บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1221 ฝังเข็ม
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ฟังเช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งโกรธอย่างมาก บวกกับปวดท้องอย่างรุนแรง จึงลุกขึ้นมาอย่างลำบาก พูดสั่งมู่หรูกงกงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “เจ้าทำลายร้านนี้เสีย ก่วงถิง พวกเราไป”
“นายท่าน ทานยาก่อน” ฮู่เฟยเทยาออกมาอีกครั้ง มองดูเขายังเป็นห่วง
ฮ่องเต้หมิงหยวน พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ไม่กิน ไป”
“อยากไปแต่ไม่ง่ายขนาดนั้น” ม่านด้านหลังถูกเปิดออก มีผู้ชายดูแข็งแกร่งสองคนเดินออกมา ท่าทีโหดเหี้ยมดุร้าย ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นว่าในโรงหมอนี้มีนักต่อสู้ด้วย ในใจก็พอเข้าใจแล้ว เห็นที เรื่องการบีบบังคับซื้อขายในเป่าหยวนถังนั้นมีอยู่จริง
นักต่อสู้คนนั้นจะกีดขวางเขา มู่หรูกงกงจะยอมให้พวกเขาเข้าใกล้ได้หรือ? ยอฝ่ามือตบลงไปอย่างแรง จนนักสู้คนนั้นล้มลงพื้น แล้วมืออีกข้างก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาทุบลงไปบนโต๊ะ แล้วก็ได้ยินเสียงแตกหักกระจัดกระจาย พังลงมาทั้งร้าน
ฮ่องเต้หมิงหยวนกับฮู่เฟยเดินออกมาแล้ว สีหน้าเขาเยือกเย็น เวลาคนเราปวดท้อง จะระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้ พูดกับฮู่เฟยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ยาฮั่วเซียงนี้ ที่อื่นขายสิบห้าเหวินจริงหรือ?”
“ในเมืองหลวงข้าไม่รู้ แต่ตอนที่หม่อมฉันกับพ่ออยู่ที่เป่ยจิ้ง ส่วนมากซื้อในราคาสิบเหวินจริง แพงที่สุดก็แค่สิบห้าเหวิน ท่านก็รู้ ราคาสินค้าในเป่ยจิ้งค่อนข้างสูง สิ่งของมากมายเมื่อเทียบกับราคาในเมืองหลวง ในเมืองหลวงจะถูกกว่ามาก ไม่ถึงว่ายาฮั่วเซียงจะขายแพงขนาดนี้ ประชาชนจะมีปัญญาซื้อกินได้ยังไง?”
ยาฮั่วเซียงสามารถใช้ได้กับโรคมากมายครับ เป็นร้อนใน ปวดท้อง มึนงง อาเจียนท้องเสียล้วนสามารถใช้ได้ เป็นยาสามัญประจำบ้าน
ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังแล้ว ในใจก็ยิ่งโกรธโมโหขึ้นมา รอเมื่อมู่หรูกงกงตามมาถึง เขาปวดจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
“นายท่าน พังร้านแล้ว” มู่หรูกงกงประคองเขาไว้ พร้อมพูดขึ้น
ฮ่องเต้หมิงหยวนเสียใจที่เมื่อกี้ไม่ได้ทานยานั่น พูดขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีดว่า “โรงหมออยู่ไหม?”
“นายท่าน ระยะใกล้นี้ไม่มีโรงหมอ ต้องเดินไปข้างหน้าอีกสองกิโล”
“ตลอดทางที่เดินมาเมื่อกี้ล้วนไม่เห็นมีโรงหมอ……” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเช่นนี้ แล้วก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เม้นริมฝีปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ฮู่เฟยเหมือนจะรู้ทัน จึงพูดขึ้นว่า “มีโรงหมอค่อนข้างน้อย หากประชาชนป่วยกะทันหัน แล้วก็ไม่มีปัญญาไปเข้ารับการรักษาที่โรงหมอ จะทำอย่างไรดี?”
พูดเสร็จแล้วค่อยรู้ว่าตนเองพูดผิดไป จึงเอามือปิดปากช่วยประคองฮ่องเต้หมิงหยวนแล้วเดินไปข้างหน้า เลี้ยวผ่านถนนเส้นนี้ ก็เห็นข้างหน้ามีคนต่อแถวอยู่ มู่หรูกงกงมองดูดีๆ แล้วก็พูดขึ้นด้วยความดีใจว่า “ที่นั่นเหมือนจะเป็นโรงหมอ กระหม่อมไปดูก่อน”
เขารีบวิ่งไป มองดูที่หน้าประตูแปบหนึ่ง แล้วก็เงยหัวขึ้น เห็นบนนั้นเขียนอักษรสามพยางค์ว่าอานคางถัง เป็นโรงหมอจริงๆ จึงวิ่งกลับมาพูดกับฮ่องเต้หมิงหยวนว่า “นายท่าน เป็นโรงหมอจริงๆ หม่อมฉันประคองท่านไป”
ภายใต้การประคองของพวกเขา ฮ่องเต้หมิงหยวนเข้าไปในอานคางถัง เพราะถูกประคองเข้ามา และสีหน้าก็ขาวซีดมาก ก็รีบมีคนมาถามอาการก่อนว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือ? มีไข้หรือเปล่า?”
ฮู่เฟยรีบพูดตอบว่า “ปวดท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นไข้…..” นางยื่นมือแตะหน้าผากของฮ่องเต้หมิงหยวน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีไข้”
ลูกน้องร้านยาเดินไปช่วยประคอง เปิดม่านออก เดินเข้าไปทางด้านหลัง ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นว่าเปิดม่าน ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่เมื่อมองดูข้างใน กลับเห็นข้างในมีเตียงวางไว้หลายเตียง มีคนป่วยนอนอยู่บนเตียง
“พวกนี้ล้วนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน หมอจะดูให้เป็นกรณีพิเศษ พวกเราขอถามอาการก่อน วันนี้ทานอะไรไปบ้าง?”
มู่หรูกงกงรีบตอบว่า วันนี้ทานอะไรไปบ้าง ลูกน้องร้านยาได้ฟังแล้ว ก็หยิบยายาฮั่วเซียงให้ฮ่องเต้หมิงหยวนหนึ่งเม็ด ให้เขาทานลงไปก่อน แล้วรอหมอมาตรวจรักษา
ฮู่เฟยพูดขึ้นตรงๆว่า “แต่วันนี้พวกเราลืมเอาเงินมา”
ลูกน้องร้านยาหันกลับมาพร้อมพูดขึ้นว่า “หากลืมเอาเงินมา ก็ไม่เป็นไร หลังจากลงชื่อไว้แล้วให้คนกลับไปเอา หากไม่สะดวกภายในวันนี้ จ่ายภายในเดือนนี้ก็ได้”
ฮู่เฟยพูดขึ้นอย่างขอบคุณว่า “งั้นดีมากเลย ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไร” ลูกน้องร้านยาพูดเสร็จ แล้วก็หันไปทำงานต่อ
ฮู่เฟยป้อนให้ฮ่องเต้หมิงหยวนทานยาลงไป พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “เห็นที ไม่ใช่โรงหมอทุกที่ที่เป็นเช่นนี้ เพียงแต่หมอของโรงหมอนั่นนิสัยไม่ดี”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยังปวดท้องอยู่ พยักหัวด้วยสีหน้าขาวซีด เตียงที่นี่ถึงแม้จะเล็ก แต่มีกลิ่นยาหอมสมุนไพร มู่หรูกงกงประคองฮ่องเต้หมิงหยวนนอนลง
ผ่านไปพักเดียว ก็มีหมอเข้ามาแล้ว หมอคนนี้ดูหนุ่มมาก ท่าทางประมาณยี่สิบต้นๆ มู่หรูกงกงถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “เจ้าอายุน้อยขนาดนี้ก็เป็นหมอแล้วหรือ? อาจารย์เป็นใครหรือ?”
หมออมยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “วางใจ ข้ามั่นใจความสามารถในการรักษาของตนเอง”
หลังจากเขานั่งลงแล้ว ก็ตรวจชีพจรให้กับฮ่องเต้หมิงหยวน แล้วก็ถามว่าวันนี้ทานอะไรไปบ้าง ได้ยินว่าทานขนมหวานแช่เย็น จึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้อากาศเย็น คนเป็นโรคกระเพาะมื้อเช้าไม่ควรทานขนมหวานแช่เย็นจะดีที่สุด ทานอาหารเย็นเข้าไปจะทำให้ลำไส้บิดตัวได้ง่าย”
เขาเรียกลูกน้องร้านยาให้ไปหยิบกระเป๋าเข็มมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะฉีดยาแก้ปวดให้เจ้าก่อน จากนั้นจะจัดยารักษากระเพาะให้สองชุด กลับไปต้มดื่มสองครั้งก็ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ฝังเข็ม? เจ้าฉีดเป็นหรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขาอย่างสงสัย วิชาการฝังเข็ม ค่อนข้างซับซ้อน เขาอายุน้อยแค่นี้ หากไม่เชี่ยวชาญ จะไม่…..
หมอหยิบเข็มออกมาแล้ว จับมือของเขาเอาเข็มทิ่มตรงปากเสือ (ง่ามมือระหว่างนิ้วโป้ง และนิ้วชี้) ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกบนมือเจ็บเล็กน้อย ก้มหน้ามองดู เข็มถูกปักไว้อย่างมั่นคงแล้ว
จากนั้นก็ฝังเข็มตรงเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ พร้อมพูดขึ้นว่า “รอประมาณครึ่งธูปค่อยดึงเข็มออก เข้าพักผ่อนสักพัก ข้าไปดูคนป่วยคนอื่นก่อน”
เขาพูดเสร็จแล้วก็เดินไปที่เตียงด้านข้าง คนคนนั้นก็ปวดท้อง เขายื่นมือนวดสักพัก แล้วก็เริ่มฝังเข็ม
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขาอยู่ตลอด ด้วยสายตาค่อนข้างสงสัย
“นายท่าน ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” ฮู่เฟยนั่งอยู่ด้านข้างเขา ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกว่าอาการปวดท้องบรรเทาลงบ้างแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ดีขึ้นมาแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ทำให้เจ้าหมดสนุกเลย”
ฮู่เฟยจับมือของเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว หมดสนุกหรือไม่ ไม่สำคัญ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะเบาๆ แล้วก็เห็นมู่หรูกงกงยกน้ำอุ่นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “นายท่าน ดื่มน้ำก่อน”
“ทำไมถึงมีน้ำร้อนด้วย?” ฮู่เฟยถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ด้านนอกมีน้ำร้อนหนึ่งหม้อ กระหม่อมถามลูกน้องร้านยา จึงรู้ว่ามีคนคอยต้มน้ำร้อนไว้บริการให้ผู้ป่วยได้ดื่ม”
“ก็ถือว่าไม่เลว โรงหมอนี้ใครเปิด? ต้องชื่นชมเสียหน่อย” ฮู่เฟยรับถ้อยมา ยกน้ำร้อนไปใกล้ปากฮ่องเต้หมิงหยวน พร้อมพูดขึ้นว่า “มา ดื่มน้ำก่อน”
มู่หรูกงกงพูดว่า “ไม่รู้ว่าใครเปิด ชื่ออานคางถังไม่เคยได้ยิน คงจะเปิดยังไม่นานมั้ง?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนดื่มน้ำร้อน พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “น่าจะเป็นโรงหมอที่พระชายารัชทายาทเปิดพวกนั้น เจ้าดูโต๊ะเก้าอี้พวกนี้ ล้วนเป็นของใหม่”
ฮู่เฟยอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทเปิด? พระชายารัชทายาทเปิดโรงหมอตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เปิดมาหลายวันแล้ว เจ้าอยู่วังหลังตลอด ไม่รู้ก็ไม่แปลก” ท่าทีฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยๆดูดีขึ้น ให้มู่หรูกงกงไปเปิดม่านมองดูด้านนอก เห็นคนไข้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย หมอที่นั่งตรวจสองคน ตรวจถามอาการป่วยอย่างละเอียด นี่ถึงจะเป็นการรักษาอย่างแท้จริง