บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1089 การลอบฆ่าเริ่มขึ้น
นักฆ่าค่อยๆประชันชิด คนของพวกเขาส่วนมากล้วนได้รับบาดเจ็บ ด้านหน้าเสี้ยวหงเฉิงเปื้อนไปด้วยเลือด ถูกฝนตกหนักซัดกระหน่ำล้างไปในทันใด
หยู่เหวินเห้าเห็นว่าการต่อสู้แย่ลงเรื่อยๆ ในใจรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน ในใจไม่คิดอะไรอีกต่อไป คิดแต่ว่าสามารถฆ่าได้คนหนึ่งนับว่าคนหนึ่ง จึงเหวี่ยงดาบสู้ต่อไป ทุกคนเห็นเขาไม่ล่าถอย ต่างก็ฮึดสู้ขึ้นมา คนที่อยู่ล้วนมีฝีมือการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสวีอีกับหยู่เหวินเห้า มีวิชาดาบที่ยอดเยี่ยมมาก ภายใต้การถูกล้อมไว้เช่นนี้ ยิ่งแสดงถึงความได้เปรียบ ดาบฟันฉีกแยกม่านฝน ฝนโปรยปรายเหมือนมีด ฆ่าหลายคนติดต่อกัน
แต่ยังไงฝ่ายตรงข้ามก็มีจำนวนคนเยอะ และเหมือนล้วนเป็นหน่วยกล้าตาย ต่อให้พวกเขารวมตัวกันสู้ ก็ต้องฆ่าพวกเขาให้ได้ก่อนถึงจะพอใจ
สวีอีสิ้นหวัง หันไปถามเสี้ยวหงเฉิงอย่างโมโหว่า “คนของเจ้าล่ะ? คนของเจ้าไปไหนแล้ว?”
เสี้ยวหงเฉิงทำได้เพียงกัดฟันสู้กับศัตรู ไม่สนใจสวีอี แต่ในใจก็ยังคงกระสับกระส่ายกระวนกระวาย คิดว่าคนของตนเองจะตายอยู่ในมือของศัตรูทั้งหมดแล้ว รู้สึกหมดหนทางจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดีขึ้นมาในทันใด ตนเองมีชีวิตอยู่ก็ไม่สามารถที่จะสู้หน้าพวกนาง สามารถฆ่าเท่าทีฆ่าได้ ต่อให้ตายอยู่ที่นี่ ก็นับว่าเป็นคำอธิบายได้
นักฆ่ากว่าร้อยคน ล้อมโจมตีเข้ามาเรื่อยๆ ฝนยังตกกระหน่ำอย่างเดือดดาล ทุกคนเปียกไปหมดทั้งตัว ทั่วทั้งตัวแทบไม่รู้ว่าคือเลือดหรือน้ำฝน รู้เพียงว่าภายใต้ฝนที่ตกกระหน่ำ ภายใต้การตอบโต้โจมตี แรงกายค่อยๆหมดลง
หลังจากหยู่เหวินเห้าฆ่าคนได้อีกนับไม่ถ้วน ที่สุดก็สามารถหาทางออกได้ พาทุกคนวิ่งหนีไปทางภูเขา
นักฆ่าไล่ตามหลังอย่างไม่ลดละ ในระหว่างสะดุดโซเซ เสี้ยวหงเฉิงล้มลงพื้น
เดิมลู่หยวนวิ่งออกไปได้แล้ว เมื่อหันกลับมามอง เห็นนักฆ่ารุมล้อมมา เขาไม่ลังเลเลยสักนิด กระโดดเข้าไป ดาบฟันตรงหลังลู่หยวน ค่อยรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตกใจ ทันใดนั้นก็ถูกน้ำฝนเย็นเฉียบที่ตกกระหน่ำปกคลุม เขากัดฟัน มือข้างหนึ่งดึงเสี้ยวหงเฉิงขึ้นมา ตะโกนลั่นออกมาว่า “วิ่ง”
ดวงตาเสี้ยวหงเฉิงแดงก่ำ กระโดดขึ้น ถือดาบแทงตรงเข้าไปที่หน้าอกชายคนนั้น ดาบแทงทะลุหน้าอกของอีกฝ่าย เลือดสดกระเด็นไหลออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็มีดาบพุ่งทะลุม่านฝนมา เกือบที่จะแทงทะลุคอของเสี้ยวหงเฉิงแล้ว
หยู่เหวินเห้ากระโดดเตะดาบทิ้ง เขาหันกลับมา นักฆ่าทั้งหมดล้วนพุ่งตรงมาหาเขา ทันใดนั้น คมดาบเหมือนดั่งฝน กลุ่มคนตรงหน้าที่ถูกสายฝนบดบัง ช่วยไว้ไม่ทัน ได้ยินเพียงเสียงเสี้ยวหงเฉิงร้องขึ้นอย่างตกใจ ทุกคนพุ่งไปข้างหน้า กลับเห็นหยู่เหวินเห้าตกอยู่ในตาข่ายคมดาบ ไม่สามารถที่จะตอบโต้ต้านทานได้แล้ว
ทันใดนั้น สายฟ้าฟาดผ่าลงมา ฟ้าแลบบนท้องฟ้า แตกแยกเป็นเหมือนต้นไม้ไฟดอกไม้เงิน ระหว่างแสงวูบวาบ ก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนบนภูเขา เหมือนดั่งแผ่นดินไหว จากนั้น ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ ท่ามกลางฟ้าร้องเช่นนี้ ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำเช่นนี้ เสียงร้องไห้นี้เหมือนดั่งไฟฟ้า ดังกังวานเสียดฟ้า ทำให้รู้สึกสยองขวัญยิ่งนัก
ทันใดนั้น มีบางอย่างพุ่งออกมาจากภูเขาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกมีแค่หนึ่งตัว ต่อมามีสามสี่ตัว ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ยังไม่ทันเห็นชัดเจนว่าคืออะไร สิ่งเหล่านั้นก็กระโจนพุ่งเข้าหาบนตัว บนหน้าพวกนักฆ่า แล้วก็กัดอย่างแรง
เมื่อสายฟ้าฟาดผ่าอีกครั้ง แสงสว่างวูบวาบ ค่อยมองเห็นชัดเจนว่าที่กระโดดเข้าไปกัดคนพวกนั้นคือแมวป่า เป็นแมวป่าที่ดุร้ายอย่างที่สุด
กรงเล็บของพวกมันคมอย่างที่สุด และกระโดดได้อย่างคล่องแคล่วที่สุด ถึงแม้จะถูกจับได้ ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียว ย้อนกลับไปกัดคอนักฆ่า กรงเล็บข่วนใบหน้า ดวงตา ริมฝีปาก เมื่อข่วนแล้ว เลือดไหลไม่หยุด
เสียงร้องไห้ที่น่ากลัวนั้นยังคงร้องต่อไป ดังก้องอยู่กลางอากาศ เสียงร้องไห้นี้ดูเหมือนจะกระตุ้นแมวป่าเหล่านี้ พวกมันเหมือนบ้าคลั่ง และพวกมันทำร้ายเพียงนักฆ่า ไม่ได้กัดทำร้ายพวกหยู่เหวินเห้า
การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้พวกหยู่เหวินเห้าต่างอึ้งไปชั่วขณะ เริ่มแรกพวกเขาก็ค่อนข้างหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นแมวป่าทำร้ายเพียงพวกนักฆ่า ไม่ทำร้ายพวกเขา ค่อยวางใจ
แต่แมวป่าที่ดุร้ายขนาดนี้กลับไม่เคยเห็นมาก่อน สวีอีถุยน้ำฝนออกมาหนึ่งคำ ตกใจจนสีหน้าขาวซีด พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นเสือหรือว่าแมว?”
“ถอย” หยู่เหวินเห้าเห็นแมวป่าออกมาจากภูเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งเยอะ สถานการณ์นี้ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ดังนั้นจะต้องรีบล่าถอย
สวีอีหันไปมองแวบหนึ่ง จู่ๆสีหน้าก็ขาวซีดอย่างน่ากลัว แม้แต่เสียงยังพูดขึ้นอย่างสั่นเทาว่า “ต้องวิ่ง ต้องวิ่งจริงๆแล้ว”
กลิ่นคาวอย่างหนึ่ง โชยมาท่ามกลางสายฝน กลิ่นคาวอย่างหนึ่ง เป็นเหม็นคาวที่น่ากลัว ทุกคนต่างก็หันไปมอง แล้วก็เห็นต้นหญ้าบนภูเขานี้สั่นสะเทือน ต้นหญ้าล้มไปข้างหน้า เหมือนถูกอะไรกดทับ แล้วก็มองเห็นลวดลายบางอย่างกลิ้งบนต้นหญ้า
หยู่เหวินเห้าชาไปทั้งตัว โอ้พระเจ้า เป็นงูเหลือม
ไม่ใช่หนึ่งตัว แต่เป็นหนึ่งฝูง หนึ่งหุบเขา กระจายมาอย่างท่วมท้น งูเหลือมยักษ์เหล่านี้ปรากฏต่อหน้าต่อตาอย่างชัดเจน ตัวหนาเท่าเอวคน ลวดลายเส้นสีดำเข้มและเส้นสีเหลืองสลับกัน ไม่รู้ว่าเป็นงูเหลือมยักษ์ชนิดไหน รู้เพียงว่าใหญ่มาก ใหญ่จนน่ากลัว
งูหลามคลานผ่านบนพื้นอย่างรวดเร็ว รวบรัดหนึ่งคน กลิ้งบนพื้นอย่างรวดเร็ว อ้าปากกว้าง แล้วก็กลืนคนเข้าไปทั้งตัว ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกรีดร้อง ก็เริ่มกลืนลงไปช้าๆ
“วิ่ง” หยู่เหวินเห้ามองดูอย่างอกสั่นขวัญแขวน พูดสั่งลงไป มือข้างหนึ่งพยุงลู่หยวนขึ้นมา วิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต แมวป่าเป็นมิตร แต่งูเหลือมเป็นมิตรหรือไม่ไม่รู้ ท่ามกลางสายฝนตกกระหน่ำ เดิมทุกคนที่เหนื่อยอย่างอ่อนแรง ใช้แรงกำลังที่เหลือทั้งหมด วิ่งต่อไปอย่างสุดชีวิต
คนของสำนักเหลิ่งหลัง รวดช่วยชีวิตนักฆ่าไปด้วยสองคน เดิมพวกเขาถูกแมวรุมทำร้าย ตอนที่วิ่งมาแมวป่าปล่อยพอดี พวกเขาจึงรวดดึงพาไปด้วย การออกมาในครั้งนี้ เดิมก็เพื่อบีบบังคับให้คนพวกนี้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา หากไม่ได้ตามเป้าหมาย จะยอมได้อย่างไร?
เสียงร้องยังคงวนเวียนอยู่เหนือหัว เสียงสูงแหลม ตัดผ่านฝนพรำยามค่ำคืน แผ่นดินตกตะลึงสั่นสะเทือน
กลับมาถึงที่พักคนเดินทาง ทุกคนแทบได้รับบาดเจ็บทั้งหมด เมื่อมัดนักฆ่าไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างนอนบนพื้น คิดถึงภาพงูเหลือมจู่โจม เหนื่อยจนไม่อยากแม้แต่ขยับเขยื้อน ผู้ดูแลที่พักคนเดินทางสั่งคนไปตามหมอหลวงมา พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนฝึกฝีมือการต่อสู้ หากไม่บาดเจ็บจนส่งผลกระทบถึงระบบภายใน สามารถที่จะสะกดจุดห้ามเลือดไว้ได้ชั่วขณะ จึงไม่เป็นอะไรมาก
แต่ลู่หยวนค่อนข้างสาหัส จอหงวนฝ่ายบู๊ผู้น่าสงสารนี้ ได้รับบาดเจ็บแล้วหลายครั้ง ดวงตาเสี้ยวหงเฉิงแดงก่ำ หลังจากห้ามเลือดให้กับลู่หยวนแล้ว ก็มองดูเขาร้องไห้ไปด้วยหัวเราะไปด้วย พร้อมทั้งพูดขึ้นว่า “เจ้าโง่หรือ? ไม่คุ้มค่า”
ลู่หยวนหายใจแผ่วเบา ใบหน้าขาวซีดเส้นผมแนบหน้า ตรงมุมปากเผยรอยยิ้มซื่อๆ จ้องมองดวงตาที่แดงก่ำของเสี้ยวหงเฉิง พร้อมพูดขึ้นว่า “คุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า เป็นความรู้สึกของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เสี้ยวหงเฉิงเอามือปิดปาก แล้วก็ร้องไห้ขึ้นมา
นางเคยผิดหวังจากความรัก เดิมคิดว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่หวั่นไหวอีก แต่ใครจะไปคิด ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน เขาได้เข้ามาอยู่ในใจแล้วอย่างเผด็จการ ขับไล่ความเจ็บปวดอันมัวหมองที่ผ่านมา
“อย่ามัวแต่คิดถึงรักๆใคร่ๆ” หยู่เหวินเห้าเอามือทั้งคู่วางด้านข้าง มองดูคานบ้านที่พักคนเดินทาง พร้อมพูดขึ้นว่า “คนของเจ้า ไม่ปรากฏตัว แสดงว่าเกิดเรื่องแล้วแน่ จัดการให้เรียบร้อย เริ่มสอบสวน”
ท่าทีเสี้ยวหงเฉิงนึ่งงัน ลุกขึ้นมาอย่างโซเซ ฝนข้างนอกค่อยๆเบาบางลง มีทหารมาประจำการที่พักคนเดินทาง หมอก็เริ่มทยอยมา นางยกแส้แดงขึ้น ฟาดลงบนใบหน้านักฆ่า ที่ถูกมัดไว้กับท่อนไม้กลม พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามากันแน่? คนสำนักเหมยแดงของข้า ถูกพวกเจ้าฆ่าหมดแล้วใช่ไหม?”