บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 116 หาไม่แล้วควรต้องทำเช่นไร
เหลิ่งจิ้งเหยียนถอนหายใจอย่างเยือกเย็น ยามบัณฑิตเจอทหาร มีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้สินะ
“ในเมื่อฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พระชายาฉู่เข้าวัง แต่ไม่ได้มีรับสั่งเรียกพระชายาฉีด้วย จึงเห็นได้ว่าฝ่าบาทไม่ได้สนพระทัยอยู่แล้ว ว่าระหว่างพระชายาทั้งสอง ใครเป็นฝ่ายถูกหรือใครเป็นฝ่ายผิด เรื่องนอกเหนือความจำเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทจะไม่ทรงเข้าไปข้องเกี่ยวอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“มีเหตุผลอยู่บ้าง จะว่าไป เรื่องที่ข้าสั่งให้เรียกตัวพระชายาฉู่เข้าวัง มีเหตุผลใดกันแน่ล่ะ” ฮ่องเต้หมิงหยวนจิบชาในอิริยาบถผ่อนคลายสบายๆ
“ไม่มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ ทันทีที่พระชายาฉู่เข้าวังมา นางก็จะเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ เป็นอาชญากรที่ควรต้องรับโทษทัณฑ์ที่หนักที่สุด จะไม่มีสิทธิ์ในการโต้เถียงอะไรได้แม้เพียงสักคำ ฝ่าบาทจะสามารถรับสั่งลงทัณฑ์ในความผิดของนางได้ทันที”
“นี่เป็นเจตนาของเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“นี่เป็นการคาดเดาของหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เป็นเจตนาของเจ้า!”
“…นี่เป็นเจตนาของหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ”
ทำไมความคิดที่น่ารังเกียจแบบนี้ ถึงกลายเป็นเจตนาของเขาไปได้ล่ะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นฝ่าบาทที่ทรงคิดไปเองแท้ๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกเกษมสันต์ ตรัสชื่นชมไม่หยุด “แต่ความคิดที่เจ้าว่ามานี้นับว่าเสนอได้ดี ข้าจะถามถึงความผิดของนางก่อน แล้วค่อยให้นางทำคุณไถ่โทษ โดยให้นางไปรักษาโรคของอ๋องหวย หากรักษาได้ก็เท่ากับได้ชดใช้ความผิด หากรักษาไม่ได้ ข้าค่อยอภัยโทษแบบชั่วคราว ดูว่าหากวันหลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ค่อยถามหาความผิด ความคิดนี้ของเจ้าช่างยอดเยี่ยมหลักแหลมดีเลยเชียว”
“ฝ่าบาททรงตรัสชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพียงว่าไปตามที่เห็นสมควร ” เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดพลางวางกระดานหมาก “เล่นอีกตาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกพระหัตถ์ “ยังจะเล่นอะไรอีกล่ะ หน้าที่การงานของเจ้ามันว่างมากมายหรืออย่างไร มาหาข้าอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่ต้องทำงานทำการรึ ความเชี่ยวชาญอยู่ในความขยันหมั่นเพียรใฝ่รู้ใฝ่ศึกษานะพ่อหนุ่ม กลับไปเรียนรู้เพิ่มเติม ฝึกฝนให้มีพรสวรรค์ สอนผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้าเยอะๆ ซะ”
เหลิ่งจิ้งเหยียนทำได้เพียงยืนขึ้นแล้วกล่าวทูลลา การเป็นขุนนางคนสนิทข้างพระองค์ นับเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเป็นคนดีมีศีลธรรม
สองชั่วยามต่อมา หยวนชิงหลิงก็มาคุกเข่าอยู่ในห้องทรงพระอักษร
ฮ่องเต้ตรัสเข้าประเด็นทันที “ในฐานะที่เจ้าเป็นพระชายา ไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำใดๆ ของเจ้า ล้วนเป็นตัวแทนของราชวงศ์ที่เผยแพร่ออกไป เจ้าไปเยี่ยมอ๋องหวย ไม่เพียงไม่สนใจอาการของเขา แต่กลับมีเรื่องบาดหมางกับพระชายาฉี เพราะความคับข้องใจส่วนตัว เลยเถิดไปถึงขั้นพยายามฆ่า เจ้ารู้ความผิดของเจ้าหรือไม่ ว่ามันร้ายแรงเพียงใด”
เสียงของหยวนชิงหลิงแตกพร่าคล้ายตกใจจนลนลาน “หม่อมฉันรู้ความผิดแล้วเพคะ ขอเสด็จพ่อโปรดเมตตาด้วย”
หากจะบอกว่าเป็นเพียงการตำหนิ นางก็ยังรู้สึกว่าฝ่าบาทนั้นจริงจังกับเรื่องนี้จริง ๆ
อาจกล่าวได้ว่าทั้งเรื่องที่สู้กัน ไปจนถึงการพยายามฆ่าเหล่านั้น นางรู้ดีว่าฝ่าบาทคงมีคำตัดสินแล้ว
แต่ตามกฎพื้นฐานทั่วไปแล้ว เราก็ต้องอ้าปากร้องขอความเมตตาตามมารยาทไว้ก่อน
ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงกริ้ว “โปรดเมตตารึ ข้าจะเมตตาเจ้าอย่างไรได้เล่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าทำเรื่องร้ายกาจยากจะให้อภัยเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะไท่ซ่างหวงทรงเอ่ยปากขอไว้แทนเจ้าละก็ ข้าคงจะสั่งตัดหัวเจ้าไปเสียตั้งนานแล้ว”
“หม่อมฉันกลัวความผิดแล้ว ขอเสด็จพ่อโปรดเมตตาด้วยเพคะ”
“เจ้ามาร้องขอความเมตตาจากข้าที่นี่ ไม่สู้ลองคิดพิจารณาดูให้ถ้วนถี่ ว่าเจ้าจะทำเช่นไรจึงจะชดใช้ความผิดได้” ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสอย่างเย็นชา
“หม่อมฉันโง่เขลา ไม่รู้จริงๆ เพคะ ว่าต้องทำเช่นไร จึงจะชดใช้ความผิดนี้ได้ ขอเสด็จพ่อได้โปรดบอกหม่อมฉันมาเถิดเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกระแอมเบาๆ ในลำคอ “ไปที่จวนอ๋องหวย แล้วรักษาโรคให้เขาซะ หากเจ้ารักษาหายได้ ข้าจะยกโทษให้เจ้าจากความผิดทั้งหมด”
หยวนชิงหลิงเดาถูกจริงๆ พูดอย่างจนใจว่า “เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอาการของโรคที่อ๋องหวยเป็นอยู่ หม่อมฉันจึงไม่กล้าพูดจริงๆ ว่าจะรักษาให้หายได้ หากรักษาไม่ได้… ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสอย่างจริงจัง “ฟังให้ดีนะ หากรักษาไม่ได้ ข้าก็จำเป็นต้องถามหาความผิดจากเจ้า แล้วเจ้าก็ไม่ต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วย ข้าต้องมีคำอธิบายให้ทุกคนฟัง เหตุการณ์ที่พากันตกน้ำไปนั้น หากไม่ใช่เจ้า ก็ต้องเป็นพระชายาฉี จะอย่างไรก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยถามอย่างไม่ยินยอม “ทำไมถึงไม่ใช่พระชายาฉีล่ะเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหมุนลูกเหล็กเล่น พลางตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นั่นน่ะสิ เจ้าว่าเหตุใดจึงไม่ใช่พระชายาฉีล่ะ”
เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกรึ ว่าเจ้ากับตระกูลฉู่ ต่างชั้นกันพอๆ กับการเอาไม้ซี่ไปงัดไม้ซุงเลยเชียวล่ะ
หยวนชิงหลิงนึกสบประมาทฮ่องเต้ทันควัน ช่างรังแกคนดี หวาดกลัวคนชั่วซะจริงนะ ฝ่าบาทคงกลัวจะต้องแตกหักกับตระกูลฉู่ แค่เรื่องเนรเทศเจ้าพระยาหุ้ยติ่งนั่นก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ระหว่างนี้คงจะไม่กล้าไปแตะต้องอะไรตระกูลฉู่อีกพักใหญ่ๆ เป็นแน่
แต่นางไม่อาจพูดออกไปตรงๆ ได้ นางจึงต้องหาข้อแก้ตัวดีๆ สักข้อหนึ่งให้กับฝ่าบาท
“ข้าตกน้ำไปพร้อมกับพระชายาฉี ทุกคนต่างก็บอกว่าข้าเป็นคนผลักนาง ตระกูลฉู่เองก็เชื่อเช่นนั้น เสด็จพ่อจึงทรงมีรับสั่ง เรียกหม่อมฉันมาถามในเรื่องความผิดที่เกิดขึ้นก่อน และไม่ว่าตระกูลฉู่จะยินยอมหรือไม่ พวกเขาก็ไม่อาจมาตามล่าหม่อมฉันเพื่อแก้แค้นเป็นการส่วนตัวได้อีก เป็นฝ่าบาทที่มีเมตตาคิดหาทางปกป้องหม่อมฉัน หม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก จะต้องพยายามรักษาอาการป่วยของอ๋องหวย อย่างสุดความสามารถแน่นอนเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสด้วยความจริงจังว่า “ในเมื่อเจ้ารับประกันว่าจะรักษาอ๋องหวยให้หายดี ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง ไปเถอะ กลับไปจัดเตรียมกล่องยาให้เรียบร้อย”
หายดีรึ หยวนชิงหลิงตกตะลึงอึ้งค้างพูดไม่ออกทีเดียว
“ไปซะ” ฮ่องเต้หมิงหยวนใช้สายพระเนตรเตือนนาง ว่าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรไร้สาระให้มากความอีก
หยวนชิงหลิงค่อยๆ ลุกขึ้น โลกช่างไม่ยุติธรรมเสียนี่กระไร
หลังออกจากวังไป หยวนชิงหลิงก็ถอนหายใจเฮือก
กับคำถามที่ว่าจะรักษาโรคให้อ๋องหวยดีหรือไม่นั้น นางยังคงลังเลมาโดยตลอด
แม้ว่าในที่สุดก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เสี่ยง แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา เอาแต่วนเวียนคิดถึงมันอยู่เสมอ ทั้งยังรู้สึกทรมานใจมากอีกด้วย
ตอนนี้ไม่มีทางให้ถอยแล้ว แต่ในทางกลับกัน มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ดี
นางเชื่อว่าต่อให้รักษาไม่ได้จริงๆ ฝ่าบาทก็คงไม่ทำอะไรนางจริงๆ จังๆ หรอก แต่ที่น่ากลัวคือ นางจะทนรับความโกรธเกรี้ยวของหลู่เฟยได้หรือไม่ต่างหาก
หลู่เฟย….หยวนชิงหลิงรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าอีกแล้ว หลู่เฟยผู้นี้ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยง่ายๆ ล่ะนะ
หยวนชิงหลิงตัดสินใจไปยังพระตำหนักฉินคุนรอบหนึ่ง
วันนี้ท่านผู้เฒ่าดูจะมีความกระตือรือร้นอย่างมาก กำลังทำงานช่างไม้อยู่ในตำหนัก
เมื่อหยวนชิงหลิงเข้ามา ฉางกงกงกำลังถือเลื่อยปื้นหนึ่งอยู่ในมือ ในขณะที่ไท่ซ่างหวง ก็กำลังวัดแท่งไม้ขนาดเท่าหัวแม่มือด้วยไม้บรรทัด
“ไท่ซ่างหวง ท่านกำลังทำอะไรอยู่เพคะ” หยวนชิงหลิงถามด้วยความสงสัย
ไท่ซ่างหวงเงยศีรษะขึ้น มีหยาดเหงื่ออยู่บนหน้าผากของเขา ใบหน้าแดงก่ำ แต่กลับพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เจ้าลองทายดูสิ”
“นี่คือ ราวตากผ้าหรือเพคะ” นี่คือท่อนไม้ยาวๆ ท่อนหนึ่งที่มีลักษณะโค้งมน เหมาะที่จะเป็นราวตากผ้าได้ดีทีเดียว
“ราวตากผ้าคือสิ่งของบ้าบออะไรกัน” ไท่ซ่างหวงพูดอย่างคนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก
“แล้วนี่คืออะไรกันแน่ล่ะเพคะ” หยวนชิงหลิงมองดูไม้ท่อนนั้นอย่างพินิจ ด้านบนยังมีอะไรที่คล้ายๆ ส้อมด้วย สรุปว่ามันไม่ใช่ราวตากผ้าหรอกหรือ
“ไม่รู้ล่ะสิ นี่คือของรางวัลที่จะมอบให้เจ้า” ไท่ซ่างหวงกล่าวสรุป
หยวนชิงหลิงประหลาดใจ “ให้ข้าหรือเพคะ”
ให้อัญมณีแก้วแหวนกับนางก็ยังดี ให้เงินให้ทองก็ยังได้ แต่การให้ท่อนไม้แบบนี้ มันหมายความว่าอะไรกัน
“นี่เรียกว่าไม้ปราบผัว เอามันกลับไป แล้วเวลาที่เจ้าห้ารังแกเจ้า เจ้าก็แค่เอาไม้นี้ฟาดสามีให้ร่วงตามชื่อไม้นี้ก็พอ ว่าอย่างไร เจ้าชอบหรือไม่”
เขาวางไม้บรรทัดลง รับเลื่อยในมือฉางกงกงมา แล้วเริ่มตัดให้สั้น “มันยาวเกินไปยังไม่ค่อยเหมาะมือเท่าไร สามฉื่อสามเหมาะที่สุดแล้ว”
ดวงตาของหยวนชิงหลิงเป็นประกาย “ชอบเพคะ ชอบมากๆ เลยเพคะ”
เงินทองที่ไหนจะเทียบกับเจ้าไม้นี้ได้กันเล่า
ฉางกงกงยิ้มพลางพูดว่า “นี่ไม่ใช่แค่ไม้ปราบผัวธรรมดาๆ แต่ยังสามารถเอาไว้ตีคนฉลาดแกมโกงที่สร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล รวมถึงคนชั่วที่ลากคนอื่นลงทะเลสาบได้ทุกกรณีด้วย”
หยวนชิงหลิงถึงกับร้องเบาๆ พูดอย่างตกตะลึงว่า “ฉางกงกง ที่ท่านพูดคือ…”
ฉางกงกงยักไหล่ “นี่คือสิ่งที่ไท่ซ่างหวงตรัสไว้ เฉพาะในบ้านเราราชวงศ์เรา ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเช่นนี้หรอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงรู้สึกตื้นตันใจมาก มองดูท่านผู้เฒ่าที่หอบแฮกๆ ด้วยความเหนื่อยล้าตรงหน้า การเลื่อยท่อนไม้ท่อนเล็กๆ แค่นี้ ทำให้เหนื่อยได้ขนาดนี้เชียวรึ
“ท่านรู้แล้วหรือเพคะ ว่าข้าโดนคนรังแก?”
“ในโลกนี้มีสิ่งใดที่ปิดเป็นความลับได้ด้วยหรือ เรื่องบางเรื่องต่อให้เจ้ารู้ความจริง มันก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะทำให้เจ้ารู้สึกอัปยศอดสูเสียเปล่าๆ” ไท่ซ่างหวงเหลาไม้ให้สั้น ถือไว้ในมือแล้วนั่งลง ใช้กบไสไม้ปัดเศษเล็กๆ ให้เรียบ
หยวนชิงหลิงนั่งลงข้างๆ เขา ช่วยยึดท่อนไม้ให้อยู่กับที่ “แค่มันยากที่จะป้องกันนะเพคะ”
“แล้วทำไมเจ้าถึงยังไม่ฆ่านางไปให้พ้นๆ เสียทีล่ะ?”
“ไม่ดีหรอกกระมังเพคะ จะอย่างไรก็ชีวิตคนคนหนึ่ง เอะอะอะไรก็ร่ำร้องจะฆ่าจะแกงกันแล้ว ออกจะไร้อารยธรรมเกินไปนะเพคะ” จู่ๆ ความรู้สึกคับข้องใจในห้องทรงพระอักษรเมื่อครู่นี้ ก็พลันสลายหายไป หยวนชิงหลิงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ถูกพูดกล่อมได้ง่ายดายซะจริง แค่ได้เจอเรื่องที่ถูกอกถูกใจสักหน่อย นางก็เต็มใจอยู่ทำงานถวายหัวให้ราชวงศ์ต่อไปได้แล้ว
“โลกมันก็เป็นเช่นนี้เอง หากเจ้าไม่ฆ่าคนอื่น คนอื่นจะฆ่าเจ้า” ไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้นมองนาง “แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องเจ้าพระยาหุ้ยติ่งนั่น เจ้าทำได้ดีมาก”
“มิบังอาจรับเพคะ เป็นเพราะการคำนวณอันแยบคายของท่านอ๋องทั้งสิ้น”
“มันก็เป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ นั่นล่ะ” ไท่ซ่างหวงแค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง “เดิมทีเรื่องนี้ไม่ควรจัดการเช่นนี้ ชัยชนะครั้งนี้อยู่บนความเสี่ยงอันใหญ่หลวง เรียกได้ว่าต้องขึ้นอยู่กับโชคดีมาประกอบเข้าด้วยกันอีกเล็กน้อย หากเจ้าขาดโชคที่ว่านี้ น่ากลัวว่าเจ้าอาจจะตายไปโดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ”
หยวนชิงหลิงสงสัยไม่หาย “หากไม่ทำเช่นนี้ แล้วพวกเราควรทำเช่นไรหรือเพคะ?