บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1071 จุดธูปหนึ่งดอก
หลังผ่านงานแต่งงาน วันรุ่งขึ้นหยู่เหวินเห้าเข้าวังไปรายงาน
หลังจากที่ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังจบ ร่างกายค่อยๆพิงไปที่พนักพิงของบัลลังก์ ทั้งคนเหมือนดั่งพังทลายเช่นนั้น เหนื่อยล้าไร้ที่เปรียบ
หยู่เหวินเห้ากล่าวเบาๆ: “เสด็จพ่อ ระงับความโศกเศร้าเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่เอ่ยวาจาอยู่นาน ชำเลืองมองเสาภาพวาดแกะสลักที่อยู่ทั่วห้อง ของบางอย่างก็เหมือนดั่งกระแสน้ำทะลักมาม้วนรัดเขาไว้ในนั้น
สักพักใหญ่ เขามองดูหยู่เหวินเห้าแล้วกล่าว: “เรื่องงานศพของเขา พวกเจ้าพี่น้องไม่กี่คนพยายามทำให้เต็มที่ ช่วยเหลือกรมพิธีการทำให้เขาเถอะ”
หยู่เหวินเห้าคุกเข่าลงพื้น “พ่ะย่ะค่ะ”
ชะงักเล็กน้อย เอ่ยถาม: “เสด็จพ่อจะพระราชทานการบรรยายเกียรติยศหลังจากที่เขาถึงแก่กรรมด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนส่ายศีรษะ เม้มปากไว้ไม่พูดแม้สักคำ
หยู่เหวินเห้ารับราชโองการและจากไป
ในเมื่อไม่พระราชทาน เช่นนั้นก็จัดการงานศพตามกฎเกณฑ์ขององค์ชายองค์โต
ฉินเฟยทางนั้นก็รู้สึกเสียใจมาก ฮ่องเต้หมิงหยวนบอกให้มู่หรูกงกงแจ้งกับนางด้วยตัวเอง
ฉินเฟยได้ยิน ร้องไห้จนแทบหมดลม หวงกุ้ยเฟยนำเหล่าสนมเข้ามาปลอบใจและอยู่เป็นเพื่อนด้วยพระองค์เอง
ฉู่หมิงหยางกับหยู่เหวินจุนยังไม่ได้หย่ากัน ตอนนี้คนก็จากไปแล้ว โสวฝู่ฉู่ให้นางกลับไป ช่วยเหลือจัดงานศพ หากว่าอยากกลับมาก็ค่อยกลับมา
ตอนนี้ฮูหยินเหยายังอาศัยอยู่ในจวนอ๋องฉู่ ขณะที่หยู่เหวินจุนเกิดเรื่อง หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้แจ้งให้รู้ แต่หมู่นี้ฮูหยินเหยาหลบเลี่ยงฮุ่ยเทียน และไม่อยากรับรู้เรื่องภายนอก จึงไม่รู้เรื่องนี้
ดังนั้น หลังจากที่หยวนชิงหลิงบอกว่าหยู่เหวินจุนเสียชีวิตแล้ว นางงงงัน ประหลาดใจมาก แต่ก็เพียงแค่งงงันและประหลาดใจเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นอีก
นางเป็นห่วงเพียงอย่างเดียวคือลูกสาวได้รับรู้เรื่องการเสียชีวิตของบิดา จะยอมรับได้หรือไม่
ตอนนี้เมิ่งเยว่อยู่ที่โรงเรียนแพทย์ หลังจากที่หยวนชิงหลิงส่งคนไปรับกลับมา จึงให้ฮูหยินเหยาพูดกับพวกนางสองพี่น้อง
เมิ่งเยว่ยอมรับได้ค่อนข้างง่าย เมิ่งซิงหลังจากที่ได้ยินแล้วก็ร้องไห้อยู่พักใหญ่ ความจริงสองพี่น้องมีความรู้สึกหวาดกลัวต่อบิดาผู้นี้ ตั้งแต่เล็กๆหยู่เหวินจุนก็ไม่ได้เข้าใกล้ลูกสาว สุดท้ายนึกถึงลูกสาวขึ้นมา กลับหวังว่าจะสามารถใช้ลูกสาวเพื่อแลกทางออกเส้นหนึ่งได้ ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันสั่งสม ทั้งหมดล้วนพึ่งพาเลือดในกระดูกตรึงไว้ ตอนนี้เขาตายแล้ว บุตรสาวทั้งสองคนก็ใช้ลักษณะท่าทางเช่นนี้คืนให้เขา
เมิ่งเยว่และเมิ่งซิงต้องกลับไปสวมชุดผ้าป่านแสดงความกตัญญู พี่น้องทั้งสองมีความกลัวเล็กน้อย อยากให้ฮูหยินเหยากลับไปเป็นเพื่อน ฮูหยินเหยาลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังตอบรับกลับไปพร้อมกัน
เพียงเพื่อลูกสาวทั้งสอง และเพื่อความเป็นสามีภรรยาครั้งหนึ่ง จุดธูปดอกหนึ่งเพื่อเขา ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย
นางให้หยวนชิงหลิงกลับไปเอาของชิ้นหนึ่งในบ้านเป็นเพื่อน ตอนนั้นเอาปิ่นปักผมออกมาจากจวนอ๋องจี้อันหนึ่ง
แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะแปลกใจว่าทำไมต้องการให้นางไปเป็นเพื่อน แต่เห็นนางยืนกราน ก็เดินไปเป็นเพื่อนนางครั้งหนึ่ง
รถม้าจอดอยู่นอกบ้าน กลับเห็นฮุ่ยเทียนเดินออกมาจากในลานบ้านของเขา เขากำลังกินข้าว ในมือยังถือถ้วยก้นลึกไว้ เห็นหยวนชิงหลิงตามมาด้วย สีหน้าของเขาก็เย็นชาเหมือนดั่งที่ผ่านมา หลังจากที่พยักหน้าเล็กน้อย ก็กลับไปแล้ว
ฮูหยินเหยามองดูเงาหลังของเขาแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว แล้วก็เปิดประตูเขาไปแล้ว
หยวนชิงหลิงกลับไม่ได้มองดูความผิดปกติอะไรออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของฮุ่ยเทียนเองก็เป็นพวกพิเศษ
เข้าไปข้างในแล้ว ฮูหยินเหยาหยิบกล่องเครื่องประดับออกมากล่องหนึ่ง ด้านในวางปิ่นทองดอกไม้ไหวอันหนึ่ง ดูแล้วล้ำค่าเป็นอย่างมาก
“ท่านต้องการใส่อันนี้?” หยวนชิงหลิงงงงันเล็กน้อย กลับมาก็เพื่อจะมาหาปิ่นดอกไม้ไหวอันนี้ไปใส่หรือ?
ฮูหยินเหยาปักปิ่นบนมวยผม มองไปทางกระจกเล็กน้อย ส่ายศีรษะนิดหน่อย พู่ที่ห้อยลงมาส่งเสียงของหยกและทอง เสียงสดใสทะลุกาลเวลา
“นี่คือของที่เขามอบให้ข้าตอนที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นานนัก” ฮูหยินเหยาถอดปิ่นปักผมลงมา แล้วปักปิ่นปักผมหยกใหม่อีกครั้ง วางกลับลงไปในกล่อง “ข้าเอาไป ขณะที่ปิดโลง เอาปิ่นปักผมวางลงไปส่งมอบคืนให้เขา ขณะที่จากไปตอนนั้นไม่ใช่เพราะอาลัยอาวรณ์ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา แต่เป็นเพราะจำสภาพจิตใจขณะที่ตัวเองเป็นเจ้าสาวได้ น่าเสียดายไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลังจากนั้นมาจึงได้เปลี่ยนเป็นเช่นนั้นแล้ว”
“ความฝันเก่าไม่จำเป็นต้องจดจำ!” หยวนชิงหลิงพูดคำว่าเก่าออกมา แม้แต่ตัวนางเองก็ล้วนฟังความคิดล้าสมัยของประโยคนี้ออก อดไม่ได้ที่จะถอนใจทีหนึ่ง
“คืนให้เขา ก็เหมือนกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” ฮูหยินเหยาพกกล่องติดตัว “ไปเถอะ”
ขณะที่ทั้งสองจากไป ด้านหน้าห้องโถงมีลมพัดผ่าน บนพื้นไม่เห็นใบไม้ร่วง ด้านหน้าระเบียงลานก็สะอาดสะอ้านมาก หยวนชิงหลิงชำเลืองมอง กล่าวขึ้นอย่างฉับพลัน: “มีผู้ใดช่วยท่านเฝ้าดูแลลานบ้านอยู่ตลอดหรือ?”
ฮูหยินเหยาตาละห้อย ราวกับว่าไม่ได้ยิน เดินมุ่งตรงไปด้านนอก
ประตูข้างบ้านยังคงเปิดอยู่ มีสายตาหนึ่งจับต้องมาจากหน้าระเบียงทางนั้นอยู่ตลอด แวววาวดั่งเปลวไฟ แผดเผาจนนางไม่กล้าเงยหน้า ขึ้นรถม้าแล้ว จึงกล้ามองจากร่องหน้าต่างทางด้านข้างไปอย่างรีบร้อนแวบหนึ่ง เห็นที่ประตูลานของเขามีเสื้อสีดำเงาหนึ่งลอยกวัดแกว่งไปมาอย่างลับๆ นางหลับตาลง จิตใจเต้นระรัวมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
หยวนชิงหลิงก็ขึ้นรถม้าแล้ว เห็นสีหน้าของนางมีความผิดปกติ คิดว่านางยังคิดถึงเรื่องในอดีต จึงกล่าวปลอบใจ: “ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องจดจำให้ตัวเองเจ็บปวดอีก”
“อืม!” ฮูหยินเหยาตอบรับคำหนึ่ง
ชั่วขณะที่คนขับรถม้ายกแส้ขึ้น กลับได้ยินเสียงของฮุ่ยเทียนดังมาจากด้านนอก “ฮูหยินสองสามวันนี้จะกลับมาหรือไม่ขอรับ?”
ปลายนิ้วมือของฮูหยินเหยาบีบแขนเสื้อไว้ เหมือนกับดวงตาที่ลึกซึ้งดั่งสายน้ำได้ถูกแมลงปอทำให้วุ่นวาย ว้าวุ่นขึ้นมาในพริบตา กล่าวผ่านผ้าม่าน: “ข้า……คาดว่าจะไม่กลับมาชั่วคราว”
หยวนชิงหลิงกลับยกม่านขึ้นอย่างฉับพลัน ฮุ่ยเทียนขวางอยู่ด้านหน้ารถม้า ชุดเสื้อสีดำถูกลมของตรอกซอยยาวๆพัดพลิ้ว จอนผมที่ยุ่งเหยิงด้านข้างก็ถูกพัดไปด้านหลัง มีเพียงดวงตาดั่งนกอินทรี มองดูใบหน้าที่ว้าวุ่นเล็กน้อยใบนั้นของฮูหยินเหยา
เขากล่าวว่า: “เช่นนั้นในเมื่อสองสามวันนี้ฮูหยินไม่กลับ ข้าน้อยจะออกไปทำเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ฮูหยินกลับมาเวลาใด ก็สั่งให้คนไปแจ้งให้ทราบที่สำนักเหลิ่งหลังสักคำก็ได้ขอรับ”
เขาได้รับคำสั่งให้มาปกป้องฮูหยินเหยา ดังนั้น หากว่าฮูหยินเหยาไม่อยู่ที่นี่ เขาก็สามารถจากไปได้อย่างอิสระ
“ได้!” ฮูหยินเหยาพยักหน้าแล้วกล่าว
ชั่วขณะที่เขาหมุนตัว ม่านก็ตกลง ฮูหยินเหยามองดูผ้าม่านที่แกว่งไกวไปตามรถม้าอย่างใจลอย
หยวนชิงหลิงกล่าว: “หรงเยว่ส่งฮุ่ยเทียนมาก็เหมาะสมแล้ว พยายามรับผิดชอบอย่างเต็มที่เป็นที่สุด”
ฮูหยินเหยาอืมคำหนึ่ง
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว: “ตอนนั้นหรงเยว่ยังบอกว่า ต้องการเอาท่านกับฮุ่ยเทียนทำให้เป็นคู่กัน หรงเยว่เป็นแม่สื่อเป็นจนติดเป็นนิสัยแล้ว”
ฮูหยินเหยาฝืนยิ้ม “เหลวไหลจริงๆ”
หยวนชิงหลิงจับมือของนางไว้ “ชีวิตนี้ ก็วางแผนว่าจะใช้ชีวิตคนเดียวแล้วจริงๆหรือ?”
“ก็ดีอยู่เหมือนกัน” ฮูหยินเหยากล่าว
“เหน็บหนาวหรืออบอุ่นตัวเองรู้ดี ดีไม่ดี ผ่านไปไม่กี่ปีก็รู้แล้ว ข้ามักจะรู้สึกว่าข้างกายของท่านดีที่สุดควรมีคนที่คอยดูแลอย่างรอบคอบ” หยวนชิงหลิงกล่าว แล้วก็รู้สึกว่าข้อหัวนี้ไม่เหมาะสมที่จะเอ่ยในวันนี้ จึงได้หยุดแล้ว
ฮูหยินเหยาเงียบไม่พูดจามาโดยตลอด ข้างกายมีคนผู้หนึ่งที่คอยดูแลอย่างรอบคอบ ผู้ใดไม่คิดล่ะ? นางก็เคยอิจฉาหยวนชิงหลิงมาก่อน เคยอิจฉาหยวนหย่งอี้ กระทั่งอิจฉาภรรยาของอ๋องอาน แม้ว่าการใช้ชีวิตจะยากลำบากมาก แต่ว่ามีคนผู้หนึ่งที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกนางมีเรื่องอะไรเล็กน้อย ผู้ชายก็ล้วนกระวนกระวายจนแทบไม่ไหว
ขณะที่นางป่วย ใกล้จะตาย ไม่เคยได้รับเป็นห่วงและความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย ถึงกระทั่งยังจะฉวยโอกาสเอาชีวิตของนางในขณะที่นางป่วยอีก
นึกขึ้นมา รู้สึกหนาวจับใจในทันที นางแต่งงานกับคนยังไง? ใช้ชีวิตอะไร?
งานศพก็จัดในลานบ้านของหยู่เหวินจุน ฉู่หมิงหยางก็กลับมาแล้ว พร้อมความบวมช้ำที่ยังไม่ได้จางไปจากบนใบหน้า เป็นภรรยาแม่หม้ายขององค์ชายองค์โต นางแสดงความเศร้าโศกสิ้นหวังออกมาได้อย่างเหมาะสม แต่มีหลายครั้ง ที่สายตาของนางว่างเปล่า
เห็นฮูหยินเหยาและหยวนชิงหลิงเข้ามา ในตาของนางก็มีความดึงดันแค้นเคืองทันที แต่จากนั้นก็หายวับไปในทันที หมุนตัวแล้วเข้าไป