ในรูปถ่าย สีหน้าก็มองเห็นได้อย่างละเอียดชัดเจนมาก ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
ในระหว่างที่กำลังดีใจสุดขีด สายเชือกเตาปาก็ปรากฏขึ้นมา หล่นอยู่บนพื้นห้อง
รอยยิ้มของทุกคน ต่างก็นิ่งข้างอยู่ที่ริมฝีปาก
คุณแม่ของหยวนชิงหลิงหันหน้าไปเช็ดน้ำตาที่หางตาออก หันกลับมาดูรูปถ่ายกับทุกคนต่อ เพียงแต่มือมีความสั่นเทาเล็กน้อย ริมฝีปากก็สั่นเช่นกัน พูดจากลั้วเสียงหัวเราะ แต่น้ำเสียงเปลี่ยนไป
หยวนชิงหลิงอิงแอบอยู่ที่ไหล่ของแม่ จับมือของแม่เอาไว้ แม่รีบหมุนมืออย่างรวดเร็วมาประสานมือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ เกี่ยวเอาไว้แน่นๆ
“สามวัน ผ่านไปเร็วจริงๆ ”ปลายเสียงของศาสตราจารย์หยวนมีความเสียดายอยู่บ้าง ในสายตาก็มีแววเศร้าใจอยู่ลึกๆ สองสามวันมานี้ได้แต่ทำงานเกี่ยวกับความคิดให้กับภรรยาตลอด ให้เธออย่าได้แสดงออกถึงความผิดหวังและเสียใจออกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่า สุดท้ายเป็นตัวเขาเองที่เก็บกดเอาไว้ไม่อยู่
เขาไปนั่งลงกอดลูกสาวเอาไว้คนละข้างกับภรรยา ศาสตราจารย์หยวนเป็นคนมีเหตุมีผล ไม่ว่าเวลาไหนก็ค่อนข้างใจเย็น แต่คนใจเย็นถ้าอารมณ์พังทลาย ก็จะไม่สามารถเก็บกลับไปได้ง่ายๆ
แม้ว่าจะไม่มีใครหลั่งน้ำตา แต่ลมหายใจกลับค่อยๆเร็วขึ้นมาเรื่อยๆ
หยู่เหวินเห้าเห็นดังนั้น ก็พูดว่า “ทุกคนอย่าเสียใจไปเลย ครั้งนี้พวกเราสามารถกลับไปได้ ย่อมต้องมีครั้งที่สองแน่ อีกอย่าง พวกเราก็จะพยายามให้พวกท่านได้ไปด้วยสักครั้ง”
“ไปได้จริงหรือ”พี่ชายหยวนชิงหลิงก่อนหน้านี้นั้นไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ว่าอยากจะไปสักครั้งจริงๆ
ฟางหวูพูดว่า “ศึกษาทะเลสาบจิ้งให้ถ่องแท้ นี่ไม่ใช่เรื่องยาก ”
ไฟแห่งความหวัง ผุดขึ้นมาในใจของทุกคน ถ้าหากมีความหวังว่าจะได้พบกันอีก ไหนเลยจะต้องกลัวการจากลากันในครั้งนี้
คุณแม่ของหยวนชิงหลิงตบไปที่แขนของหยวนชิงหลิงเบาๆ ตั้งสติขึ้นมา “แม่จะไปชงนมให้สองฝาแฝด ให้พวกเขากินอิ่มแล้วค่อยกลับไป”
ศาสตราจารย์หยวนบอกว่า “พ่อจะหยดยาหยอดตาให้พวกเขา วันนี้ดูแล้วตาไม่ค่อยแดงมากแล้ว”
“จางลงไปบางแล้ว”หยวนชิงหลิงลุกขึ้นไปช่วย
หยู่เหวินเห้ากับพี่ชายของหยวนชิงหลิงไปคุยกันที่ระเบียงบ้าน พี่ชายของหยวนชิงหลิงถอนหายใจหนึ่งเฮือก บนใบหน้าที่หล่อเหลามีแววแห่งความโศกเศร้าก่อนการจากลาอย่างเต็มเปี่ยม
“ผมรู้ว่าท่านดีกับเธอมาก ฉะนั้น ก็ไม่เหมาะที่จะกำชับอีกว่าทำดีกับเธอให้มากหน่อย ในเมื่อพวกท่านสองคนก็มีความสัมพันธ์ที่ดี ในครอบครัวก็ไม่มีอะไรต้องให้กังวล คนแก่ทั้งสองผมจะดูแลเป็นอย่างดี ”
“อืม รู้แล้ว”หยู่เหวินเห้ามองพี่ชายภรรยา “หวังว่าเจอกันครั้งหน้า พวกเราจะได้ไปเล่นบันจีจัมป์กันอีก”
“โดดร่มล่ะ”พี่ชายของหยวนชิงหลิงถามยิ้มๆ
“ไม่ล่ะ อันตรายเกินไป ข้ามีเมียและลูกยังเล็ก ไม่เสี่ยงอันตราย ”หยู่เหวินเห้านึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วยังรู้สึกกลัวไม่หาย ถ้าหากยายหยวนเกิดอะไรขึ้นมา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร
พี่ชายของหยวนชิงหลิงมองเขา ในขณะที่รอยยิ้มลึกขึ้นดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา ยื่นมือออกไปโอบกอดเขาเอาไว้
หยู่เหวินเห้าไม่ค่อยคุ้นชินกับการโอบกอดระหว่างผู้ชายสองคนสักเท่าไหร่ แต่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แล้วก็กอดเขาพร้อมกับตบเบาๆไปที่ท้ายทอย พี่ชายของหยวนชิงหลิงผละออกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ช่างเถอะ ท่านสูงกว่าผม ทำเอาผมเหมือนเด็กเล็กๆคนหนึ่งเลย”
หยู่เหวินเห้ายิ้ม มองเข้าไปในห้องรับแขก สายเชือกเตาปาค่อยๆผุดขึ้นมาแล้ว หยู่เหวินเห้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆหนึ่งเฮือก พูดอย่างเคร่งขรึมว่า ยังไม่เต็มสามวัน แต่หัวใจของเขาได้ฝังรากลึกอยู่ที่นี่แล้ว
จะจากไป เขากลับรู้สึกเสียดาย
สายเชือกเตาปาพันข้อมือของเขาเอาไว้ หยวนชิงหลิงอุ้มเจ้าโค้กเอาไว้มองเขาอย่างนิ่งสงบ มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาจากขอบตา
หลังจากคุณแม่ของหยวนชิงหลิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย พยายามเค้นรอยยิ้มออกมา “อ้าว ต้องกลับกันแล้ว ดี ดี ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ”
หยวนชิงหลิงยื่นเจ้าโค้กให้กับหยู่เหวินเห้า หันหน้าไปกอดแม่เอาไว้ อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาไหลรินออกมา แต่เห็นได้ชัดว่าแม่ค่อนข้างจะเข้มแข็ง ปลอบใจเธอตลอดเวลา
สายเชือกเตาปาจูงมือของทุกคนเอาไว้ ยังลอดผ่านสิ่งของหลายถุงนั้นด้วย ไม่จำเป็นต้องแบกกลับไป ภายใต้การสังเกตการณ์ของทุกคน สายเชือกเตาปาปรากฏลำแสงจางๆออกมา บนพื้นมีพายุหมุนเกิดขึ้นระลอกหนึ่ง ชั่วพริบตา คนก็หายไปแล้ว
ชั่ววินาทีที่หายไป คุณแม่ของหยวนชิงหลิงจึงเอามือกุมหน้าร้องไห้ออกมา