บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1188 เป็นห่วงเจ้าแปด
ข้างเตียงของฮองเฮา มีหมอหลวงสองคนแล้ว เพราะหวงกุ้ยเฟยและฮู่เฟยล้วนตั้งครรภ์ ดังนั้น ตี๋กุ้ยเฟยเข้ามาเยี่ยมแล้วถือโอกาสฟังการตรวจรักษา รอเพียงแค่ทูลต่อฮ่องเต้
หลังจากหยวนชิงหลิงทำความเคารพกุ้ยเฟยแล้ว ก็ถามหมอหลวงก่อน “อาการของฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”
หมอหลวงเดินขึ้นหน้าไปโค้งคํานับและตอบว่า “ทูลพระชายารัชทายาท พระพักตร์ของท่านหญิงเริ่มเหลือง ร่างกายบวมน้ำ ส่วนของตับแข็งบวมระบม คาดว่า เป็นเพราะลมในตับติดขัด เลือดลมติดขัด ทำร้ายอวัยวะภายในพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินคําพูดเช่นนี้ จึงหิ้วกล่องยาเดินเข้าไป ขณะที่เห็นฮองเฮา ตกตะลึงเล็กน้อย นางทั้งคนผอมลงมาก ใบหน้านัยน์ตาล้วนเริ่มเป็นสีเหลือง ผ้าห่มปกคลุมร่างกายไว้ แต่กลับสามารถมองออกได้ว่าหน้าท้องของนางป่องขึ้นมาเล็กน้อย นางมีสติสัมปชัญญะชัดเจน แค่เหนื่อยล้าไร้ชีวิตชีวา เห็นหยวนชิงหลิงมา นัยน์ตาก็ไม่มีประกาย มองเพียงแค่แวบเดียว แล้วก็มองไปทางอ๋องฉีที่อยู่ด้านหลังของนาง
ตั้งแต่หลังจากที่ถูกกุมขังในตำหนักฟางหมิง นางก็ได้เห็นบุตรชายน้อยมาก วันวานที่ผ่านมามีปมในใจ ตอนนี้ล้มป่วยอยู่บนเตียง นางจึงเกลียดความดื้อรั้นในอดีตของตัวเอง จ้องมองลูกชายด้วยความกังวลเป็นพิเศษ นัยน์ตาขื่นขม
อ๋องฉีเดินน้ำตาคลอเบ้าไปข้างหน้าและจับมือนาง กล่าวปลอบใจสองสามประโยค โน้มน้าวนางให้หยวนชิงรักษา ฮองเฮาก็ตกลง
หยวนชิงหลิงฟังหัวใจและปอดก่อน แล้วกดตรงช่วงตับของนางไว้และเอ่ยถาม “ท่านหญิง เจ็บหรือไม่เพคะ?”
ฮองเฮาขมวดคิ้ว สูดหายใจเล็กน้อย “เจ็บ!”
หยวนชิงหลิงกดลงตรงช่วงท้องที่ป่องขึ้นมาอีก เอ่ยถาม “ตรงนี้ล่ะ? เจ็บหรือไม่เพคะ?”
ฮองเฮายังคงมีสีหน้าท่าทางเจ็บปวดแบบเมื่อครู่ “เจ็บ!”
หยวนชิงหลิงตรวจดูเท้าทั้งสองข้างของนาง พบว่าเท้าทั้งสองข้างบวมน้ำอย่างรุนแรง ยื่นมือกดลงไป ก็ยากมากกว่าจะเด้งกลับมา
ช่องท้องน้ำคั่ง ส่วนเท้าบวมน้ำ เจ็บปวดตรงช่วงตับและหน้าท้อง แล้วดูสีหน้ากับนัยน์ตาที่เริ่มเหลือ โดยพื้นฐานวินิจฉัยขั้นพื้นฐานเป็นอาการน้ำคั่งในช่องท้องและตับ
หยวนชิงหลิงถามคนที่คอยปรนนิบัติในตําหนักเล็กน้อย บอกว่าฮองเฮาไม่เจริญอาหารมาเดือนสองเดือนแล้ว อาเจียนเป็นเลือดและถ่ายเป็นเลือด ท้องร่วงก็ค่อนข้างรุนแรง
“พี่สะใภ้ห้า เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?” อ๋องฉีมองดูหยวนชิงหลิงแล้วถาม
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยา ตรวจดูยาที่ต้องการใช้เล็กน้อย ล้วนมีครบ จึงกล่าว “ให้ยาก่อนเถอะ ขับอาการบวมน้ำสักหน่อย ดูว่าจะขับออกได้หรือ ถ้าขับออกมาไม่ได้ เกรงว่าจะต้องเจาะแล้วดูดน้ำในช่องท้องออกมา”
นางฉีดโปรตีนแอลบูมินให้ฮองเฮา แล้วใช้ยาขับปัสสาวะ และดูว่าสามารถขับออกมาเองได้หรือไม่ หากขับออกมาได้ ก็ถือว่าอาการยังไม่ได้ถึงขั้นที่แย่ที่สุด หากไม่สามารถขับออกมาได้ เช่นนั้นก็ค่อนข้างรุนแรง
หลังจากฉีดเข้าไปแล้ว ก็รอในตําหนักประมาณหนึ่งชั่วยามกว่า ฮองเฮามีการขับปัสสาวะ แต่ไม่มาก และไม่ได้เป็นที่พอใจ
นางเรียกอ๋องฉีออกไป ให้เขาเตรียมใจไว้จะดีที่สุด หากน้ำคั่งในช่องท้องยังคงรุนแรงต่อไป ฮองเฮาคงทนได้อีกไม่นาน
ดวงตาของอ๋องฉีแดงทันที กลั้นน้ำตาร้อนผ่าวไม่ให้ไหลไม่ได้ เมื่อเห็นน้องแปดที่อยู่ด้านล่างระเบียงทางเดินมองมา เขาก็พยายามอดกลั้นไว้ กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “พี่สะใภ้ห้า ท่านพยายามให้ดีที่สุดก็ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ เพียงแต่ต้องให้เจ้าเตรียมใจไว้” หยวนชิงหลิงกล่าว
อ๋องฉีอดกลั้นความเจ็บปวด “ข้ารู้”
ช่วงค่ำหน่อย ท่านอ๋องและพระชายาทุกท่านก็เข้าวังมาเยี่ยมฮองเฮา เจ้าห้าก็มาด้วย ความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างฮองเฮากับท่านอ๋องทั้งหลายนั้นถือได้ว่าไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อเห็นอาการป่วยหนักในตอนนี้ ทุกคนก็เข้าวังมาเยี่ยมโดยที่ไม่ได้รับราชโองการเรียกตัว นางก็ซาบซึ้งใจเป็นที่สุด น้ำตารื้นขึ้นมาคลอที่ดวงตา แต่ไม่ได้ไหลลงมา
แต่ท่านอ๋องทุกคน ที่เผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันของประเทศ ก็ลืมบุญคุณความแค้นในอดีตไปนานแล้ว เช่นเดียวกับการที่เคยถูกมีดทำให้บาดเจ็บ แล้วจะไปสนใจเข็มที่ทิ่มแทงเล็กน้อยนั่นทำไม?
หยวนหย่งอี้จัดการเรื่องในจวนเรียบร้อย ก็เก็บเสื้อผ้าเข้าวัง นางเป็นลูกสะใภ้ที่มีคุณสมบัติที่ดีของฮองเฮา นางสมควรเข้าวังเพื่อปรนนิบัติยามเจ็บไข้ได้ป่วย
พอตกเย็น ขณะที่ตี๋กุ้ยเฟยทูลรายงานฮ่องเต้หมิงหยวนเกี่ยวกับอาการของฮองเฮา ฮ่องเต้หมิงหยวนก็มาด้วยพระองค์เอง
ฮ่องเต้และฮองเฮาไม่ได้พบกันเป็นเวลานานแล้ว ฮองเฮาตัดใจเพราะความเย็นชาและความเหนื่อยหน่ายของฮ่องเต้หมิงหยวน วันนี้ทุกคนมาหมดแล้ว นางไม่เคยได้หลั่งน้ำตา นาทีนั้นที่ได้ยินด้านนอกประกาศว่าฮ่องเต้เสด็จ นางก็หลั่งน้ำตาราวกับสายฝนในพริบตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวด ร้องไห้จนไม่สามารถควบคุมได้
ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงรําลึกถึงความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่มีมาหลายปี เห็นนางเป็นเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกเป็นทุกข์ นั่งลงข้างเตียง
ฮองเฮายิ่งร้องไห้ดั่งใจจะขาดมากขึ้น “ฝ่าบาท พระองค์ยังจําหม่อมฉันได้อยู่หรือเพคะ? พระองค์ยังเกลียดหม่อมฉันอยู่อีกหรือไม่เพคะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นาง กล่าวว่า “ล้วนผ่านไปแล้ว เจ้าพักรักษาสุขภาพให้ดี”
“หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันผิดจริงๆเพคะ” มือของฮองเฮาจับมือของฮ่องเต้หมิงหยวนไว้แน่น กดทับบนทรวงอกของตัวเอง ร้องไห้จนหายใจติดขัด
ทุกคนเห็นดังนั้น ก็รู้สึกปวดใจ หยวนชิงหลิงถูกเจ้าห้าโอบไว้ในอ้อมกอด นางมองไปทางอ๋องฉี อ๋องฉีนั่งยองๆอยู่ด้านหน้าผ้าม่าน กลั้นน้ำตาไม่ได้ หยวนหย่งอี้อยู่เป็นเพื่อนเขา น้ำตาร้อนผ่าวก็คลอเบ้า
ฮองเฮาร้องไห้รอบหนึ่ง บวกกับใช้ยาไปแล้ว จึงค่อยๆหลับไป ฮ่องเต้หมิงหยวนลุกขึ้นถามหยวนชิงหลิงกับหมอหลวง แม้ว่าตี๋กุ้ยเฟยจะบอกเขาแล้ว แต่เขาก็ยังถามอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง
หมอหลวงบอกว่าอาการโดยพื้นฐานเป็นขั้นที่ย่ำแย่ที่สุดแล้ว เพราะน้ำคั่งในช่องท้องอย่างสาหัส หยวนชิงหลิงทางนี้ก็ไม่กล้าพูดรับประกันว่าจะสามารถหายได้ ทำได้เพียงยืดเวลา ยืดได้นานเท่าไหร่ก็นับว่านานเท่านั้น
ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังจบ ก็ไม่ได้เปล่งวาจา เพียงแค่โบกมือ บอกให้บรรดาผู้คนถอยไป
ฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่ด้านในสนทนาเป็นเพื่อนกับฮองเฮาครึ่งชั่วยามจึงได้จากไป สองปีนี้ไม่ว่าฮองเฮาจะทำความผิดอย่างไร สุดท้ายเขาก็ไม่ยอมที่จะเอาชีวิตของนาง ก็เพราะความสัมพันธ์ของสามีภรรยานี้ยากที่จะตัดขาดได้
เมื่อฟ้ามืด เจ้าห้าสองสามีภรรยาถึงได้ออกจากวังกลับจวน
เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พอถึงจวน เจ้าห้าก็ช่วยนวดไหล่ให้นางโดยอัตโนมัติ พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ลําบากเจ้าแล้ว”
“นี่มีอะไรให้ลำบากกัน? แค่เห็นท่าทางของน้องเจ็ดและน้องแปด จิตใจรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อย” หยวนชิงหลิงถอนหายใจแล้วกล่าว
“อืม ใช่แล้ว” เจ้าห้าก็รู้สึกไม่ดี ที่เขาเป็นห่วงก็คือน้องแปด น้องแปดติดการพึ่งพาฮองเฮาอย่างลึกซึ้ง ทันทีที่ฮองเฮาเป็นอะไรขึ้นมา เกรงว่าน้องแปดจะไม่สามารถรับได้
อีกทั้ง สถานการณ์ของน้องแปด ผู้ใดมาดูแลก็ล้วนไม่ได้มีพยายามอย่างเต็มที่เหมือนฮองเฮา ในช่วงเวลาที่เนิ่นนานสิบกว่าปีนี้ น้องแปดจะอ้างว้างมาก เพราะไม่มีใครสามารถแทนที่มารดาได้
ในอดีต หวงกุ้ยเฟยทางนั้นยังสามารถดูแลเล็กน้อย แต่ตอนนี้หวงกุ้ยเฟยกําลังตั้งครรภ์แล้ว รอจนลูกคลอดออกมา นางจะต้องยุ่งวุ่นวายจนไม่ไหวเป็นแน่ และเรื่องในวังนางก็ยังคงต้องดูแล ดูแลน้องแปดไม่ได้เป็นแน่
น้องแปดไม่สามารถสร้างจวนเพียงลำพังได้ ออกจากวังแล้ว ผู้ใดก็ล้วนไม่วางใจ หากว่าพึ่งพาฮ่องเต้หมิงหยวน เขายุ่งอยู่กับกิจการบ้านเมือง เกรงว่าเดือนหนึ่งก็ดูแลได้ไม่กี่ครั้ง
สุดท้ายทั้งสองคนล้วนคิดว่า ถ้าหากฮองเฮาต้องไปแล้วจริงๆ เอาน้องแปดมาเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของท่านหญิงท่านใด มีความผูกพันของแม่ลูกแล้ว ก็ต้องดีกว่าไม่มีคนดูแล
วันรุ่งขึ้นขณะที่หยวนชิงหลิงเข้าวัง ตี๋กุ้ยเฟยจึงเรียกนางไปพูดคุยที่ตำหนักด้านข้าง
ตี๋กุ้ยเฟยหยิบจดหมายฉบับหนึ่งยื่นให้นาง “นี่คือจดหมายที่เทียนเอ๋อบอกให้คนส่งมาให้ข้า พระชายารัชทายาทลองดู”
หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย น้องเก้ายังจะจดหมายให้ตี๋กุ้ยเฟยจริงๆ
นางรับมาอ่านครู่หนึ่ง เป็นจดหมายทางบ้านไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป เล่าถึงสถานการณ์ของตัวเขาเองเล็กน้อย ในช่วงท้ายของจดหมายน้องเก้ากําชับให้กุ้ยเฟยดูแลเจ้าแปดให้มากสักหน่อยหากว่ามีเวลาว่าง บอกว่าคนที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือน้องแปด
อ่านจดหมายแล้ว หยวนชิงหลิงค่อนข้างไม่เข้าใจเล็กน้อย “ความหมายของท่านหญิงคือ?”
ตี๋กุ้ยเฟยก็ไม่ได้อ้อมค้อม กล่าวตรงๆ “เจ้าสี่ไปจวนเจียงเป่ย ก็ไม่แน่ว่าหนึ่งปีจะสามารถกลับมาได้ครั้งหนึ่ง ตอนนี้ฮ่องเต้แทบจะไม่ได้มาที่ข้า วันคืนยาวนานและโดดเดี่ยว จะใช้ชีวิตผ่านไปได้อย่างไร? ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ฮองเฮาล้มป่วย ข้าก็คิด หากฮองเฮา…….”
นางมองดูหยวนชิงหลิง กดเสียงต่ำ “ข้าอยากจะรับเจ้าแปดมาเลี้ยงดูในตำหนัก อย่างแรกก็อยู่เป็นเพื่อน อย่างที่สอง ยังไงซะก็เฝ้าหวังว่าฮ่องเต้จะคิดถึงเจ้าแปด มาที่ตำหนักของข้าให้มากหน่อย เช่นนั้นข้าก็ไม่ถึงขั้นไร้ความหวังแล้ว”