บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1164 ข้าไม่ได้ทำอะไรไปเรื่อย
หยวนชิงหลิงซบหน้าแนบหน้าอกของเขา ฟังเสียงหัวใจอันทรงพลังของเขาอย่างเงียบๆ ลม ฝน หิมะ ทั้งหมดล้วนผ่านไปแล้ว
ทั้งสองคนกอดกันสักพัก ค่อยถอดเสื้อผ้าดูบาดแผลให้เขา เมื่อเปิดออก ดวงตาของนางก็แดงขึ้นมา บนตัวมีบาดแผลเจ็ดแปดแผล ถึงแม้จะดูไม่สาหัส แต่มีบางแผลก็เห็นกระดูกแล้ว
“ไม่เป็นไร ทุกอย่างยังดี” เขาจูบบนแก้มของนางหนึ่งที
“อืม” หยวนชิงหลิงกลั้นน้ำตาไว้
“สวีอีกับหงเย่เป็นอย่างไรบ้าง?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“อ๋องชินเฟิงอันมาสวีอีแล้ว บอกว่าต้องอาศัยจิตมุ่งมั่นของเขา อาการของหงเย่ก็ค่อนข้างสาหัส แต่การเต้นของหัวใจและชีพจรของเขาค่อนข้างคงที่ นี่ค่อนข้างน่าแปลก”
“อะโฉ่วให้เขาทานยา และตัวเขาเองก็มีฝีมือการต่อสู้ล้ำเลิศ เมื่อเจอกับความอันตราย ก็รู้จักใช้ลมปราณปกป้องชีพจรไว้”
เช่นนี้ คนที่เป็นอันตรายที่สุดก็ยังคงเป็นสวีอี หยวนชิงหลิงเพิ่งถอนหายใจ หยู่เหวินเห้าก็พูดขึ้นว่า “เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงสวีอี เขาได้รับบาดเจ็บภายใน อ๋องชินเฟิงอันมีความสามารถในการรักษาบาดแผลภายในเป็นอย่างดี ขอเพียงตอนที่ส่งมาตรงหน้าเขายังมีลมหายใจ เขาก็จะมีวิธีรักษาแน่นอน”
“จริงหรือ?” หยวนชิงหลิงดีใจขึ้นมาในทันใด พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่อ๋องชินเฟิงอันบอกว่า ต้องดูจิตมุ่งมั่นของเขา”
“เขาใช้ยาไหม?”
“ไม่ใช้ยา บอกว่าถ่ายพลังลมปราณ”
“งั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว แม้แต่ยาก็ไม่ต้องใช้ แสดงว่าอาการไม่ได้สาหัสมาก” หยู่เหวินเห้าก็ค่อยวางใจ
หยวนชิงหลิงฟังเขาพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าถึงแม้ปกติเขาจะชอบพูดจาแดกดันสวีอี แต่ในใจเขาเป็นห่วงสวีอีอย่างมาก ตอนนี้เขาโล่งอกขนาดนี้ คิดว่าคงจะเป็นความจริง ในใจก็พลอยโล่งอกไปด้วย
จัดการบาดแผลให้เขาเรียบร้อยแล้ว ค่อยพูดขึ้นว่า “อะซี่ตั้งครรภ์แล้ว”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะดีใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้านี่มีโชคจริงๆ การศึกใหญ่เพิ่งสงบลงเขาก็ได้เป็นพ่อคนแล้ว”
“เขาต้องรีบฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว อะซี่เป็นห่วงแย่แล้ว”
หยู่เหวินเห้าสวมเสื้อผ้า ไปดูสวีอีกับหงเย่พร้อมกับนางก่อน ทั้งสองด้านล้วนมีผู้หญิงเฝ้าอยู่ ดังนั้น หยู่เหวินเห้ามองดูแปบหนึ่งก็ออกไปแล้ว
“ข้าไปดูพวกลูกๆ” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
“ซาลาเปา….”
หยู่เหวินเห้าจับมือนางไว้แน่น พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้าจำได้ ข้าเคยพูดแล้ว หลังจากข้ากลับมาแล้วจะไปขอโทษเขา ตอนนี้พวกเขายังไม่นอนมั้ง? ข้าไปดูก่อน”
“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”
หยู่เหวินเห้าส่ายหัวเบาๆ สายตาแน่วแน่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ข้าไปเอง ระหว่างเราสองพ่อลูก มีเรื่องต้องคุยกัน”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ งั้นเจ้าไปคนเดียวเถอะ”
หยู่เหวินเห้ามาที่ห้องของพวกลูกๆด้วยตัวคนเดียว แฝดทั้งสามคนต่างนอนลงแล้ว เจ้าแฝดอยู่ที่ห้องด้านข้าง แม่นมจะลุกขึ้นมาถวายบังคม หยู่เหวินเห้ายกมือยั้งไว้ ยืนอยู่ด้านข้างเตียงเงียบๆ มองดูลูกๆนอน ในใจรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก การสู้รบในวันนี้ หากเขาพ่ายแพ้ เขาก็จะไม่มีวันได้เห็นพวกลูกๆอีกแล้ว
เขายื่นมือดึงผ้าห่มห่มให้พวกลูกๆ แล้วก็จะไปดูเจ้าแฝดที่ห้องด้านข้าง กำลังหันตัว ห่างตาก็มองเห็นซาลาเปาลืมตาขึ้นมา
เขาหันหน้ากลับไป ซาลาเปากำลังมองดูเขา
มือของหยู่เหวินเห้าวางบนหน้าผากของเขาเบาๆ พร้อมถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “พ่อทำให้เจ้าตื่นหรือ?”
ซาลาเปาพูดขึ้นว่า “รอท่านพ่อ” เขาค่อยๆลุกขึ้นมาจากใต้ผ้าห่ม เคลื่อนไหวอย่างเบา เหมือนหนอนในรังไหม ใส่ชุดนอนตัวหนาแล้วอ้าแขนให้กับหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าจึงอุ้มเขาลงมา แล้วก็เดินออกไป
ซาลาเปาเอาหัวแนบใบหน้าเขาไว้อย่างว่าง่าย มือทั้งคู่โอบกอดคอของพ่อไว้ ไม่ขยับเขยื้อน อ่อนปวกเปียกเหมือนดั่งสายไหม
หยู่เหวินเห้าอุ้มเขาไปยังในศาลา ลมตอนกลางคืนค่อนข้างแรง พัดจนผมทั้งสองคนปลิวไสว
หยู่เหวินเห้าวางเขาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็จับมือเขาไว้พร้อมคุกเข่าลง มองดูสายตาเป็นประกายของเขา พร้อมพูดคืออยากจริงจังว่า “ก่อนหน้านี้พ่อพูดจากับเจ้ารุนแรงเกินไป พ่อขอโทษ เจ้าให้อภัยพ่อได้ไหม?”
ซาลาเปากลับเขินอายขึ้นมา ยิ้มหัวเราะจนเห็นฟัน พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้อภัย”
หยู่เหวินเห้ากอดเขาสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกชายที่ดี”
ซาลาเปาดูมีความสุขกับอ้อมกอดเช่นนี้ของเขามาก ซบแนบอกของพ่อไว้อยู่อย่างนั้นอย่างเงียบๆ ทั้งสองพ่อลูกถึงแม้ไม่ได้คุยอะไรกัน แต่บรรยากาศก็อบอุ่นอย่างมาก
หยวนชิงหลิงมองดูภาพนี้อยู่ไกลๆ น้ำตาเหมือนจะไหล ที่จริงซาลาเปารู้ความอย่างมาก มีบางครั้งที่มีความคิดเหมือนอย่างผู้ใหญ่ แน่นอน ตอนที่สนุกสนานก็สนุกสนาน ที่จริงเขาจะดูรอบคอบยิ่งกว่าน้องชายทั้งสองคน
และเขาก็ปกป้องน้องชายจริงๆ
หยู่เหวินเห้ากับซาลาเปาอยู่ด้วยกันตามลำพังสักพัก ค่อยส่งเขากลับไปที่ห้อง ซาลาเปาเดินไปสองก้าวแล้วก็หยุด หยู่เหวินเห้าหันกลับมาถามว่า “อืม? ทำไมไม่เดินแล้วล่ะ? ไม่ง่วงหรือ?”
ซาลาเปาดึงแขนเสื้อของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านพ่ออุ้มข้ากลับไปเหมือนเมื่อกี้แบบนั้นได้ไหม?”
หยู่เหวินเห้าอึ้งไปสักพัก แล้วก็ยิ้มหัวเราะ ยื่นมืออุ้มเขาขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ พ่ออุ้มเจ้า”
ซาลาเปายังเหมือนเมื่อกี้ มุมปากอมยิ้ม ซบหน้าแนบไหล่ มีความสุขตลอดทางที่เดินมา
หลังจากกลับห้องแล้ว หยู่เหวินเห้าก็ไม่นอน เล่าสถานการณ์การสู้รบให้หยวนชิงหลิงฟังอย่างละเอียด หยวนชิงหลิงฟังอย่างตื่นตระหนกตกใจ จับมือของเขาไว้แน่น เดิมตอนที่รอ ในใจไม่กล้าคิดในแง่งบ แต่ที่จริงก็รู้ว่าอันตราย ตอนที่ฟังเขาพูด หังใจของนางยังแขวนอยู่อย่างสูง
“โชคดี โชคดีที่เจ้ากลับมาแล้ว” หยวนชิงหลิงนอนบนไหล่ของเขา พร้อมพูดขึ้น
“ต่อไป มีเวลาอยู่กับเจ้ายิ่งมากขึ้นแล้ว” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
“ดี” หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ รอคอยมาเนิ่นนานแล้ว หวังอยากที่จะให้เขาอยู่กับตนทั้งวัน
หยู่เหวินเห้าจูบนางหนึ่งที ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ยังอยากไปพายเรือในทะเลสาบไหม? รอสองสามวันเมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว เราก็ไปได้แล้ว”
“ไม่ไปแล้ว” หยวนชิงหลิงหวาดกลัวดารพายเรือบนทะเลสาบแล้ว รู้สึกเหมือนค่ำคืนที่เงียบสงบ เหมือนจะมีสถานการณ์เกิดขึ้นเสมอ
หยู่เหวินเห้าหัวเราะขึ้นมาอย่างเอ็นดู พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ งั้นพวกเราไม่ไปพายเรือบนทะเลสาบ พวกเราไปทะเลสาบจิ้ง เป็นไง? รู้ว่าเจ้ารอคอยมานานแล้ว”
“ดี” หยวนชิงหลิงพยักหัวอย่างจริงจัง แล้วก็หัวเราะ
นางอยากไปทะเลสาบจิ้งจริงๆ อยากไปอย่างที่สุด
ทั้งสองโอบกอดกันนอน ที่จริงต่างก็นอนไม่หลับ ในใจยังเหมือนกำลังเผชิญกับการต่อสู้ ทำใจให้สงบได้ยาก
จนถึงใกล้รุ่ง ก็ได้ยินเสียงหยวนหย่งอี้ เคาะประตูอยู่ด้านนอก พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หยวน สวีอีฟื้นแล้ว”
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง รีบลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าแล้วก็ออกไป สวีอีฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ อะซี่จับมือเข้าไว้อยู่ข้างเตียง ร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนพูดกล่อมยังไง นางก็ไม่หยุดร้องไห้
มองเห็นหยวนชิงหลิงถือกล่องยามา นางค่อยรีบหลบ หยวนชิงหลิงมองดูนางแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “บอกว่าห้ามเจ้าลงจากเตียง ไม่เชื่อฟังหรือ? รีบกลับไปนอนลง”
“ข้าไม่เป็นไร” อะซี่เช็ดน้ำตา ตาบวมเหมือนดั่งลูกพีชสองลูก
สวีอีตื่นเต้นขึ้นมา มองดูอะซี่ พร้อมถามขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “เจ้า….เป็นอะไร?”
หยวนชิงหลิงหยิบเครื่องฟังออกมา ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “นางไม่เป็นไร สวีอี เจ้าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว”
ใบหน้าที่ขาวซีดสวีอีแดงระเรื่อขึ้นมา ไม่สนใจเลือดลมที่พุ่งพล่าน พยายามที่จะลุกขึ้นมามองดูอะซี่ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทพูดไปเรื่อย ข้าอยู่ข้างนอก ไม่ได้ทำอะไรไปเรื่อย”
ทุกคนได้ยินประโยคนี้แล้ว ต่างก็อึ้ง จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาลง สวีอีอายุเยอะขนาดนี้แล้วค่อยได้ภรรยา เพราะมีสาเหตุจริงๆ