บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1256 นักฆ่าทุ่มหมดหน้าตักวัดดวงครั้งสุดท้าย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1256 นักฆ่าทุ่มหมดหน้าตักวัดดวงครั้งสุดท้าย
อะซี่หัวเราะพลางแล้วเอ่ย “หรงเยว่ช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดคนหนึ่งของราชวงศ์จริงๆ!”
หยวนชิงหลิงเงยหน้ามองดูอะซี่ “แปลกประหลาด?”
“ใช่เพคะ งดงาม โดดเด่น ใจกว้าง นิสัยตรงๆเบิกบาน อยู่ได้ด้วยตัวเองแต่กลับรู้จักถ้อยทีถ้อยอาศัยมีความรักความเคารพต่อกันกับอ๋องหวย ช่างเป็นคนประหลาดที่ยอดเยี่ยมจริงๆเพคะ!” อะซี่ชื่นชมหรงเยว่ไม่หยุดปาก
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้ว แปลกประหลาดคำนี้ในยุคปัจจุบันถูกเล่นจนเสียหายแล้ว แต่จริงๆแล้วคำนี้ก็มีความหมายแฝงที่ดีในตัวเอง
นางพูดคล้อยตามอะซี่ “ไม่ผิด หรงเยว่ช่างเป็นคนแปลกประหลาดที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่งจริงๆ!”
หลังจากที่หรงเยว่คนแปลกประหลาดที่ยอดเยี่ยมออกจากจวนอ๋องฉู่แล้ว ก็มุ่งตรงไปยังจวนเหลิ่งด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อถึงจวนเหลิ่งแล้ว เรื่องอะไรก็ลืมไปจนหมดแล้ว สนใจเพียงแค่ป่าวประกาศข่าวดีของตัวเอง
นิสัยของหรงเยว่ คนในจวนเหลิ่งล้วนรู้ดี เพียงแค่นางมีเรื่องดีใจเล็กน้อย ก็มักจะซ่อนไว้ไม่ได้เสมอ จะต้องแบ่งปันความสุขกับโลกพร้อมกับนางให้ได้ ทว่า นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ เดิมทีทุกคนถูกนางทรมานด้วยความยากลำบากอย่างหนักในการขอบุตรของนาง ตอนนี้ก็ดีใจแทนนางด้วยใจจริง
แต่ว่าข่าวนี้สำหรับหยู่เหวินเห้าแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขาเป็นบิดาที่เคยมีประสบการณ์ของลูกแฝดสามแล้วยังจะเคยเผชิญกับลูกแฝดสองอีก ตั้งครรภ์ลูกแฝดนับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร? มีความสามารถก็ต้องล้ำหน้ายายหยวน ให้กำเนิดลูกแฝดสี่ เช่นนั้นจึงจะทำให้คนตกตะลึง
ท่านชายสี่ได้ยินข่าวนี้ มองดูหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่งด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง กล่าวว่า “จากที่ข้ารู้ บรรพบุรุษของหรงเยว่ไม่ได้ให้กำเนิดลูกแฝด ถ้ากล่าวเช่นนี้ ก็เป็นสาเหตุของตระกูลหยู่เหวิน”
ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ สายตาค่อยๆเคลื่อนจากบนตัวของหยู่เหวินเห้าไปบนท้องขององค์หญิงหยู่เหวินหลิง บนใบหน้าที่งดงาม ปรากฏความตั้งหน้าตั้งตารอคอยบางๆ
แก้มของหยู่เหวินหลิงแดงเล็กน้อย มองค้อนเขาแวบหนึ่ง “ท่านเหลือบมองอะไร?”
“แม่แต่เหลือบมองก็ไม่อนุญาตแล้ว?” ท่านชายสี่เอ่ยถาม
หยู่เหวินหลิงกล่าวอย่างไร้เดียงสา “ท่านมองหน้าของข้าก็ได้ ท่านมองท้องของข้าทำอะไร? ตอนนี้ข้าจะไม่ตั้งครรภ์เป็นแน่”
นั่นก็ใช่
“วันนี้เจ้าดื่มยาแล้วหรือ?” ท่านชายสี่เอ่ยถาม
“ตอนเช้าไม่ใช่ว่าท่านได้จับตาดูข้าดื่มแล้วหรือ?”
เหมือนกับว่าท่านชายสี่เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ จึงกล่าว “เช่นนั้นหลังจากนี้ดื่มมากขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ฮูหยินใหญ่บอกแล้ว ยานี้สามารถต้มซ้ำได้ หนึ่งวันเจ้าดื่มสองครั้ง บำรุงรักษาร่างกายให้ดีขึ้นเร็วหน่อย”
“สุขภาพของเจ้าไม่ดีหรือ?” หยู่เหวินเห้าได้ยินการสนทนาของพวกเขา จึงเอ่ยถามหยู่เหวินหลิง
สีหน้าของหยู่เหวินหลิงแดงระเรื่อ “ฮูหยินใหญ่บอกว่าเลือดลมของข้าขาดดุลเล็กน้อย”
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความแปลกใจ “เจ้าอยู่ดีๆ ทำไมเลือดลมถึงขาดดุลได้?”
ปกติไม่ใช่ว่าผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บหรือให้กำเนิดบุตรถึงจะมีอาการเลือดลมขาดดุลหรือ? หลิงเอ๋อร์ก็ไม่เคยต่อสู้กับใครแล้วได้รับบาดเจ็บ ยิ่งไม่เคยให้กำเนิดบุตรมาก่อน เลือดลมจะเสียสมดุลได้อย่างไร?
“ไม่รู้ ก็ฮูหยินใหญ่กล่าวเช่นนี้เพคะ” หยู่เหวินหลิงกล่าว ชะงักครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “ก่อนหน้าที่ฮูหยินใหญ่จะตรวจให้ข้า หมอที่ท่านชายสี่หามาตรวจให้ข้า ก็พูดที่เช่นนี้เพคะ”
หยู่เหวินเห้ามองดูท่านชายสี่ มีความหมายว่าอยากจะถาม ท่านชายสี่ผายมือ “ข้าไม่รู้ ยังไงซะฮูหยินใหญ่ก็พูดเช่นนี้ งั้นก็บำรุงเถอะ”
หรงเยว่เห็นว่าเรื่องของตัวเองถูกเพิกเฉย อย่างไรเสียจุดที่ทุกคนสนใจก็เป็นเรื่องเลือดลมเสียสมดุลของหยู่เหวินหลิง อดที่จะท้อใจไม่ได้ จึงนึกถึงเรื่องของหยวนชิงหลิงขึ้นมาได้ รีบกล่าว “ถูกแล้ว พระชายารัชทายาทมีคำพูดที่ต้องการให้ข้าพูดเพคะ”
“นางสบายดีหรือไม่?” หยู่เหวินเห้าหันไปมองหรงเยว่ ทันทีที่นางมาก็อยากถามแล้ว เป็นนางที่พูดไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องการตั้งครรภ์ลูกแฝดของตัวเอง
“นางกินน้ำแข็ง!” หรงเยว่ถูกความดีใจทำให้สติเลอะเทอะ และลืมที่หยวนชิงหลิงมอบหมายและกำชับครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพูดแต่คำดีๆกับเจ้าห้าเท่านั้น หลังจากพูดออกจากปากแล้ว จึงรู้ว่าผิดไปแล้ว รีบแก้คำพูด “ไม่มีเรื่องอะไรเพคะ แค่ชอบกินน้ำเย็น กระหายน้ำ!”
“กระหายน้ำ?” หยู่เหวินเห้างงงันเล็กน้อย กระหายน้ำดื่มน้ำก็ได้แล้ว ทำไมจะต้องกินน้ำแข็งด้วย
“แค่กระหายน้ำ คนท้องล้วนกระหายน้ำเพคะ ข้าก็อยากดื่มน้ำแล้ว” นางหันกลับไปเรียกคน “รินน้ำให้ข้าแก้วหนึ่ง ข้ากระหายน้ำ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม “นอกจากกระหายน้ำ ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“ไม่มีแล้วเพคะ!” หรงเยว่กล่าว เห็นหยู่เหวินเห้าเพ่งมองนางอย่างไม่เชื่อถือ จึงกล่าว “หากว่ามีปัญหา ข้าก็อยู่ทางนั้นแล้วเพคะ จะวิ่งมาทางนี้ด้วยตัวเองได้อย่างไร? นางสบายดีน่ะเพคะ ก็แค่เป็นห่วงท่านเล็กน้อย”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “แต่ว่ากระหายน้ำก็ไม่สามารถกินน้ำแข็งได้นี่ อากาศก็ไม่ได้ร้อน ทำไมถึงได้กินน้ำแข็งล่ะ? ไม่ดีต่อท้องไส้ เจ้าบอกนางว่าอย่ากินแล้วหรือ?”
“บอกแล้วเพคะ นางไม่กินแล้ว อีกทั้งฮูหยินใหญ่ก็เขียนใบสั่งยาแล้ว บอกว่านางไฟในตับของนางลุกโชนเล็กน้อย คาดว่าเป็นเพราะเป็นห่วงท่านเกินไปเพคะ”
หยู่เหวินเห้ามองดูท่านชายสี่ “ข้าอยากกลับไปดูหน่อย”
ท่านชายสี่กล่าว “ดีที่สุดอย่าไป ตอนนี้จอมมารกระบี่ประกาศแล้ว แต่คนยังมาไม่ถึง คาดว่าจะมีคนมากมายพยายามอย่าสุดชีวิตเพื่อเข้าโจมตี ท่านกลับจวนอ๋องฉู่เวลานี้ เกรงว่าจะมีอันตราย และเป็นไปได้มากที่ส่งผลกระทบไปถึงจวนอ๋องฉู่ด้วย ท่านก็ไม่ได้หวังว่านักฆ่าจะรวมตัวกันไปที่จวนอ๋องฉู่หรอกนะ?”
ก้นบึ้งจิตใจของหยู่เหวินเห้าเป็นความหงุดหงิดใจ “ตอนนี้ข้ากลับหวังว่าจอมมารกระบี่จะเข้าเมืองหลวงให้เร็วหน่อย!”
“ไม่ช้าก็เป็นไปตามที่ท่านปรารถนาแล้ว!” ท่านชายสี่กล่าวอย่างเกียจคร้าน จากข่าว พรุ่งนี้จอมมารกระบี่ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว ดังนั้น คืนนี้น่าจะมีนักฆ่ากลุ่มหนึ่งที่ทุ่มหมดหน้าตักวัดดวงครั้งสุดท้าย คิดถึงว่าวันนี้จะต้องฆ่าคนอีกแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าท่านชายสี่หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
เขาไม่ได้เอือมระอากับเรื่องการฆ่าคน แต่การฆ่าคนไม่สามารถเหมือนการฆ่าหมูเช่นนั้นได้ เขาเปิดสำนักเหลิ่งหลัง หาเงินจากการเอาหัวคน รายการที่มีระดับความยากถึงจะรับ เพราะช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับหัวเลี้ยวหัวต่อความเป็นความตายนั้น จะทำให้สมองของคนแจ่มแจ้งมาก นาทีนั้นเจ้าจะรู้ว่าเจ้ามาบนโลกใบนี้ เพราะต้องทำอะไรกันแน่
ที่สำคัญที่สุดคือ นั่นคือหนึ่งต่อหนึ่ง ที่ประลองกันก็คือระดับความสามารถของวิทยายุทธ ที่วัดกันก็คือความเย็นใจสงบนิ่ง ไม่ใช้คนมากรังแกคนน้อย ใช้ความสามารถเพื่อเอาชัยชนะ
แต่นักฆ่ามากลุ่มหนึ่ง ตกอยู่ในการตะลุมบอนเหตุการณ์หนึ่ง กระบวนท่าวิทยายุทธ ทักษะกระบี่ ทั้งหมดล้วนไม่ค่อยพิถีพิถันนัก ฆ่าฟัน ตีกันมั่ว ไม่มีโอกาสของความเท่าเทียม
เขาเหมือนกับหยู่เหวินเห้า ตั้งตารอการมาถึงของจอมมารกระบี่
คืนนั้น มีนักฆ่ากลุ่มใหญ่เข้ามาตามคาด แม้จะบอกว่าการป่าวประกาศของจอมมารกระบี่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวมาก แต่ทองคำหนึ่งล้านชั่งดึงดูดคนยิ่งกว่า ฉวยโอกาสตอนที่จอมมารกระบี่ยังมาไม่ถึง เอาศีรษะของรัชทายาทหยู่เหวินเห้าไปขอรางวัล จากนั้นหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก ดังนั้น เพียงแค่จิตใจคนดำรงด้วยความหวังว่าจะโชคดี โอกาสฆ่าก็มีอยู่ทุกหนแห่ง
วันเวลาเหล่านี้ สำนักเหลิ่งหลังและองครักษ์ลับผีล้วนไม่รู้ว่าจัดการนักฆ่าไปมากเพียงใดแล้ว คืนนี้สำนักเหลิ่งหลังก็เปลี่ยนเป็นสนามรบที่ดุเดือดเลือดพล่านแล้ว เห็นเพียงแสงของกระบี่แฉลบลอย เลือดสดกระเซ็นโดยตรง คืนนี้หยู่เหวินเห้าลงสนามเอง และไม่ได้หลบอยู่ด้านหลังขององครักษ์ลับผีและสำนักเหลิ่งหลัง กระบี่ยาวด้ามหนึ่งเคลื่อนที่ไปมาในปราณกระบี่ที่เหมือนดั่งการผ้าทอเช่นนั้น ชำนาญช่ำชอง
เห็นหยู่เหวินเห้าเข้าร่วมวงการต่อสู้ นักฆ่าทั้งหมดเหล่านั้นก็เกิดความกระสับการส่ายขึ้นมา เหมือนดั่งแมวที่ได้เห็นปลาที่มีกลิ่นคาวเช่นนั้น ด้านหน้าพุ่งเข้าไปด้านหลังเสริมถาโถมเข้าไป นั่นเป็นถึงทองคำหนึ่งล้านชั่งที่เคลื่อนไหวได้เชียวนะ โอกาสอยู่เบื้องหน้า หากว่าคืนนี้เอาศีรษะของเขามาไม่ได้ ทองคำหนึ่งล้านชั่งก็ลอยไปแล้ว และไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ดังนั้น คืนนี้จะดุเดือดกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้ สถานการณ์ก็ถึงระดับน่าตื่นกลัวเป็นที่สุด ท่านชายสี่มองดูการต่อสู้ระยะหนึ่ง จากนั้นก็จับกระบี่เหาะเข้าไป ทันทีที่เขาลงมือ ก็เลือกนักฆ่าคนหนึ่ง กระบี่ก็คือแทงตรงไปจากหว่างคิ้วของนักฆ่า แรงทะลุหัวกะโหลก ออกมาทางด้านหลังท้ายทอย จากนั้นก็ชักกระบี่กลับอย่างรวดเร็ว มือที่จับกระบี่เปลี่ยนวาดตามวงกว้างรอบหนึ่ง แฉลบผ่านบนใบหน้าของนักฆ่าอีกผู้หนึ่ง ใบหน้าของนักฆ่าผู้นั้นถูกตัดไปครึ่งหนึ่งทันที เห็นได้ว่ากระบี่ของเขาแหลมคมระดับไหน