บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1083 หยั่งเชิง
สองคนปรึกษากันสักพัก คิดว่าส่งคนไปสืบดูหน่อยดีกว่าไหม
เพราะไม่รู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของอีกฝ่ายดีแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่กล้าให้อะซี่ไป เช้าวันรุ่งขึ้นหยวนชิงหลิง สั่งคนไปเชิญหรงเยว่มาที่จวนแต่เช้า
หรงเยว่เคยเป็นรองหัวหน้าของสำนักเหลิ่งหลัง ฝีมือการต่อสู้ยอดเยี่ยม ผ่านการศึกมานับไม่ถ้วน ต่อให้ฝีมือการต่อสู้ของฮูหยินทังดีมาก นางกลับมาได้อย่างปลอดภัยถือว่าไม่เป็นปัญหา
หลังจากหรงเยว่ได้รู้สถานการณ์แล้ว ก็รับปากทันที แต่ต้องวางแผนก่อนล่วงหน้า เพราะหากเป็นการเข้าใจผิด ไม่พบอะไรผิดปกติ และถูกใต้เท้าทังจับได้ จะต้องหาเหตุผลอะไรสักอย่างมาอ้าง เพื่อไม่เป็นการทำลายความรู้สึกซึ่งกันและกัน
ยังไงใต้เท้าทังก็ดีกับฮูหยินมาก และก็เชื่อใจกัน คิดว่าคงไม่เคยคิดสงสัย
ฮูหยินเหยาคิดไปคิดไป แล้วก็พูดขึ้นว่า “เอาแบบนี้ ไปตอนกลางคืนดูไม่ค่อยดี เดี๋ยวสักพักเจ้ากับข้าไปเป็นแขกด้วยกัน เจ้าเดินดูรอบๆภายในเรือน หากมีหลุมใต้ดินจริง เจ้าน่าจะสืบรู้ได้”
หรงเยว่กับหยวนชิงหลิงก็เห็น นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
หยวนชิงหลิงสั่งคนไปเตรียมของฝาก แล้วก็ไปยังเรือนทังหยาง พร้อมหรงเยว่กับฮูหยินเหยา
เพราะห่างกันแค่เพียงกำแพงกั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีบัตรเชิญ ไปเยี่ยมถึงที่เลย เอาของฝากไปด้วย ก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท
วันนี้ใต้เท้าทังไปยังกรมการพระนคร ช่วยอ๋องฉีสืบคดี จึงไม่ได้อยู่ในจวน
ภายในห้องมีเพียงสาวรับใช้คนหนึ่งคอยปรนนิบัติ ดูลักษณะท่าทางเงอะงะ ทังหยางหามาหลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ฉลาดแต่ทำงานกระฉับกระเฉง เห็นพวกพระชายารัชทายาทมา ก็รีบต้อนรับพาเข้าไป
ห้องรับแขกที่กว้างใหญ่นี้ เชื่อมติดกับห้องนอน มีเพียงม่านฉากกั้นอันหนึ่งกั้นไว้ จำได้ว่าตอนที่เข้ามาในจวนตอนนั้น ไม่มีแม้กระทั่งม่านฉากกั้น ตอนนี้กลับมีม่านฉากกั้นไม้โบราณอันหนึ่งกั้นไว้ ก็ไม่รู้สึกเหมือนมีบ้าน สำหรับหยวนชิงหลิง เป็นเพียงหอพักที่ค่อนข้างธรรมดา
ฮูหยินทังสวมชุดสีเขียวมรกต คาดเข็มขัดสีเหลือง ผมยาวมัดเกล้าไว้อย่างธรรมดา ไม่มีเครื่องประดับอย่างอื่น ใบหน้าสด แม้เพียงบางเบาก็ไม่ทา บนโหนกแก้มมีฝ้าสีน้ำตาลอ่อน ดูไม่น่าเกลียด แต่กลับค่อนข้างเหมือนผ่านอะไรมาอย่างโชกโชน
ได้ยินสาวใช้พูดว่าพระชายารัชทายาท กับพระชายาหวยและฮูหยินเหยามาเยี่ยม ก็เดินมาทำความเคารพ พร้อมพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันถวายบังคมพระชายารัชทายาท ถวายบังคมพระชายาหวย ถวายบังคมฮูหยินเหยา ไม่ทราบว่าท่านทั้งสามจะมาเยือน ไม่ได้ออกไปต้อนรับ ต้องขออภัยด้วย”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ฮูหยินทังไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ พวกเรามีเวลาว่างก็เลยมาเที่ยวหา หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนฮูหยิน”
ใบหน้าฮูหยินทังยิ้มแย้มเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้อย่างไรล่ะ? ยังไงวันๆหม่อมฉันก็ไม่มีอะไรทำ มีคนมาพูดคุยเป็นเพื่อน น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบเชิญนั่งลง”
ภายในห้อง เก้าอี้ก็มีไม่เยอะ วางอยู่ติดผนังอยู่แค่สามตัว หรงเยว่จึงไม่นั่ง สบตากับหยวนชิงหลิง แล้วก็เดินออกไป
หรงเยว่เดินออกไปแล้ว ใบหน้าของฮูหยินทังก็มองไปที่หน้าประตู พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาหวยออกไปหรือ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น นางมองไม่เห็น ในห้องนี้รวมทั้งสาวใช้ มีทั้งหมดสี่คน แค่ฟังดูก็รู้ได้อย่างไรว่าเป็นหรงเยว่ที่ออกไป?
ฮูหยินทังหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “หม่อมฉันมองไม่เห็นมาตั้งแต่เด็ก จึงสามารถฟังได้อย่างชัดเจน พระชายาหวยมีฝีมือการต่อสู้สูงส่ง เดินด้วยฝีเท้าเบา มีเพียงเสียงปลิวไหวของเสื้อผ้า”
“เป็นการได้ยินที่ดีจริงๆ” ฮูหยินเหยามองดูนางอยู่ตลอด พร้อมพูดชมขึ้น
ฮูหยินทังโบกมือ ยังคงอมยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ใช้หูแทนตา ยังไงก็ไม่สะดวก อยากดีที่หลายปีมานี้เคยชินแล้ว”
ฉวยโอกาสตอนที่ฮูหยินเหยาพูดคุยอยู่กับนาง หยวนชิงหลิงมองดูตาของนางอยู่ตลอด จนบางครั้งมีการเคลื่อนไหวบ้าง ยกมือขึ้นมา หรือสะบัดแขนเสื้อ แต่ฮูหยินทังแทบไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ แม้แต่การตอบสนองด้วยสัญชาตญาณก็ไม่มี เหมือนกับมองไม่เห็นจริงๆ
หยวนชิงหลิงแอบนึกสงสัย หรือว่าเจ้าทังหยวนจะโกหก? คนคนหนึ่งหากแกล้งทำเป็นตาบอด มักจะทำไม่ได้เนียนขนาดนี้ โดยเฉพาะปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวโดยบังเอิญ ต่อให้ปกปิดแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีร่องรอยที่สามารถทำให้รู้ได้
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมา เดินไปที่ม่านฉากกั้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนตอนที่ข้ามา ไม่เห็นมีม่านฉากกั้นนี้ ลายแกะสลักนี้ประณีตละเอียดอ่อนมาก ใต้เท้าทังสั่งคนทำขึ้นมาใช่ไหม? ข้าขอชมดูหน่อย”
นางฉวยโอกาสเดินไปดูทางด้านหลังม่านฉากกั้นแวบหนึ่ง แต่ข้างในก็ไม่มีสิ่งของอะไร มีตู้หนึ่งตู้ เตียงหนึ่งเตียง บนเตียงวางผ้าห่มไว้สองผืน นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก ธรรมดาอย่างมาก
ที่นี่ไม่เหมือนเป็นครอบครัวหนึ่งจริงๆ
หยวนชิงหลิงหันเดินกลับมาพูดว่า “ซิ่งของในห้องพวกเจ้าธรรมดาอย่างมาก ทำไมถึงไม่วางสิ่งของอะไรไว้บ้างล่ะ? วางติดผนังไว้ ก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ฮูหยินทังพูดขึ้นว่า “แบบนี้ก็ดีแล้ว คนเราต้องการแค่ขอให้มีอาหารสามมื้อแล้วก็ที่หลับนอน”
ในขณะที่กำลังพูด หรงเยว่เดินเข้ามาจากข้างนอก นางส่ายหัวให้กับหยวนชิงหลิง บ่งบอกว่าไม่พบเจออะไร
หยวนชิงหลิงกับฮูหยินเหยาก็มองตาหันแวบหนึ่ง หรือว่าจะเป็นการเข้าใจผิดจริงๆ?
หรงเยว่เดินเข้ามา พร้อมถามสาวใช้คนนั้นว่า “มีไหมเข็มไหม?”
สาวใช้รีบพูดขึ้นว่า “มี พระชายารอสักครู่ ข้าน้อยจะไปเอามาให้”
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “เป็นอะไรหรือ?”
“เมื่อกี้เดินเล่นอยู่ข้างนอก ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนเสื้อผ้าขาด ข้าจะเย็บสักหน่อย” หรงเยว่พูดขึ้น
หยวนชิงหลิงเห็นชายกระโปรงของนางขาดไปบ้าง ชุดนี้หยวนชิงหลิงเห็นนางเคยใส่แล้วสามสี่ครั้ง เห็นได้ชัดว่านางชอบอย่างมาก เสื้อผ้าของหรงเยว่ มีน้อยมากที่จะใส่มากกว่าสามครั้ง หากมี ก็เป็นตัวที่ชอบที่สุด
สาวใช้เอาไหมเข็มมาให้ พร้อมพูดกับหรงเยว่ว่า “พระชายา ท่านถอดออกมาให้ข้าน้อยช่วยท่านเย็บไหม?”
“ไม่เป็นไร ข้าทำเอง เจ้าไปเถอะไม่ต้องคอยปรนนิบัติแล้ว” หรงเยว่รับเอาไหมเข็มมา ไล่นางไปก่อน แล้วก็ให้ฮูหยินเหยาหลีกขยับที่นั่งให้นางนั่ง นางนั่งเย็บอยู่ด้านข้างฮูหยินทัง
ฮูหยินทังพูดขึ้นอย่างขออภัยว่า “ต้องขออภัยจริงๆ ด้านนอกเพิ่งปลูกต้นไม้ไว้หลายต้น หม่อมฉันมองไม่เห็น จึงไม่ค่อยได้ดูแล คิดไม่ถึงว่าจะเกี่ยวเสื้อผ้าพระชายาจนขาด”
หรงเยว่เย็บอยู่ว่องไว พร้อมพูดว่า “จะพูดขอโทษอะไรกัน? ข้าไม่ระวังเอง จะไปเอาจอบบนกำแพงอยากที่จะขุดไส้เดือน ถูกกิ่งไม้เกี่ยวไว้ก็ไม่รู้ตัว เมื่อดึงจึง….”
เมื่อนางพูดถึงว่าดึง เข็มในมือก็หลุดมือในทันใด ลอยพุ่งตรงไปหาฮูหยินทัง ร่างกายฮูหยินทังขยับเล็กน้อย สีหน้าก็แข็งทื่อไปแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้หลบหลีก เข็มนั่นลอยไปปักแขนของนาง ไม่แรงมาก แต่ก็ปักเข้าไปเต็มๆ
นางร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด พร้อมยื่นมือไปลูบ หรงเยว่รีบพูดขึ้นว่า “ขอโทษด้วย ฮูหยิน ข้าออกแรงมากไปหน่อย เข็มจึงหลุดมือ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฮูหยินทังพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
หยวนชิงหลิงกัฮูบหยินเหยาต่างไม่มีฝีมือการต่อสู้ ไม่รู้ว่าหรงเยว่กระทำเช่นนี้เพื่ออะไร แล้วก็เห็นฮูหยินทังก็ไม่ได้หลบเข็ม เหมือนกับตาบอดจริงๆ
ทั้งสี่คนก็พูดคุยกันสักพัก พวกหยวนชิงหลิงก็ลุกขึ้นจากไปแล้ว
ฮูหยินทังส่งมาถึงหน้าประตูด้วยตนเอง เมื่อทั้งสามคนไปแล้ว เพิ่งเดินออกมาจากเรือนฮูหยินทัง หรงเยว่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “นางตาบอดจริงหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่นางมีฝีมือการต่อสู้อย่างแน่นอน และมีฝีมือการต่อสู้อย่างไม่ธรรมดาแน่นอน”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมหรือ? เมื่อกี้ข้าเห็นเจ้าตั้งใจที่จะหยั่งเชิง แต่นางไม่ได้หลบเข็มของเจ้า”
“นางตั้งใจที่จะไม่หลบ ข้ามองเห็นแล้ว ที่จริงนางสามารถที่จะทำให้ข้ามองไม่เห็น แต่ข้าพูดว่ามีจอบอยู่บนกำแพงก่อน ในใจของนางกระสับกระส่าย แล้วข้าค่อยปล่อยเข็มไป นางไม่ทันได้ตั้งตัว ขยับตัวหลบด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นข้าจึงพูดว่านางมีฝีมือการต่อสู้อย่างไม่ธรรมดา”