บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1253 กระหายน้ำเป็นพิเศษ
นักฆ่ากลุ่มใหญ่ มาถึงเมืองหลวง ในที่สุดก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่ ลงมือต่อจวนอ๋องฉู่แล้ว
จวนอ๋องฉู่จัดวางกำลังป้องกันอย่างเข้มงวด บุกรุกเข้าจวนอ๋องฉู่ ก็คือการเสาะหาที่ตายโดยแท้ นักฆ่าทีละกลุ่มทีละกลุ่ม บุกเข้าไปไม่นาน ศพก็ถูกหามออกไป แค่ไม่กี่วัน ในจวนอ๋องฉู่ทิ้งศพออกไปสิบกว่าศพแล้ว
จวนอ๋องฉู่ แทบจะกลายเป็นสนามรบที่ดุเดือดของการสังหารแล้ว
แม้จะบอกว่าไม่มีความคุกคามมากเท่าไหร่ แต่ว่า ในจวนมีพวกเด็กๆและเจ้าแฝด ทั้งยังมีหญิงตั้งท้องอีกสองคน ฆ่าฟันกันทั้งวันก็ไม่ค่อยจะดีนัก ดังนั้นหยู่เหวินเห้าอยากหารือกับหยวนชิงหลิงเล็กน้อย เขาย้ายไปอยู่ที่จวนเหลิ่งสองสามวัน
หยวนชิงหลิงค่อนข้างลำบากใจ ความจริงนางไม่ค่อยอยากให้เจ้าห้าออกไปจากจวนอ๋องฉู่ เขาไม่อยู่ในจวน ประสบกับเรื่องอะไร นางก็ไม่รู้
แต่ว่า มีนักฆ่าบุกรุกเข้ามาในจวนมากขนาดนี้ทุกวัน เจ้าแฝดและพวกเด็กๆมองดูการฆ่าฟัน ก็เหมือนการดูละครเช่นนั้น เกรงว่าดูมากแล้ว จะทำให้พวกเขาคิดว่าการฆ่าฟันเป็นสถานการณ์ปกติ
ก่อนหน้านี้ฉากนั้นในโรงเตี๊ยม จนกระทั่งวันนี้นึกขึ้นมาหยวนชิงหลิงก็ล้วนรู้สึกขนลุกขนชัน
นางจำต้องตกลงเท่านั้น ให้หยู่เหวินเห้าไปอาศัยที่จวนเหลิ่ง แต่ว่า ก็ต้องการให้เขาพาหมาป่าหิมะและเจ้าเสือน้อยไปด้วย
หลังจากหยู่เหวินเห้าออกจากจวนไปในคืนแรก หยวนชิงหลิงพลิกตัวไปมาก็ไม่มีทางจะหลับลงได้ จิตใจร้อนรนเป็นอย่างมาก มักจะรู้สึกว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเสมอ นางลุกขึ้นมาดื่มน้ำหลายครั้ง ลู่หยาเข้ามาปรนนิบัติ ถามนาง “พระชายารัชทายาท ท่านไม่สบายหรือไม่เพคะ?”
“ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นห่วงรัชทายาท” หยวนชิงหลิงนั่งใต้โคมไฟ สามารถมองเห็นใบหน้าที่อิ่มเอิบของตัวเองได้จากในกระจก หลังจากที่ตั้งครรภ์ท้องที่สาม ปริมาณการกินอาหารเพิ่มขึ้น ตัวนางเองก็รู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นเล็กน้อยแล้ว แต่ว่าตอนนี้ใบหน้านี้ดูแล้วไร้สีเลือด
“รัชทายาทจะไม่เป็นอะไรเพคะ ท่านอย่าได้เป็นกังวลเลย ท่านไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นนี้ รัชทายาทรู้จะต้องเป็นห่วงนะเพคะ” ลู่หยาโน้มน้าว
หยวนชิงหลิงพยักหน้า วางแก้วน้ำลงข้างเตียง จากนั้นก็นอนลงไปอีก
เพียงแต่หลังจากที่นอนลงแล้ว อารมณ์ความรู้สึกกลัดกลุ้มใจก็แปรปรวนไม่หยุด นางลุกขึ้นนั่ง กุมแก้วไว้ ดื่มหมดไปในหนึ่งคำ ก็ยังคงรู้สึกว่ามีไฟกำลังแผดเผาอยู่ในจิตใจ เป็นความรู้สึกไม่สบายใจที่อธิบายไม่ออก
ไม่ง่ายที่จะอดทนมาได้ถึงฟ้าสาง นางให้ทังหยางไปจวนเหลิ่งรอบหนึ่งทันที ดูว่าหยู่เหวินเห้าเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่
ทังหยางไปด้วยตนเอง กลับมารายงานบอกว่า เมื่อคืนมีนักฆ่าบุกรุกเข้าไปในจวนเหลิ่ง แต่รัชทายาทไม่เป็นไร แค่เผาห้องเก็บฟืนเท่านั้น
หยวนชิงหลิงคิดถึงเมื่อคืนที่จิตใจก็เหมือนดั่งถูกไฟเผาเช่นนั้น ทันใดนั้นจึงรู้สึกไม่สบายใจ “เป็นนักฆ่าวางเพลิงหรือ?”
“น่าจะไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดเพลิงขึ้นโดยไร้ต้นตอได้อย่างไร หลังจากนั้นจึงได้รู้ว่ามีนักฆ่าผู้หนึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บฟืน นักฆ่าผู้นั้นเป็นผู้ที่ออกมาจากกระดูกมนุษย์หมาป่า ปลอมตัวเข้าไปในจวน หลบอยู่ในห้องเก็บฟืน รอเวลาลงมือ ไหนเลยจะรู้ว่าห้องเก็บฟืนจะเกิดเพลิงขึ้น ประจวบเหมาะกับมีนักฆ่าคนอื่นเข้ามา นักฆ่าของกระดูกมนุษย์หมาป่าผู้นั้นจึงซ่อนตัวไม่อยู่ เปิดเผยตัวออกมา รุมเข้าโจมตีพร้อมกับนักฆ่าอีกผู้หนึ่ง แต่ล้วนถูกสังหารแล้ว พระชายารัชทายาทวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาทไม่เป็นอะไรสักน้อยพ่ะย่ะค่ะ”
เป็นไฟอีกแล้ว
หยวนชิงหลิงรู้สึกคอแห้งอย่างฉับพลัน อดเทน้ำอีกแก้วหนึ่ง ทว่าน้ำที่เทออกมามีความอุ่น นางดื่มลงไปก็ไม่ได้รู้สึกว่าสบาย นางถามลู่หยา “น้ำแข็งที่เอามาก่อนขึ้นปีใหม่ยังมีหรือไม่?”
“น้ำแข็ง? ก็เก็บไว้ในคลังน้ำแข็งน่ะเพคะ!” ลู่หยางงงันเล็กน้อยแล้วกล่าว
“เจ้าไปเอามาให้ข้าก้อนหนึ่ง ข้าอยากดื่มน้ำเย็น ข้ากระหายน้ำมาก!”
ทังหยางตะลึงงัน “กระหายน้ำก็ดื่มน้ำสิพ่ะย่ะค่ะ ทําไมถึงต้องดื่มน้ำเย็นล่ะ? นี่อากาศก็ยังไม่ร้อน ไม่จําเป็นต้องดื่มน้ำเย็นนี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้ ข้าอยากดื่มน้ำเย็น!” เมื่อหยวนชิงหลิงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้น ก็ยิ่งยับยั้งไม่อยู่ บอกให้ลู่หยารีบไปเอาหน่อย
ทังหยางมองดูนางด้วยความสงสัย “อยากกินน้ำแข็งขนาดนั้นเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ? เพียงแต่ กินน้ำแข็งตอนนี้ เกรงว่าจะไม่ดีต่อกระเพาะนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร นานๆครั้ง ไม่กลัว” หยวนชิงหลิงกล่าว
ทังหยางไม่วางใจเล็กน้อย ออกไปบอกฉี่หลอให้ไปเชิญฮูหยินใหญ่มา ให้ฮูหยินใหญ่ช่วยนางตรวจชีพจร
ลู่หยาบอกให้หูหมิงช่วยเหลือ หยิบน้ำแข็งก้อนหนึ่งที่ใส่อยู่ในไหดินเผาออกมา ขณะที่เก็บน้ำแข็งก้อนเหล่านี้ ล้วนใช้น้ำในบ่อ ดังนั้นจึงสะอาดมาก ทีแรกลู่หยาอยากจะตีให้แตกแล้วใส่ไปในแก้วให้นาง จะรู้ได้อย่างไร หยวนชิงหลิงหยิบขึ้นมาก็ใส่เข้าในปากโดยตรง
เสียงน้ำแข็งแหลกละเอียดดังขึ้นในปากของนาง ฟันของนางบดละเอียดก้อนน้ำแข็งโดยตรง นั่นเรียกว่ากรอบ ทังหยางและลู่หยาล้วนมองตาค้างแล้ว
“พระชายารัชทายาท น้ำแข็งนี่กินเช่นนี้หรือเพคะ?” ลู่หยาถามอย่างงงัน
“อืม!” หยวนชิงหลิงหยิบกำหนึ่งใส่เข้าในปากอีกครั้ง เคี้ยวสองสามครั้ง กลืนทั้งหมดลงท้อง จึงรู้สึกว่าไฟในจิตใจลดลงไปมาก เกิดความเย็นขึ้นมาเล็กน้อย ความเย็นนี้ทำให้นางรู้สึกสบาย สบายอย่างอธิบายไม่ถูก
“พระชายารัชทายาท ท่านไม่เป็นไรนะพ่ะย่ะค่ะ? รู้สึกว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” สายตาของทังหยางมีความสับสนเล็กน้อย ไม่เคยเห็นพระชายารัชทายาทเป็นเช่นนี้มาก่อน รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หยวนชิงหลิงกล่าว “เมื่อคืนข้าก็เป็นเช่นนี้ รู้สึกว่าร้อนเป็นอย่างมากอยู่ตลอด จิตใจเหมือนถูกไฟเผาเช่นนั้น ทรมานเป็นที่สุด แต่ว่า นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่สบายตรงไหน”
ลู่หยากล่าว “ใช่ เมื่อคืนพระชายารัชทายาทลุกขึ้นมากินน้ำอยู่ตลอด หลายครั้งเชียวล่ะ อีกทั้งดื่มน้ำไปแล้ว ก็ไม่เห็นว่านางจะไปห้องน้ำ”
ทังหยางเพ่งมองใบหน้าของหยวนชิงหลิงอย่างละเอียด “เพราะอ้วนขึ้นเล็กน้อยหรือว่ามีการบวมน้ำเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ?”
“อ้วนแล้ว!” หยวนชิงหลิงลูบหน้าของตัวเองเล็กน้อย กล่าว เพราะอ้วนหรือบวมน้ำ ตัวนางเองก็แยกไม่ออก
ทังหยางกล่าว “บอกคนให้ไปเชิญฮูหยินใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ต้องให้ฮูหยินใหญ่ตรวจชีพจรถึงจะดีพ่ะย่ะค่ะ”
ทีแรกหยวนชิงหลิงอยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ปกติมาก กระหายน้ำอยู่ตลอด ตอนนี้ยังอยากกินน้ำแข็งอีก หรือจะมีปัญหาจริงๆ ให้ท่านย่าตรวจดูก็ดี
ท่านย่าหยวนเพิ่งเตรียมตัวจะออกจากบ้านไปโรงหมอหลวง ได้ยินว่าหยวนชิงหลิงไม่สบาย จึงรีบเข้ามาก่อนแล้ว
เข้าประตู ลู่หยาก็รีบบอกแล้ว “ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ พระชายารัชทายาทกระหายน้ำอยู่ตลอด ทั้งยังจะกินน้ำแข็งอีกเจ้าค่ะ”
“กินน้ำแข็ง?” ท่านย่าหยวนขมวดคิ้ว มองดูหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปหยิบน้ำแข็งก้อนหนึ่งในไหดินเผาพอดี เห็นท่านย่ามองมา นางจึงหดมือกลับไปแล้ว ทว่าความกระหายในลําคอนั้นก็ทนได้อย่างลำบาก จึงได้หยิบใส่ปากไปก้อนหนึ่ง
คราวนี้นางไม่ได้เคี้ยว แต่ปล่อยให้น้ำแข็งอยู่บนลิ้นนิ่งๆ สัมผัสถึงความเย็นที่ค่อยๆกระจายไปบนลิ้นนั่น ความแห้งผากในลําคอก็ลดลงไปบ้างแล้ว
ท่านย่านั่งลง เอื้อมมือไปคลำที่หน้าผากของนาง “มีความร้อนเล็กน้อยนะ”
“มีหรือ?” หยวนชิงหลิงเองก็คลำตัวเอง มือเพิ่งจะหยิบก้อนน้ำแข็ง เย็นเฉียบมาก คลำบนหน้าผากก็รู้สึกร้อนผ่าว “มีไข้เล็กน้อยจริงๆ คงไม่ได้เป็นหวัดหรอกนะ? แต่ข้าก็ไม่ได้ไม่สบายตรงอื่นนี่”
“ให้ข้าตรวจชีพจรสักหน่อย!” ท่านย่าหยวนกล่าว
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกมา ลู่หยารีบเอาของมาลองไว้ ท่านย่าหยวนจับชีพจร วินิจฉัยครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนมืออีกข้างหนึ่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงเอ่ยว่า “สภาวะของชีพจรก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ?”
“แค่กระหายน้ำ อยากกินของเย็นและน้ำแข็งเป็นอย่างมาก”
“เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็เมื่อคืน……” นางคิดแล้วคิดอีก “แต่ว่าหมู่นี้ล้วนกระหายน้ำเป็นที่สุด ที่รุนแรงเช่นนี้ก็เป็นครั้งแรก เมื่อคืนแทบจะนอนไม่หลับ ลุกขึ้นมาดื่มน้ำอยู่ตลอด”
“สภาวะชีพจรไม่มีปัญหาอะไร แต่ดูนัยน์ตาและลิ้นของเจ้า กลับมีเค้าลางของอาการตับร้อนเพิ่มขึ้น ข้าจะจ่ายยากินให้เจ้า เจ้าลองดื่มดูว่าดีขึ้นหรือไม่” ท่านย่าเขียนใบสั่งยาแล้วยื่นลู่หยาทันที กล่าวกำชับว่า “ไปซื้อยา น้ำสามถ้วยต้มจนเป็นน้ำหนึ่งถ้วย หนึ่งวันดื่มหนึ่งครั้ง ดื่มสามวัน”
“ทราบเจ้าคะ!” ลู่หยารับใบสั่งยาแล้วจึงออกไป
ทังหยางก็หมุนตัวออกไป