บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1236 จะตรวจสอบก็ให้ชัดๆ
เมื่อทั้งสี่กินอาหารเสร็จก็ออกจากร้านอาหารทันที อะซี่อยากไปดูทางนั้นหน่อย แต่โค้กเอาแต่บอกว่าอยากกลับ นางจึงได้แต่จากไป
พอกลับถึงจวน หยวนชิงหลิงก็บอกเรื่องนี้กับทังหยาง พอทังหยางได้ยินดังนั้นแล้วสีหน้าก็เคร่งเครียด ออกจวนไปทันที
หยวนชิงหลิงพาเจ้าแฝดไปตำหนักเซี่ยวเยว่ ตรวจสอบต่อว่าใครเป็นคนจุดไฟกันแน่
โค้กบอกว่าไม่ใช่เขา เซเว่นอัพบอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าหยวนชิงหลิงจะตะล่อมอย่างไร พวกเขาก็บอกว่าไม่ได้ทำ
สุดท้ายโค้กจึงชี้ที่ท้องนาง “สงสัยเป็นน้องสาว”
หยวนชิงหลิงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เอ่ย “ถ้าในท้องข้าเป็นน้องสาว งั้นนิสัยของน้องสาวก็ต้องอ่อนโยนแน่”
“มันก็ไม่แน่พ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่ นิสัยเสด็จน้าหกแย่อย่างนั้น” โค้กเอียงศีรษะเอ่ย
หยวนชิงหลิงนึกถึงหรงเยว่ มุมปากกระตุก “เสด็จน้าหกเจ้าเป็นคนพิเศษ”
“ท่านแม่ ถ้าน้องสาวซน อารมณ์ร้าย ท่านยังเอานางไหมพ่ะย่ะค่ะ?” เซเว่นอัพถาม
หยวนชิงหลิงครุ่นคิด ถูกเจ้าแฝดเบี่ยงความสนใจไปอย่างไม่รู้ตัว
เจ้าห้าอยากได้ลูกสาวมาตลอด เขาคิดว่าลูกสาวจิ้มลิ้มน่ารัก ถ้าเกิดเป็นพวกอารมณ์รุนแรง เขาคงได้มองตาค้างกระมัง?
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หยู่เหวินเห้าก็รีบร้อนกลับจวน เมื่อเห็นนางยังปลอดภัยดีถึงได้วางใจ โอบตัวนางเข้าอ้อมแขน “ต่อไปถ้าออกไปต้องเอาคนไปด้วยนะ ต่อไปข้าจะให้สวีอีติดตามเจ้า ตอนนี้อะซี่ก็ตั้งท้อง ปกป้องเจ้าไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องอย่างวันนี้อีก ข้าต้องตกใจตายแน่”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพลางเอ่ย “เอาล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก อย่างมากข้าแค่ออกไปน้อยหน่อยเท่านั้น”
เขาปล่อยนางออก ยื่นมือกอบใบหน้านาง “ขังเจ้าอยู่ในจวน งั้นไม่เท่ากับติดคุกหรือ? เวลาที่ต้องออกไปก็ต้องออกไป แต่ต้องมีคนคุ้มกันติดตัว”
“ครั้งนี้ดีที่มีโค้กอยู่” หยวนชิงหลิงลากเขาให้นั่งลง เล่าเรื่องที่เกิดในห้องส่วนตัวให้เขาฟัง พอพูดจบนางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “โค้กแทงนางได้สบายอย่างนี้ ทำลายโฉมของนาง แล้วก็ อยู่ดีๆ ไฟก็ลุกพรึบขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าไฟนั่นมาจากไหน แถมเจ้าตัวเล็กสองคนนั้นยังบอกว่าน้องสาวในท้องทำ”
ตั้งแต่หยู่เหวินเห้าไปยุคปัจจุบันด้วยตัวเอง ความสามารถในการยอมรับก็เพิ่มมากขึ้น ถึงตอนนี้จะบอกเขาว่าโต๊ะเป็นปีศาจเขาก็เชื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าน้องสาวในท้องจุดไฟ
เขาพูดกับหยวนชิงหลิงอย่างจริงจัง “คำพูดของเจ้าแฝด เต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ เจ้าอย่าลืมว่าพวกเขายังให้เจ้าเสือน้อยไปช่วยพวกเราได้ ก่อนหน้านี้เจ้าอยู่กลางอากาศเกือบตกลงมา ก็เป็นพวกเขาที่ช่วยเจ้าไว้”
เขายื่นมือลูบท้องของหยวนชิงหลิง ดวงตามีความตกใจและประหลาดใจ “ถ้าหลายฝูของเราเป็นคนทำจริง งั้นก็สุดยอดไปเลย เด็กคนนี้ต้องมีอนาคตแน่”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ยังไม่คลอดก็รู้จักจุดไฟแล้ว นางถูกลิขิตให้ไม่เหมือนกันลูกสาวบ้านอื่น ไม่เหมือนกับพี่หญิงเป่ากับพี่หญิงซิ่ว”
“ทำไมต้องเหมือนล่ะ?” หยู่เหวินเห้าชายตาหยิ่งทะนง “มีลูกสาว ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คืออีกหน่อยจะถูกรังแก ถ้านางมีความสามารถก็มีแต่นางรังแกคนอื่น ใครจะกล้ารังแกนาง? ทีนี้ไอ้แก่อย่างเราก็วางใจได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“ไอ้แก่อย่างเรา…” หยวนชิงหลิงหลุดหัวเราะขึ้นมาทันที พูดไปถึงเรื่องหลายสิบปีข้างหน้านู่นแน่ะ
ทั้งสองพูดถึงหลายฝูตัวน้อย คุยไปพักใหญ่ จากนั้นหยวนชิงหลิงจึงถามขึ้น “เจ้าหญิงฮุ่ยผิงเป็นยังไงบ้าง?”
ดวงตาหยู่เหวินเห้าเต็มไปด้วยความแค้น “ยังไม่ตาย แต่ไฟคลอกบาดเจ็บหนัก ตอนนี้นางถือว่าญาติมิตรหนีหาย ถ้าไม่เห็นแก่ไท่ซ่างหวง ข้าก็อยากฆ่านางทิ้งซะ”
อึดใจหนึ่งแล้วก็เอ่ยขึ้นอีก “แต่ตอนนี้นางก็ไม่ต่างอะไรกับตาย ไฟคลอกหนักขนาดนั้น ถึงจะฝืนอยู่ต่อ ต่อไปก็อย่าคิดเห็นเดือนเห็นตะวันอีก”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า ฮุ่ยผิงเคยทำให้คนตายไปหลายคน ถึงจะตาย ก็ไม่คู่ควรกับความเห็นใจ
แต่ถ้าไม่ตาย รับทุกขเวทนา เช่นนั้นก็ถือเป็นกรรมตามสนอง
เมื่อเรื่องของฮุ่ยผิงรายงานถึงไปถึงหูฮ่องเต้หมิงหยวน มู่หรูกงกงจึงเอ่ยถาม “ทรงเห็นว่าเรื่องนี้ควรรายงานไท่ซ่างหวงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าว “ไท่ซ่างหวงกำลังเสพสุขกับชีวิตบั้นปลาย เรื่องพวกนี้ก็ไม่ต้องทูลให้ทรงทราบหรอก ไว้หาเวลาบอกเรื่องที่ฮุ่ยผิงตามราชบุตรเขยไปจื๋อลี่ก็พอ”
มู่หรูกงกงรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นข้าน้อยจะให้คนปิดปากให้สนิท”
ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ต้อง ทูลให้ทรงทราบแล้วกัน ถึงยังไงก็ปิดพระองค์ไม่มิด”
มู่หรูกงกงเอ่ย “ปิดไม่ได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ในตำหนักฉินคุน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ดูเหมือนไม่ถามไม่ไถ่ แต่ข่าวก็ยังแพร่เข้าไปไม่ขาดสาย
ฮ่องเต้หมิงหยวนรายงานด้วยตนเอง เมื่อไท่ซ่างหวงได้ฟังแล้วก็นิ่งงันไปพักหนึ่ง “ชีวิตคนเหล่านั้นที่จื๋อลี่ ส่งคนไปตรวจสอบ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ ก็ประหารนางซะ สำหรับราชบุตรเขยกับยอดหมอหลิว หลายปีมานี้จะบอกว่าถูกใส่ความไม่ได้ โดยเฉพาะยอดหมอหลิวทุจริตหรือไม่ตรวจสอบดูก็รู้ จะตรวจสอบก็ตรวจสอบให้ถึงที่สุด ทำให้ชัดเจน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนลังเลครู่หนึ่ง “เสด็จพ่อ ราชบุตรเขยบริจาคสามล้านตำลึง…”
ไท่ซ่างหวงพูดเรียบ “เป่ยถังไม่มีระเบียบที่ว่าใช้เงินขจัดทุกสิ่ง”
“หม่อมฉันทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่ออย่าทรงเสียพระทัยมาก” ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยเสียงเบา
ไท่ซ่างหวงมองเขา นัยน์ตาเคร่งเครียด “ตอนนางทำเรื่องพวกนั้นยังไม่คิดว่าข้าจะเสียใจหรือไม่ แล้วเหตุใดข้าต้องเสียใจเพื่อนางด้วย? ไปเถอะ ยังไงก็เป็นน้องสาวเจ้า รีบให้คนตรวจให้แน่ชัด จัดการให้เร็วก็พอ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนคำนับทูลลา
เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนจากไปแล้ว เด็กๆ ก็เลิกเรียนกลับมา
พรุ่งนี้เป็นวันออกวังพักผ่อนเดือนละครั้งของพวกเขา กลับไปได้สามวัน ดังนั้นคืนนี้ซาลาเปาจึงไม่เรียนวิชาตอนค่ำ รอท่านพ่อมารับ
ทั้งสามเคยชินกับการเกาะติดเสด็จทวด นั่งข้างขาสนทนา
“เจ้าดูเด็กพวกนี้สิ ตอนเด็กๆ ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาขนาดนี้” ไท่ซ่างหวงมองใบหน้าน่ารักของเด็กๆ พูดกับโสวฝู่ฉู่ “ไหนเลยจะรู้ว่าพวกเขาก็มีวันที่จิตใจอำมหิต”
โสวฝู่ฉู่เงียบ เพียงแต่ม้วนยาเส้นวางไว้ในถุงยาสูบ ยื่นให้เขา
ไท่ซ่างหวงสูบยาเงียบๆ
เจ้าห้าเข้าวังมารับเด็กๆ ช้าหน่อย อยู่กินอาหารที่ตำหนักฉินคุน ดูแลอย่างระวังตลอด และไม่กล้าพูดมาก
ไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้พูดอะไร พอพวกเขาสี่พ่อลูกจะจากไป ไท่ซ่างหวงถึงเอ่ยขึ้น “บอกพระชายารัชทายาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง ไม่ต้องคิดมาก”
เจ้าห้าโล่งอก “เสด็จปู่ เจ้าหยวนเป็นห่วงพระองค์มากจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องห่วง วางใจดูแลครรภ์เถอะ” ไท่ซ่างหวงโบกมือ ให้พวกเขากลับ
โสวฝู่ฉู่ส่งพวกเขาออกไป พอถึงข้างนอกหยู่เหวินเห้าก็ถามโสวฝู่ “เสด็จปู่ทรงเสียพระทัยมากหรือเปล่า?”
โสวฝู่ฉู่เอ่ย “ยังไงก็เป็นพระธิดาของพระองค์ บอกว่าไม่เสียพระทัยเลยเป็นเรื่องโกหกพ่ะย่ะค่ะ แต่พระองค์ก็ต้องทำอย่างนั้น เจ้าหญิงฮุ่ยผิงเป็นเจ้าหญิงของราชวงศ์ นางทำผิด ในสายตาของประชาชนก็คือราชวงศ์ทำผิด”
“ทรงโทษเจ้าหยวนหรือเปล่า?” ที่จริงหยู่เหวินเห้ากังวลเรื่องนี้ที่สุด
โสวฝู่ฉู่มองเขาแล้วหัวเราะ “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพระชายารัชทายาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ? ในใจของพระองค์ไท่ซ่างหวงทรงไม่แยกแยะดีชั่วหรือ? พระชายารัชทายาทปฏิวัติการแพทย์ครั้งนี้ เป็นคุณประโยชน์แก่แผ่นดินแลราชสำนัก ไท่ซ่างหวงมีแต่ชื่นชมนาง จะโทษนางได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ก็เหมือนกับที่ท่านโสวฝู่กล่าวมาอย่างนั้น ยังไงเจ้าหญิงฮุ่ยผิงก็เป็นพระธิดาของพระองค์”
“ในใจไท่ซ่างหวง แผ่นดินสำคัญกว่าอะไรทั้งปวง รวมถึงตัวพระองค์เองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าเข้าใจแล้ว พาเด็กๆ กลับจวน