บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1136 พระชายาอานไปก่อน
อ๋องอานเข้าวังไปแต่เช้าแล้ว ก่อนออกไป พูดกำชับพระชายาอานหนักหนาว่าต้องเก็บของให้เรียบร้อย ใครมาพูดหว่านล้อมก็ห้ามพบ นางจะได้ไม่ใจอ่อน
ในใจพระชายาอานทุกข์ทรมานอย่างมาก เดิมนางอยากที่จะล่ำลาพวกสะใภ้ลูกพี่ลูกน้อง แต่นางก็เป็นคนใจอ่อนง่ายจริง เกรงว่าตอนที่ล่ำลากันจะต้องร้องไห้อย่างหนักแน่
กองทหารรักษาพระองค์ในวังไม่ได้ขวางเขาไว้ เขาเข้าวังไปได้อย่างราบรื่น
ตี๋กุ้ยเฟยมองดูลูกชายที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าตนเอง ต่อให้เขาไม่พูดอะไรสักคำ ด้วยความที่เป็นแม่ลูกกัน นางก็รู้แล้วว่าเขาอยากทำอะไร จึงพูดขึ้นอย่างเศร้าโศกว่า “เพิ่งกลับมาได้นานเท่าไหร่เอง? เสด็จพ่อของเจ้าก็ไม่ได้ไล่เจ้าไป เจ้าจะรีบไปทำไม? ชื่อและตำแหน่งของอานจืออย่างไม่ได้รับการแต่งตั้งเรียบร้อย เจ้ารออีกสักพักค่อยไปไม่ได้หรือ?”
อ๋องอานเห็นท่านแม่น้ำตาไหล ในใจก็เจ็บปวดอย่างมาก พูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ลูกมีเหตุผลของลูก จะอยู่ต่อในเมืองหลวงอีกต่อไปไม่ได้ ต่อไปท่านแม่ดูแลตัวเองด้วย ลูกจะเขียนจดหมายให้ท่านทุกเดือน”
“เขียนจดหมายมาร้อยฉบับแล้วยังไง? ท่านแม่อยากเห็นพวกเจ้าก็ไม่ได้เห็น” ตี๋กุ้ยเฟยพูดถึงน้ำตา
“ท่านแม่ อย่าเป็นเช่นนี้ ลูกไม่มีทางเลือก ขอท่านเข้าใจด้วย”
“เป็นพระราชโองการของเสด็จพ่อเจ้าหรือ?” ตี๋กุ้ยเฟยมองดูเขาผ่านน้ำตา พร้อมถามขึ้น
อ๋องอานส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ท่านแม่ไม่ต้องถามแล้ว ไม่ว่ายังไงลูกจะไม่กลับไปไม่ได้ ท่านดูแลตัวเองด้วย”
เขาก้มกราบคำนับสามครั้ง แล้วก็ลุกขึ้นมาหันหน้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกไปกราบคำนับลาเสด็จปู่”
“เจ้ารอเดี๋ยวก่อน” ตี๋กุ้ยเฟยเห็นรีบร้อนจะไป ก็ตกใจจนหัวใจแทบแตกสลาย ภายใต้ความเจ็บปวด กลับก็ยังคิดเผื่อเขาอยู่ สั่งให้คนเอาตั๋วเงินมา ยึดใส่มือของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่รู้ว่าเจ้าใช้ทรัพย์สมบัติของเจ้าจนหมดแล้ว แม้ไปถึงจวนเจียงเป่ย ก็ยังมีสถานะเป็นอ๋อง แต่ก็ต้องมีช่วงที่ต้องใช้เงิน ตั๋วเงินนี้เจ้าเอาไปด้วย…..”
“ลูกไม่เอา….”
ตี๋กุ้ยเฟยกระทืบเท้าเต็มแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจะปฏิเสธทำไม? เจ้าไม่รับไว้ ท่านแม่จะวางใจได้อย่างไร ต่อให้เจ้ารับไว้ก็ไม่วางใจ แต่ยังไงก็ต้องให้ท่านแม่ทำอะไรเพื่อเจ้าบ้าง เราเป็นแม่ลูกกัน เหินห่างกันถึงเพียงนี้เลยหรือ?”
อ๋องอานเห็นสีหน้าที่โกรธและปวดร้าวของท่านแม่ ในใจเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก รับตั๋วเงินมา มองดูท่านแม่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วก็ก้าวเท้ายาวๆเดินออกไป
ตี๋กุ้ยเฟยร่ำร้องไห้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมอยู่ดีดี ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ไล่เขา ทำไมเขาจะต้องรีบร้อนกลับไป?
นอกจากตี๋กุ้ยเฟยจะเศร้าโศกเสียใจ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ตอนนี้นางไม่กล้าแม้กระทั่งสั่งคนไปสืบ สถานการณ์ของนางในตอนนี้ ไม่ทันไรก็ต้องรับโทษ
อ๋องอานไปที่พระตำหนักฉินคุน กราบคำนับไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงเหมือนรู้แต่แรกแล้ว น่าจะเป็นฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งคนมาบอกแล้ว เขามองดูอ๋องอาน พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาล้ำลึกว่า “หากสามารถไปได้ ก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข อย่างอื่นไม่ต้องคิดมาก”
“หลานอกตัญญู” อ๋องอานอดกลั้นน้ำตาไว้ ตอนที่อยู่ตำหนักตี๋กุ้ยเฟย มาถึงตรงหน้าไท่ซ่างหวงนั้น อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว น้ำตาไหลริน ในใจเต็มไปด้วยความเศร้า
คิดดีวันเวลาที่ผ่านมาที่เสด็จปู่ดีกับเขา ทุกครั้งที่เห็นเขา เขามักจะใช้สายตาชื่นชมภาคภูมิใจมองดูเขา แต่หลังจากที่เจ้า เปิดเผยความทะเยอทะยานในใจของเขา ไท่ซ่างหวงก็ไม่เคยมองเขาด้วยความรู้สึกดีอีก
ในใจของเขาเกลียดเจ้าห้า เทียบสติปัญญาความสามารถ เขาไม่ด้อยกว่าเจ้าห้า แต่ผู้ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร เจ้าห้าโชคดี ได้ลูกชาย และมีผลงานคุณความดีอย่างต่อเนื่อง
หลังจากพระชายาอานสั่งคนเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็อุ้มลูกสาวแล้วก็รออยู่ในจวน รออยู่กว่าประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้ยินพ่อบ้านมาบอกว่า “พระชายา ท่านอ๋องสั่งคนมาบอกว่า ให้ท่านพาจวิ้นจู่ออกจากเมืองไปก่อน ไปรอเขาที่นอกเมือง แล้วเขาจะตรงไปหาท่านที่นอกเมือง”
ในใจพระชายาอานตกตะลึงเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
พ่อบ้านพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “พระชายาไม่ต้องถามเยอะแล้ว ฟังท่านอ๋องก็พอ ชักช้าก็จะไปไม่ได้แล้ว”
ในใจพระชายาอานสงสัย แต่พ่อบ้านเป็นคนที่ท่านแม่ส่งมา ไม่มีทางทำร้ายพวกเขาแน่ บางทีอาจจากเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง พระชายาอานรู้ว่าตัวเองจะเป็นตัวถ่วงเขาไม่ได้ จึงเชื่อฟังคำพูดของพ่อบ้าน พาลูกสาวกับสาวใช้ขึ้นรถม้าไป สิ่งของก็ขนย้ายไปด้วย อยู่บนหลังรถม้า
พระชายาอานจิตใจกระวนกระวายมาตลอดทาง ตาก็กระตุกอยู่ตลอด นางไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง เพียงแค่เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่านอ๋อง
นางเปิดม่าน เห็นว่าพ่อบ้านเป็นคนขับรถม้าด้วยตนเอง จึงถามขึ้นว่า “ใครเป็นคนมารายงาน? วันนี้ดูเหมือนท่านอ๋องจะไม่ได้พาคนไปด้วย”
พ่อบ้านหันมาตอบ พร้อมทั้งยังขับรถม้าอยู่ว่า “ใต้เท้ากู้ซือในวังมาด้วยตนเอง พระชายาท่านไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อใต้เท้ากู้ซือยอมมาตามคำสั่งท่านอ๋อง คิดว่ายังไงก็ต้องดูแล ในกองทหารรักษาพระองค์ เขายังสามารถสั่งการได้”
ในใจพระชายาอานสั่นไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ใต้เท้ากู้ได้บอกไหม?”
“ได้ยินว่าท่านอ๋องถกเถียงฮ่องเต้ ฮ่องเต้โกรธจัด ลงโทษท่านอ๋องให้คุกเข่าอยู่ในพระตำหนักหมิงเต๋อ ท่านอ๋องกลัวว่าจะทำให้ท่านกับจวิ้นจู่เดือดร้อนไปด้วย จึงสั่งให้พาท่านออกไปรอที่นอกเมืองก่อน หลังจากที่เขาคุกเข่าครบตามเวลาแล้ว ก็จะรีบออกไปเจอกับท่าน ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” พ่อบ้านพูดขึ้น
พระชายาอานกลับรู้สึกว่าผิดปกติ ตอนนี้เจ้าสี่ไม่มีทางถกเถียงกับเสด็จพ่อเด็ดขาด เสด็จพ่อกำลังป่วยอยู่ ที่ผ่านมาถึงแม้เขาจะกระทำการอกตัญญู แต่ก็มีขอบเขต ครั้งก่อนตอนที่ฮ่องเต้ล้มป่วย เขาร้อนใจเป็นห่วงอย่างมาก และก็เริ่มสำนึกสิ่งที่ตนเองกระทำ วันนี้เข้าวังไปเพื่อกราบทูลลา และก็ได้ขออนุญาตจนแสดงพ่อก็ยินยอมแล้วแต่แรก แล้วจะถูกเถียงกับเสด็จพ่อในตอนนี้ได้อย่างไร?
พระชายาอานเงยหน้าขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ข้ายังไม่ไป รีบกลับไป ข้าจะเข้าวัง”
พ่อบ้านกลับไม่สนใจทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วขับรถม้ามุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเร็วขึ้น พระชายาอานรู้สึกได้ว่าพ่อบ้านน่าจะมีปัญหา นางวางลูกสาวยกให้สาวใช้อุ้ม เดินโซเซออกไปเพื่อที่จะจับตัวพ่อบ้าน พ่อบ้านกลับเปลี่ยนสีหน้า ต่อยหนึ่งหมัดบนหัวของนาง พระชายาอานร้องจุก แล้วก็ล้มเข้าไปภายในรถม้า
“พระชายา…..” สาวใช้ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ พ่อบ้านพูดขึ้นด้วยเสียงโหดเหี้ยมว่า “หุบปากเงียบ ไม่เช่นนั้น ใครก็อย่าคิดว่าจะได้มีชีวิตรอด”
สาวใช้ตกใจกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ส่วนลูกสาวตกใจจนร้องไห้ขึ้นมา
รถม้าวิ่งแล่นไปตามทาง
หยวนชิงหลิงก็รู้ว่าวันนี้พระชายาอานจะไปจากเมืองหลวง และก็คิดว่ายังไงก็จะต้องเข้าวังไปกราบทูลลาก่อน ดังนั้นตอนใกล้เที่ยง ค่อยออกเดินทางไปยังจวนอ๋องอาน ยังไงก็ควรล่ำลากัน
แต่หลังจากมาถึงจวนอ๋องอาน กลับได้รู้ว่าพระชายาอานออกจากเมืองหลวงไปแล้ว หยวนชิงหลิงค่อนข้างแปลกใจ ทำไมถึงไม่เข้าวังไปกราบทูลลาก่อนแล้วค่อยไป
เมื่อถามคนเฝ้าประตูอย่างละเอียดแล้ว ค่อยรู้ว่าอ๋องอาน เข้าวังไปกราบทูลลาแล้ว พระชายาอานพาจวิ้นจู่เดินทางไปก่อน หยวนชิงหลิงยิ่งรู้สึกแปลก ไม่มีใครไล่สักหน่อย ทำไมต้องให้พระชายาอานไปก่อน? ต่อให้มีคนขับไล่ งั้นก็ยิ่งไม่ควรแยกกันไป พระชายาอานไม่มีฝีมือการต่อสู้ ไม่ถือว่าเป็นอันตรายอย่างมากหรือ?
“ใครเป็นคนส่งพระชายาอานไป?” หยวนชิงหลิงถามเพิ่ม
คนเฝ้าประตูบอกว่า “พ่อบ้าน”
ในระหว่างที่หยวนชิงหลิงรอพระชายาอานคลอด ได้เข้าออกจวนอ๋องอานอยู่หลายครั้ง รู้ว่าตี๋กุ้ยเฟยเป็นคนส่งพ่อบ้านคนนี้มา เมื่อได้ฟังคนเฝ้าประตูพูดเช่นนี้ ก็เลยคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ช่างเถอะ ยังไงการจากลาก็เป็นความเจ็บปวด ไม่ได้ลาก็ช่างเถอะ