บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1042 ลู่หยวนกับเสี้ยวหงเฉิง
ระหว่างที่หยวนชิงหลิงพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ หยู่เหวินเห้าได้คำสั่งเข้มงวด ไม่ให้ไปที่ไหนทั้งสิ้น ได้แต่พักรักษาตัวที่บ้านเท่านั้น เดิมทีหยวนชิงหลิงยังคิดจะเข้าวังสักครั้ง หยู่เหวินเห้าตะคอกที่ข้างหูนางอยู่หลายครั้ง ว่าไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น จึงทำให้ล้มเลิกความคิดไป
ฮูหยินเหยากับหยวนหย่งอี้และพระชายาซุนมาอยู่เป็นเพื่อนที่จวนกับนาง แต่ไม่เห็นหรงเยว่ นี่ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจ “หรงเยว่ไปไหนแล้ว”
วันนี้พระชายาซุนสวมชุดผ้าไหมสีเขียวอมน้ำเงินทั้งตัว ทำผมทรงมวยตกหลังม้า ทำให้ดูสง่างามกว่าปกติมาก นางนั่งดื่มชาอยู่บนเก้าอี้ ได้ยินหยวนชิงหลิงถามถึงหรงเยว่ ก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา พ่นน้ำชาออกมาจากปาก ทำให้ความสง่างามหายไปในชั่วพริบตา
หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ทำไมหรือ หรงเยว่ทำเรื่องโง่ๆอะไรอีกแล้ว”
พระชายาซุนกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ บอกว่า “ในฤดูหนาวเช่นนี้ บนภูเขาหินกลับมีดอกไม้เบ่งบาน ผู้คนต่างพูดกันว่า ดอกไม้บานในฤดูหนาวนั้นพบเห็นได้ยากมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบานบนภูเขาหินเลย ภูเขาหินสามารถมีดอกไม้เบ่งบานได้ หญิงที่มีร่างกายไม่พร้อมก็สามารถท้องได้ เช่นนี้ นางจึงเดินทางไปที่ ภูเขาหินสักครั้ง บอกว่าจะนั่งเฝ้ามองดูดอกไม้บานด้วยตาตนเอง เพื่อขอให้เป็นการเริ่มต้นที่ดีกลับมาจะได้สามารถตั้งครรภ์”
หยวนชิงหลิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ยอมใจนางจริงๆเลย ”
ฮูหยินเหยาก็หัวเราะขึ้นมา แต่หลังจากนั้นก็หันหน้าไปถามหยวนชิงหลิง “เจ้าเคยตรวจชีพจรของนางหรือไม่ ร่างกายนางมีปัญหาอะไรหรือไม่ ตามหลักนางก็แต่งงานกับเจ้าหกมานานมากแล้ว น่าจะตั้งครรภ์ได้แล้ว”
“นางไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่ไม่ตั้งครรภ์บางครั้งก็ต้องดูสภาพจิตใจเช่นกัน สภาพจิตใจก็มีผลกระทบต่อร่างกาย ”หยวนชิงหลิงพูด ที่จริง การไม่ตั้งครรภ์ส่วนมากจะโทษไปที่ตัวของผู้หญิง ผู้ชายก็มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน แต่พวกนางก็ไม่มีทางคิดไปถึงตัวอ๋องหวย แน่นอน นางเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาของอ๋องหวยอย่างแน่นอน
ฮูหยินเหยาเอ่ยด้วยเสียงที่กดต่ำลง สีหน้าแดงก่ำ “ที่จริง ท่าทางก็มีผลกระทบเช่นกัน”
พระชายาซุนชื่นชอบการพูดคุยที่ค่อนข้างล่อแหลมมาก พอได้ยินหัวข้อสนทนานี้ ก็ปิดปากแอบยิ้มขึ้นมาทันที “ใช่ เป็นไปได้ ท่าทางมีผลกระทบค่อนข้างมาก ประเดี๋ยวสามารถถามหรงเยว่ดู ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ใช้ท่าทางอะไรบ้าง”
หยวนชิงหลิงมองใบหน้าของพระชายาซุนที่เปล่งประกาย รู้สึกไร้คำพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน คบหากันมาตั้งนานแล้ว นางก็ยังรู้สึกยากลำบากอยู่ดีที่จะทำตัวเหมือนพระชายาซุนในการพูดคุยถึงเรื่องเหล่านี้อย่างไม่หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า นางเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของฮูหยินเหยา ท่าทางก็มีส่วนเกี่ยวข้อง สามารถพูดได้เช่นนี้ว่า ท่าทางที่ใช้มีส่วนสำคัญถึงกระทั่งการช่วยให้ลูกของพวกเขาวิ่งไปถึงเส้นชัย แต่ว่า คิดว่าหรงเยว่เองที่ตั้งใจศึกษาเรื่องราวทางด้านนี้อย่างละเอียด ไม่ว่ากระบวนท่าอะไรก็คงจะลองมาหมดแล้วกระมัง
ดูหรงเยว่แล้ว คงจะทรมานน่าดู และยากลำบากพอตัว
“จะว่าก็ว่าเถอะ พี่สะใภ้รอง ท่านก็นานแล้วนะ ไม่คิดจะให้กำเนิดอีกคนหรือ”ทันใดนั้นหยวนหย่งอี้ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาที่ตัวของพระชายาซุน
พระชายาซุนยกมือขึ้น พูดยิ้มๆว่า “นี่ต้องรอดูว่าสวรรค์จะให้ของขวัญเมื่อไหร่ สวรรค์ไม่เมตตาสงสารข้า ข้าก็ปลงแล้ว เรื่องที่หรงเยว่ทำในตอนนี้ เมื่อก่อนข้าก็เคยทำ ตอนนี้ไม่ฝืนแล้ว”
ฮูหยินเหยาพูดยิ้มๆว่า “ก่อนหน้านี้ได้ยินมาตลอดว่าเจ้าบ่นมาตลอดว่าจะหาพระชายารองให้น้องรอง ทำไมตอนนี้จึงไม่หาแล้วล่ะ”
“ตัวเขาเองไม่ยินดีแล้ว”พระชายาซุนพูดยิ้มๆ
“พี่รองช่างดีจริงๆ ”หยวนหย่งอี้พูดชื่นชม
พระชายาซุนเอามือปิดปากแอบยิ้ม “เขาดีที่ไหนกัน เพราะเขาไม่ดีจึงไม่อยากจะแต่งพระชายารอง เจ้าอ้วนนั่น ตัวเขาเองไม่เอาไหน แต่งคนอื่นมาจะไม่ขายหน้าหรือ”
“ไม่เอาไหนหมายความว่าอย่างไร”สะใภ้ร่วมตระกูลทั้งสามต่างก็รู้สึกอยากรู้ขึ้นมา มองพระชายาซุน
พระชายาซุนหัวเราะจนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา กดเสียงลงต่ำและพูดว่า “พวกเจ้าอย่ากลับไปเล่าให้สามีตัวเองฟังเด็ดขาด เขาน่ะ อ้วนเกินไปแล้ว เรื่องอย่างว่าทำไม่ค่อยได้ ตอนนี้ข้ากับเขา เดือนหนึ่งก็ทำได้แค่ครั้งสองครั้ง วันธรรมดาก็เหมือนกับหมูตัวหนึ่ง บอกว่างานในกรมทำเอาเหนื่อยจนไม่มีแรงแล้ว พอเวลาข้ามีประจำเดือน เขาก็เกิดอารมณ์คึกคักขึ้นมา ยังจะมาต่อว่าข้า ว่าข้านั้นมาเมื่อไหร่ไม่มา แต่ดันมาเอาตอนที่เขาไม่ค่อยจะยุ่งสักเท่าไหร่แล้ว แต่พอประจำเดือนข้าหมดแล้ว เขาก็ยุ่งขึ้นมาทันที แล้วก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีก”
ทั้งสามคนฟังแล้ว ก็หัวเราะขึ้นมาทันที
เดิมทีหยวนชิงหลิงไม่ค่อยกระตือรือร้นในหัวข้อสนทนาเช่นนี้สักเท่าไหร่ แต่พอได้ยินพระชายาซุนบรรยายถึงอ๋องซุนเช่นนี้ ช่างน่าขำเสียจริงๆ แต่เรื่องที่เกี่ยวกับอ๋องซุน ก่อนหน้านี้นางก็เคยได้ยินเจ้าห้านินทาอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่ได้ละเอียดเท่ากับที่พระชายาซุนพูดมา
“เจ้าจะให้ท่านหมอช่วยตรวจเขาดูหรือไม่ ”ฮูหยินเหยาหัวเราะจนน้ำตาเล็ดออกมาแล้ว ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่หางตา และถามขึ้น
พระชายาซุนโบกมือไปมา “ไม่ รักษาหายแล้ว ใจก็จะทะเยอทะยานตามไปด้วย เป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว”
“ก็จริง”หยวนหย่งอี้พูดยิ้มๆ
อะซี่เดินเข้ามาจากข้างนอก “พูดเรื่องน่าขันอะไรกันอยู่ ”
“เด็กน้อย ห้ามแอบฟัง”หยวนหย่งอี้พูดขึ้นยิ้มๆ
อะซี่ฮึในลำคอหนึ่งเสียง “ข้าแต่งงานแล้ว”
หยวนหย่งอี้มองอะซี่ รู้สึกทอดถอนใจอยู่บ้าง “จริงสิ อะซี่ก็แต่งงานแล้ว เวลาช่างผ่านไปไวมากจริงๆ”
พระชายาซุนเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ใช่แล้ว จวิ้นจู่องจิ้งตายแล้ว พวกเจ้ารู้หรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงมองไปทางนาง รู้สึกตะลึงอยู่บ้าง “ตายแล้วหรือ เกิดอะไรขึ้น”
พระชายาซุนพูดว่า “จวนจวิ้นหมาแจ้งเรื่องจัดงานศพ บอกว่าป่วยอย่างรุนแรง แต่ว่า ข้ากลับได้ยินข่าวคราวที่ไม่เป็นทางการ บอกว่าหลังจากที่พระชายาฮู่ให้กำเนิดลูกแล้ว อารมณ์จิตใจก็แย่มาก แม้ว่าจะเคยอยู่ในคุกมืด มีสถานะที่ถูกเหยียดหยาม อยู่ในจวนก็เยาะเย้ยด่าทอพระชายารัชทายาททั้งวัน หลังจากนั้นจวิ้นหมาเย่ได้ทะเลาะกับนางไม่กี่ประโยค นางก็เอาหัวชนกำแพงจนตาย ”
หยวนหย่งอี้เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ยังจะเยาะเย้ยด่าทอพระชายารัชทายาททั้งวันอีก นางตายยังไม่สมกับความผิด เรื่องในวันวานเสด็จพ่อนั้นเห็นแก่องค์หญิงใหญ่ ไม่ได้ตามเอาเรื่องมากเกินไป นางกลับไม่รู้จักขอบคุณ ตายก็สมควรแล้ว ”
“ช่างเถอะ คนก็ตายไปแล้ว ”หยวนชิงหลิงนึกถึงใบหน้าเย็นชาที่มีแววเย้ยหยันดูถูกทั้งยังบีบบังคับผู้อื่นของจวิ้นจู่องจิ้ง ในหัวใจก็ยังคงรู้สึกไม่ดีนัก ไม่อยากจะพูดถึง
“แล้วเสี้ยนจู่โหรหมิ่นเล่า ยังไม่แต่งงานอีกหรือ”ฮูหยินเหยาถามขึ้น ตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในราชวงศ์แล้ว ไม่รับรู้ข่าวคราวที่ไม่เป็นทางการเหล่านี้แล้ว
“เริ่มมีการทาบทามแล้ว แต่ตอนนี้มารดาตาย เกรงว่าคงต้องเสียเวลาอีกสามปี ช่างน่าสงสารจริงๆ ใครจะยินดีรอตั้งสามปี ผ่านไปสามปีนางเองก็กลายเป็นสาวแก่แล้ว ”พระชายาซุนพูดเสียงขึ้นจมูก
หยวนหย่งอี้พูดว่า “ทาบทามให้ตระกูลไหน”
“ท่านชายลู่หยวนแห่งตระกูลลู่ ”พระชายาซุนเหลือบมองหยวนหย่งอี้แวบหนึ่ง ก่อนหน้านี้หยวนหย่งอี้เคยหมั้นหมายกับลู่หยวนมาก่อน
หยวนหย่งอี้นิ่งอึ้ง “ลู่หยวน ลู่หยวนเห็นด้วยหรือ ทำไมเขาจึงชอบคนอย่างเสี้ยนจู่โหรหมั่นได้ พี่สะใภ้รองท่านไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรบ้างหรือ”
พระชายาซุนกับลู่หยวนนั้นเกี่ยวข้องเป็นญาติกัน และเรื่องนี้นางก็เป็นคนพูดออกมา มีความเป็นไปได้สูง
พระชายาซุนถอนหายใจ “ข้าเคยออกความคิดเห็นแล้ว แต่พ่อแม่เขาบอกว่า แม้ว่าเสี้ยนจู่โหรหมิ่นจะป่าเถื่อนเอาแต่ใจไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็มีชาติกำเนิดจากตระกูลที่เหมาะสม ย่อมดีกว่าให้ลู่หยวนไปคลุกคลีอยู่กับหญิงสาวในยุทธจักรเหล่านั้น ”
“หญิงสาวในยุทธจักรอะไรกัน ”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
พระชายาซุนมองไปทางหยวนชิงหลิง เอ่ยเสียงเบาว่า “เสี้ยวหงเฉิง”
คำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกอึ้งตะลึงไป “เสี้ยวหงเฉิง”
หยวนชิงหลิงสงสัย ระหว่างเสี้ยวหงเฉิงกับลู่หยวนมีอะไรกัน แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางไปหนานเจียงพร้อมกัน และยังเดินทางไปยังจวนเจียงเป่ยพร้อมกันอีก แต่ว่ากันตามหลักแล้วทั้งสองคนไม่ได้มีการปฏิสัมพันธ์กันโดยส่วนตัว
และทางด้านตระกูลลู่ก็แทบจะค่อนข้างเปิดใจ ตอนนั้นเรื่องของหยวนหย่งอี้กับลู่หยวนไม่สำเร็จ พ่อแม่ของตระกูลลู่ยังยินดีจะรับหยวนหย่งอี้เป็นลูกสาวบุญธรรม ฉะนั้นแม้ว่าลู่หยวนจะลงเอยกับเสี้ยวหงเฉิงจริงๆ ก็คงจะไม่ลำบากใจมากเกินไปกระมัง เสี้ยนจู่โหรหมิ่นไหนเลยจะเทียบกับเสี้ยวหงเฉิงได้