บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1073 ข้าก็จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
หลังจากตรวจแล้วประคองไท่ซ่างหวงเดินออกมา ตอนนี้ไท่ซ่างหวงหวงแหนร่างกายเป็นอย่างมาก เข้าออกก็จำเป็นต้องพยุง กลัวว่าจะหกล้มเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน
หยวนชิงหลิงสนทนากับพวกเขาที่ด้านล่างระเบียงครู่หนึ่ง หยวนชิงหลิงเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้ตอนนั้นพวกเขาไม่กี่คนอาศัยในจวนอ๋องซู่ เป็นชายาเฟิงอันดูแล พี่สะใภ้คนโตก็เหมือนแม่ ดูแลปฏิบัติต่อพวกเขาไม่กี่คนเหมือนกับบุตรชายอย่างแท้จริง
“ตอนนี้พวกเราสองสามคนก็รวมตัวกันมากหน่อย ไม่กี่ปีก่อน แต่ละคนต่างก็ยุ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉู่เสี่ยวอู่ไม่ยอมมาพระตำหนักฉินคุน ไม่อยากพบเจอเสี่ยวสี่ อันที่จริงข้าก็เคยโกรธ แต่ช่างเถอะ เขาอยู่ด้านนอกยุ่งวุ่นวายเพื่อเป่ยถังจนหัวหมุน จึงให้อภัยนางแล้ว” ไท่ซ่างหวงพูดตามอำเภอใจของตัวเอง คนทั้งคนมีอารมณ์อยู่ในจุดที่ตื่นเต้นสุดขีด ข่าวการจะกลับมาของอ๋องผิงหนาน ราวกับทำให้เขามีอาการตื่นเต้นคึกคักขึ้นอย่างฉับพลัน
ฉู่เสี่ยวอู่? หยวนชิงหลิงมองไปทางโสวฝู่ฉู่ เขาไม่ได้ชื่อโสวฝู่ฉู่หรือ? ทำไมถึงได้เรียกว่าฉู่เสี่ยวอู่?
โสวฝู่ฉู่หัวเราะ “ตอนนี้ทุกอย่างก็ดีหมดแล้ว”
แสงแดดสาดส่องลงมายังผู้เฒ่าสองสามคน ในดวงตาของพวกเขาล้วนมีสภาพอารมณ์ความรู้สึกเนิ่นนานประเภทหนึ่ง เห็นได้ว่าทุกคนล้วนกําลังตกอยู่ในความสุขของเวลานั้น หยวนชิงหลิงรู้สึกว่านี่ชั่งเป็นภาพที่งดงามที่สุดภาพหนึ่งโดยแท้ มิตรภาพของเด็กหนุ่ม อยู่เป็นเพื่อนกันจนแก่เฒ่า
นางก็ปรารถนา ถึงตอนที่นางแก่ชรา นอกจากมีลูกหลานล้อมรอบอยู่ข้างกาย คนเก่าแก่ในวันวานแต่ละคนก็สามารถอยู่เป็นเพื่อนข้างกายกันได้ แม้ว่าจะไม่สามารถเจอกันทุกวันได้ แต่เวลาที่พบกัน คนก็อยู่ไม่ไกล ชีวิตของคนเราก็เป็นเช่นนี้ ยังมีอะไรให้เสียดายอีก?
สนทนากันครู่หนึ่ง โสวฝู่ฉู่และเซียวเหยากงก็รีบไปทำงานอีกแล้ว หยวนชิงหลิงก็ไปท้องพระโรงหน้ารอบหนึ่ง ตรวจดูให้ฮ่องเต้หมิงหยวน
อาการพระประชวรของฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น หลังจากที่เสวยอาหารไม่ลงมาสามวัน พอเสวยอาหารเข้าไปก็ปวดท้อง หลังจากที่หยวนชิงหลิงให้ยาแล้ว ควบคู่กับการรักษาของหมอหลวง ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว และก็มีความกลัดกลุ้มที่อัดแน่นอยู่ในใจเท่านั้น
การมอบอำนาจเป็นการจัดการของเขา และเป็นการตัดสินใจที่ได้หารือกับหยู่เหวินเห้าที่ห้องทรงพระอักษรในวันนั้น รัชทายาทปกครองประเทศ ที่ทำการปกครองแต่ละที่ก็ไม่ได้สงบมั่นคงเหมือนกับแต่ก่อน หากว่ามีคนต้องการเจาะหาช่องว่าง ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด
ฮ่องเต้หมิงหยวนนอนอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยด้านหน้าระเบียง ฮู่เฟยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ อ่านหนังสือละครพื้นเมืองให้เขาฟัง ทั้งในตำหนัก นอกจากเสียงของฮู่เฟยแล้ว เงียบสงัด ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
หยวนชิงหลิงถอนสายบัวเข้าพบ ฮู่เฟยเอาหนังสือละครพื้นเมืองวางลงบนโต๊ะทำงานไม้ไผ่ นวดระหว่างคิ้ว “ในที่สุดก็มีคนมาแล้ว”
หยวนชิงหลิงยิ้ม นางรู้ว่าไม่ใช่ไม่มีคนมา แต่เสด็จพ่อไม่พบผู้ใด
หยวนชิงหลิงทักทาย “เสด็จพ่อรู้สึกว่าดีขึ้นเล็กน้อยหรือไม่เพคะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนผอมลงไปรอบหนึ่ง คางก็แหลมแล้ว ใต้ดวงตาก็มีรอยช้ำเป็นวง แทบจะเป็นสีดำแล้ว เห็นได้ชัดว่านอนหลับได้ไม่ดีเป็นที่สุด เขากล่าวอย่างเกียจคร้านว่า: “ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแค่ยังคงไม่สามารถนอนหลับได้เท่านั้น”
“นอนไม่หลับตลอดเลยหรือเพคะ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“ตอนกลางคืนไม่สามารถนอนได้ ตอนกลางก็นอนไม่ได้” ฮู่เฟยกล่าวเบาๆ บนหน้าฉาบไปด้วยความกังวลใจ
หยวนชิงหลิงกล่าว: “เช่นนั้นไม่ได้บอกให้หมอหลวงให้ชาที่ทำให้จิตใจสงบหรือเพคะ?”
“ให้ชาพุทราจีนรสเปรี้ยวมาแล้ว แต่ดื่มลงไปมีผลไม่มากนัก” ฮู่เฟยก็ตอบอธิบายแทน
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยา หยิบขวดยาออกมาจากด้านใน ยื่นให้ฮู่เฟย “นี่คือยานอนหลับเพคะ แต่ไม่สามารถกินเยอะได้ หากว่านอนไม่หลับจริงๆก็กินหนึ่งเม็ด!” เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนเหนื่อยมาก อยากจะนอน จะได้ทำให้สมองสงบลงมา
“เช่นนั้นก็กินตอนนี้สักเม็ดหนึ่ง” เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้หมิงหยวนเหนื่อยเป็นอย่างมาก อยากจะหลับไป ทำให้สมองได้สงบลง
ฮู่เฟยจึงเทให้เขาหนึ่งเม็ด เขากลืนลงไปโดยตรง ฮู่เฟยเพิ่งจะหยิบน้ำขึ้นมาไว้ในมือ ก็เห็นเขากินไปแล้ว จึงกล่าวว่า: “เช่นนั้นก็ดื่มน้ำอีกสักอึกหนึ่งนะเพคะ”
“ไม่ดื่มแล้ว วางไว้เถอะ!” ฮ่องเต้หมิงหยวนดูไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย
ฮู่เฟยถอนหายใจเบาๆ “กินไม่ลง น้ำก็ไม่ดื่ม จะเป็นแบบนี้ได้อย่างล่ะเพคะ? นอกจากยาต้มแล้ว หลายวันมานี้ก็ไม่ได้แตะต้องของอย่างอื่นเลย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตบหลังมือนางเบาๆ “เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา มู่หรูก็อยู่ข้างนอกน่ะ กลับไปพักผ่อนสักครู่เถอะ”
ฮู่เฟยส่ายศีรษะ สองสามวันมานี้ นางก็ซูบผอมตามไปด้วยเล็กน้อย “กลับไปสามารถพักผ่อนได้แต่จิตใจไม่สงบสุข อยู่ที่นี่ดูแลพระองค์ จิตใจก็สงบ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยๆหลับตาลง คนทั้งคนรู้สึกหมดแรง “เจ้าเอากระจิตกระใจไว้ที่เจ้าสิบให้มากหน่อยยังจะดีกว่า หรือช่วยหวงกุ้ยเฟยจัดการเรื่องภายในวัง ไม่ว่าอย่างไรข้าก็มีเวลาที่จะต้องไปก่อนพวกเจ้า”
ฮู่เฟยได้ยินคําพูดนี้ ตกใจทันที “พระองค์พูดจาเลอะเทอะได้อย่างไรเพคะ? หลังจากนี้ห้ามพูดแบบนั้นอีกนะเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยกมุมปากขึ้น บีบรอยยิ้มที่ไร้เรี่ยวแรงออกมา “ท้ายที่สุดจะเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถฝืนได้”
ดวงตาของฮู่เฟยน้ำตาคลออย่างรวดเร็ว กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ: “พระองค์จะต้องทำให้ข้าเป็นทุกข์เช่นนี้ให้ได้ใช่หรือไม่เพคะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงลืมตาขึ้น เอื้อมมือไปจับมือของนาง “ได้ ไม่พูดก็ได้”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเพราะการตายของหยู่เหวินจุน จิตใจของเสด็จพ่อหม่นหมองเป็นอย่างมาก เห็นคนในครอบครัวจากไปต่อหน้า นอกจากความเจ็บปวดเสียใจแล้ว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะระลึกถึงเรื่องเก่าๆของตัวเอง นางกล่าวเบาๆ: “เสด็จพ่อ พระองค์ต้องรักษาสุขภาพพลานามัย ไหล่ของเจ้าห้ายังอ่อนเกินไป สิ่งของมากมาย เขาแบกไม่ไหวเพคะ!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงหรี่ตาลงแล้วหัวเราะขึ้นมา “คิดไม่ถึงว่าเจ้ามาถึงเบื้องหน้าของข้า เป็นเพราะเจ้าห้าร้องทุกข์งั้นหรือ?”
“มิบังอาจเพคะ!” หยวนชิงหลิงก็อยากจะร้องทุกข์ขึ้นมาจริงๆ เจ้าหาหนึ่งคนแบ่งออกมาใช้เป็นหลายๆชิ้น ไม่ว่าตรงไหนก็ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นเขา อันที่จริง ตั้งแต่หลังเรื่องงานศพของหยู่เหวินจุน ระหว่างพวกเขาสามีภรรยาก็ไม่ได้พูดคุยกันเท่าไหร่มาสองสามวันแล้ว ตอนที่เขากลับมานางก็หลับแล้ว ตอนเช้านางยังไม่ตื่น เขาก็ออกจากบ้านไปแล้ว ในบ้านก็กลายเป็นโรงแรมแล้ว ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงไปที่ทะเลสาบจิ้ง แม้แต่เวลากินข้าวด้วยกันก็ไม่มี
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าว: “ข้ารู้ว่าทำให้เขาลำบาก แต่เพื่อแบ่งเบาความทุกข์ภาระของเสด็จพ่อ เขาต้องพยายามทำให้เต็มที่ด้วยตัวเองไม่สามารถให้คนอื่นทำแทนได้! และประเทศนี้ไม่ช้าไม่เร็วก็เป็นของเขา เขาลำบากล่วงหน้าสักหน่อย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องมีวันที่ขึ้นครองราชย์วันนั้น”
ฮู่เฟยน้ำตาไหลพราก
คำพูดนี้สำหรับนางแล้วชั่งโหดร้ายเกินไป เพราะหากว่ารัชทายาทขึ้นครองราชย์ ก็หมายความว่าเขาเสียชีวิตแล้ว
“ร้องไห้อะไร? เพียงแค่พูดคุยสัพเพเหระกันเท่านั้น” ฮ่องเต้หมิงหยวนยังคงสงสารภรรยาตัวน้อย เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นาง
ฮู่เฟยกัดฟัน ดวงตากลมรูปอัลมอนด์เพ่งมอง “หม่อมฉันเพียงแค่ขอร้องพระองค์ อย่าพูดวาจาเช่นนี้อีก วันเวลาเช่นนี้ก็ไม่ดีพอแล้ว ยังจะเอ่ยคำพูดเหล่านี้ทำให้คนเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่าอีก เกลียดข้าเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะขึ้นมาแล้ว แววตาอ่อนโยนลงมาในพริบตา “นี่ถึงจะเป็นเจ้า ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะข้า ไม่ต้องพูดจาเล้าโลมให้ใจอ่อน ก็เป็นเช่นนี้”
หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาออกมา จ่ายยาอีกเล็กน้อย ความจริงโรคกระเพาะของเขาก็ค่อนข้างรุนแรง เป็นฮ่องเต้ทํางานลำบากตรากตรำจริงๆ หลายปีมานี้ก็ไม่ได้หยุด เมื่อพบเจอปัญหาใหญ่เกิดขึ้นภายในประเทศ ก็มักจะลืมกินลืมนอน นานๆเข้า กระเพาะลำไส้ก็ไม่ไหวแล้ว
รอจนหยวนชิงหลิงจ่ายยาเสร็จแล้ว เมื่อเดินออกไปดู ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับหลับไปแล้ว ฮู่เฟยค่อยๆห่มผ้าห่มให้เขาเบาๆ แล้วเรียกมู่หรูกงกงให้เข้ามาเฝ้าดูแล นางเดินย่องเข้าไปในตําหนัก ดึงมือของหยวนชิงหลิงให้นั่งลง
“พระชายารัชทายาท ท่านบอกข้ามาตามความจริง อาการของฝ่าบาทร้ายแรงใช่หรือไม่?” แม้ว่าฮู่เฟยจะคอยเฝ้าดูแลอยู่ข้างๆทุกวัน แต่ขณะที่พูดถึงอาการป่วย ก็มักจะหลบเลี่ยงนางเสมอ นางเป็นกังวลจนแทบไม่ไหวแล้ว
“ไม่ได้ร้ายแรงเป็นพิเศษเพคะ แต่ก็ยังต้องระวัง” หยวนชิงหลิงกล่าว
ใต้ดวงตาของฮู่เฟยแดงก่ำ กล่าวสะอึกสะอื้น: “พวกท่านอย่าคิดปิดบังข้า ทุกครั้งที่พูดถึงอาการป่วยล้วนปิดบังข้าไว้ อีกทั้งเขากินไม่ลง และนอนก็ไม่หลับ ทั้งคนผอมลงไปรอบหนึ่งแล้ว”
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยความเป็นห่วง: เดิมทีอาการป่วยของเขาก็ไม่ได้รุนแรงมาก กล่าวปิดบังอาการป่วย ก็เพียงแค่ไม่ต้องการให้ผู้คนรู้ว่าอาการป่วยไม่ได้รุนแรง ไม่คิดว่าจะทำให้ฮู่เฟยเข้าใจผิดแล้ว
กำลังคิดอยากจะโน้มน้าวปลอบใจ แต่กลับได้ยินเสียงร้องไห้ของฮู่เฟย: “หากว่าเขามีเรื่องอะไร ข้าก็จะไม่อยู่แล้ว”