บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1294 ชัยชนะ
หยู่เหวินเห้ารู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่ร้อนผ่าวของนาง และกระแสความอบอุ่นนี้ถูกส่งมาเหมือนกำลังภายในอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บรรเทาความเจ็บปวดให้เขาได้ดีมาก
เขามองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ฝ่ามือของเจ้าทำไมถึงได้ร้อน?”
หยวนชิงหลิงชักมือกลับ มองดูฝ่ามือที่สีแดงไปหมด นางเองก็แปลกใจ กลับทุกเขาคว้าจับมือไว้ทันที มือแนบชิด เขาสูดลมหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฝ่ามือของเจ้าร้อน มีกระแสความร้อนส่งผ่านมา สามารถบรรเทาความเจ็บปวดให้ข้าได้”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “จริงหรือ? น่าแปลกจัง?”
“จับมือของเจ้าไว้ ข้ารู้สึกไม่เจ็บมากแล้ว” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงมองดูยาแก้ปวดพร้อมพูดขึ้นว่า “ยาแก้ปวดออกฤทธิ์แล้วมั้ง?”
“ไม่ น่าจะเป็นเพราะจับมือของเจ้าไว้” หยู่เหวินเห้าลองปล่อยมือนางเบาๆ แล้วก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที เขาจึงรีบจับมือของนางไว้อีกครั้ง เมื่อได้รับกระแสร้อน ความเจ็บปวดก็บรรเทาลงจริงๆ เขาพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “เป็นมือของเจ้า ฝ่ามือที่ร้อนของเจ้าช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของข้า เจ้าหยวน กำลังภายในที่ท่านชายสี่สอนเจ้า เจ้าฝึกหรือยัง?”
หยวนชิงหลิงปาดเหงื่อพร้อมพูดขึ้นว่า “ก็เคยฝึกอยู่ แต่ก็มักขี้เกียจเสมอ”
“ฉันคิดว่าเจ้าไม่น่ามีพลังภายในที่ลึกล้ำ งั้นเพราะอะไร?” เดิมหยู่เหวินเห้ายังคิดว่าเป็นพลังภายใน แต่เจ้าหยวนไม่มีพลังภายในที่ลึกล้ำขนาดนี้ ต่อให้เป็นท่านชายสี่ ก็น่าจะไม่มี
“ช่วยบรรเทาอาการปวดได้จริงหรือ?” หยวนชิงหลิงคิดถึงความสามารถในการรักษาตัวเองของพวกเด็กๆ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าภายในท้องร้อนรุ่มอย่างมาก บำบัดรักษาด้วยความร้อน? แต่การรักษาด้วยความร้อนนี้ สามารถผ่านมือของนางส่งไปยังร่างกายเขา น่าแปลกจริงๆ
ตอนนี้เรื่องที่ไม่สามารถอธิบายมีเยอะมาก หยวนชิงหลิงก็ไม่คิดมาก สามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้ก็พอ
หลังจากหยู่เหวินเห้าผ่าตัดแล้วห้าวัน เมืองซิ่วโจวส่งข่าวมาบอกว่า เป่ยโม่ร้องขอให้หยุดสู้รบ ต้องการเจรจายุติการศึกเป่ยถัง
เมื่อข่าวถูกส่งมา ทุกคนต่างก็โล่งอก ดีใจและก็ภาคภูมิใจอย่างมาก การศึกในครั้งนี้ ได้ชัยชนะมาได้อย่างสูญเสียน้อย สามารถบันทึกไว้ในตำราการศึก บันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์
หยู่เหวินเห้าโอบกอดหยวนชิงหลิงอย่างดีใจ พร้อมหอมแก้มติดต่อกันหลายที สีหน้าเป็นประกายพร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “เจ้าหยวน ได้ชัยชนะแล้ว”
หยวนชิงหลิงยิ้มหัวเราะ มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “รู้ว่าได้ใช้ชนะแล้ว อย่าตื่นเต้นขนาดนั้น เดี๋ยวบาดแผลฉีก เจ้าจะหัวเราะไม่ออก”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “ข่าวดีขนาดนี้ ต่อให้บาดแผลฉีกก็ไม่เป็นไร”
หยวนชิงหลิงมองดูท่าทีที่ดีใจอย่างที่สุดของเขา ด้วยตานอง ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ทั้งสองสามีภรรยากอดกันแน่น ถึงตอนนี้ค่อยรู้สึกได้ถึงความสงบสุขของแผ่นดิน
หยวนชิงหลิงอยากจะร้องไห้สักรอบจริงๆ ตลอดทางที่เดินมานี้ยากลำบากขนาดไหน? การศึกครั้งนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่การเป็นปฏิปักษ์กับเป่ยโม่นั้นมีมานานมากแล้ว
ตอนกลางคืนทุกคนฉลองร่วมกัน นั่งหน้ากองไฟพูดคุยหัวเราะกัน พูดถึงเรื่องต่างๆในสนามรบ เดิมก็พูดคุยกันอยู่ยังมีความสุข แต่เมื่อพูดถึงสิ่งที่ต้องแลกกับชัยชนะในครั้งนี้ ทหารที่ต้องเสียสละ คนต่างเงียบ ได้ชัยชนะแล้ว แต่เดิมไม่ควรที่จะมีการสู้รบ ความทะเยอทะยานของคนเป่ยโม่ ทำลายทหารกับประชาชนไปเท่าไหร่?
การเจรจาเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง โดยทั่วไปเป็นการยืดยื้อการศึก แต่การเจรจาระหว่างประเทศที่พ่ายแพ้กลับประเทศที่มีชัยชนะ เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ประเทศที่พ่ายแพ้แทบไม่มีเงื่อนไขสามารถนำมาต่อรอง เป่ยถังเป็นฝ่ายยื่นเงื่อนไข พวกเขาจะไม่ยอมรับไม่ได้
การเจรจาเพื่อสันติภาพในครั้งนี้ นำโดยอ๋องชินเฟิงอันกับขุนนางตำแหน่งสูงสามคนออกหน้า พวกเขาไม่ได้ยื่นเงื่อนไขเกินเหตุ แต่ก็ต้องให้เป่ยโม่ชดใช้กับการศึกในครั้งนี้อย่างมากที่สุด มีเพียงเช่นนี้ ถึงสามารถทำให้พวกเขาหวาดกลัว ให้พวกเขารู้จักควบคุมความทะเยอทะยานของตนเอง
คนเป่ยโม่รับปาก ว่าจะไม่มาบุกรุกอีกตลอดไป และยกเมืองห้าเมืองเพื่อเป็นการชดใช้ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะถวายเครื่องราชบรรณาการให้กับเป่ยถัง ข้อนี้ อ๋องชินเฟิงอันไม่ได้บีบบังคับ ยังไงก็ได้เมืองมาแล้ว และลงนามสงบศึก รับประกันว่าภายในห้าปีนี้จะไม่มีการศึกที่ชายแดนอีก แค่นี้ก็เป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับทหารที่ตายไปอย่างดีที่สุดแล้ว
หลังจากการเจรจาเสร็จสิ้น อาการบาดเจ็บของหยู่เหวินเห้าก็ดีขึ้นพอประมาณแล้ว จึงเริ่มออกเดินทางกลับเมืองหลวง
เป่ยถังได้ชัยชนะ ฮ่องเต้หมิงหยวนนิรโทษกรรมแผ่นดิน และมีพระราชโองการหลังจากกองทัพกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว จะจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองทั่วทั้งประเทศ
ตลอดทางที่พวกหยู่เหวินเห้าเดินทางกลับเมืองหลวง ไม่ว่าจะไปถึงที่ไหน ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างกระตือรือร้น ต่างตะโกนร้องว่าองค์ชายรัชทายาทอายุยืนพันปี คลั่งไคล้อย่างที่สุด
พี่ชายหยวนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ คนโบราณนี้เมื่อไล่ตามไอดอลขึ้นมา ไม่ด้อยกว่าคนสมัยปัจจุบันเลย
ตอนนี้เขาพอใจน้องเขยคนนี้อย่างมาก พอใจอย่างที่สุด ท่าทีที่แสดงต่อเขา ก็ดีขึ้นมาด้วย
ฟางหวูยังไม่ลืมเรื่องสมองของลิง และยังไม่ลืมเรื่องงานวิจัย ก่อนหน้านี้ที่อยู่เมืองทงโจว องค์ชายรัชทายาทต้องรักษาตัว นางไม่กล้ารบกวน แต่ตอนนี้จะกลับบ้านแล้ว องค์ชายรัชทายาทก็ไม่เป็นไรแล้ว จึงแย่งหยวนชิงหลิงไปนั่งรถม้ากับตนเอง ฉวยโอกาสหารือกับนาง
ส่วนหยวนชิงหลิงก็มีความสงสัยมากมาย ที่ต้องการคำอธิบายจากนาง ก่อนอื่นก็คือความสามารถในการรักษาตนเองของพวกเด็ก ยังมีลูกในท้องที่อยู่จู่ๆก็มีกระแสความร้อนช่วยบรรเทาอาการปวดได้
ฟางหวูฟังความสงสัยของนางแล้ว ก็หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ยังจำตอนที่ข้ายังเป็นฟางจางวัดฮู่กว๋อ เจ้ามาหาข้า คำพูดที่ข้าเคยพูดกับเจ้า คำพูดพวกนั้นตอนนี้เจ้ายังจำได้ไหม?”
หยวนชิงหลิงครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “คำพูดพวกนั้น…..ข้าจำได้ว่าเจ้าคุยกับข้าเรื่องเทววิทยา”
ฟางหวูยิ้มหัวเราะส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ เรื่องที่ข้าคุยกับเจ้าคือเรื่องวิทยาศาสตร์มาตลอด”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่หรือ? หรือว่าข้าจำผิดไป? แต่ข้าจำได้ว่า เจ้าพูดว่าที่สุดของวิทยาศาสตร์อาจจะเป็นเทววิทยา”
“ใช่ นี่เป็นความคิดเห็นของข้า ตอนนี้ข้าก็ยังคิดเช่นนี้ ที่สุดของวิทยาศาสตร์อาจจะเป็นเทววิทยา พลังของคนแข็งแกร่งมาก เจ้าทำวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาของสมอง ก็น่าจะรู้ว่า พลังของสมองไม่มีที่สิ้นสุด เป็นเหมือนกับจักรวาล ตราบใดที่สมองและจิตสำนึกของมนุษย์แข็งแกร่งเพียงพอ ก็จะสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ภายนอกร่างกายของเราได้ ตอนนี้พวกเราได้รับการยืนยันแล้ว สมองของเจ้าสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ในเวลาและพื้นที่ที่ต่างกัน อย่าคิดว่าตัวเองด้อยกว่าพวกเด็ก จริงๆแล้วเจ้าน่าทึ่งมาก เพราะหลังจากที่เจ้าฉีดยาเข้าไปแล้ว ถึงแม้สมองยังไม่ตาย แต่เจ้าถูกแช่แข็งไว้ เซลล์สมองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนพวกเขา สมองอยู่ในสภาวะหลับอยู่ แต่ยังสามารถควบคุมร่างกายได้ในเวลาและพื้นที่ที่แตกต่าง พวกเด็กๆอาจทำไม่ได้ในจุดนี้ แน่นอน เพราะเซลล์สมองของเจ้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และเนื่องจากการแช่แข็งความเร็วของการแบ่งเซลล์จึงช้ามาก ดังนั้นปริมาณพลังงานที่ปล่อยออกมาจึงมีจำกัด”
“ดังนั้น ความหมายของเจ้าก็คือ พวกเด็กๆมีความสามารถในการรักษาตนเอง เป็นเพราะความสามารถของสมองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ?”
ฟางหวูพูดขึ้นว่า “อืม ใช่ เซลล์สมองยังคงแบ่งตัวและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาจะมีพลังความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษาตัวเองเป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น ข้าก็ทำได้ ส่วนที่บอกว่าลูกในท้องมักทำให้รู้สึกร้อนรุ่ม…..อันนี้ ตามการวิเคราะห์ของข้า ต่อให้เป็นคนธรรมดา จะมีพลังความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ ตัวอย่างเช่น เด็กบางคนเก่งคณิตศาสตร์มาก เด็กบางคนเป็นนักกีฬา เด็กบางคนมีความคิดเชิงตรรกะที่ชัดเจนมาก เด็กบางคนเรียนระดับวิทยาลัยตอนอายุสิบสอง ใช่ไหม? ดังนั้น ลูกในท้องของเจ้ามีความสามารถต่างจากพวกพี่ๆ ก็ไม่แปลก”