บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1010 หมันเอ๋อนำทาง
และพูดถึงอ๋องเว่ยที่พาเหล่าทหารเดินทางจนกระทั่งมืด ยังไม่สามารถออกจากวงแหวนรอบนอกของเขตหมอผีได้ ระหว่างทางนอกจากจะเห็นงูแล้ว ยังมีแมลงมีพิษบางส่วนกระโดดไปมาบนพื้น รูปร่างคล้ายกับเห็บสุนัขมาก
แต่ว่าตัวใหญ่กว่าเห็บมาก มีขนาดเท่ากับนิ้วเท้า เพราะมีแม่นมฉินคอยตักเตือนอยู่ ไม่สามารถสัมผัสแมลงมีพิษเหล่านี้ได้ ฉะนั้นจึงไม่ได้มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น
กำลังจะเข้าสู่วงแหวนพิภพของเขตหมอผีแล้ว แต่ว่า ท้องฟ้าได้มืดครื้มลง ไม่สามารถเข้าไปได้อีก ฉะนั้นอ๋องเว่ยจึงมีคำสั่ง ให้ตั้งค่ายพักแรมกันที่เดิมหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นค่อยเข้าไปกันแต่เช้า
ส่วนด้านนอกของเขตหมอผี เสี้ยวหงเฉิงและลู่หยวนกำลังตั้งค่ายที่พัก ส่งคนไปลาดตระเวนดูลาดเลาว่ามีทางเข้าภูเขาทางอื่นหรือไม่ ต้องทำความเข้าใจกับรอบนอกของเขตหมอผีทั้งหมดให้ชัดเจน
เสี้ยวหงเฉิงทำงานค่อนข้างละเอียด นอกจากส่งคนไปทำความเข้าใจรอบนอกภูเขาแล้ว ยังส่งอีกสองคนกลับไปส่งจดหมาย
ระหว่างทางที่หยู่เหวินเห้าและจิ้งถิงกำลังพาคนเร่งเดินทางไปยังเจียงเป่ย ได้รับจดหมายจากนกพิราบสื่อสารของจิ่นหนิง บอกว่านางกับพระชายารัชทายาทก็เร่งเดินทางไปยังเจียงเป่ยเช่นกัน
หยู่เหวินเห้าได้ยินแล้ว ก็ร้อนใจขึ้นมา “นางมาทำอะไร นี่มันเหลวไหลชัดๆ นางไม่เป็นวรยุทธ ”
“อย่าร้อนใจไป พวกเรามีคนมากมายขนาดนี้จะปกป้องนางไม่ได้เชียวหรือ”จิ้งถิงกลับไม่รู้สึกเป็นห่วง และการมาของรัชทายาทก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้ามีการเปิดศึกขึ้นมา หมายความว่าต้องมีการบาดเจ็บล้มตาย
ถ้าหากนางสามารถช่วยรักษาได้ทันท่วงที คาดว่าครั้งนี้พวกเขาออกเดินทางอย่างฉุกละหุก แล้วก็เป็นการเดินทัพด้วยการยืมทหารมาขบวนเล็กๆชั่วคราว ไม่แน่ว่าจะพาหมอทหารมาด้วย
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าเขาจากยายหยวนมา ยายหยวนก็จะทำการต่อต้าน ส่ายหัวถอนหายใจ “ไม่รู้จะทำอย่างไรกับนางจริงๆ เรื่องหนานเจียง สับสนวุ่นวายมานานมากแล้ว เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสาวรับใช้ของนางหมันเอ๋อ นางจึงไม่ยินดีจะเอาตัวเองออกไปอยู่นอกเรื่อง ช่างเถอะ เหมือนที่เจ้าบอก ไม่แน่ว่าจะปกป้องนางไม่ได้”
จิ้งถิงดื่มน้ำไปหลายคำ พูดว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปให้ถึงเจียงเป่ยก่อน ไปรอพวกนางที่เจียงเป่ย ค่อยเจ้าไปในเขตหมอผีพร้อมกัน ”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ได้ ออกเดินทางกัน”
ขบวนคนกลุ่มหนึ่งเดินทางต่อไปข้างหน้า
ไปถึงหนานเจียงก็พบเข้ากับคนที่เสี้ยวหงเฉิงส่งมา ได้รู้ว่าพวกเข้าได้เข้าไปจากทางเจียงเป่ยโดยตรง จึงให้พวกเขาไปรอจวิ้นจู่จิ่นหนิงกับหยวนชิงหลิง ถึงเวลาไปรวมตัวกันที่รอบนอกภูเขา
การเดินทางไกลที่ยากลำบากครั้งนี้ สำหรับหยวนชิงหลิงแล้วยากลำบากมาก เพิ่งจะคลอดสองฝาแฝดได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น และใช้เวลาส่วนมากเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่ข้างนอก
ด้วยเหตุนี้สุขภาพจึงนับว่าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ โคลงเคลงอยู่บนหลังมากก็ลำบากมิน้อย แต่ตลอดทั้งทางนางก็ไม่เคยบ่นสักคำ จิ่นหนิงวิ่งเร็วแค่ไหน นางก็ควบม้าไล่ตามเร็วเท่านั้น แม้แต่จิ่นหนิงยังบอกว่านางยอดเยี่ยมมาก
ขณะที่ใกล้จะไปถึงหนานเจียงแล้ว ก็พบเข้ากับคนที่เสี้ยวหงเฉิงส่งมา รู้ว่าพวกหยู่เหวินเห้าจะรออยู่ที่รอบนอกของเขตหมอผี พวกนางก็วางใจ ตามทั้งสองคนเดินทางต่อไปข้างหน้า และนับว่าเป็นการนำทางด้วย
และกองทัพใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าหลังจากมีการจัดระเบียบแล้ว เก็บข้าวของเริ่มเดินทางเข้าสู่วงแหวนพิภพในเขตหมอผี
เข้าสู่วงแหวนพิภพ ก็เห็นได้ทันทีว่าไม่เหมือนกับวงแหวนรอบนอก ที่นี่เป็นแหล่งหินประหลาด ต้นไม้มีไม่มาก และล้วนต้นเล็กเตี้ย เห็นต้นไม้ใหญ่บ้างเป็นบางครั้ง กิ่งก้านและใบไม้ไม่ได้ดกหนามาก ขึ้นเขาไปส่วนมากเป็นที่โล่งเตียน แม้แต่หญ้าก็ไม่ขึ้น ทำให้คนรู้สึกว่าที่นี่มีพลังแห่งความตายหนักอึ้ง
เมฆหมอกในวงแหวนพิภพหนาทึบมาก ระยะที่สายตามองเห็นได้อยู่ในระยะแปดเก้าจั้งเท่านั้น ไร้ลม ที่เวิ้งว้างเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกราวกับจะหายใจไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น
อ๋องอันหอบหายใจหลายเฮือก เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “ตามหลักแล้วที่นี่ก็ไม่ใช่ภูเขาสูงชันอะไร ทำไมจึงหายใจไม่ออกนะ”
“เป็นไปได้ว่า เมฆหมอกนี้มีพิษ ”สวีอีก็รู้สึกหายใจลำบากอยู่บ้าง
อ๋องเว่ยมองไปยังแม่นมฉินที่นำทางอยู่ข้างหน้าแวบหนึ่ง วิ่งตามไปถามขึ้นว่า “เมฆหมอกนี้มีพิษหรือไม่”
แม่นมฉินหันหน้ากลับมา ก็ไม่พบว่าผิดปกติอะไร ยังคงหายใจได้อย่างสงบ นางเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้พวกเราอยู่ในวงแหวนพิภพ วงแหวนพิภพที่ว่านี้ ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่หลายลูก เขตหมอผีมองดูจากภายนอกเป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง
แต่ว่าที่จริงแล้วมีความคดเคี้ยวลดเลี้ยวมาก มีภูเขาอยู่สิบกว่าลูก วงแหวนพิภพถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาใหญ่หลายลูก ฉะนั้นจึงรู้สึกได้ว่าค่อนข้างอึดอัด ท่านอ๋อง ต้องเตือนทุกคนประโยคหนึ่ง
ถ้าหากรู้สึกหายใจลำบาก และไม่สามารถเดินต่อไปได้ จำเป็นต้องจัดระเบียบกันที่เดิม ไม่เช่นนั้นถ้าหากหายใจไม่ได้เป็นเวลานานๆจะทำให้เกิดภาพหลอน จะทำให้ตกขบวนหลงทางได้ ชาตินี้อย่าได้คิดว่าจะเดินออกไปได้”
อ๋องอันขมวดคิ้วขึ้นมา “ที่นี่เพิ่งจะเป็นวงแหวนพิภพ ถ้าหากเข้าไปยังวงแหวนสวรรค์ จะไม่ยิ่งเลวร้ายกว่านี้หรือ”
“ถูกต้อง วงแหวนสวรรค์อันตรายที่สุด”แม่นมฉินพูด สีหน้ามีความลังเลอยู่บ้าง
“ทำไมหรือ”อ๋องเว่ยพบว่าสีหน้าของทางไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไหร่ จึงถามขึ้น
แม่นมฉินมองอ๋องเว่ยและพูดว่า “ค่ายกลที่ใช้ในเขตหมอผีนี้ไม่เหมือนที่ข้ารู้จัก วงแหวนรอบนอกยังพอเดินได้สะดวกบ้าง แต่พอมาถึงวงแหวนพิภพ ตอนที่ค่อยๆเดินไปข้างหน้า ข้าเองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถนำทางได้ถูกต้อง”
นางพูด และมองไปทางหมันเอ๋อ
หมันเอ๋อนั่งพักผ่อนอยู่ข้างก้อนหิน ฟังพวกเขาพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ตอนที่แม่นมฉินมองไปนาง นางก็พยักหน้าให้กับแม่นมฉิน
เอ่ยเสียงเรียบๆว่า “ข้ารู้ว่าจะไปอย่างไร พวกท่านต้องเชื่อข้า”
สายตาของแม่นมฉินมีแววซับซ้อนอยู่บ้าง “ค่ายกลสวรรค์นี้ เจ้ารู้ว่าจะเดินอย่างไรจริงหรือ”
“ย่อมรู้แน่นอน ให้ข้านำทางเถอะ”หมันเอ๋อมองไปทางอ๋องเว่ย แววตาแน่วแน่ “ข้ารับประกันว่าจะพาพวกท่านเดินทางออกไปจากเขตหมอผี โดยไม่ต้องสูญเสียทหารแม้แต่คนเดียว”
อ๋องเว่ยมองนางแวบหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปมองแม่นมฉิน ในสายตาของแม่นมฉินมีแววสับสน นี่ทำให้อ๋องเว่ยรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คำพูดของหมันเอ๋อ ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเชื่อถือได้
เขาเป็นแม่ทัพที่มีประสบการณ์คนหนึ่ง ความแน่วแน่ในสายตาของหมันเอ๋อไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสบายใจ กลับทำให้เขารู้สึกไม่มั่นคง
เพราะว่าตอนนี้มีทำได้เพียงพึ่งพานาง ส่วนอาการของนางเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้
และตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่ปล่อยให้หมันเอ๋อเป็นคนนำทาง
ก็เป็นเช่นนี้เอง หมันเอ๋อแทนที่ตำแหน่งในการนำทางของแม่นมฉิน เดินอยู่ข้างหน้าตลอดทาง อะซี่เดินตามหลังนางไปด้วยก้าวเล็กๆแต่เร็ว ถามว่า
“หมันเอ๋อ วงแหวนพิภพนี้ต้องเดินอีกนานเท่าไหร่จึงจะออกไปได้”
หมันเอ๋อหันหน้ากลับมาพูดว่า “ไม่ต้องใช้เวลานาน เดินต่อไปข้างหน้าอีกสามชั่วยามก็เข้าสู่วงแหวนสวรรค์แล้ว”
“เจ้าแน่ใจจริงๆหรือว่าพวกเราจะปลอดภัย”อะซี่ก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกอยู่บ้าง ริมฝีปากก็ซีดขาวแล้ว
หมันเอ๋อหยุดลงมองอะซี่ มีความเสียใจอยู่บ้าง น้ำเสียงแฝงแววสะอื้นและน้อยใจ “เจ้าก็ไม่เชื่อข้าหรือ”
อะซี่เห็นใบหน้านางที่ราวกับจะร้องไห้ แล้วก็นึกถึงทุกคนที่ต่างก็มีความระแวงในตัวหมันเอ๋ออยู่ส่วนหนึ่ง นางลำบากมาตลอดทางแล้ว จึงพูดว่า
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ ข้าเชื่อเจ้า”
หมันเอ๋อค่อยเปลี่ยนจากหน้าจะร้องไห้เป็นยิ้มออกมา “ขอบคุณเจ้ามาก ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อข้า มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ยอมเชื่อข้า เจ้าวางใจได้ พวกเราจะสามารถเดินออกจากวงแหวนพิภพอย่างปลอดภัยแน่นอน”
“ดี”อะซี่รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว หายใจไม่ออก ร่างกายไม่มีพลัง
ทุกคนเดินทางต่อไปข้างหน้า การนำทางของหมันเอ๋อเรียบง่ายชัดเจนจริงๆ แทบจะไม่ได้พบกับอันตรายอะไรหรือสิ่งที่ทำให้รู้สึกตระหนกตกใจเลย แค่พบเจอสัตว์ป่าบ้างเป็นบางครั้ง และสามารถหลบหลีกได้อย่างราบรื่น ในวงแหวนพิภพ ไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ทางก็ค่อนข้างจะเดินได้สะดวกมาก
เดินมาถึงที่ราบลุ่มระหว่างภูเขา ฟ้าก็มืดแล้ว หมันเอ๋อหันหน้ากลับมาพูดกับอ๋องเว่ยว่า “พวกเราได้เดินออกจากวงแหวนพิภพแล้ว พรุ่งนี้ก็สามารถเข้าวงแหวนสวรรค์ วงแหวนสวรรค์จะลำบากและอันตรายอยู่บ้าง แต่ว่าข้าสามารถนำทุกคนเดินออกไปได้”
เมื่อได้ยินว่าเดินออกจากวงแหวนพิภพแล้ว ทุกคนก็ผ่อนลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือก วงแหวนพิภพช่างง่ายดายเกินไปกระมัง นอกจากจะมีอาการหายใจไม่ค่อยสะดวกแล้ว อื่นๆก็ไม่มีเหตุการณ์อันตรายอะไรเกิดขึ้น สบายกว่าการนำทางของแม่นมฉินอยู่บ้าง
ท่าทีที่ทุกคนมีต่อหมันเอ๋อ เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่อ๋องเว่ยก็เชื่อนาง
หยู่เหวินเทียนยังกล่าวขอโทษต่อหมันเอ๋อ บอกว่าก่อนหน้านี้ยังพูดว่านางไม่รู้อะไร เคยตำหนินาง หมันเอ๋อยิ้มไม่ถือสาเอาความเขา ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างเรียบง่าย