บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1197 ผ่านการทำลายและฟื้นคืนอีกครั้
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1197 ผ่านการทำลายและฟื้นคืนอีกครั้
จำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเคยถามพวกเด็กๆ ถามว่าสมองของนางยังเปล่งแสงอยู่อีกหรือไม่ พวกเขาต่างก็บอกว่ามี หรือว่า หลังจากตั้งครรภ์ที่สามแล้ว ก็ไม่มีแล้วหรือไม่ก็จางไป
“เจ้าโค้ก เซเว่นอัพ พวกเจ้าดูสมองของแม่สิ”นางใช้มือชี้ไปที่ศีรษะ สีหน้าเคร่งขรึม “เห็นจุดที่เปล่งแสงหรือไม่ ”
สองแฝดลังเลอยู่ชั่วครู่ พูดออกมาพร้อมกันว่า “มี”
หัวใจของหยวนชิงหลิงคลายลงเล็กน้อย ถ้ามีละก็แสดงว่าคงไม่มีอันตรายใหญ่หลวงในช่วงเวลาสั้นๆนี้
กลับไปยังตำหนักเซี่ยวเยว่ เจ้าห้ากำลังทายาบริเวณสันจมูกของตัวเอง สันจมูกดูแล้วเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาบิดจนกลับมาตรงเช่นเดิม เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว เห็นหยวนชิงหลิงกลับมา เขาได้แต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดยิ้มๆว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าแฝดจะแรงเยอะขนาดนี้”
“เดิมทีพวกเขาก็ไม่เหมือนคนปกติอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงเดินไปตรงหน้าเขา มองดูจมูกของเขาที่บวมเขียว “ไม่เป็นไรกระมัง”
“ไม่เป็นไร ”เขาให้มือโอบกอดนางเข้ามา นั่งลงบนตัก มองดวงตาที่เรียบสงบของนาง “ทำไม ไม่มีความสุขหรือ”
หลังจากหยวนชิงหลิงลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายก็ไม่ได้บอกเรื่องที่ตั้งครรภ์ให้เขาฟัง “ไม่เป็นไร คิดถึงพวกเด็กๆแล้ว”
“อีกสองวันจะเข้าวังไปเยี่ยมพวกเขาเป็นเพื่อนเจ้า”หยู่เหวินเห้าหอมนางทีหนึ่ง และพูดขึ้น
“ได้”หยวนชิงหลิงตอบรับเสียงหนึ่ง พยายามเค้นยิ้มออกมา
ผ่านไปสองวัน ได้เข้าวังโดยมีเจ้าห้าไปเป็นเพื่อน เดิมคิดว่าพวกเด็กๆจะรู้สึกลำบากมาก เห็นนางแล้วคงจะออดอ้อนสักหน่อย แต่กลับไม่มี กระทั่งยังโยกหัวไปมาท่องกลอนให้หยวนชิงหลิงฟัง
หยวนชิงหลิงฉวยโอกาสตอนที่เจ้าห้ากำลังคุยอยู่กับไท่ซ่างหวง ลากตัวเปาจื่อออกไปเดินเล่น
พอมาถึงในศาลาแล้ว นางก็ถามเปาจื่ออย่างจริงจังว่า “เจ้าบอกแม่สิว่า เห็นแสงบนศีรษะของแม่หรือไม่ จางไปมากแล้วใช่หรือไม่”
มือน้อยๆของเปาจื่อยกขึ้นมาประคองใบหน้าของนางเอาไว้อย่างเศร้าๆ “ท่านแม่ ข้าได้ให้ท่านน้าไปหาฟางหวูแล้ว เอาเรื่องที่แสงของท่านจืดจางลงไปบอกให้นางรู้ นางบอกว่าจะคิดหาวิธี ให้ท่านวางใจได้”
หัวใจของหยวนชิงหลิงหนักอึ้ง เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
“ท่านแม่ อย่ากังวลเลย”เปาจื่อเน้นย้ำอยู่ตลอด แต่ว่า เขาก็ไม่ได้เชื่อมั่นมาก เพราะว่า ในดวงตากลมโตนั้น ก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน
หัวใจของหยวนชิงหลิงเจ็บแปลบเล็กน้อย “อืม แม่เชื่อ ไม่กังวล”
“ท่านแม่ ข้ารักท่าน”เปาจื่อโผเข้าไปในอ้อมอกนาง พูดกับนางอย่างสงบว่า “ท่านโปรดวางใจ พวกเราจะเชื่อฟัง เรียนหนังสือดีๆ ไม่ให้ท่านต้องเป็นห่วง”
ดวงตาของหยวนชิงหลิงมีน้ำตารื้นขึ้นมา ลูกๆเกิดเชื่อฟังขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางยังคิดว่าเริ่มมีความคิดอ่านแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เป็นการเชื่อฟังให้นางเห็น
นางพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา อุ้มเปาจื่อ “ได้ เปาจื่อเชื่อฟังจริงๆ แม่มีความสุขมาก”
ผ่านไปชั่วครู่ เปาจื่อปล่อยนาง เงยใบหน้าเล็กๆขึ้นมา “ท่านแม่ ข้าต้องไปเรียนแล้ว คืนนี้เป็นคาบเรียนของท่านปู่โสวฝู่ เขาไม่ชอบที่ข้าไม่ตรงเวลาที่สุด น้องไม่ต้องไปเรียน ข้าไปหาน้องๆให้มาอยู่เป็นเพื่อนท่าน”
หยวนชิงหลิงกุมมือน้อยของเขาเอาไว้ “ได้ พวกเรากลับไปด้วยกัน เปาจื่อสู้ๆ”
“ข้าจะพยายาม ท่านปู่โสวฝู่บอกว่า ภายหน้าข้าต้องเป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่ง”เปาจื่อเอ่ยอย่างแน่วแน่
เปาจื่อเชื่อฟังรู้ความ ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกทั้งดีใจและเจ็บแปลบ ตลอดทางที่เดินกลับไป มองดูไหล่เล็กๆที่อ่อนนุ่ม ตอนนี้จะเอาเรื่องของประเทศชาติบ้านเมืองทั้งหลายมาทับถมไว้บนไหล่ของเขาแล้วหรือ
แม้จะมีความสามารถมากแค่ไหน สุดท้ายก็แค่เด็กคนหนึ่ง
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ที่ทะเลสาบจิ้งมีกล่องถูกส่งมา องครักษ์ลับผีได้ส่งกลับมาในเมืองหลวงในคืนนั้น
ในกล่องมีเพียงปากกาบันทึกเสียงด้ามหนึ่ง หยวนชิงหลิงเอาขึ้นออกมาเปิดฟัง เป็นฟางหวูที่บันทึกให้นาง
เสียงที่บันทึกนี้ มีความยาวเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม พูดถึงอาการของร่างในปัจจุบัน เพราะว่าสมองได้ส่งคลื่นไฟฟ้าออกมาอย่างผิดปกติ ทำให้ต้องทำการละลานน้ำแข็งร่างกายของนาง ถ้าหากละลายน้ำแข็งสำเร็จ ร่างในปัจจุบันสามารถฟื้นคืนชีพได้ เช่นนั้นการเชื่อมต่อระหว่างช่วงเวลาโบราณและปัจจุบันจะถูกตัดขาด หรือพูดอีกอย่างคือ ร่างในยุคโบราณจะตาย แต่นางในปัจจุบันจะฟื้นขึ้นมา
ถ้าหากไม่ทำการละลายน้ำแข็ง ปล่อยให้ผิดปกติต่อไปเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างสูงว่าหลังจากนี้หนึ่งปี จะปรากฏอาการสมองตาย และก็หมายความว่า ช่วยไม่ได้ทั้งสองฝั่ง
ถ้าหากนางยินยอม ให้เปาจื่อเอาคำตอบมาให้นาง เช่นนั้นนางจะส่งร่างของหยวนชิงหลิงไปยังสถาบันวิจัยเกี่ยวกับการแช่แข็งของนักบินนักอวกาศ เริ่มเตรียมการเกี่ยวกับการละลายน้ำแข็ง
ฟางหวูบอกว่า การละลายน้ำแข็งในยุคสมัยที่นางเคยอยู่ มีรายที่ทำสำเร็จเยอะมาก บอกนางว่าอย่าเป็นกังวล สุดท้าย ฟางหวูบอกว่าถ้าหากละลายน้ำแข็งไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องใช้ของวิเศษ นั่นก็คือเจ้าแฝด ระดับจิตสำนึกของเจ้าแฝดนั้นแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้ บางทีพวกเขาอาจช่วยกู้ให้จิตสำนึกและเซลล์สมองของนางกลับคืนมาได้
ฟางหวูเน้นย้ำว่า ไม่เป็นอันตรายมาก ให้นางอย่ากังวล ให้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ส่วนที่เหลือทั้งหมด มอบให้เป็นหน้าที่นาง เพราะว่า นี่จึงจะเป็นทิศทางที่นางศึกษาวิจัย นางสามารถช่วยเหลือหยวนชิงหลิงได้
คำพูดของฟางหวู ทำให้หัวใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกสงบลงได้มาก เพราะว่า อย่างน้อยก็ยังมีเวลาหนึ่งปีให้นางได้คลอดท้องที่สามออกมา อีกอย่าง นางเชื่อฟางหวู ฟางหวูไม่มีทางปลอบใจคนอย่างเหลวไหล ในเมื่อนางบอกว่าอย่าเป็นกังวล คิดว่าคงต้องมีความมั่นใจอยู่เจ็ดแปดส่วน ไม่เช่นนั้น นางคงจะให้หยวนชิงหลิงช่วยคิดหาวิธีการแล้ว
ก่อนหน้านี้ได้กลับไปครั้งหนึ่ง ในสถาบันวิจัย ฟางหวูให้นางดูภาพสแกนคลื่นสมองของตัวเอง ตอนที่นางไม่ดู คาดว่าฟางหวูคงจะเริ่มตั้งใจในด้านนี้แล้ว
นางให้เปาจื่อไปบอกกับฟางหวู บอกว่าตอนนี้ได้ตั้งครรภ์แล้ว ให้ฟางหวูรอนางคลอดลูกเสร็จแล้วค่อยวางแผนเรื่องการละลายน้ำแข็ง
ถ้าหากปริศนาที่ทะเลสาบจิ้งถูกไขออก นางในยุคปัจจุบันสามารถฟื้นขึ้นมาได้ ที่จริงนางรู้สึกว่าเช่นนั้นจะดีกว่า เพราะว่า นั่นเป็นตัวตนแท้จริงของนาง นางยังสามารถกลับมาหาเจ้าห้า และอยู่กับพวกลูกๆได้เช่นเดิม และตัวเองกับเจ้าของร่างเดิมของหยวนชิงหลิงก็มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันถึงเจ็ดแปดส่วน แปลงโฉมสักเล็กน้อย คนนอกไม่มีทางดูออก
จิตใจมีความเยือกเย็นในส่วนนี้แล้ว หยวนชิงหลิงกลับทำลายความกังวลในช่วงที่ผ่านมาไปจนหมดสิ้น หลังจากที่กลับมาจากยุคปัจจุบัน คำพูดของฟางหวูมักจะผุดขึ้นมาในสมองอยู่เสมอ ไม่เร็วก็ช้าอย่างไรก็ต้องมา แต่ยังดี ที่มีวิธีการแก้ไข
เรื่องตั้งครรภ์ ไม่สามารถปิดบังเจ้าห้าตลอดไป
ฉะนั้น นางคิดว่าคืนนี้หลังจากเขากลับมาแล้ว จะบอกให้เขารู้
รอจนกระทั่งถึงประมาณยามไฮ่(23.00น.-01.00น.) เจ้าห้าค่อยกลับมา เขาเข้ามาในจวนอย่างเหนื่อยล้า
หยวนชิงหลิงเข้าไปต้อนรับ ถามว่า “ทำไมจึงกลับดึกเช่นนี้ ที่กรมทหารยุ่งมากหรือ”
หยู่เหวินเห้ากอดนางทีหนึ่ง จากนั้นก็ลากนางไปนั่งลง “กรมทหารไม่เป็นไร แต่เพราะว่ามีคนค้นพบหินที่บินมาจากนอกท้องฟ้าก้อนหนึ่งจากยอดเขาหมาป่าหิมะ บนหินมีการแกะสลักตัวอักษร เห็นทีจะเป็นการปล่อยข่าวลือให้คนหลงเชื่อ”
“อุกกาบาต บนอุกกาบาตสลักตัวอักษรอะไร”
หยู่เหวินเห้าสีหน้าเรียบเฉย “เป็นอักษรหลายแถวเขียนว่าราชวงศ์ผ่านการทำลายจะฟื้นขึ้นอีกครั้ง มวลน้ำจากแม่น้ำหวยจะเอ่อทะลัก ประชาชนจะพลัดจากที่อยู่อย่างสิ้นเนื้อประดาตัว ชาวบ้านค้นพบหินก้อนนี้ ยกลงไปจากภูเขา ส่งไปยังกรมการพระนคร ระหว่างทางคนมากมายต่างก็มองเห็น”
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง “เรื่องล้อเล่นเช่นนี้ ……ไร้สาระเกินไปแล้ว”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยเสียงเย็นว่า “น้ำในแม่น้ำหวย ก่อนหน้านี้สิบวันก็ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นแล้ว แม่น้ำหวยน้ำหลาก แทบจะเกิดขึ้นทุกปี ส่วนเรื่องราชวงศ์ที่ผ่านการทำลายจะฟื้นคืนอีกครั้ง เกรงว่าเรื่องที่หวงกุ้ยเฟยและหรงเยว่ตั้งครรภ์จะถูกแพร่ออกไป เหล่านี้ล้วนถูกคนที่มีเจตนาอื่นใช้ประโยชน์อย่างกำเริบเสิบสาน หวังจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก”
หยวนชิงหลิงนึกถึงก่อนหน้านี้ตอนที่หวงกุ้ยเฟยตั้งครรภ์ ชาวบ้านต่างบอกว่านี้คือนิมิตหมายอันดี บอกว่าฮ่องเต้มีลูก ต้องทำให้ประเทศสงบประชาชนร่มเย็นเป็นแน่
ตอนนี้ได้ปรากฏหินอุกกาบาตนี้ขึ้นมา เกรงว่าคำพูดเช่นนี้จะถูกพลิกกลับเสียแล้ว