บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1251 เจ้าปรารถนาให้ข้าไปที่ไหน
ทังหยางเดินเข้ามา เอ่ยถาม “รัชทายาท ในสมุดคืออะไรพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความตื่นเต้น “เป็นวิธีการสร้างอาวุธทหาร”
ทังหยางดีใจมาก “แบบนั้นก็ดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่รีบร้อน “เตรียมม้า ข้าต้องการไปจวนเหลิ่งรอบหนึ่ง!”
ตอนนั้นดินปืนอาวุธทหาร เป็นอ๋องชินเฟิงอันสร้าง ตอนนี้ได้รับสมุดที่เขาสอนด้วยตัวเอง หากทำตามสมุด จะต้องสำเร็จอย่างรวดเร็วเป็นแน่
ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของหยู่เหวินเห้ากลับคืนมา ค้างอยู่ที่จวนเหลิ่งสองสามวัน แม้จวนก็ไม่ได้กลับ ระหว่างนั้นมีนักฆ่าวางแผนที่จะบุกรุกเข้าจวนเหลิ่ง แต่ว่า ในจวนเหลิ่งแม้แต่คนกวาดพื้นก็มีวิทยายุทธล้ำเลิศ ต้องการบุกรุกเข้ามาสังหารรัชทายาท จะง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร?
ก็ถูกโจมตีให้ถอยไปอย่างง่ายดายแล้ว แต่ ท่านชายสี่กล่าวว่า ที่ออกเคลื่อนไหวตอนนี้ ล้วนเป็นพวกที่ไม่ได้มีชื่อเสียงในสังคม ยอดฝีมือที่แท้จริง จะดูเวลาที่แม่นยำแล้วค่อยลงมือเท่านั้น ดังนั้น ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่อันตรายที่สุด รอให้คนพวกเขาเสียหายไปพอประมาณแล้ว เช่นนั้นความอันตรายที่แท้จริงก็จะมาแล้ว
หยวนชิงหลิงรู้ว่าหยู่เหวินเห้าตั้งใจจดจ่ออยู่กับการศึกษาอาวุธอย่างเจาะลึก ละเลยที่จะควบคุมดูแลแม้แต่เรื่องกิจราชการ ดีที่ ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดว่าเขายังเป็นเสียใจเรื่องที่ไท่ซ่างหวงออกรบ จึงได้ปล่อยให้เขาเศร้าเสียใจไปอีกไม่กี่วัน
กู้ซือก็ทูลแก่ฮ่องเต้หมิงหยวน บอกว่ามีนักฆ่ากลุ่มหนึ่งเข้ามาในเมืองหลวงต้องการสังหารรัชทายาท ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงให้กู้ซือส่งคนไปปกป้องรักษารัชทายาทอีกหน่อย
ในช่วงสงคราม ฮ่องเต้หมิงหยวนได้เลือกหญิงงามมากมายของวังหลัง และไม่ได้เชยชม ทำเป็นเพียงให้เสร็จเรื่องนี้ไป
ขุนนางในราชสำนักบางคนเดิมทีก็เป็นห่วงเรื่องการสงครามครั้งนี้ จะทำให้อำนาจของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยแข็งแกร่งขึ้นอีก ตอนนี้เห็นฮ่องเต้หมิงหยวนเลือกพระชายา โชคดีที่วังหลังมีคนใหม่ๆเพิ่มเข้ามา ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ถึงขั้นเอาแต่โปรดปรานฮู่เฟยเพียงอย่างเดียว ทำให้คำวิจารณ์ต่อฮู่เฟยค่อยๆสงบลง
ไท่ซ่างหวงออกศึกด้วยตัวเอง ยังได้ทำให้ขุนนางส่วนใหญ่ในราชสํานักได้รับการปลุกเร้า จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง กระแสการอุทิศตนเพื่อราษฎรแผ่ซ่านไปทั่วราชสำนักและหมู่ราษฎร
ท่านชายสี่แบ่งความสนใจออกมา เรียกคนของสมาคมการค้ามารวมตัวกันเพื่อบริจาคให้ราชสํานัก เขาไม่ได้บอกให้บริจาคเงิน เขาใช้วิธีการรับซื้อและสนับสนุน บ้านไหนสนับสนุนรองเท้าให้กองทัพทหารมากน้อยเท่าไหร่ บ้านไหนสนับสนุนเสบียงอาหารทหารมากน้อยแค่ไหน แม้แต่อาวุธไปจนถึงชุดเกราะ ก็ล้วนมีคนสนับสนุน
การกระทําเช่นนี้ช่วยอ๋องหวยได้ เพราะอ๋องหวยเป็นขุนนา ตอนนี้กองทัพใหญ่ออกเดินทางแล้ว เสบียงอาหารชุดแรกที่อ๋องหวยระดมมาได้ออกเดินทางไปล่วงหน้าพวกเขา ตอนนี้ ก็ต้องระดมชุดที่สอง ท่านชายสี่ทําเช่นนี้ ความจริงแล้วก็ช่วยเขาได้เป็นอย่างมาก
การกระทำของท่านชายสี่ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้หมิงหยวน ในเวลาอันสั้น ขุนนางในจวนแต่ละเมืองก็เริ่มระดมกำลังพ่อค้าที่ร่ำรวยในเมืองของตัวเองให้ทำการบริจาค ซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับกองทัพส่งไปให้อ๋องหวย ให้อ๋องหวยจัดการส่งไปที่ชายแดน
เพราะทุกคนล้วนรู้ว่า ไท่ซ่างหวงเป็นผู้ที่ขึ้นสนามรบครั้งนี้ ช่วยเหลือแนวหน้า ก็คือการช่วยเหลือไท่ซ่างหวง นั่นคือไท่ซ่างหวงของพวกเขาเชียวนะ
ทั้งเป่ยถัง ไม่เคยมีพลังการรวมตัวที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน สาสน์ทูลข้อราชการของแต่ละเมืองส่งมาถึงเบื้องหน้าโต๊ะทรงงานของฮ่องเต้หมิงหยวนดุจดั่งเกล็ดหิมะเช่นนั้น บริจาคมากน้อยเท่าไหร่ล้วนมีการระบุอย่างชัดเจน ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่เลื่อมใสไท่ซ่างหวงไม่ได้ พวกเขาออกศึกบางทีอาจจะไม่ได้ขึ้นสนามรบไปสังหารศัตรูจริงๆ แต่ว่า กลับสามารถทำให้ทั้งเป่ยถังรวมใจเป็นหนึ่งได้ ราษฎรสนับสนุน และพลทหารฮึกเหิมอาจหาญ
พลังการเรียกร้องเช่นนี้ นอกจากพวกเขา ก็ยังไม่มีคนอื่นที่สามารถทำได้จริงๆ
วันนี้ขณะที่ฮ่องเต้หมิงหยวนหารืออยู่ในห้องทรงพระอักษร ก็ได้ตรัสต่อเหล่าขุนนางว่า การออกศึกครั้งนี้ ฮ่องเต้ราษฎรสามารถมีจิตใจหนึ่งเดียวกันได้ ช่างทำให้คนฮึกเหิมจริงๆ เขาประกาศว่าเป่ยถังจะมีอานุภาพขึ้น ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อต่างประเทศ ไม่สามารถที่จะแอบซ่อนความสามารถได้อย่างเดียว
ขุนนางของเป่ยถัง ได้ฟังคำพูดของฮ่องเต้หมิงหยวน รู้สึกว่าเอวของตัวเองล้วนแข็งขึ้นมาแล้ว
มีข่าวดีถ่ายทอดมาจากหนานเจียงอีกครั้ง เหลิ่งจิ้งเหยียนปักหลักทำสงครามกับหมอผี มีชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ละเว้นภาษีทุกชนิดของทั้งหนานเจียงสามปี เจียงเป่ยและชายแดนทางใต้จับมือปรองดองกัน หนานเจียงปกครองโดยอ๋องหนานเจียง
วันที่ข่าวแจ้งว่าได้ชัยชนะมาถึง ฮ่องเต้หมิงหยวนดีพระทัยมาก มีราชโองการฉบับหนึ่งลงไป ให้อ๋องชุนนําทัพไปที่ด่านชายแดน ช่วยเหลือไท่ซ่างหวง
ในจวนอ๋องหนานเจียง!
ความสำเร็จในการเจรจาสงบศึกเกิดขึ้นในจวนอ๋องหนานเจียง อะโฉ่วและหมอผีไม่กี่ท่านยังคงอยู่เป็นแขกในจวนอ๋องหนานเจียง เหล่าหมอผีไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไป ชายแดนเหนือใต้ถูกตัดขาดจากกันมาหลายปี พวกเขาก็ไม่เคยได้เหยียบย่ำเข้ามาที่ดินแดนทางใต้มาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว พวกเขาอยากอยู่ที่นี่ต่อ และเดินไปทั่วๆ และมองดูไปรอบๆ
ฐานะหมอผีสวรรค์ของอะโฉ่วก็ได้รับการยอมรับจากพวกเขาแล้ว ดังนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะให้อะโฉ่วจากไปจากหนานเจียงอีก
แต่เหลิ่งจิ้งเหยียนต้องการกลับเมืองหลวง
หงเย่ก็ยังลังเล เพราะอะโฉ่วหวังว่าเขาจะสามารถอยู่ที่หนานเจียงได้ตลอดไป อยู่ข้างกายของนาง
หงเย่ค่อนข้างจนปัญญาเล็กน้อย “เจ้าล้วนเป็นหมอผีสวรรค์ของเจียงเป่ยแล้ว ข้าจะอยู่ข้างกายของเจ้าทำอะไร?”
“ท่านเป็นเจ้านายของอะโฉ่ว ทั้งนี้ชีวิตนี้ล้วนเป็น” อะโฉ่วกล่าวอย่างดึงดัน
หงเย่หัวเราะแล้วกล่าว “เจ้าอย่าพูดเช่นนี้อีกเลย เจ้าพูดอีก หมอผีเหล่านั้นจะต้องขยี้ข้าให้ตายแน่”
อะโฉ่วมองเขาด้วยเบ้าตาแดงๆ “ท่านชายคนเดียว โดดเดี่ยวเพียงลำพัง หากว่าไม่อยู่ข้างกายอะโฉ่ว จะสามารถไปที่ไหนได้? แม้แต่อาหารท่านชายก็ทำไม่เป็น”
หงเย่ขมวดคิ้ว “โดดเดี่ยวเพียงลำพังอะไรกันล่ะ? อย่างน้อยข้าก็เป็นจวิ้นอ๋องของสองประเทศ ข้าไปแคว้นต้าโจวได้ ไปเป่ยถังได้ ฐานะของจวิ้นอ๋อง ก็เพียงพอให้ข้าอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งทั้งชีวิตแล้ว”
“แต่ว่าพวกเขาล้วนไม่ชอบท่านชาย” อะโฉ่วยังคงเป็นกังวลอย่างหนัก นางไม่เต็มใจให้หงเย่จากไปจริงๆ อันที่จริง พูดให้กระจ่าง ก็ตัวนางเองที่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง แม้ว่าฐานะตอนนี้จะเป็นหมอผีสวรรค์ นางก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคนสนิทชิดเชื้อ ท่านชายอยู่ข้างกายจึงจะรู้สึกมั่นคง”
“พวกเขาชอบ!” หงเย่มองดูนางอย่างจนปัญญา “ทำไมในสายตาของเจ้าข้าถึงได้ไม่มีค่าสักน้อย? ทำไมเจ้าถึงคิดว่าไม่มีคนชอบข้าล่ะ?”
“เป็นความจริง พวกเขาคิดเพียงจะหลอกใช้ท่านชาย พวกเขากลัวท่าน แต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้ท่านจากไป กลัวว่าท่านจะทำร้ายพวกเขา”
หงเย่มองไปทางเหลิ่งจิ้งเหยียนที่นั่งดื่มชาอยู่ใต้ระเบียง เหลิ่งจิ้งเหยียนได้ยินคําพูดของอะโฉ่ว จึงหันมามองอย่างเฉยชา กล่าวว่า “แม้ว่าเขาจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน แต่พวกเราก็กลับไม่ได้เป็นกังวลสิ่งนี้”
อะโฉ่วไม่สนใจเหลิ่งจิ้งเหยียน ขอร้องหงเย่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
หงเย่เดินเข้าไป พิงที่เสากลมมองดูเหลิ่งจิ้งเหยียน “ท่านไปเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้ทันทีที่เช้า!” เหลิ่งจิ้งเหยียนเหลือบดวงตาดำขลับขึ้นมองดูเขาแวบหนึ่ง “เจ้าล่ะ? กลับไปที่เป่ยถังหรือว่าแคว้นต้าโจว?”
หงเย่จอนผมที่ห้อยลงมาเล็กน้อย “คำนี้ถามแปลกๆ”
เหลิ่งจิ้งเหยีนมองดูเขา “มีอะไรน่าแปลก?”
“ท่านถามว่าจะกลับไปที่เป่ยถังหรือว่าแคว้นต้าโจว ทำไมไปที่เป่ยถังคือกลับไป? ท่านคิดว่าเป่ยถังเป็นบ้านของข้าหรือ?”
“ท่านไม่ใช่คนเป่ยถังหรือ? ก่อนหน้านี้ท่านเคยพูด ท่านเติบโตที่เป่ยถัง” เหลิ่งจิ้งเหยียนกลับรู้สึกว่าการพูดเช่นนี้ถูกต้องมาก
“ที่ข้าพูดท่านล้วนจำได้งั้นหรือ?” หงเย่มองดูเขา
เหลิงจิ้งเหยียนถือชา แววตาราบเรียบ “ความจำของข้าดีมาโดยตลอด”
หงเย่ชำเลืองมองเขาเป็นเวลานาน “เช่นนั้นท่านหวังจะให้ข้าไปที่ไหน?”
เหลิ่งจิ้งเหยียนงงงัน “ท่านก็ไปตามใจของท่านสิ ท่านอยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่น อยากอยู่ก็อยู่ต่อ”
หงเย่กล่าวอย่างเย็นชา “อยู่ต่อ? ดูท่าอะโฉ่วพูดได้ถูกต้อง ท่านหวังว่าข้าจะอยู่ที่หนานเจียงต่อ พวกเจ้ายังรู้สึกว่าข้ามีการคุกคามอยู่ใช่หรือไม่?”
เหลิ่งจิ้งเหยียนมองดูเขาจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง “ท่านนี่ความสามารถในการฟังมีปัญหาหรือว่าความสามารถในการเข้าใจมีปัญหา?”
“ล้วนไม่มีปัญหา ได้ ข้าอยู่ต่อ เจ้าไป!” หงเย่หมุนตัวก็เข้าไปในจวน