บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1078 ล่องูออกจากรู
ได้ยินเสียงร้องไห้ของทารก เขาตะโกนผ่านประตูไปด้านใน “คลอดแล้วใช่หรือไม่? ปลอดภัยหรือไม่?”
เสียงของนางผดุงครรภ์ดังออกมาจากด้านในด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง “แสดงความยินดีกับท่านอ๋องได้พระธิดา แม่ลูกปลอดภัยราบรื่นเจ้าคะ”
เขาดีใจมาก ปลอดภัยก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว
เขาอยากผลักประตูเข้าไป กุ้ยเฟยกลับยืนขึ้นขวางไว้ทันที กล่าวถาม: “จัดการดีแล้วหรือ?”
“ท่านหญิง โปรดรอสักครู่เจ้าคะ กำลังจัดการเจ้าค่ะ” นางผดุงครรภ์สั่งให้คนทำความสะอาดห้องเลือด ชั่วครู่ใหญ่จึงได้เปิดประตู ยังไม่ได้ถอนสายบัวขอความชอบ อ๋องอานก็เข้าไปดั่งลมพายุแล้ว
หยวนชิงหลิงกำลังจัดการบาดแผลที่สายสะดือให้ทารก เขาไม่ทันได้ดู ก็พุ่งไปถึงหน้าเตียงแล้ว ค่อยๆโน้มตัวลง จ้องมองพระชายาอาน ลูบใบหน้าที่อ่อนล้าซีดเผือดของนาง กล่าวด้วยเสียงสะอื้น: “ลำบากเจ้าแล้ว”
ในน้ำเสียงของพระชายาอานแฝงไปด้วยความอ่อนล้า ดวงตาใบหน้าล้วนเป็นรอยยิ้ม “ท่านอ๋องดูลูกสิเพคะ”
“ได้ ได้!” อ๋องอานพูดเช่นนี้แล้วหันกลับไปมองแค่แวบหนึ่งเท่านั้น แต่กลับไม่ได้เดินเข้าไป ยังคงเฝ้าพระชายาอานไว้
หลังจากที่หยวนชิงหลิงจัดการเรียบร้อยแล้ว อุ้มเด็กเข้ามา วางไว้บนมือของอ๋องอาน
สำหรับอ๋องอานแล้วค่อนข้างกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว ทารกวางอยู่บนมือของเขาแล้ว เขาไม่กล้าขยับ ใช้ท่าทางแปลกๆอุ้มไว้ มองดูใบหน้าสีชมพูน้อยๆนั่นด้วยความระมัดระวัง ไม่ได้เปิดตา และไม่รู้ว่าเหมือนใคร แต่จิตใจของอ๋องอานกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด รู้สึกว่าหลายปีก่อนหรือว่าชาติที่แล้วก็ได้รู้จักนางแล้ว นี่เป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์เพียงไร
อันที่จริงตั้งแต่พระชายาอานตั้งครรภ์ ต่อบุตรแล้วแม้จะบอกว่าเขามีความคาดหวัง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เติบโตอยู่ในท้องของเขา เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันอะไร ตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว
นี่คือลูกสาวของเขา!
บางที สิ่งของบางอย่าง ก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นจริงๆ
อ๋องอานเอาเด็กวางไว้ข้างกายของพระชายาอาน พระชายาอานเอียงหน้าดู จิตใจปีติดีใจ
“เสด็จแม่ ท่านดูสิพ่ะย่ะค่ะ!” อ๋องอานหันกลับไปพูดกับตี๋กุ้ยเฟย
บนใบหน้าของตี๋กุ้ยเฟยอมยิ้มเล็กน้อย แน่นอนว่าก็เป็นความปีติดีใจ เพียงแค่ในใจก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเสียดายเล็กน้อย
นางมองดูหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออก ทำไมถึงเป็นนางผู้เดียวที่ให้กำเนิดบุตรชายได้? ยังจะให้กำเนิดตั้งห้าคน
ขณะที่ออกจากจวนอ๋องอาน หรงเยว่ยิ้มอย่างเหม่อลอยจนเริ่มปวดแก้มเล็กน้อยแล้ว กล่าวกับทุกคน: “ดีจริงๆ บังเกิดขึ้นมาอีกหนึ่งชีวิตแล้ว”
สีของท้องฟ้าดำมืดขึ้นแล้ว เงาร่างของคนสองสามคนสะท้อนกลับหัวอยู่บนกำแพงของจวนอ๋องอาน ชีวิตใหม่บังเกิดขึ้น ทำให้จวนอ๋องที่เดิมทีไม่ค่อยคึกคักมากนักคึกคักเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาแล้ว ค่อยๆไกลออกไปจากเสียงหัวเราะดีอกดีใจเหล่านั้น ความรู้สึกเศร้าของหรงเยว่ก็มาแล้ว
หยวนชิงหลิงคล้องมือของนางแล้วเดินออกไปด้วยกัน “ปล่อยวาง ใกล้จะถึงเจ้าแล้ว”
หรงเยว่ฝืนหัวเราะแล้ว “ให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะเพคะ”
เห็นการคลอดบุตรของพระชายาอานแล้ว ฉับพลันนั้นนางก็รู้สึกว่า ชีวิตหนึ่งเช่นนั้นต้องการความเป็นสิริมงคลอย่างมากมายเพียงใดถึงจะสามารถบังเกิดได้กันนะ? ชั่วขณะนั้นนางก็ไม่กล้าดึงดันแล้ว
แต่ละคนขึ้นรถม้าหน้าประตู แยกกันกลับจวน
กลับถึงจวน หยู่เหวินเห้าก็กลับมาแล้ว อ่านสาส์นทูลข้อราชการของขุนนางอยู่ในห้องหนังสือ หยวนชิงหลิงเดินเข้าไป เพิ่มไม้กฤษณาให้เขาช้อนหนึ่ง เขายื่นมือจูงนางเข้ามากอดในอ้อมกอด “คลอดแล้ว?”
“อืม ลูกสาว!” หยวนชิงหลิงพิงในอ้อมกอดของเขา กล่าวเบาๆ
“ดีจริงๆ!” หยู่เหวินเห้าอิจฉาเป็นอย่างมาก
หยวนชิงหลิงจึงหัวเราะแล้ว “ทำไม? คิดจะแย่งอีกแล้วหรือ?”
“ไม่กล้า!” หยู่เหวินเห้าก้มหน้าลง “ใครก็ล้วนกล้าแย่ง มีเพียงเขาผู้เดียวที่ไม่กล้า”
หยวนชิงหลิงนึกถึงคำที่พระชายาอานพูดวันนี้ จึงดึงเขาให้นั่งลงพูดคุยด้วยกัน: “วัดฮู่กว๋อทางนั้น ท่านได้เคยส่งคนไปดูเป็นบางครั้งบางคราวหรือไม่?”
“ไม่เคย วัดของเชื้อพระวงศ์ ไม่สามารถเข้าไปรบกวนได้ตามอำเภอใจ” หยู่เหวินเห้ากล่าว
หยวนชิงหลิงกล่าว: “วันนี้พระชายาอานบอกว่า วันก่อนเห็นกองกำลังทหารเข้าไปที่วัดฮู่กว๋อ และเข้าไปจากทางด้านหลัง พระชายาอานยังบอกอีกว่าช่วงนี้อ๋องอานได้เคยไปที่วัดฮู่กว๋อสองสามครั้งแล้ว ข้ากลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่นับถือศาสนาพุทธ ทำไมถึงได้ไปที่วัดฮู่กว๋อครั้งแล้วครั้งเล่า? จะมีลับลมคมในอะไรหรือไม่?”
หยู่เหวินเห้างุนงง “จริงหรือ? เข้าไปที่วัดฮู่กว๋อกี่ครั้ง?”
“พระชายาอานบอกเอง คิดว่าน่าจะจริง”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว คิดแล้วคิดอีก: “ข้าบอกให้องครักษ์ลับผีไปสืบดูหน่อยละกัน”
เขาพูดจบแล้วจึงเรียกให้คนเข้ามา สั่งการลงไป ให้คนไปที่วัดฮู่กว๋อรอบหนึ่ง จับตามองว่ามีการปิดบังอะไรไว้หรือไม่
“ฆาตกรที่สังหารหยู่เหวินจุนมีเค้าแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “ไม่มีเบาะแสอะไรเลย แต่ตอนนี้หลินเซียวและเถ้าแก่ซุนนั่นอยู่ในการสังเกตการณ์ของพวกเรา ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ผลีผลาม ข้าประมาณการไว้ ต้องการหาวันออกไปจากเมืองหลวง ดูซิว่าจะล่อคนเหล่านั้นที่ได้ข่าวแล้วก็ลงมือปฏิบัติทันทีได้หรือไม่”
“ออกจากเมืองหลวง?” หยวนชิงหลิงตะลึง และเข้าใจความหมายของเขาในทันที “ท่านต้องการล่อนักฆ่าให้ไล่ตามไปสังหารท่าน?”
“เป็นความหมายนี้ ดูว่าฝ่ายตรงข้ามมีคนประเภทไหนบ้าง หากส่งนักฆ่าออกมา สามารถจับกุมได้หนึ่งถึงสองคน บางทีอาจจะงัดออกมาจากปากนี้ได้”
เห็นท่าทางร้อนรุ่มกลุ้มใจของหยวนชิงหลิง เขายิ้มเล็กน้อย กอดนางไว้ในอ้อมกอด “เจ้าวางใจ ในเมื่อข้าจงใจที่จะล่องูออกจากรู ก็จะต้องทำการป้องกันเป็นอย่างดี จะไม่มีปัญหา”
“จำเป็นต้องใช้วิธีที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ด้วยหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“นี่เป็นวิธีที่เรียบง่ายและตรงที่สุด เจ้าคิดนะ ตอนนี้ข้ากับอ๋องชินลุ่ยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทันทีที่ข้าเกิดเรื่อง ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะออกอุบายอะไรก็ล้วนเป็นโอกาสที่แสนพิเศษที่สุด ไม่ปล่อยผ่านไปเด็ดขาด อีกทั้ง เจ้าคิดว่าข้าไม่ทำเช่นนี้ พวกเขาจะไม่คิดลอบสังหารข้าหรือ? เพียงแค่ปัจจุบันนี้ข้าเข้าออกก็ล้วนมีองครักษ์ลับผีติดตามอยู่ พวกเขาคิดว่าลงมือมีความเสี่ยงสูงจึงไม่ได้ลงมือ หากว่าข้าออกจากเมืองหลวง จัดวางกำลังคนรอบหนึ่งค่อยล่อให้เขาลงมือ โอกาสที่จะจับกุมตัวฆาตกรได้ก็มีมากเป็นอย่างมากแล้ว”
ได้ยินเขาปลอบใจ
ฟังเสียงปลอบประโลมของเขา แล้วยังมีการรับประกันแต่ละอย่างอีก แต่ในใจของหยวนชิงหลิงกลับไม่มั่นคงเลยสักนิด
เพียงแต่ฟังคําพูดครั้งนี้ของเขาก็ใช่ว่าจะพูดออกมาอย่างขอไปที เหมือนได้วางแผนมานานแล้ว แม้ว่านางจะบอกว่าไม่เห็นด้วย ก็กลัวแค่จะแอบไปทำลับหลังนาง
“เช่นนั้นในเมื่อต้องการจะออกจากเมืองหลวง ข้าก็จะไปทะเลสาบจิ้งพร้อมกับท่านไปที่” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยู่เหวินเห้าคัดค้านทันที “นั่นไม่ได้หรอก เจ้าไปไม่ได้”
“ทําไม? ไม่ใช่ว่าปลอดภัยหรือ? ท่านล้วนจัดวางกำลังพลไว้แล้ว” หยวนชิงหลิงมองดูเขาแล้วกล่าว
หยู่เหวินเห้ากดมวยผมให้นางเบาๆ แล้วกล่าว: “ยังจําตอนที่พวกเรากระโดดร่มด้วยกันที่บ้านเกิดเจ้าได้ไหม ตอนนั้นพวกเราเคยมีความเห็นพ้องต้องกัน เพียงแค่มีเรื่องอันตราย พวกเราก็ไม่สามารถทําด้วยกันได้ ต่อให้เป็นอันตรายอันน้อยนิดก็ไม่ได้ ลูกห้าคนของพวกเรา จำเป็นต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ”
เมื่อหยวนชิงหลิงฟังคำพูดนี้แล้ว นึกถึงคําฝากฝังของฮู่เฟยที่มีต่อนาง จิตใจก็เศร้าซึม
นอกจากลูกๆจะโตแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นตายไปพร้อมกัน
“ไม่พูดเรื่องเหล่านี้แล้ว” หยู่เหวินเห้ารู้ว่านางเป็นห่วง และไม่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมในทันทีได้ จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวว่า: “ตอนนี้บุตรสาวของพี่สี่คลอดแล้ว เจ้าก็เป็นอาสะใภ้แล้ว ต้องคิดให้ดีๆว่าจะมอบของขวัญอะไรให้เด็กแล้ว”
“อืม ประเดี๋ยวค่อยคิดให้ดีๆ” หยวนชิงหลิงตอบรับแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขาจับมือของนาง กล่าวด้วยความอิจฉา: “พี่สี่นี่ชั่งมีวาสนาจริงๆ ทำให้คนอิจฉาจริงๆเชียว”
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้ว “ก็มีคนมากมายอิจฉาท่านนี่นา ท่านอยากได้ลูกสาวขนาดนี้จริงๆหรือ?”
“ผู้ใดจะไม่อยากได้บุตรสาวตัวน้อยๆกันล่ะ?” หยู่เหวินเห้าอุ้มนางขึ้นแล้ว แววตาลึกซึ้ง “แต่ชาติหน้าละกัน ชีวิตนี้พวกเราแค่ราชาปีศาจลูกครึ่งคนละโลกห้าคนก็เพียงพอแล้ว”